มานอนหลับสนิทกับโครงการนอนหลับสบายสุดพิเศษที่ KADOYA HOTEL เดินจากสถานีชินจูกุแค่ 3 นาที!

ในบริเวณใกล้เคียงมีอาคารศาลาว่าการกรุงโตเกียว จุดชมวิวที่สามารถชมทิวทัศน์ของกรุงโตเกียว และสวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen) ที่สามารถเพลิดเพลินกับธรรมชาติทั้งสี่ฤดูกาลของญี่ปุ่น ท่านที่อยากนอนพักในย่านที่มีสดใสคึกคักและดื่มด่ำบรรยากาศกับย่านต่างๆ ต้องไปพักที่ KADOYA HOTEL

แพ็กเกจห้องพักของ KADOYA HOTEL

KADOYA HOTEL ที่แสนสะดวกสบายในย่านชินจูกุ

Picture courtesy of Kadoya Hotel

ปี 2022 KADOYA HOTEL จะฉลองครบรอบ 52 ปีแล้ว ตอนโรงแรมเริ่มเปิดบริการในชินจูกุยังไม่มีกลุ่มตึกระฟ้าเลย อาคารศาลาว่าการกรุงโตเกียวซึ่งออกแบบโดยคุณทังเกะ เค็นโซเองก็เพิ่งมาก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 1990 ดังนั้น KADOYA HOTEL จึงได้เห็นภาพการเปลี่ยนแปลงของย่านชินจูกุนี้มาโดยตลอด

Picture courtesy of Kadoya Hotel

ในสมัยเอโดะ ชินจูกุเป็นจุดแวะพักสุดท้ายก่อนเข้าสู่เอโดะบนเส้นทางโคชู (เส้นทางคมนาคมที่เชื่อมเอโดะกับโคฟุ) ที่มาจากทางฮาโกเน่ สมัยนั้นที่นี่มีเรียวกังอยู่มาก KADOYA HOTEL เดิมก็เปิดเป็นเรียวกังก่อนที่จะเปิดเป็นโรงแรม

หลังเกิดภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่คันโตในปี 1923 ชินจูกุก็กลายเป็นย่านคึกคักและเป็นแหล่งชอปปิ้งเช่นทุกวันนี้ ดังนั้น เมื่อมาพักที่ KADOYA HOTEL ซึ่งตั้งอยู่กลางของย่านที่เปลี่ยนแปลงต่อเนื่องรวดเร็วนี้ เราจะได้ย้อนรอยรำลึกถึงเรื่องราวในอดีตของชินจูกุกัน

แพ็กเกจห้องพักของ KADOYA HOTEL

โครงการนอนหลับสบาย (Pleasant Sleep Project) ของ KADOYA HOTEL

Picture courtesy of Kadoya Hotel

KADOYA HOTEL ได้นำ "โครงการนอนหลับสบาย" สุดพิเศษมาให้บริการเพื่อให้แขกที่มาพักได้พักผ่อนสบายๆ กัน

ที่นอนในห้องพักเป็นของซิมมอนส์ (Simmons®) และเทมเพอร์ (Tempur®) แบรนด์ที่นอนชื่อดัง นอกจากนี้ ห้องพักทุกห้องมีหมอน Comfort Pillow ของ Tempur® ที่ช่วยให้นอนหลับสบาย หมอนนี้ใช้วัสดุที่พัฒนาโดยองค์การนาซา (NASA) มีคุณสมบัติช่วยกระจายแรงกดทับ บรรเทาความเหนื่อยล้าของไหล่และคอได้

นอกจากนี้ เรายังสามารถเลือกหมอนที่ชอบได้ที่มุมเลือกหมอน (Pillow Adviser Service) ตรงแผนกต้อนรับของโรงแรม นอกจากนี้ยังมีหมอน Fibelle Pillow ของ Danfill แบรนด์ชื่อดังของเดนมาร์กและหมอนแบบรองคอ (Neck Pillow) ของ Tempur® ที่ช่วยพยุงคอด้วย

Picture courtesy of Kadoya Hotel

ที่สำคัญคือมีพนักงานผู้เชี่ยวชาญด้านหมอน (Pillow Adviser) ที่ช่วยวัดความสูงของศีรษะและคอด้วยเครื่องมือเฉพาะ และแนะนำหมอนที่เหมาะสมกับเราที่สุดให้ ท่านที่ต้องการให้ผู้เชี่ยวชาญด้านหมอนเลือกหมอนให้ สามารถติดต่อสอบถามที่แผนกต้อนรับได้

ห้องพักสไตล์คลาสสิก พักสบายเหมือนอยู่บ้าน!

มีห้องพักสไตล์ตะวันตกรวม 90 ห้อง ออกแบบในสไตล์คลาสสิกด้วยแนวคิดที่ว่า "อยากลูกค้ารู้สึกสบายเหมือนอยู่บ้าน" เพียบพร้อมไปสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งอินเตอร์เน็ตและทีวี

ประเภทห้องพักมีทั้งแบบเตียงเดี่ยว (Single) เตียงคู่ (Double) เตียงแฝด (Twin) และแบบสี่เตียง (Four Bed Room) ที่รองรับผู้เข้าพักได้ถึง 4 คน มีความกว้างขวางเมื่อเทียบกับโรงแรมธุรกิจทั่วไป ทำให้พักผ่อนได้สบายมากๆ

และยังมีห้องพักในคอนเซ็ปต์ของ "คุระ (Kura)" หรือโกดังสไตล์ดั้งเดิมของญี่ปุ่นด้วย มีผนังปูนฉาบสีดำที่ช่วยปรับอากาศและความชื้นให้เหมาะสม ทำให้นอนหลับสบายยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีพื้นและห้องพักที่ออกแบบเพื่อผู้พิการใช้บริการได้ง่าย ทำให้ผู้เคลื่อนไหวร่างกายไม่สะดวกและผู้สูงอายุสามารถเข้าพักได้สะดวกและสบาย

แพ็กเกจห้องพักของ KADOYA HOTEL

คาเฟ่สุดวิเศษและร้านอิซากายะสไตล์ญี่ปุ่น!

เมนู "เฟรนช์โทสต์ (French Toast)" Picture courtesy of KADOYA HOTEL

หากเลือกแพ็กเกจห้องพักพร้อมอาหารเช้า จะได้ลิ้มรสอาหารเช้าเพื่อสุขภาพที่สะอาดปลอดภัยได้ที่ Cafe La Voie ชั้น 1 ของโรงแรม มีเมนูอาหารเช้า 3 เมนูให้เลือกทั้งสไตล์ญี่ปุ่นและสไตล์ตะวันตกที่มาพร้อมกับบุฟเฟ่ต์สลัดผักสด

เมนูอาหารเช้าสไตล์ญี่ปุ่น Picture courtesy of KADOYA HOTEL

เมนูที่ผู้เขียนขอแนะนำคืออาหารเช้าสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ข้าวสวยพร้อมปลาย่าง ซุปมิโซะ และกับข้าวจานเล็ก แนะนำให้นำข้าวสวยมาทำเป็น "ข้าวหน้าไข่ดิบ (Tamago Kake Gohan)" ที่มีรสชาติเข้มข้น

อาหารเช้าสไตล์ตะวันตกหลักๆ คือ "เฟรนช์โทสต์" หอมๆ

Picture courtesy of Kadoya Hotel

นอกจากช่วงเวลาอาหารเช้า Cafe La Voie ยังเปิดให้บริการเป็นคาเฟ่กับลูกค้าที่ไม่ใช่แขกเข้าพักด้วยเช่นกัน

การตกแต่งภายในสวยงามโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากศิลปะแนวอาร์ตนูโว (Art Nouveau) ซึ่งนิยมกันในยุโรปช่วงต้นศตวรรษที่ 20 นอกจากชาและกาแฟ ยังมีเมนูของหวานมากมายให้เลือกชิม สามารถนั่งพักผ่อนแบบเท่ห์ๆ หรูๆ กันได้

Picture courtesy of Kadoya Hotel

คาเฟ่มีทางเข้าออก 3 ทาง ว่ากันว่าที่คาเฟ่นี้ตั้งชื่อว่า La Vois (เส้นทาง) ก็เพราะสามารถเข้าออกได้ 3 ทางนั่นเอง

วันที่อากาศดียังสามารถใช้บริการที่นั่งเทอเรส (Terrace Seating) ที่ด้านนอกได้ ช่วงอาหารกลางวันมีเมนูอาหารจานเดียวอย่างข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่นให้ลิ้มลองด้วย

นอกจากนี้ยังสามารถรับประทานอาหารค่ำในโรงแรมได้ที่ HATAGO (ฮาตาโกะ) ร้านอิซากายะและอาหารสไตล์ญี่ปุ่นที่ชั้นใต้ดิน 1 ของโรงแรม มีที่นั่งแบบเคาน์เตอร์ แบบโต๊ะ ห้องส่วนตัว และห้องส่วนตัวพร้อมเตาผิงและเตาอิโรริ (ที่สำหรับก่อไฟในบ้านญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม) ด้วย

มีเมนูที่น่าสนใจอย่าง "คอร์สอิวาอิโดริ (Iwai Chicken Grill Course)" เมนูอาหารย่างถ่านที่ขึ้นชื่อของท้องถิ่น และพรั่งพร้อมด้วยเมนูอาหารสไตล์ญี่ปุ่นต่างๆ เช่น เมนูยากิโทริ (ไก่ย่าง) เมนูหม้อไฟ เท็มปุระ และชาบูชาบู นอกจากนี้ยังมีเมนูที่ใช้วัตถุดิบระดับพรีเมี่ยมอย่างเนื้อวัวฮิดะ (เนื้อวัวที่ขึ้นชื่อของจังหวัดกิฟุ) เนื้อหมูมัตสึซากะ และเนื้อหมูซาซารากิด้วย

ทางร้านได้จัดเตรียมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากทั่วประเทศญี่ปุ่นไว้ให้บริการมากมาย ทั้งเหล้าสาเกญี่ปุ่น เหล้าโชจู และไวน์ เช่น เหล้าสาเกที่ขึ้นชื่อของนีงาตะ ได้ลองจิบเหล้าสาเกญี่ปุ่นสักหน่อยก็ดีไม่น้อยเลย

การผสมผสานระหว่างชินจูกุในอดีตและในปัจจุบัน

ที่มุมของที่ระลึกด้านหน้าแผนกต้อนรับ วางจำหน่าย "อินเด็น (Inden)" งานหัตถกรรมพื้นบ้านของเส้นทางโคชูไคโด (Koshu Kaido) ด้วย อินเด็นเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องหนังที่วาดลวดลายด้วยรักสีดำ และเคยใช้ทำชุดเกราะของนักรบซามูไร

KADOYA HOTEL ให้บริการห้องพักที่แสนสบาย อาหารรสเลิศ และจำหน่ายของฝากสุดประทับใจ ท่านที่ต้องการนอนพักบริเวณใจกลางกรุงโตเกียว ต้องมาพักที่ KADOYA HOTEL เพื่อสัมผัสชินจูกุในอดีตและในปัจจุบันกัน

Kadoya Hotel

1-23-1 Nishi-Shinjuku, Shinjuku-ku, โตเกียว 160-0023

Written by Ramona Taranu
Main image courtesy of Kadoya Hotel
Sponsored by Japan Ryokan and Hotel Association Tokyo Branch.