5 ของกินที่ต้องลองในจังหวัดอิบารากิ ขุมสมบัติของอาหาร! เมลอน เนื้อวัวฮิตาจิ โฮชิอิโมะ และอื่นๆ
จังหวัดอิบารากิมีผลิตผลทางการเกษตรและปศุสัตว์อย่างผลไม้ รวมถึงอาหารทะเลสดๆ มากมาย บทความนี้ขอแนะนำ 5 ของขึ้นชื่อในท้องถิ่นที่ต้องลองเมื่อมาอิบารากิ พร้อมกับวิธีรับประทานและเมนูแนะนำ
อิบารากิ (Ibaraki) ขุมสมบัติของอาหาร มีทั้งผลไม้ เนื้อสัตว์ และอาหารทะเลแสนอร่อย
จังหวัดอิบารากิมีจำนวนผลิตผลทางการเกษตรที่มากเป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่น เพราะที่นี่มีอุณหภูมิอบอุ่นเฉลี่ยตลอดทั้งปีอยู่ที่ 13°C ถึง 14.5°C จึงทำเกษตรและปศุสัตว์ได้หลากหลาย และอยู่ติดมหาสมุทรแปซิฟิกจึงมีอาหารทะเลอุดมสมบูรณ์
บทความนี้ขอแนะนำ 5 ของขึ้นชื่อในท้องถิ่นที่ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในอิบารากิ
เมลอน (Melon) ที่มีปริมาณการผลิตมากที่สุดในญี่ปุ่น (ฤดูกาล: เมษายน - ตุลาคม)
เมลอนถือเป็นผลไม้ประจำจังหวัดอิบารากิ มีปริมาณการผลิตมากเป็นอันดับ 1 ของญี่ปุ่นติดต่อกันมานานกว่า 20 ปี
มีเมลอนหลากหลายชนิดให้เพลิดเพลินตลอดแม้ช่วงนอกฤดูหนาว เช่น เมลอนแอนดีส (Andes Melon) และเมลอนควินซี (Quincy Melon) ในช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงต้นฤดูร้อน และเมลอนเอิร์ล (Earl’ s Melon) ในช่วงฤดูร้อนถึงฤดูใบไม้ร่วง
แต่ที่น่าสนใจที่สุดคือ เมลอนอิบาระคิง (ฤดูกาลอยู่ในช่วงพฤษภาคม - มิถุนายน) ชื่อนี้ย่อมาจากภาษาอังกฤษว่า Ibaraki King เป็นเมลอนแบรนด์อิบารากิซึ่งเกิดจากการผสมพันธุ์เมลอนมากกว่า 400 สายพันธุ์ที่มีมานานกว่า 10 ปีแล้ว
จุดเด่นคือสามารถลิ้มรสเมลอนที่เนื้อหนากว่าพันธุ์ตามฤดูกาลอื่นราว 10% และมีความหวานมากที่สุด
วิธีรับประทานแนะนำ
Picture courtesy of Fukasaku Farm
เมลอนของอิบารากินั้นอร่อยมากๆ สามารถหั่นแล้วรับประทานได้เลย แต่ถ้าเพิ่มเคล็ดลับนิดหน่อยก็จะเพิ่มความหลากหลายให้รสชาติของเมลอน
เช่น สามารถลิ้มรสความอร่อยที่ผสานกันของรสเค็มกับรสหวาน โดยนำเมลอนมาประกบด้วยพามาแฮม (Parma Ham) ปัจจุบันมีการรับประทานโดยนำเมลอนผ่าครึ่งเอาเมล็ดออกแล้วเทบรั่นดีใส่ กลายเป็นเมนู “เมลอนราดบรั่นดี” ที่ไม่เหมือนใครซึ่งได้รับความนิยมมากเช่นกัน!
นอกจากนี้ยังมีวิธีรับประทานคู่กับขนมหวานต่างๆ เช่น สมูทตี้ พาร์เฟต์ และคาคิโกริ (*) ในอิบารากิมีคาเฟ่หลายแห่งที่สามารถลิ้มรสคาคิโกริที่ทำจากน้ำเมลอนและเนื้อเมลอน
* คาคิโกริ…* คาคิโกริ…น้ำแข็งใสญี่ปุ่น ขนมหวานในฤดูร้อนของญี่ปุ่นที่รับประทานโดยการราดน้ำเชื่อมหรือน้ำผลไม้และเนื้อผลไม้ลงบนน้ำแข็งไส
สถานที่แนะนำ: ฟาร์มฟุคาซาคุ (Fukasaku Farm)
Picture courtesy of Fukasaku Farm
เมืองโฮโกตะ (Hokota) ในอิบารากิมีปริมาณการผลิตเมลอนได้มากที่สุดในญี่ปุ่น ดังนั้น จึงมีหลายแห่งที่สามารถสัมผัสประสบการณ์ ทำกิจกรรมเก็บเมลอนได้
หนึ่งในสถานที่แนะนำคือ Fukasaku Farm ในโฮโกตะฟาร์มซึ่งสืบทอดกันมา 6 รุ่น ยาวนานกว่า 100 ปี แถมผลิตภัณฑ์การเกษตรของที่นี่ยังได้รับรางวัลมากมายจากทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ
สำหรับกิจกรรมเก็บเมลอน สามารถเลือกเก็บเมลอนที่ชอบจากเมลอนจำนวนมากที่ปลูกในเรือนเพาะปลูก (ปัจจุบัน ณ เดือนตุลาคม 2022 หยุดให้บริการชั่วคราว เนื่องจากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19)
นอกจากนี้ ในบริเวณฟาร์มยังมีร้านค้าจำหน่ายเค้กขอนไม้หรือเค้กบามคูเฮน (Baumkuchen) โดยเกษตรกรแห่งแรกของโลก รวมถึงคาเฟ่และร้านขนมหวานที่จำหน่ายขนมหวานที่ทำจากผลไม้ตามฤดูกาลที่เก็บจากฟาร์มของที่นี่เอง
ข้อมูลฟาร์มฟุคาซาคุ
สถานที่: Fukasaku Farm
ที่อยู่: 361 Dainigorisawa, Hokota, Ibaraki
ติดต่อสอบถาม: 0291-39-8560
อีเมล: online@fukasaku.com
การเดินทาง: จากสถานี Shin-Hokota รถไฟ Kashima Rinkai สาย Oarai Kashima นั่งแท็กซี่ไปราว 15 นาที หรือขับรถยนต์จากโตเกียวขึ้นทางด่วน Higashi-Kanto ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที
เว็บไซต์ทางการ: https://fukasaku-melon.com/
Google Map: https://goo.gl/maps/BtCqS9Dk2SnCmAjZ6
เนื้อวัวฮิตาจิ (Hitachi Wagyu Beef) เนื้อวากิวคุณภาพเยี่ยม (ฤดูกาล: ตลอดทั้งปี)
เนื้อวากิวหรือเนื้อวัวสายพันธุ์ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในวัตถุดิบปรุงอาหารยอดฮิตระดับโลกในขณะนี้
เนื้อวากิวมีหลากหลายชนิด แต่เนื้อวัวฮิตาจิเป็นเนื้อวัวสุดแสนอร่อยของจังหวัดอิบารากิ ที่ซึ่งมีการทำฟาร์มโคเนื้อมายาวนานมากกว่า 180 ปี เกรดคุณภาพของเนื้อคือ 4 หรือ 5 และเกรดปริมาณเนื้อ (*) ซึ่งเป็นการชี้ถึงปริมาณเนื้อส่วนที่กินได้ในวัวทั้งตัวคือเกรด A หรือ B ดังนั้น เนื้อวัวฮิตาจิจึงเป็นเนื้อวากิวแบรนด์ที่ดีที่สุดแบรนด์หนึ่งของประเทศญี่ปุ่นทั้งในด้านชื่อเสียงและคุณภาพตามความเป็นจริง
เนื้อวัวฮิตาจิเป็นคุโรเกะวากิว (วัวสายพันธุ์ญี่ปุ่นขนสีดำ) มีจุดเด่นคือเนื้อลายหินอ่อนที่ละเอียด และไขมันคุณภาพดีซึ่งมาจากการเลี้ยงด้วยอาหารสัตว์ที่อุดมด้วยแร่ธาตุ เนื้อวัวคุณภาพเยื่ยม เนื้อนุ่ม ละลายในปาก ที่ควรลิ้มลองให้ได้
* เกรดคุณภาพและปริมาณเนื้อของเนื้อวากิว…เกรดคุณภาพของเนื้อวัวมีตั้งแต่ 1 ถึง 5 โดย 5 เป็นระดับสูงสุด ส่วนปริมาณเนื้อมีตั้งแต่ A ถึง C โดย A มีค่าสูงสุด
วิธีรับประทานแนะนำ
ชุดอาหารกลางวันเนื้อวัวฮิตาจิ (Hitachigyu Lunch) เมนูยอดฮิตของ Restaurant Iijima
นอกจากสเต๊กและสตูเนื้อวัวเมนูเด็ดประจำร้านแล้ว อย่าลืมลองชาบูชาบูและสุกี้ยากี้ญี่ปุ่นซึ่งเป็นเมนูสุดอร่อยของญี่ปุ่นด้วยนะ
สถานที่แนะนำ: Restaurant Iijima (ร้านอาหารอิอิจิมะ)
Restaurant Iijima เป็นร้านอาหารประเภทเนื้อสัตว์ที่บริหารจัดการโดย Nikunoiijima ร้านจำหน่ายเนื้อสัตว์เก่าแก่ที่ได้รับรางวัลมากมาย เช่น การแข่งขันในงานมหกรรมสินค้านานาชาติด้านอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ (IFFA) นอกจากจะได้ลิ้มรสอาหารหลากหลายเมนูจากเนื้อวัวฮิตาจิ แถมยังสามารถจิบไวน์ที่เข้ากับอาหารแต่ละจาน ด้วยการแนะนำของผู้จัดการร้านซึ่งเป็นซอมเมอลิเยร์ (Sommelier ผู้เชี่ยวชาญเรื่องไวน์)
คลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียด: IBARAKI GUIDE
โฮชิอิโมะ (Hoshiimo) รสหวานแบบธรรมชาติที่มีมนต์เสน่ห์ (ฤดูกาล: พฤศจิกายน - มีนาคม)
โฮชิอิโมะหรือมันเทศตากแห้งเป็นขนมหวานดั้งเดิมของญี่ปุ่น ทำจากมันเทศนึ่งแล้วนำไปตากแดด เนื่องจากสภาพดินและอากาศเหมาะสม อิบารากิจึงเป็นแหล่งผลิตโฮชิอิโมะอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น
โฮชิอิโมะไม่ใช้สารเติมแต่งหรือน้ำตาล จึงสามารถเพลิดเพลินกับรสหวานตามธรรมชาติได้ นอกจากนี้ ยังอุดมไปด้วยเส้นใยอาหารและแร่ธาตุที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งเสน่ห์อีกอย่างของโฮชิอิโมะด้วย
วิธีรับประทานแนะนำ
สามารถลิ้มรสความอร่อยของโฮชิอิโมะเปล่าๆ ได้เลย จะรับประทานคู่กับชาหรือนมก็อร่อยเข้ากันแบบสุดๆ
ยังนำมาหุงกับข้าว ปรุงเป็นข้าวอบทรงเครื่องสไตล์ญี่ปุ่น (ทาคิโคมิโกฮัง) ก็อร่อยมากๆ นอกจากนี้ยังมีขนมต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของอิบารากิ เช่น พายโฮชิอิโมะ ชีสเค้กโฮชิอิโมะ และเจลาโต้ที่ใส่โฮชิอิโมะแบบจัดเต็ม
สถานที่แนะนำ: Lapoppo Namegata Farmers Village และศาลเจ้าโฮชิอิโมะ
ชาวจังหวัดอิบารากิรักและภาคภูมิใจในโฮชิอิโมะขนมท้องถิ่นนี้มากๆ ดังนั้น ภายในจังหวัดจึงมีจุดท่องเที่ยวหลายแห่งเกี่ยวกับโฮชิอิโมะและมันเทศ
หนึ่งในนั้นคือ Lapoppo Namegata Farmers Village ธีมพาร์คเกษตรกรรมเชิงปฏิบัติที่นำโรงเรียนเก่าที่ปิดไปมาปรับปรุงใหม่ พิพิธภัณฑ์โรงงานที่อยู่ในบริเวณเป็นจุดท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ซึ่งนอกจากจะจัดแสดงประวัติและเสน่ห์ของยากิอิโมะ (มันเผาญี่ปุ่น) ยังสามารถเข้าชมอุปกรณ์โรงงาน เช่น อุโมงค์เตาอบยากิอิโมะเครื่องแรกของโลกที่ยาวถึง 19 เมตร!
คลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียด: IBARAKI GUIDE
เสาโทริอิสีทองในศาลเจ้าโฮชิอิโมะ (Hoshi-imo Shrine)
นอกจากนี้ โฮชิอิโมะในภาษาญี่ปุ่นยังมีเสียงคล้ายกับคำว่าโฮชิอิโมโนะ (สิ่งที่ปรารถนา) ในจังหวัดอิบารากิมีศาลเจ้าโฮชิอิโมะเป็นจุดรับพลังเสริมดวง ซึ่งกล่าวกันว่า ช่วยดลบันดาลให้ “ได้ทุกสิ่งที่ต้องการ”
คลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียด: IBARAKI GUIDE (寺社記事のリンクを入れる)
ปลาอังโค (Anko Fish) อาหารเลิศรสในฤดูหนาวที่ช่วยให้ผิวสวย (ฤดูกาล: พฤศจิกายน - มีนาคม)
ปลาอังโคเป็นปลาทะเลน้ำลึกที่ไม่มีเกล็ด ตัวนุ่มนิ่ม หน้าตามีเอกลักษณ์ แต่จริงๆ แล้วอังโคถือเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศจากอิบารากิที่ในสมัยเอโดะ (ปี 1603 - 1868) ไดเมียวจะมอบให้กับโชกุน
เนื้อปลานุ่มและมีรสชาติอ่อนๆ ส่วนตับ ท้อง หนัง และส่วนอื่นๆ มีจุดเด่นคือเนื้อสัมผัสที่มีความยืดหยุ่นสูง ผู้ที่รับประทานครั้งแรกอาจแปลกใจเล็กน้อยกับรสชาติและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ แต่จริงๆ แล้วเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง อีกทั้งยังเป็นอาหารเพิ่มพละกำลังของชาวประมงด้วย แถมมีคอลลาเจนสูงช่วยให้ผิวสวย อุดมไปด้วยวิตามิน ไขมันต่ำ และแคลอรีต่ำ ปัจจุบันจึงได้รับความนิยมมากในหมู่ผู้หญิง
ฤดูของปลาอังโคจะอยู่ในช่วงพฤศจิกายนถึงมีนาคม และจะอร่อยที่สุดในช่วงธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ในตอนที่ตับซึ่งเรียกกันว่า “ฟัวกราส์แห่งท้องทะเล” ขยายใหญ่ที่สุด
วิธีรับประทานแนะนำ
จุดเด่นของปลาอังโคคือส่วนใหญ่นำไปประกอบอาหารได้ สามารถดื่มด่ำกับเนื้อสัมผัสและรสชาติที่แตกต่างกันตามวิธีการปรุง เช่น หม้อไฟ คาราอาเกะ (ชุบแป้งทอด) และเอาไปยำกับน้ำส้มสายชูในสไตล์ญี่ปุ่น
สถานที่แนะนำ: โออาไรโฮเต็ล (OARAI Hotel)
ที่ Oarai Hotel ไม่เพียงแต่สามารถรับประทานอาหารจากปลาอังโคได้ในช่วงพฤศจิกายนถึงมีนาคม แต่ยังสามารถชมการแสดงแล่ปลาอังโคด้วยการแขวนได้ทุกวัน
ปลาอังโคมีลำตัวอ่อนนุ่ม แล่ยาก ดังนั้น การปรุงอาหารที่บ้านจึงเป็นเรื่องยาก หากได้ชมการแล่ปลาด้วยการแขวนซึ่งวิธีการปรุงอาหารที่มีเอกลักษณ์เช่นนี้ ย่อมเป็นสิ่งที่มีค่ายิ่ง
คลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียด: IBARAKI GUIDE
นัตโตะที่ต้องลองสักครั้งในญี่ปุ่น (ฤดูกาล: ตลอดทั้งปี)
นัตโตะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ช่วยให้อายุยืนยาวของชาวญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณ กล่าวกันว่ามีมาตั้งแต่ในสมัยยาโยอิ (ราวศตวรรษที่ 10 ถึงศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล) เป็นอาหารหมักดองเพื่อสุขภาพที่อุดมไปด้วยวิตามิน โปรตีน และอื่นๆ ซึ่งเหมาะกับผู้ที่รักสุขภาพและชาววีแกน แต่เนื่องจากเป็นอาหารประเภทหมักดองจึงมีรสชาติ กลิ่น และรูปลักษณ์ที่มีเอกลักษณ์ ทำให้มีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบ ทว่าก็มีหลายคนที่ติดนัตโตะมากจนต้องกินทุกวัน
จริงๆ แล้ว นัตโตะเป็นของขึ้นชื่อของอิบารากิ ในจังหวัดจึงมีโรงงานนัตโตะหลายแห่ง รวมทั้งบริษัททาคาโนะฟู้ดส์ (TAKANO Foods Co., Ltd) ซึ่งผลิตโอกาเมะนัตโตะ (Okame Natto) นัตโตะแบรนด์ดังที่สุดในญี่ปุ่น
วิธีรับประทานแนะนำ
วิธีรับประทานโดยทั่วไปคือการผสมกับต้นหอมแล้วราดบนข้าวสวยร้อนๆ แต่สามารถผสมกับไข่หรือกิมจิรับประทานได้ หรือนำราดบนขนมปังปิ้งรับประทานก็ได้ นอกจากนี้แม้แต่ในจังหวัดอิบารากิก็ยังมีเมนูแปลกๆ อย่างซอฟต์ครีมราดนัตโตะที่ไม่เหมือนใครด้วย
สถานที่แนะนำ: ร้านซันซุย (SANSUI Anglerfish Hotpot)
Picture courtesy of SANSUI
SANSUI ร้านอาหารท้องถิ่นในเมืองมิโตะ (Mito) ให้บริการ “นัตโตะเทมปุระ” เมนูที่นำนัตโตะผสมผักนำไปชุบแป้งทอด และ “นัตโตะไคเซกิ” (เฉพาะฤดูร้อน) ที่สามารถเพลิดเพลินกับอาหารที่ปรุงด้วยนัตโตะหลากหลายแบบได้ในคราวเดียว ยังมีเมนูอังโคนาเบะ (ปลาอังโคหม้อไฟ) ที่ได้รับความนิยมมากเช่นกัน
คลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียด: IBARAKI GUIDE
ยังมีของขึ้นชื่อประจำท้องถิ่นอีกมากมาย
ฮิตาจิอากิโซบะ
อิบารากิยังมีของขึ้นในท้องถิ่นอีกมากมาย เช่น เนื้อไก่โอคุคุจิชาโมะ แบรนด์ไก่พันธุ์ชาโมะ (Shamo Chicken) เกาลัด และฮิตาจิอากิโซบะ แวะมาเที่ยวอิบารากิเพื่อชมของอร่อยๆ กัน
Sponsored by Ibaraki Prefecture
บัญชีส่งเสริมการขายของ MATCHA สำหรับการโฆษณาองค์กรและรัฐบาลท้องถิ่น เรามุ่งมั่นที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านของเราอย่างสนุกสนาน
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง