Start planning your trip

คลายข้อสงสัยว่าคนญี่ปุ่นเวลาเจอกันตอนเช้าเค้าพูด "โอฮาโย" ตอนจะลากันเค้าพูด "ซาโยนาระ" รึเปล่า พนักงานตามร้านพูด "อิรัชไชมาเซ" แล้วเค้าพูดอะไรต่ออีกยาวเลย แล้ว "เซมากุเตะ" นี่มีด้วยเหรอ?!
โอฮาโย
คนนิจิวะ
คมบังวะ
ทาไดมะ
อิรัชไชมาเซ
ไหนใครเคยได้ยินคำพวกนี้บ้าง รู้กันไหมเอ่ยว่าแปลว่าอะไรบ้าง? แล้วที่เราเอามาพูดเล่นกันว่า "เซมากุเตะ" นี่ในภาษาญี่ปุ่นมีจริงๆ รึเปล่า?
หลายคนน่าจะเคยได้ยินมาว่าการทักทายในภาษาญี่ปุ่นมีการแบ่งช่วงเวลาด้วย ที่จริงภาษาไทยเราก็มีคำทักทายที่แบ่งช่วงเวลาเช้า เย็น และค่ำ แต่เราก็มักจะใช้คำว่า "สวัสดี" กันเป็นหลัก แต่ที่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่เค้าใช้คำทักทายกันตามเวลาจริงๆ นะ แถมยังมีคำพูดเฉพาะเวลาจะออกจากบ้าน หรือเวลากลับถึงบ้านแล้วอีกต่างหาก มาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
ตามปกติที่ญี่ปุ่นจะมีคำทักทายแบ่งใช้ตามช่วงเวลาต่างๆ ของวัน พื้นฐานสุดมี 3 แบบคือ
おはようございます / โอฮาโยโกไซมัส
ใช้ได้ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงสายๆ ก่อนเที่ยง
ถ้าพูดกับเพื่อนหรือคนที่สนิทกันก็จะพูดสั้นๆ ว่า おはよう / โอฮาโย
こんにちは / คนนิจิวะ
ใช้ได้ตั้งแต่ช่วงเกือบเที่ยงถึงบ่ายๆ เย็นๆ
こんばんは / คมบังวะ
ใช้ได้ตั้งแต่ช่วงเย็นถึงกลางคืน
อันที่จริงก็ไม่ได้มีกฏตายตัวแน่นอนว่าแต่ละคำจะใช้ได้ระหว่างกี่โมงถึงกี่โมงขนาดนั้น เรียกว่าเอาตามความรู้สึกของคนพูดเสียมากกว่า แต่ไม่ใช่ว่าตอนนี้ 6 โมงเย็นแล้วพูดว่า "โอฮาโย" นะ
บางทีเวลาเราไปเจอหน้าเพื่อนที่โรงเรียนหรือคนที่บริษัทเป็นครั้งแรกของวันนั้น ถึงตอนนั้นจะเที่ยงแล้วแต่ยังพูดว่า "โอฮาโย" ก็มี เพราะถือว่าเพิ่งเจอหน้ากัน
ถ้าถามถึงคำพูดเวลาจะลากัน หลายคนต้องนึกถึงคำว่า さようなら / ซาโยนาระ แน่ๆ เลย แต่เอาเข้าจริงคนญี่ปุ่นกลับพูดคำนี้กันน้อยมากเลยนะ เพราะคำนี้จะให้ความรู้สึกเหมือนการจากลาที่ยาวนาน การจากลาแบบอาจจะไม่ได้เจอกันอีก หรือไม่ก็เป็นการพูดลาที่ค่อนข้างจะเป็นทางการ ใช้กับคนที่ไม่ได้รู้จักมักคุ้นมากนัก
ทีนี้มาดูกันว่าแล้วคนญี่ปุ่นเค้าพูดลากันยังไง
じゃあね / จ้าเน้
また(ね) / มาตะ(เน้)
อันนี้ใช้กับเพื่อนหรือคนที่สนิท ความหมายก็ประมาณ บาย, ไว้เจอกัน บางครั้งเราก็จะเพิ่มคำบอกวันเวลาเข้าไปด้วย เช่น またあした / มาตะอาชิตะ คำว่าอาชิตะแปลว่าพรุ่งนี้ ประโยคนี้เลยแปลว่า เจอกันพรุ่งนี้นะ
お疲れ様です / โอสึกาเรซามาเดส
ประโยคนี้ถือเป็นประโยคเฉพาะตัวของญี่ปุ่น แปลเป็นไทยแล้วอาจจะรู้สึกแปลกๆ ความหมายก็ประมาณว่า ทำงานมาเหนื่อยเลยนะ มักจะได้ยินตามมหาวิทยาลัยและที่ทำงานเป็นส่วนมาก ใช้ได้ในหลายกรณีเช่น เดินสวนกับเพื่อน-อาจารย์ในมหาวิทยาลัย หรือคนในบริษัทก็พูดได้ ส่วนตัวรู้สึกว่าเป็นคำที่มีประโยชน์มากเหมือนเป็นคำทักทายแก้เขิน ไม่งั้นเดินสวนกันก็ไม่รู้จะพูดหรือทักอะไรดี เอาไว้ใช้เวลาจะลากันก็ได้
お先に失礼します / โอซากินิ ชิตสึเรชิมัส
คำนี้เอาไว้ใช้เวลาเราจะกลับก่อน แต่ยังมีคนอื่นทำงานอยู่ เราก็บอกไปว่า ขอเสียมารยาทกลับก่อนนะ พอเราพูดไปคนอื่นก็จะตอบกลับมาว่า お疲れ様です / โอสึกาเรซามาเดส
おやすみなさい / โอยาซุมินาไซ
ประโยคนี้เอาเข้าจริงก็มีโอกาสใช้น้อยมาก เพราะมักใช้กันในเวลาที่กำลังจะเข้านอนแล้วจริงๆ คือพอพูดโอยาซุมินาไซแล้วก็คือเตรียมกระโดดขึ้นเตียงเพื่อนอนเลย ถ้าพูดกับเพื่อนหรือคนที่สนิทกันก็จะพูดสั้นๆ ว่า おやすみ / โอยาซุมิ
เวลาจะออกจากบ้านหรือกลับถึงบ้านจะมีประโยคพูดตอบรับกันเป็นเซ็ตระหว่างคนที่จะออกจากบ้านและคนที่ยังอยู่ที่บ้าน
行ってきます / อิตเตะคิมัส
行ってらっしゃい / อิตเตะรัชไช
คนที่จะออกจากบ้านจะพูดว่า 行ってきます / อิตเตะคิมัส
คนที่ยังอยู่ที่บ้านจะพูดตอบว่า 行ってらっしゃい / อิตเตะรัชไช
เป็นการพูดตอบรับกัน เหมือนคนนึงพูดว่า "ไปแล้วนะ" อีกคนก็ตอบรับว่า "ไปดีๆ นะ"
ただいま / ทาไดมะ
おかえり(なさい) / โอคาเอริ(นาไซ)
คนที่กลับมาบ้านจะพูดว่า ただいま / ทาไดมะ
คนที่อยู่ที่บ้านจะพูดตอบว่า おかえり(なさい) / โอคาเอริ(นาไซ)
เป็นการพูดตอบรับกัน ความหมายเหมือน "กลับมาแล้ว" อีกคนก็ตอบรับว่า "กลับมาแล้วเหรอ, ยินดีต้อนรับกลับบ้าน"
ทั้งสองเซ็ตนี้ไม่จำกัดเฉพาะที่บ้านเท่านั้นนะ จะเอาไปใช้ที่ไหนก็ได้
ไม่ว่าจะเดินเข้าร้านไหนในญี่ปุ่น ประโยคแรกที่จะได้ยินมาก่อนเลยก็คือ อิรัชไชมาเซ แต่บางร้านเค้าก็พูดอะไรต่ออีกไม่รู้ยาวเป็นแพเลย มาดูกันว่ามีประโยคอะไรบ้างที่เค้าพูดกันบ่อยๆ
いらっしゃいませ / อิรัชไชมาเซ
เป็นประโยคต้อนรับสุดคลาสสิค ที่คนไทยเราเอามาเล่นเลียนเสียงกันว่าเชิญเซมาซีบ้างหละ วิธีออกเสียงจริงๆ คือ อิรัชไชมาเซ ถ้าแปลง่ายๆ ก็คงต้องแปลว่า เชิญเข้ามาเลย แต่ประโยคนี้มักใช้กับร้านค้าเท่านั้นนะ
どうぞごゆっくりご覧ください / โดโซะ โกะยุคคุริ โกะรันคุดาไซ
ประโยคนี้น่าจะเป็นประโยคที่ใช้กันมากสุดหลังจากพูดอิรัชไชมาเซแล้ว ที่ยาวเหยียดขนาดนี้เพราะเป็นประโยครูปสุภาพ เลยต้องมีการใส่คำนู้นคำนี้เพิ่มเข้ามานิดหน่อย แต่ความหมายก็คือ เชิญดูได้ตามสบายเลยนะ
ถ้าไปตามร้านเสื้อผ้าอย่างยูนิโคล่หรือร้านทั่วไปเค้าจะมีอีกประโยคคือ どうぞお手に取ってご覧ください / โดโซะ โอเทะนิทตเตะ โกะรันคุดาไซ เชิญหยิบมาดูได้นะ
ありがとうございます / อาริกาโตโกไซมัส
ประโยคพูดขอบคุณที่พื้นฐานที่สุด ถ้าพูดกับคนในครอบครัว เพื่อน คนที่มีอายุเท่ากัน หรือคนที่มีอายุน้อยกว่าก็จะพูดสั้นๆ ว่า ありがとう / อาริกาโต แต่เพราะทางร้านจะพูดขอบคุณลูกค้าก็เลยต้องพูดเต็มๆ เป็นสำนวนแบบสุภาพ
บางครั้งถ้าเราไปร้านไหนบ่อยๆ เราอาจะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นลูกค้าประจำ โดยพนักงานอาจพูดขอบคุณว่า 毎度ありがとうございます / ไมโดะ อาริกาโตโกไซมัส คำว่า ไมโดะ แปลว่า ทุกครั้ง หรือ บ่อยๆ พอใช้รวมกันก็กลายเป็น ขอบคุณที่มาเป็นประจำนะ ถ้าไปบ่อยแต่เค้าไม่พูดประโยคนี้ให้ซักทีก็ไม่ต้องเสียใจนะ เพราะร้านส่วนใหญ่ถึงจะไปทุกวันเค้าก็ยังพูดแค่อาริกาโตโกไซมัสก็มี
มาถึงช่วงคำนี้มีด้วยเหรอ?! หลายคำหลายประโยคของภาษาญี่ปุ่นที่เราเอามาพูดเล่นกัน เอาเข้าจริงแล้วที่ญี่ปุ่นมีคำพวกนี้จริงๆ รึเปล่ามาดูกัน
きれい / คิเร
ด้วยเสียงใกล้เคียงกับคำว่า ขี้เหร่ ในภาษาไทยเลยถูกนำมาใช้พูดเล่นกันบ่อย คำว่า きれい / คิเร นี้มีจริงๆ เป็นคำคุณศัพท์แปลว่า สวย หรือ สะอาด เวลาเดินไปเจอของสวยๆ หรืออยากจะชมใครก็พูดว่า きれいですね / คิเรเดสเน้
せまくて / เซมากุเตะ
ตามที่หลายๆ คนที่เรียนภาษาญี่ปุ่นได้มาตอบไว้ตามที่ต่างๆ ว่า せまくて / เซมากุเตะ เป็นรูปหนึ่งของ せまい / เซไม คำคุณศัพท์ที่แปลว่า แคบ แต่ทำไมคำนี้ถึงมาแพร่หลายในไทยได้นะ
ถ้าเอาตามประสบการณ์ส่วนตัวเลย แต่ก่อนที่ชั้นบนของห้างโรบินสันสีลมจะมีร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่ แค่พูดว่าโรบินสันสีลมก็น่าจะพอเข้าใจนะว่าแต่ก่อนในที่นี้นี่นานมาก ราวๆ 20 กว่าปีก่อนเลย เวลาไปถึงร้านพนักงานจะพูดว่า เซมากุเตะ อิรัชไชมาเซ เสมอ เป็นร้านแรกและร้านเดียวที่เคยได้ยินประโยคนี้ และก็คุยเล่นกับที่บ้านมาตั้งแต่ตอนนั้นว่าคำนี้พอเทียบเป็นภาษาไทยแล้วตลกดี
พอไปถามคนญี่ปุ่นว่าเคยได้ยินประโยคนี้บ้างไหม ทุกคนบอกว่าเกิดมาไม่เคยได้ยินร้านไหนพูดเลย พร้อมช่วยกันคิดว่าทำไมถึงกลายมาเป็นประโยคนี้ได้ ก็เลยเดาเอาว่าทางร้านอาจจะต้องการพูดว่า
เซมากุเตะซุมิมาเซ็น อิรัชไชมาเซ - ขอโทษที่ร้านคับแคบไปหน่อย เชิญเข้ามาเลย
นานไปคำว่าซุมิมาเซ็นที่แปลว่าขอโทษก็หายไปเหลือแค่
เซมากุเตะ อิรัชไชมาเซ - ร้านแคบหน่อยนะ เชิญเข้ามาเลย
ร้านอาหารญี่ปุ่นร้านนี้ก็ปิดไปนานแล้วเลยไปถามไม่ได้แล้วเหมือนกันว่าทำไมถึงใช้ประโยคนี้ แต่คิดว่านี่แหละน่าจะเป็นต้นกำเนิดที่ทำให้คนไทยรู้จักกับคำนี้นะ
การได้เรียนภาษาใดภาษาหนึ่ง ก็เหมือนกับเราได้เรียนรู้วัฒนธรรมของชาตินั้นๆ เหมือนกัน ถึงภาษาไทยกับภาษาญี่ปุ่นจะมีรูปแบบการเรียงลำดับของประโยคต่างกัน แต่ก็มีจุดที่เหมือนกันคือระดับของภาษา มีทั้งสำนวนภาษากันเอง สุภาพ ยกย่อง ซึ่งแสดงถึงการให้เกียรติผู้อาวุโสด้วย นี่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนไทยรู้สึกใกล้ชิดกับวัฒนธรรมและประเพณีของญี่ปุ่นก็ได้นะ ถ้าไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วเจออะไรน่าสนใจก็ลองเอามาคุยกันนะ
ดูบทความเกี่ยวกับประโยคภาษาญี่ปุ่นที่เป็นประโยชน์ในสถานการณ์ต่างๆ เพิ่มเติมได้จากบทความด้านล่างนี้
บทความโดย