ไปสัมผัสเสน่ห์ของวัดโชชาซัง เอ็นเกียวจิในฮิเมจิ ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Last Samurai กัน
หากมาเที่ยวฮิเมจิ ต้องชมปราสาทฮิเมจิซึ่งเป็นมรดกโลก พร้อมแวะชมวัดโชชาซัง เอ็นเกียวจิ วัดเก่าแก่ที่มีประวัติยาวนานกว่า 1,000 ปี ซึ่งใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ชื่อดังมากมาย ที่นี่เป็นจุดเที่ยวแนะนำในฮิเมจิที่สามารถชมทิวทัศน์งามของภูเขา สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่น และลิ้มรสกับโชจินเรียวริซึ่งได้รับมิชลินสตาร์ 1 ดาว
ไปชมปราสาทฮิเมจิ พร้อมกับวัดเอ็นเกียวจิกัน
หากต้องการเพลิดเพลินกับการเที่ยวชมฮิเมจิให้มากยิ่งขึ้น ขอแนะนำให้ไปปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดคลาสสิก พร้อมกับวัดเอ็นเกียวจิกัน
วัดเอ็นเกียวจิเป็นสถานที่เที่ยวยอดฮิตในหมู่แฟนๆ ที่สามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามของฮิเมจิและสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม
บทความนี้ขอแนะนำเสน่ห์ของวัดเอ็นเกียวจิ ซึ่งปรากฏอยู่ในภาพยนตร์หลายเรื่องเนื่องจากความงดงามของวัดแห่งนี้
ปราสาทฮิเมจิที่ทำให้นึกถึงนกกระสาขาวโบยบิน
จากโอซาก้า (Osaka) หรือเกียวโต (Kyoto) ไปยังสถานีฮิเมจิ (Himeji) ใช้เวลาเดินทางราว 30 ถึง 1 ชั่วโมงโดยรถไฟ เช่น JR Line, รถไฟซันโย (Sanyo Electric Railway) และรถไฟชินคันเซ็น และเดินจากสถานีฮิเมจิราว 20 นาที ก็จะถึงปราสาทฮิเมจิซึ่งเป็นมรดกโลกแห่งแรกของญี่ปุ่น
ปราสาทฮิเมจิเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของฮิเมจิ เนื่องจากมีลักษณะคล้ายนกกระสาสีขาวกางปีกพร้อมโบยบิน จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า ปราสาทฮาคุโระ (หรือปราสาทชิราซากิ ซึ่งแปลว่า "นกกระสาขาว")
รูปลักษณ์ที่งามสง่าของปราสาทฮิเมจิสะกดสายตาของผู้ที่พบเห็น ทำให้ผู้คนมากมายในวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์หลงใหลหนึ่งในนั้นคือ คุโรซาวะ อากิระ ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อก้องโลก ปราสาทฮิเมจิจึงปรากฏอยู่ในภาพยนตร์ต่างๆ ของเขา เช่น รัน (Ran) และ จอมทัพคาเกมูชา (Kagemusha มีความหมายว่า นักรบเงา)
วัดโชชาซัง เอ็นเกียวจิ ที่เหมือนหลงเข้าไปในโลกของภาพยนตร์ชิ้นเอก
วัดโชชาซัง เอ็นเกียวจิ (Shoshazan Engyoji Temple) ซึ่งอยู่ใกล้กับปราสาทฮิเมจิ เป็นจุดท่องเที่ยวที่ต้องแวะเมื่อมาเที่ยวในฮิเมจิ
วัดเอ็นเกียวจินี้ตั้งอยู่บนยอดเขาโชชะ (Mt. Shosha) เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นสถานที่ยอดฮิตที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนในวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์จากทั่วทุกมุมโลกเช่นกัน
วัดเอ็นเกียวจิใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศมากมายหลายเรื่อง เช่น ผลงานชิ้นโบว์แดงเรื่องมหาบุรุษซามูไร (The Last Samurai) ที่นำแสดงโดย ทอม ครูซ ดาราฮอลลีวูด และเรื่องประกาศิตหงส์สังหาร (The Assassin) ซึ่งได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์
สามารถเดินทางไปวัดเอ็นเกียวจิแห่งนี้ได้ด้วยรถบัสและกระเช้าลอยฟ้าจากสถานีฮิเมจิและปราสาทฮิเมจิ
จากสถานีฮิเมจิให้ขึ้นรถบัสของบริษัทชินกิ (Shinki Bus) หมายเลข 8 มุ่งหน้าไปยังกระเช้าลอยฟ้าเขาโชชะ (Mt. Shosha Ropeway) ณ จุดขึ้นรถบัสหน้าสถานีหมายเลข 10 นั่งรถบัสไปราว 28 นาที ก็จะถึงป้าย Mt. Shosha Ropeway ป้ายที่ใกล้กระเช้าลอยฟ้าเขาโชชะที่สุด สามารถนั่งรถบัสสายนี้จากป้าย Himeji-jo Otemon-mae ที่หน้าปราสาทฮิเมจิไปได้เช่นกัน
วัดเอ็นเกียวจิสร้างขึ้นเมื่อราว 1,000 ปีก่อนโดยพระโชกุโชนิน สงฆ์นิกายเทียนไท้ เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนยอดเขาโชชะ จากจุดขึ้นกระเช้าลอยฟ้าเขาโชชะ สามารถไปยังวัดเอ็นเกียวจิบนยอดเขาได้ 2 วิธี
วิธีหนึ่งคือการขึ้นกระเช้าลอยฟ้า ส่วนอีกวิธีคือปีนเขาราว 1 ชั่วโมงโดยไม่ใช้กระเช้าลอยฟ้า
หากขึ้นกระเช้าลอยฟ้าไปบนยอดเขา จะได้เห็นทิวทัศน์เมืองฮิเมจิจากภายในกระเช้าลอยฟ้า โดยเฉพาะช่วงใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้ของต้นไม้บริเวณรอบภูเขาจะเปลี่ยนเป็นสีแดงและสีส้ม สามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ของใบไม้เปลี่ยนที่สวยงามจนตะลึงได้
ปี 2022 ได้มีการจัดทำ Miorosso Shosha จุดชมวิวบนยอดเขาขึ้น
จากจุดชมวิวนี้จะมองเห็นทิวทัศน์อันงดงามของที่ราบฮิเมจิและฮาริมานาดะได้จากระยะไกล ไปเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ธรรมชาติที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาลที่มาเยือน เช่น สีเขียวขจีของฤดูใบไม้ผลิและใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงกัน
ที่จุดชมวิวนี้สามารถร่วม "กิจกรรมขว้างคาวาราเคะ" เป็นการโยนเครื่องปั้นดินเผาชิ้นเล็กๆ ที่เรียกว่าคาวาราเกะเข้าไปในกลางวงกลม ว่ากันว่าหากโยนคาวาราเคะเข้ากลางวงกลมได้ คำอธิษฐานจะเป็นจริง!
การขึ้นไปบนยอดเขาโชชะ นอกจากการใช้กระเช้าลอยฟ้าที่แนะนำไปแล้ว ยังสามารถเดินป่าปีนเขาเพื่อขึ้นไปบนยอดเขากับ Himeji Rekiyukai กลุ่มมัคคุเทศก์ท้องถิ่นได้ด้วย
การเดินป่าปีนเขาราว 1 ชั่วโมงกับไกด์ท้องถิ่นที่มีความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และข้อมูลท้องถิ่นของฮิเมจิ จะทำให้รู้ถึงเสน่ห์ของเขาโชชะและวัดเอ็นเกียวจิลึกซึ้งยิ่งขึ้น
วิหารมานิเด็นที่สร้างในรูปแบบสถาปัตยกรรมเดียวกับวัดคิโยมิซุเดระ
เมื่อขึ้นไปถึงยอดเขา จะพบวิหารมานิเด็น (Maniden) อาคารให้บรรยากาศดูเคร่งขรึม เป็นวัดที่โดดเด่น ซึ่งสร้างขึ้นบนทางลาดชันของภูเขาในรูปแบบสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า “คาเคะซึคุริ” เช่นเดียวกับวัดคิโยมิซุเดระ (Kiyomizu-dera Temple) ในเกียวโต ซึ่งเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมหาได้ยากแม้แต่ในญี่ปุ่น
จากความสูงที่ต่างกัน เมื่อเงยหน้ามองวิหารมานิเด็นจากด้านล่าง จะรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ของตัวอาคารที่เหมือนกำลังลอยอยู่บนท้องฟ้า
ภาพยนตร์เรื่อง The Assassin ซึ่งได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ก็ถ่ายทำที่วิหารมานิเด็นแห่งนี้เช่นกัน ทางเดินไม้ของวิหารมานิเด็นที่ปรากฏในภาพยนตร์ให้ความรู้สึกถึงความเป็นวาบิซาบิ (ความงดงามที่ซ่อนอยู่ในความไม่สมบูรณ์) แบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น และทำให้ภาพยนตร์มีจังหวะของเวลาที่มีเอกลักษณ์
จูเรียวอิน ร้านอาหารมิชลินสตาร์ 1 ดาวบนภูเขา
Pictures courtesy of Shoshazan Engyoji Temple
เขาโชชะมีประวัติศาสตร์ยาวนานราว 1,600 ปี และมีจูเรียวอิน (Juryo-in) อาคารที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกชาติด้านวัฒนธรรมที่สำคัญ ภายในอาคารที่ตั้งตระหง่านอยู่ในปัจจุบันสร้างขึ้นในช่วงกลางสมัยเอโดะ (ปี 1603 - 1868) หลังนี้มีบริการโชจินเรียวริ (อาหารที่มีต้นกำเนิดมาจากศาสนาพุทธ ไม่ใช้เนื้อสัตว์และพืชผักรสจัด) ซึ่งได้รับมิชลินสตาร์ (MICHELIN Star) 1 ดาว
Pictures courtesy of Shoshazan Engyoji Temple
โดยทั่วไปโชจินเรียวริจะใช้วัตถุดิบประเภทผัก เต้าหู้ และงาเป็นหลัก ไม่ใช้เนื้อสัตว์หรือปลาที่ต้องฆ่า คล้ายกับอาหารวีแกนที่ชาวพุทธในเอเชียรับประทานกัน กล่าวคือ เป็นการปฏิบัติธรรมเพื่อการรู้แจ้งที่ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ โดยการรับประทานอาหารเท่าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต
Pictures courtesy of Shoshazan Engyoji Temple
โชจินเรียวริที่จูเรียวอินมีพื้นฐานมาจากสูตรอาหารในสมัยเอโดะที่ปรากฏอยู่ในบันทึกธรรมเนียมประเพณีในวัดเอ็นเกียวจิ และได้รับการรังสรรค์เพื่อให้เหมาะกับพฤติกรรมการบริโภคอาหารของคนสมัยใหม่ โชจินเรียวริจะเสิร์ฟในรูปแบบใหม่ที่ทันสมัยในขณะที่ยังคงรักษาแก่นแท้ของสูตรอาหารในสมัยนั้นไว้
* ปัจจุบัน (ณ ปี 2022) โชจินเรียวริหยุดให้บริการชั่วคราว แต่มีกำหนดเปิดให้บริการอีกครั้งในเดือนเมษายน 2023 กรุณาตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์ทางการ (ภาษาญี่ปุ่น)
มิตสึโนะโด เหมือนราวกับอยู่ฉากในภาพยนตร์
มิตสึโนะโด (Mitsu-no-do) เป็นกลุ่มอาคารภายในบริเวณวัดเอ็นเกียวจิที่ได้รับได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกชาติด้านวัฒนธรรมที่สำคัญ มิตสึโนะโด แปลว่า "3 วิหาร" เป็นอาคาร 3 หลังที่ตั้งเรียงกันคือ ไดโกโด (Dai-ko-do), จิคิโด (Jiki-do) และโจเกียวโด (Jogyo-do) ทิวทัศน์อันงดงามแผ่กว้างเบื้องหน้ามิตสึโนะโดนี้เป็นที่ประทับใจของนักท่องเที่ยวมากมาย
ผู้คนระดับมืออาชีพในแวดวงอุตสาหกรรมภาพยนตร์หลายคนมาที่วัดเอ็นเกียวจิแห่งนี้ เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์และละครไทกะ (ละครย้อนยุคอิงประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น) ที่นำแสดงโดยนักแสดงชื่อดังชาวญี่ปุ่น
จิคิโดแห่งนี้ปรากฏอยู่ในฉากที่ทอม ครูซและเคน วาตานาเบะสนทนากันในภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง The Last Samurai
อาคารมี 2 ชั้น โดยชั้น 2 จะจัดแสดงสมบัติล้ำค่าของวัดเอ็นเกียวจิจั
ที่จิคิโดแห่งนี้ยังสามารถทำกิจกรรมที่เรียกว่า ฮานาบิระชาเคียว (คัดลอกพระสูตรบนกลีบดอกไม้)
เริ่มแรกให้เลือกกระดาษรูปกลีบดอกไม้ที่จะคัดลอกพระสูตรมา 1 ใบจากกระดาษสีต่างๆ 5 สี
ก่อนเริ่มคัดลอกพระสูตร ต้องทำพิธีชำระล้างจิตใจ โดยเจ้าอาวาศจะโปรยผงธูปหอมลงบนมือให้ จากนั้นให้ลูบผงธูปหอมทั่วมือเหมือนทาครีมบนมือ ธูปที่อุ่นขึ้นจากความร้อนในร่างกายเราจะส่งกลิ่นหอมยิ่งขึ้น
เมื่อกลิ่นหอมทำให้จิตใจสงบแล้ว ให้รวบรวมจิตใจตั้งสมาธิแล้วลงมือคัดลอกพระสูตรกัน เมื่อบรรจงคัดลอกตัวอักษรแต่ละตัวไปเรื่อย จะพบว่าจิตใจของเราค่อยๆ สงบและเยือกเย็นขึ้นโดยธรรมชาติ กิจกรรมนี้มีค่าใช้จ่ายครั้งละ 300 เยน (ราคารวมภาษี)
ไดโกโดอยู่ทางด้านขวาของจิคิโดใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม เช่น ไดฮันเนียเท็นโดคุ (การอ่านมหาปรัชญาปารมิตาสูตร 600 ม้วนแบบเร็วในระยะเวลาสั้นๆ) ซึ่งปกติจะไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม
โจเกียวโดอยู่ทางด้านซ้ายของจิคิโด ปกติไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม แต่สามารถร่วมกิจกรรมนั่งสมาธิได้โดยไม่ต้องจองเฉพาะในวันเสาร์ที่ 3 ของทุกเดือน
เมื่อนั่งสมาธิเบื้องหน้าพระพุทธรูปปางสมาธิของ Joroku Amida Nyorai (พระอมิตาตถาคต สูง 6 โจหรือ 3.6 เมตร) เราจะขจัดความคิดฟุ้งซ่านและความคิดชั่วร้ายทั้่งหมดออกไป แล้วทำให้จิตใจสงบลงได้
ฮาซึกิชายะในวัดโชชาซัน เอ็นเกียวจิ ความอร่อยที่เรียบง่าย
หลังจากเดินเล่นในบริเวณวัดเอ็นเกียวจิแล้ว ก็มาแวะพักที่ฮาซึกิชายะ (Hazukichaya) จุดพักซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณวัด ที่นี่มีความอร่อยที่เรียบง่ายแต่ยากจะห้ามใจ เช่น เบ็นเคโนะจิคาระโมจิซึ่งเป็นวากาชิ (ขนมญี่ปุ่นดั้งเดิม) ที่เข้ากับบรรยากาศที่ค่อนข้างลึกลับของที่นี่ และซังไซโซบะที่ทำจากวัตถุดิบต่างๆ ที่เติบโตบนเขาตามธรรมชาติ
แต่ต้องระวังนิดหน่อย เนื่องจากเวลาที่ให้บริการปกติคือช่วง 10:00 - 16:00 น. (ปิดรับออเดอร์ 15:00 น.) หากต้องการแวะพักที่นี่ ขอแนะนำให้ไปให้เร็วหน่อย
บทส่งท้าย
ไปเยี่ยมชมวิหารมานิเด็นซึ่งชวนให้นึกถึงวัดคิโยมิซุเดระ พร้อมต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ดูขลัง หรือเดินเล่นในบริเวณวัดสัมผัสบรรยากาศลึกลับที่ส่งมาจากมิตสึโนะโดซึ่งเป็นมรดกชาติด้านวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น ขณะที่สัมผัสขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมดั้งเดิมต่างๆ ของญี่ปุ่นกัน
ไปเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนระดับมืออาชีพในแวดวงอุตสาหกรรมภาพยนตร์ และเสน่ห์ของวัดโชชาซัง เอ็นเกียวจิ ผ่านกิจกรรมคัดลอกพระสูตรแลการนั่งสมาธิกัน
เมื่อเดินทางมาถึงสถานีฮิเมจิ ก่อนอื่นขอแนะนำให้ซื้อตั๋วไปกลับสำหรับรถบัสและกระเช้าลอยฟ้าที่ BUS INFROMATION DESK (ศูนย์ข้อมูลรถบัสของบริษัทชินกิ) ที่หน้าสถานีฮิเมจิตรงข้ามทางออกทิศเหนือ หากซื้อล่วงหน้า จะคุ้มมากๆ
Written by Lin
Sponsored by Himeji Convention & Visitors Bureau
In cooperation with Shoshazan Engyoji Temple
บัญชีส่งเสริมการขายของ MATCHA สำหรับการโฆษณาองค์กรและรัฐบาลท้องถิ่น เรามุ่งมั่นที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านของเราอย่างสนุกสนาน
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง