【จังหวัดมิยาซากิ】เพลิดเพลินไปกับทั้งภูเขาและท้องทะเล! ออกสำรวจมนต์เสน่ห์แห่งธรรมชาติที่ยังไม่ถูกค้นพบ
บริการนี้รวมโฆษณาที่ได้รับการสนับสนุน
จังหวัดมิยาซากิเป็นสถานที่ทรงเสน่ห์ของธรรมชาติและวัฒนธรรมดั้งเดิม ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายให้นักท่องเที่ยวชาวไทยได้สัมผัส บทความนี้จะแนะนำแผนการท่องเที่ยวแบบ 2 วัน 1 คืน เพื่อให้ทุกท่านได้เพลิดเพลินกับจังหวัดมิยาซากิอย่างเต็มอิ่ม พร้อมทั้งให้ข้อมูลรายละเอียดของแต่ละพื้นที่และวิธีการเดิน...
บทความโดย
Tokyo, Japan
บัญชีส่งเสริมการขายของ MATCHA สำหรับการโฆษณาองค์กรและรัฐบาลท้องถิ่น เรามุ่งมั่นที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านของเราอย่างสนุกสนาน
จังหวัดมิยาซากิเป็นหนึ่งในจังหวัดที่คนไทยยังไม่ค่อยมีโอกาสไปเยือนมากนัก แม้หลายท่านอาจจะเคยได้ยินจังหวัดมิยาซากิผ่านหูมาไม่มากก็น้อย แต่คนไทยส่วนมากหากเดินทางไปเที่ยวภูมิภาคคิวชู ก็คงจะไปเที่ยวสถานที่ชื่อดัง เช่น จังหวัดฟุกุโอกะ เที่ยวยุฟุอินและเบปปุที่จังหวัดโออิตะ เที่ยวปราสาทคุมาโมโตะที่จังหวัดคุมาโมโตะ แต่จังหวัดมิยาซากิจะเป็นหนึ่งในจังหวัดที่คนไทยมาเที่ยวน้อยที่สุด
เนื่องจากการเข้าถึงที่ยากลำบากและอาจจะไม่คุ้นชื่อ แต่หารู้ไม่ว่าจังหวัดนี้มีมนต์เสน่ห์หลายอย่างที่คนไทยอย่างพวกเรามองข้ามไปและ กำลังรอให้นักท่องเที่ยวคนไทยมาเที่ยวเพิ่มขึ้น
บทความนี้จึงขอนำเสนอแผนการเที่ยวแบบ 1 คืน 2 วัน สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย เพื่อทำความรู้จักจังหวัดมิยาซากิให้มากขึ้น
เราจะพาคุณไปพบกับ ประสบการณ์ทอผ้าแบบดั้งเดิม และลิ้มรสความอร่อยของเนื้อวัวมิยาซากิ ซึ่งได้รางวัลอันดับหนึ่งในญี่ปุ่นจาก “งานการประกวดเนื้อวัวแห่งชาติ” (Japanese Wagyu Beef Olympics) รวมถึงเมนูไก่ทอดนัมบัง ที่บางคนถึงกับบอกว่าอร่อยที่สุดในโลก ทั้งหมดนี้ในทริปเดียว
※“งานการประกวดเนื้อวัวแห่งชาติ” (Japanese Wagyu Beef Olympics)…คืองานประกวดที่รวบรวมเนื้อวัวคุณภาพเยี่ยมจากทั่วประเทศมาแข่งขันความเป็นเลิศ เพื่อเฟ้นหาเนื้อวัวญี่ปุ่นอันดับหนึ่งของประเทศในงาน “เทศกาลเนื้อวัว”
วันที่ 1: เพลิดเพลินไปกับการผสมผสานของทะเลและเมือง สัมผัสเสน่ห์ของมิยาซากิอย่างเต็มเปี่ยม!
ทริปนี้จะเริ่มต้นหลังจากลงเครื่องบินที่สนามบินมิยาซากิเวลาประมาณ 8:30 น.หลังจากนั้นก็ออกเดินทางเวลา 9:00 น. ไปยัง ช่องเขาโฮริคิริ (Horikiri Pass) และจุดพักรถชมวิวฟีนิกซ์ (Roadside Station Phoenix) โดยใช้เวลาเพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้น
9:00 น. เริ่มการเดินทางที่ Horikiri Pass and Roadside Station Phoenix
ที่นี่คือจุดชมวิวที่คุณสามารถดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันงดงามของมหาสมุทรแปซิฟิก พร้อมสัมผัสกับความงามของธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดมิยาซากิ ที่นี่นับว่าเป็นจุดถ่ายภาพที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบธรรมชาติและวิวทะเลอันน่าทึ่ง!
จุดพักรถชมวิวฟีนิกซ์ (Roadside Station Phoenix) ตั้งอยู่ที่แนวช่องเขาโฮริคิริ (Horikiri Pass) หากมาที่นี่แล้วไม่ได้ลิ้มลองไอศกรีมแล้ว ถือว่ามาไม่ถึง
ไอศกรีมที่นี่มีหลากรสชาติ อาทิ รสนม รสอาชิตะบะ รสพรีเมียมฮิวกะนัตสึ และรสมะม่วง ฮิวกะนัตสึและมะม่วงจะเป็นผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัดอีกด้วย
มะม่วงของที่นี่จะมีสีแดงมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว แตกต่างจากมะม่วงที่ไทย น่าลองสุด ๆ
11:00 น. แวะชมวิวทะเลและรับประทานอาหารที่ Epuron Tei
หลังจากดื่มด่ำกับทะเลอันงดงามแล้ว ก็ถึงเวลารับประทานอาหารกลางวัน เราออกเดินทางด้วยรถจาก Roadside Station Phoenix ตอน 10:45 และจะถึงร้านอาหาร “เอพรอนเท” (Epuron Tei) เวลาประมาณ 11:00
ร้านอาหารร้านนี้อยู่ใกล้ทะเล จึงสามารถรับประทานอาหารไปชมวิวทะเลอันสวยงามไปด้วยกันได้ หากมาจังหวัดมิยาซากิ แล้วไม่กินไก่นัมบัง หรือ ชิกินนัมบัง ในภาษาญี่ปุ่น แล้วถือว่ามาไม่ถึง!!
นอกจากนี้ สิ่งที่ขาดไม่ได้หากมาทะเลก็คืออาหารทะเล ที่นี่มิยาซากิมีชื่อเสียงอย่างมากด้านกุ้งมังกรญี่ปุ่นหรือ “กุ้งอิเสะ” ราคาอาจจะสูงหน่อย แต่หากได้ลองซักครั้งแล้ว จะไม่ลืมรสชาติเลย เพราะรสชาติของกุ้งหวานเด้งและหนึบมาก ไม่เหมือนกับกุ้งที่ไทยเลย!
13:45 น. ไปเที่ยวยามบ่ายและถ่ายรูปต่อกันที่ซันเมสเสะ นิจินัน
หลังจากอิ่มหนำสำราญกับมื้ออาหารกลางวันแล้ว ออกเดินทางราว 12:45 น. นั่งรถลงมาทางใต้เพื่อมายังสถานที่ถัดไปซึ่งนั่นก็คือ ซันเมสเสะ นิจินัน (Sunmesse Nichinan)ถึงราว ๆ 13:45 น.
นอกจากนี้ ยังมีจุดถ่ายรูปที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวกระจายอยู่ทั่วทั้งพื้นที่ ยังได้เห็นทิวทัศน์ทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตา และยังสามารถสนุกกับการเดินสำรวจ พร้อมเก็บภาพความทรงจำที่สวยงามในหลากหลายมุม ที่นี่จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายภาพและแชร์ผ่านโซเชียลมีเดียให้เพื่อน ๆ ได้ชื่นชมไปพร้อมกัน!!
จุดเด่นที่สุดของที่นี่คือมีรูปปั้นโมอาย (Ahu Akivi) จำนวน 7 ตัวที่แกะสลักขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบ โดยได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการจากสภาผู้อาวุโสของเกาะอีสเตอร์ (Rapa Nui) เป็นแห่งแรกของโลก คุณไม่จำเป็นต้องไปถึงเกาะอีสเตอร์ ก็สามารถถ่ายรูปโมอายได้นะที่มิยาซากินี่เอง!
15:45 น. สถานีมิยาซากิ และอามิวพลาซ่า มิยาซากิ
หลังจากเราถ่ายรูปอย่างหนำใจที่ซันเมสเสะ นิจินันแล้ว ออกเดินทางราว 14:45 น. ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงมายังสถานีมิยาซากิ จุดศูนย์กลางการค้าของจังหวัด
สถานที่ที่รวบรวมความสะดวกสบายและความบันเทิงของชาวมิยาซากิไว้ในที่เดียว “อามิวพลาซ่า มิยาซากิ” เป็นศูนย์การค้าที่ตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟมิยาซากิ มีร้านค้าและร้านอาหารหลากหลายให้เลือกสรร ไม่ว่าจะเป็นสินค้าแบรนด์ชั้นนำ แบรนด์ท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์ ของฝากจากมิยาซากิ ที่นี่จึงเหมาะสำหรับการช้อปปิ้ง พักผ่อน และสัมผัสบรรยากาศของใจกลางเมืองมิยาซากิได้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ คุณยังสามารถเพลิดเพลินกับการชมวิวที่ชั้นบนของอาคาร ซึ่งมีศาลเจ้าและมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองมิยาซากิได้อย่างชัดเจน ถือเป็นจุดแวะพักที่ครบครันสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการช้อป ชิม และสัมผัสวัฒนธรรมในแบบชาวมิยาซากิ!
16:10 น. อิจิบังไก และวาคาคุสะโดริ: ใจกลางเมืองมิยาซากิที่เต็มไปด้วยเสน่ห์สุดคลาสสิก
หลังจากช้อปปิ้งเสร็จจาก อามิวพลาซ่า มิยาซากิแล้ว เราจะนั่งรถเมล์สุดน่ารัก ใช้เวลาประมาณ 10 นาที มาลงยังอิจิบังไกและวาคาคุสะโดริ จากสถานีมิยาซากิ จะมีรถเมล์ไฟฟ้าแสนสะดวกชื่อ “กรุปปี้” (GRUPPY) ที่วิ่งให้บริการรอบสถานีและตัวเมือง หากมีโอกาส ก็ลองใช้บริการรถเมล์น่ารัก ๆ คันนี้กันด้วยนะ!
ที่นี่เป็นย่านชอปปิงและเดินเล่นในใจกลางเมืองมิยาซากิที่มีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่มากมาย ซึ่งนำเสนอวิถีชีวิตทั่วไปของชาวมิยาซากิ สินค้าท้องถิ่นและของฝากจากมิยาซากิ นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นเพลิดเพลินกับการเลือกซื้อสินค้าได้ตลอด
จุดเด่นของพื้นที่นี้คือบรรยากาศที่ผสมผสานระหว่างความทันสมัยและความเป็นกันเอง จึงเหมาะสำหรับการเดินถ่ายรูปหรือสัมผัสวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น อีกทั้งยังมีกิจกรรมและอีเวนต์ต่าง ๆ ที่จัดขึ้นในโอกาสพิเศษต่าง ๆ ซึ่งช่วยเพิ่มความคึกคักและสีสันให้กับพื้นที่นี้ ใครที่มามิยาซากิ ไม่ควรพลาดแวะมาสัมผัสบรรยากาศแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ ที่นี่!
17:30 น. โรงแรมมิยาซากิ และห้องอาหาร "Oyodokahan Miyachiku"
หลังจากเพลิดเพลินกับการเดินเล่นและชอปปิงที่ย่านการค้าทั้งสองแบบแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะเช็คอินที่โรงแรมมิยาซากิแล้ว โรงแรมมิยาซากิเป็นโรงแรม 4 ดาวสุดหรูหราที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโอโยโดะ มอบวิวทิวทัศน์อันเงียบสงบและบรรยากาศผ่อนคลายให้กับผู้เข้าพัก จุดเด่นอย่างหนึ่งของโรงแรมนี้คือ "ทามายูระโนะยุ" บ่อน้ำพุร้อนที่ช่วยคืนพลังได้อย่างดีเยี่ยม หลังจากวันที่เดินทางท่องเที่ยวอย่างเหนื่อยล้า
หลังจากเราเช็คอินเสร็จเรียงร้อยแล้ว ก็มาต่อกับมื้ออาหารเย็นที่ห้องอาหาร Oyodokahan Miyachiku " สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการลิ้มลองเนื้อวากิวคุณภาพระดับพรีเมียม ร้านนี้คือจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาด ห้องอาหารมิยาจิคุแห่งนี้เชี่ยวชาญในเนื้อวัวมิยาซากิที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยนำเสนอเมนูหลากหลาย อาทิ สเต็ก เทปันยากิ และชาบูชาบู เนื้อวัวแต่ละชิ้นที่เสิร์ฟมีความนุ่มลิ้น หอมละมุน และปรุงอย่างพิถีพิถัน หากได้ลิ้มลองซักครั้งจะไม่มีวันลืมแน่นอน
ทั้งโรงแรมมิยาซากิและร้านมิยาจิคุเป็นตัวเลือกที่ลงตัวสำหรับการพักผ่อนและสัมผัสบรรยากาศและรสชาติที่ดีที่สุดในมิยาซากิ คุณสามารถเพลิดเพลินกับการพักผ่อนอันหรูหรา พร้อมอาหารชั้นเลิศในบรรยากาศที่งดงามริมแม่น้ำได้ที่นี่!
วันที่ 2: ดื่มด่ำกับเหล่าดอกไม้หลากสีสัน พร้อมสัมผัสประสบการณ์งานทอผ้าอันเป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่น!
ก็เช็กเอาท์จากโรงแรมตอน 9:00 น. และออกเดินทางกันเลย ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็จะถึงจุดหมายแรกของวัน Florante Miyazaki
9:15 น. สวนพฤกษศาสตร์ที่สามารถเพลิดเพลินกับดอกไม้นานาพันธุ์ในมิยาซากิ!
Picture courtesy of Florante Miyazaki
สวนพฤกษ์ศาสตร์พื้นที่กว้าง 5.1 เฮกตาร์แห่งนี้ นอกจากสวนดอกไม้นานาพันธ์ที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาลแล้ว ยังมีสวนต้นไม้, สวนหิน, และพื้นที่และมุมพักผ่อนให้ผู้มาเยือนได้พักผ่อนและเพลิดเพลินกับธรรมชาติ สถานที่แห่งนี้จึงเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติและความสงบ
Picture courtesy of Florante Miyazaki
นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมและงานต่าง ๆ ตลอดทั้งปี อาทิ ปลายปี 2024 จะมีเทศกาลประดับไฟอิลลูมิเนชันที่ชิ่อ “สวนดอกไม้ประดับแสงไฟ - งานเลี้ยงแห่งแสงสีและเสียงดนตรี” ตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม 2024 จนถึง 13 มกราคม 2025 อีกด้วย นอกจากจะได้สัมผัสกับเหล่าธรรมชาติบุปผานานาพันธุ์แล้ว ยังได้ถ่ายภาพสวย ๆ งาม ๆ อีกด้วย
11:00 น. ดื่มด่ำไปทิวทัศน์อันงดงามของภูเขาและป่าไม้บนทางเดินชมสะพานแขวนยักษ์เทรุฮะ!
หลังจากชื่นชมความงามของดอกไม้หลากชนิดแล้ว ก็ไปต่อกันที่สถานที่ถัดไปกันเลย ออกจากสวนพฤกษศาสตร์ประมาณ 10:15 น. นั่งรถไปตามถนนและขึ้นภูเขาประมาณ 45 นาที กะถึงจุดหมายท่ามกลางธรรมชาติแห่งถัดไป “สะพานแขวนยักษ์เทรุฮะ”
สะพานแขวนยักษ์เทรุฮะ (Teruha Ootsurihashi) ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดมิยาซากิ เป็นหนึ่งในสะพานแขวนที่ยาวและสูงที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งมีความยาว 250 เมตรและสูงจากพื้นดินถึง 142 เมตร ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันงดงามของธรรมชาติรอบ ๆ โดยเฉพาะวิวของหุบเขาและแม่น้ำฮนโจซึ่งอยู่เบื้องล่าง
หากเดินข้ามสะพานนี้ คุณจะได้พบกับประสบการณ์ที่ตื่นตาตื่นใจไปพร้อมกับการชื่นชมทิวทัศน์อันกว้างใหญ่รอบ ๆ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สำหรับเดินเล่นและพักผ่อนใกล้เคียง ทำให้เป็นจุดหมายที่ดีในการสัมผัสความงามของธรรมชาติและความสงบเงียบของภูมิประเทศในพื้นที่นี้ อีกทั้งสะพานแห่งนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินป่าเดินเขาและการผจญภัยอีกด้วย
12:00 น. เพลิดเพลินกับช่วงเวลาที่ได้ลิ้มรสอาหารพื้นบ้านแสนอร่อยที่เสิร์ฟมากับมาในเรือลำเล็กที่ลอยไปตามสายน้ำ!
หลังจากเต็มอิ่มกับสะพานยักษ์ท่ามกลางธรรมชาติแล้ว ก็ถึงเวลาของอาหารกลางวัน มื้อนี้เราจะพาไปยังร้านอาหารพื้นบ้านที่อยู่ใกล้ ๆ เพียงแค่ 10 นาทีก็ถึงแล้ว
ร้าน “อายะ โนะ ซาโตะ” (Aya no Sato) นี้เสิร์ฟอาหารพื้นบ้านตามฤดูกาล โดยในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงธันวาคมจะเป็นฤดูของปลาปลาอายุ ซึ่งมีรสชาติหอมหวานและสดใหม่ เนื่องจากปลาอายุที่นี่เลี้ยงในน้ำใสสะอาดจากเมืองอายะ จึงทำให้มีรสชาติและกลิ่นหอมที่ยอดเยี่ยม ปลาอายุจะถูกย่างด้วยถ่านและเกลือ หรือจะเสิร์ฟพร้อมมิโซะหวานเพื่อเพิ่มความเข้มข้น รสชาติยิ่งอร่อยมากขึ้น นอกจากนี้ในเซทยังมีเมนูปลาอายุแบบซาชิมิ ซุปมิโสะใส่ปลาอายุ และข้าวปลาอายุ ราคาเซตปลาอายุอยู่ที่ 2,600 เยน
ส่วนในช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายน ร้านจะมีเมนูหมูป่า และคุณสามารถสั่งเมนูไก่บ้านได้ตลอดทั้งปี ไก่บ้านที่เสิร์ฟนั้นสดใหม่และมีเนื้อเด้งดึ๋งมาก หากสั่งเป็นเซตจะเสิร์ฟพร้อมข้าวและไก่ดิบ ซึ่งเป็นเมนูที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งเมื่อมาเยือนจังหวัดคาโกชิมะและมิยาซากิ เพราะทั้งสองจังหวัดนี้รับประกันความสดใหม่และความปลอดภัย
และอีกหนึ่งจุดเด่นของร้านนี้คือ การเสิร์ฟอาหารที่จะไหลมาตามสายพาน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมตกปลาอายุให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ตกปลาจริง ๆ โดยสามารถตกปลาในแม่น้ำข้างร้านในราคาเพียง 500 เยน และสามารถนำปลาที่ตกได้ปล่อยกลับธรรมชาติหรือนำกลับบ้านได้อีกด้วย การกินอาหารที่นี่จึงไม่เพียงแค่เป็นการรับประทานอาหารเท่านั้น แต่ยังมีกิจกรรมที่สนุกและมีเอกลักษณ์อีกด้วย
13:45 น. สัมผัสประสบการณ์การทอผ้าโดยใช้เครื่องทอผ้าสมัยก่อน ณ ปราสาทอายะ
หลังจากอิ่มอร่อยกับอาหารพื้นบ้านที่ Aya no Sato แล้ว เราออกจากร้านประมาณ 13:30 และเดินทางต่ออีกประมาณ 15 นาทีมาถึงปราสาทอายะ ถึงแม้ปัจจุบันเหลือเพียงซากปราสาท แต่ยังคงเป็นจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ที่นี่มีศูนย์ศิลปาชีพการทอผ้าเกนตะ (Genta Dyeing and Weaving Studio) ที่ให้เราได้สัมผัสประสบการณ์การทอผ้าแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ช่วยให้เราเข้าใจถึงความเป็นมาของวัฒนธรรมและฝีมือการทำผ้าของคนท้องถิ่น
เมื่อเข้าสู่ปราสาทและเดินเข้ามาเพียงเล็กน้อย คุณจะพบกับห้องทอผ้า แม้ที่ประเทศไทยเองจะมีศูนย์ทอผ้าหลายแห่ง แต่ที่นี่มอบประสบการณ์ที่แตกต่างและพิเศษในแบบฉบับญี่ปุ่น
ศูนย์ทอผ้าแห่งนี้เปิดโอกาสให้คุณได้ลองสร้างสรรค์ผลงานด้วยตัวเอง โดยมีตัวเลือกสินค้าให้ทอ เช่น แผ่นรองเมาส์หรือแผ่นรองแก้วชา ราคาเริ่มต้นเพียง 1,500 เยน นอกจากคุณจะได้สัมผัสศิลปะการทอผ้าแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นแล้ว ยังสามารถนำผลงานที่คุณทำเองกลับบ้านไปเป็นที่ระลึกได้อีกด้วย รับรองว่าจะเป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้ที่ไหน และสินค้าชิ้นนี้จะไม่เหมือนใครและสร้างความภูมิใจได้อย่างแน่นอน!
การทอผ้าญี่ปุ่นมีประวัติยาวนานตั้งแต่ยุคยาโยอิ(※)โดยเริ่มต้นจากการใช้เส้นใยธรรมชาติ เช่น ใยป่านและไหม ในการผลิตเครื่องนุ่งห่ม ศิลปะการทอผ้าถูกสืบทอดและพัฒนาในแต่ละภูมิภาคของญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
※ยุคยาโยอิ…ยุคสมัยที่ช่วงเวลาประมาณ 1,000 ปีก่อนคริสต์ศักราชถึงคริสต์ศักราช 300
15:45 น. สัมผัสพืชเขตร้อนหายากในญี่ปุ่นและศาลเจ้าอาโอชิมะสุดโดดเด่นกลางทะเล!
และท้ายที่สุด เราจะสิ้นสุดการเดินทางที่เกาะอาโอชิมะและสวนพฤกษศาสตร์มิยาโกที่อาโอชิมะ (Miyako Botanical Garden Aoshima) โดยออกจากปราสาทอายะประมาณเวลา 14:45 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงจนถึงเกาะอาโอชิมะ
เกาะอาโอชิมะเป็นเกาะที่มีความพิเศษ เพราะมีสันดอนเชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ ทำให้สามารถเดินไปยังเกาะได้อย่างง่ายดาย ถึงแม้จะเป็นเกาะขนาดเล็ก แต่ที่นี่กลับมีแลนด์มาร์คที่สำคัญและไม่เหมือนที่ไหน นั่นก็คือศาลเจ้าอาโอชิมะนั่นเอง ศาลเจ้าดังกล่าวจึงมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนที่อื่นเพราะเป็นศาลเจ้าที่ตั้งอยู่กลางทะเล ความโดดเด่นนี้ทำให้คุณสามารถถ่ายภาพได้ในมุมที่ไม่เหมือนศาลเจ้าใด ๆ ที่คุณเคยไปแน่นอน
หลังจากเยี่ยมชมศาลเจ้าอาโอชิมะแล้ว เดินไปไม่ถึง 5 นาทีก็จะถึงสวนพฤกษศาสตร์มิยาโกที่อาโอชิมะ (Miyako Botanical Garden Aoshima) ที่นี่ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีพืชพันธุ์หลากหลาย เหมือนกับฟาร์มโทมิตะในฮอกไกโด หรือสวนฮิตาชิ ไคฮิน พาร์คในจังหวัดอิบารากิ โดยเฉพาะพืชในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนที่สามารถชมได้ในที่เดียว การเยี่ยมชมสวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้อาจทำให้คุณนึกถึงสวนพฤกษศาสตร์และพืชพันธุ์ที่ประเทศไทยได้เช่นกัน
ท้ายที่สุด เราจะออกเดินทางจากอาโอชิมะประมาณเวลา 16:45 น. ใช้เวลาไม่นานเพียง 15 นาที ก็จะถึงสนามบินมิยาซากิ เพื่อเตรียมตัวขึ้นเครื่องที่เวลา 18:40 น. อย่างไรก็ตาม อย่าลืมแวะซื้อของฝากกลับบ้านกันด้วยนะ! มิยาซากิมีของฝากหลากชนิดให้เลือกซื้อ แถมให้ชิมฟรีก่อนตัดสินใจซื้อด้วยล่ะ อย่าลืมเลือกซื้อของฝากที่มีเอกลักษณ์เป็นของที่ระลึกจากการเดินทางครั้งนี้ แล้วเราจะได้กลับบ้านพร้อมความทรงจำที่ดีจากมิยาซากิ!
การเดินทางเข้าสู่มิยาซากิจากสนามบินหลักในคิวชูและรถไฟด่วนพิเศษ
จังหวัดมิยาซากิเป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์อย่างมาก โดยปกติแล้ว การเดินทางภายในจังหวัดมักจะใช้รถบัส รถเช่า หรือรถบัสนำเที่ยวเป็นหลัก เนื่องจากระบบรถไฟไม่ได้มีความสะดวกมากเท่าที่ควรสำหรับการเดินทางระหว่างสถานที่หนึ่งไปยังสถานที่หนึ่ง ดังนั้นหากคุณวางแผนที่จะมาเที่ยวมิยาซากิ การเช่ารถอาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะคุณจะสามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ และยังมีโอกาสได้สัมผัสกับทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามระหว่างการเดินทางอีกด้วย!
แต่การเดินทางและการเข้าถึงอาจจะไม่ค่อยสะดวกนัก แต่ก็ยังมีอยู่ 3 วิธีหลัก ๆ ที่จะแนะนำได้แก่
- นั่งเครื่องบินโดยสารภายในประเทศไปลงยังสนามบินมิยาซากิโดยตรง
-
เดินทางจากสนามบินใกล้เคียง ได้แก่ คุมาโมโตะ และฟุกุโอกะ และคาโกชิมะ ซึ่งจากสนามบินเหล่านี้สามารถเดินทางไปยังมิยาซากิโดยตรงผ่านรถบัสทางด่วน
-
นั่ง “B&S Miyazaki” จากฟุกุโอกะ หรือนอกจากนี้โออิตะยังมีรถไฟด่วนพิเศษ “นิจิริน” และ “นิจิริน ซีไกอา” ให้บริการ ส่วนจากคาโกชิมะมีรถไฟด่วนพิเศษ “คิริชิมะ” ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางไปยังมิยาซากิอีกด้วย
แม้ว่าชินคันเซ็นจะให้บริการจากสถานีโคคุระ เมืองคิตะคิวชู (จังหวัดฟุกุโอกะ) ไปจนถึงสถานีคาโกชิมะจูโอ จังหวัดคาโกชิมะ แต่สำหรับการเดินทางไปมิยาซากิ สามารถเปลี่ยนเป็นรถไฟด่วนพิเศษที่สถานีคาโกชิมะจูโอเพื่อเดินทางต่อได้
สรุป
การเดินทางไปยังมิยาซากิในครั้งนี้เป็นสองวันที่เต็มเปี่ยมไปด้วยธรรมชาติ อาทิ ภูเขาและทะเล วัฒนธรรม และอาหารอร่อยที่น่าประทับใจ เริ่มต้นจากการชมความงามของดอกไม้ที่ Florante Miyazaki และสวนพฤกษศาสตร์มิยาโกที่อาโอชิมะ ชื่นชมวิวสุดตระการตาบนสะพานแขวนยักษ์เทรุฮะ อิ่มอร่อยกับอาหารพื้นบ้าน อย่างเช่น ปลาอายุ กุ้งมังกรอิเสะ ไก่บ้าน ไอศกรีมมะม่วงและไก่นัมบัง แล้วจบด้วยการลองทอผ้าด้วยเครื่องมือแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น หวังว่าการเดินทางครั้งนี้จะได้สะท้อนและนำเสนอเสน่ห์ที่หลากหลายของมิยาซากิ และสุดท้ายขอให้ทุกคนสนุกกับการท่องเที่ยวที่มิยาซากินะครับ!
Sponsored by Miyazaki Prefecture
บัญชีส่งเสริมการขายของ MATCHA สำหรับการโฆษณาองค์กรและรัฐบาลท้องถิ่น เรามุ่งมั่นที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านของเราอย่างสนุกสนาน
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง
บทความพิเศษ
More
