แนะนำขั้นตอนการเช่าห้อง หาห้องเช่าในญี่ปุ่น โดยฟุโดซังยะซังที่มีเจ้าหน้าที่คนไทย

เช่าห้องในญี่ปุ่นต้องทำยังไง ก่อนอื่นต้องไปหาฟุโดซังยะซัง!

การเช่าห้องในญี่ปุ่นจะว่าง่ายก็ง่าย แต่อาจจะดูยุ่งยากสักนิดสำหรับคนที่ยังไม่เคยเช่ามาก่อน เพราะห้องส่วนใหญ่จะไม่ได้ติดป้ายว่ามีห้องว่าง แถมเวลาจะเช่าก็ใช่ว่าจะเดินดุ่มๆ เข้าไปที่ตึกแล้วขอเช่าได้เลย เราจำเป็นต้องไปที่บริษัทเอเย่นต์หรือนายหน้าห้องเช่า ซึ่งภาษาญี่ปุ่นจะเรียกว่าบริษัทฟุโดซังไกชะ (不動産会社) บางทีก็เรียกกันว่าฟุโดซังยะซัง (不動産屋さん)

ฟุโดซังยะซัง เป็นเหมือนตัวแทนที่คอยดูแลเรื่องการทำสัญญาระหว่างเจ้าของบ้านกับผู้เช่า ส่วนใหญ่เราจะติดต่อทุกอย่างผ่านฟุโดซังยะซัง แทบไม่จำเป็นต้องเจอกับเจ้าของบ้านเลยด้วยซ้ำ

ครั้งนี้เราได้ไปคุยกับ LandHousing บริษัทฟุโดซังยะซังในเมืองโตเกียวของญี่ปุ่น ให้เค้าช่วยอธิบายขั้นตอนและแนะนำเรื่องการเช่าห้องในญี่ปุ่นให้ฟัง ที่มาที่นี่เพราะเค้ามีเจ้าหน้าที่คนไทยประจำอยู่ทุกวัน แถมมีสำนักงานสาขาอยู่ที่ไทยอีกต่างหาก!

LandHousing อยู่หน้าสถานีเอฟุคุโจ (Eifukucho) รถไฟเคโอ (Keio) สายอิโนะคาชิระ (Inokashira Line) ออกจากสถานีลงมาด้านล่างก็เห็นอยู่ฝั่งตรงข้ามเลย จะมาที่บริษัทก็ได้หรือจะให้ง่ายก็ติดต่อผ่านไลน์หรือ Facebook ได้เลย

ถ้าเห็นร้านไหนติดแผ่นกระดาษตัวอย่างห้องเอาไว้เต็มหน้าร้านอย่างนี้ก็รู้ได้เลยว่านี่แหละฟุโดซังยะซัง

เรื่องที่ควรเตรียมตัวก่อนติดต่อฟุโดซังยะซัง

เจ้าหน้าที่คนไทยของ LandHousing แนะนำมาว่าก่อนจะติดต่อไปหาฟุโดซังยะซังเราควรเตรียมข้อมูลเหล่านี้ไว้ก่อน

1. เลือกทำเล

ต้องการอยู่ที่จังหวัดไหน เขตไหน ใกล้สถานีรถไฟอะไร ระยะทางเดินเท้าจากสถานีกี่นาที หรือใกล้โรงเรียนที่ต้องไปเรียนแค่ไหน

ปกติแล้วยิ่งห้องใกล้สถานีรถไฟเท่าไหร่ ราคาก็จะยิ่งแพงขึ้นเท่านั้น ต่อให้เป็นห้องขนาดเท่ากันก็ตาม บางครั้งห้องสร้างมานานแล้วแต่อยู่ใกล้สถานีรถไฟมากกว่า ราคาค่าเช่าก็แพงกว่าห้องสร้างใหม่ที่อยู่ไกลสถานีเสียอีก ถือว่าต้องแลกความสะดวกสบายกับราคาค่าเช่า

เราอาจคำนวณเรื่องค่ารถเพิ่มเข้าไปด้วย เช่น เลือกห้องราคาถูกที่อยู่ไกลจากโรงเรียนหรือที่ทำงานออกไปสักหลายสถานี ถึงจะต้องเสียค่ารถไฟนั่งไปกลับ แต่พอบวกลบกันแล้วก็อาจคุ้มกว่าเลือกห้องใกล้ๆ ที่ราคาแพงก็เป็นได้

2. ตั้งงบประมาณ

ค่าเช่าห้องของญี่ปุ่นจะคิดเป็นต่อเดือน เวลาหาห้องก็ให้ตั้งงบประมาณว่าต้องการห้องราคาเท่าไหร่ ราคาค่าเช่าห้องนี้นอกจากจะขึ้นอยู่กับความใกล้ไกลสถานีอย่างที่บอกไปเมื่อกี๊แล้ว ยังขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ใช้สอยในห้อง ความเก่าใหม่ ประเภทโครงสร้างอาคาร สิ่งอำนวยความสะดวก ฯลฯ

3. บอกเงื่อนไขห้องที่ต้องการ

เงื่อนไขห้องในที่นี้ก็เช่น ห้องสุขาแบบแยกจากห้องอาบน้ำ (ถ้าห้องสุขากับห้องอาบน้ำอยู่รวมกันมักจะเรียกว่า ยูนิตบาธ) มีระเบียง มีที่วางเครื่องซักผ้าในห้อง (บางห้องที่วางจะอยู่ตรงระเบียง) ห้องชั้นบนสุด ห้องหัวมุม ห้องหันไปทางทิศไหน มีออโต้ล็อก (ต้องใช้รหัสหรือกุญแจเฉพาะถึงจะเข้าตึกได้) เตาทำครัวเป็นแก๊สหรือเตาไฟฟ้า โครงสร้างอาคารเป็นไม้หรือเหล็กหรือคอนกรีตเสริมเหล็ก เลี้ยงสัตว์ได้ มีที่จอดจักรยาน ฯลฯ

เริ่มติดต่อฟุโดซังยะซัง

เมื่อเตรียมข้อมูลห้องที่อยากได้เรียบร้อยก็ติดต่อไปหาฟุโดซังยะซัง บอกรายละเอียดทุกอย่างไป เค้าก็จะไปค้นหาห้องว่างที่ตรงตามข้อกำหนดของเรามาให้ ส่วนใหญ่จะหาเผื่อมาให้ประมาณ 4-5 ห้อง เพื่อให้เราเลือก

อย่างที่บอกไปว่าเราจะวอล์กอินไปหาฟุโดซังยะซังเลยก็ได้ แต่ LandHousing เค้าแนะนำมาว่าให้ลองติดต่อล่วงหน้าก่อนดีกว่า เพราะเค้าจะไปหาห้องที่ดูตรงกับเงื่อนไขที่สุดเตรียมไว้ให้ มาถึงก็ดูได้เลย ไม่ต้องมานั่งรอให้เสียเวลา

ใบบอกรายละเอียดห้องที่ทาง LandHousing จะให้เราไว้ดูเป็นตัวเลือก

เจ้าหน้าที่จะมีใบบอกรายละเอียดห้อง ทั้งแปลนห้อง รูป แล้วก็รายละเอียดสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องในอาคารแบบนี้ให้ดู ตรงด้านซ้ายล่างของใบข้างบนจะเห็นว่ามีเขียนคำว่า 1K พวกนี้เป็นคำย่อมาจาก

R : Room
K : Kitchen ครัว
L : Living room ห้องนั่งเล่น
D : Dining room ห้องกินข้าว

ที่มักจะเห็นได้บ่อยคือ 1R 1K LDK 2LDK ลักษณะเด่นๆ คือ

1R (1 Room)
เป็นห้องเดี่ยว ทั้งห้องนอนและส่วนครัวรวมอยู่ในพื้นที่เดียวกันหมด บางที่อาจไม่มีส่วนครัว
1K (1 ห้องนอน + Kitchen)
เป็นห้องเดี่ยวที่แยกห้องครัวต่างหากเป็นสัดส่วน แต่บางห้องก็ไม่ได้มีประตูปิดกั้นให้ แก้ปัญหาด้วยการขึงผ้าแขวนกั้นเอาเอง
1LDK (1 ห้องนอน + Living + Dining + Kitchen)
ห้องนอนแยกต่างหาก 1 ห้อง ส่วนห้องอื่นๆ อาจจะอยู่รวมกันเป็นพื้นที่ใหญ่
2LDK (2 ห้องนอน + Living + Dining + Kitchen)
เหมือนข้างบนแต่มีห้องนอนเพิ่มขึ้นมาอีก

ไปดูห้องของจริงได้

ถ้ามีห้องที่ถูกใจ แต่ดูแค่ในรูปแล้วยังนึกภาพไม่ออก ทางเจ้าหน้าที่จะพาเราไปดูห้องจริงได้ การติดต่อล่วงหน้าที่บอกไปก็จะประหยัดเวลาตรงนี้ด้วย เพราะทางบริษัทจะได้จัดวันเวลาที่ไปดูห้องได้หลายๆ ที่ในวันเดียวให้เราด้วย

กำแพงแบบปูนเปลือย เก๋สุดๆ นี่เป็นห้องแบบ 1K มีประตูกั้นระหว่างครัวกับห้องนอน การไปดูห้องจริงจะทำให้ได้เห็นความกว้างและสภาพของห้องจริงๆ นอกจากนั้นยังได้เห็นสภาพแวดล้อมรอบๆ อาคารด้วย

อย่างนี้คนที่อยากทำสัญญาจากที่ไทยก็ไปดูไม่ได้อ่ะสิ ไม่ต้องห่วงเลยเพราะทาง LandHousing เค้าจะนัดวันแล้วพาไปดูแบบเรียลไทม์ผ่านวิดีโอคอล แนะนำให้ตั้งแต่ทางเข้าห้อง พาไปดูทุกซอกทุกมุม ถ้าสงสัยตรงไหน อยากดูส่วนไหนเพิ่มก็บอกได้ทันที

ห้องอาบน้ำกับห้องสุขาแยกกัน อันนี้แล้วแต่ความชอบเลย แต่ส่วนตัวแล้วชอบแบบแยกมากกว่า

ถ้าเป็นคนชอบทำอาหารก็อย่าลืมดูเรื่องพื้นที่ส่วนครัวแล้วก็ประเภทของเตา เตาไฟฟ้าอย่างนี้ก็สะดวก ยิ่งถ้ามี 2 หัว ต้มอันนึง ผัดอันนึง ทำอาหารได้พร้อมกันก็ยิ่งดี พวกนี้สามารถบอกให้เจ้าหน้าที่เค้าช่วยหาดูให้ได้ตั้งแต่ตอนแรกเลยนะ

ได้ห้องที่ถูกใจแล้ว ก็ถึงเวลาทำสัญญา

ถ้าได้ห้องที่ถูกใจ ถัดไปคือทำเรื่องจอง จากนั้นทางบริษัทจะให้เรากรอกรายละเอียดส่งบริษัทค้ำประกัน ระหว่างนี้เราไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลยจนกว่าจะทำสัญญาเช่าจริง ส่วนใหญ่จะมีค่าใช้จ่ายต่างๆ ดังนี้

ชิคิคิง เรคิง เงินมัดจำและเงินให้เปล่า

อย่างในใบตัวอย่างห้องที่บริษัทให้เรามา ตรงใต้ตัวเลขค่าเช่า 95,000 เยนจะมีบอกค่าใช้จ่ายอื่นๆ ด้วย

1. ค่าส่วนกลางรายเดือน (管理費)
อันนี้ทางอาคารจะเป็นคนคิด เอาไปใช้เป็นค่าบำรุงรักษาซ่อมแซม ทำความสะอาดส่วนกลาง เปลี่ยนหลอดไฟ ฯลฯ

2. เงินมัดจำ (ชิคิคิง 敷金)
คิดจำนวนตามค่าเช่าห้อง เช่น ถ้าเขียนว่า 1か月 ก็หมายถึงคิดเท่าค่าเช่าห้อง 1 เดือน ในที่นี้ก็คือ 95,000 เยน บางที่อาจคิด 0.5 เดือน หรือ 2 เดือนก็มี เงินส่วนนี้เราจะได้คืนตอนย้ายออก หลังจากหักค่าทำความสะอาดและค่าซ่อมแซมอื่นๆ แล้ว บางทีก็แทบจะไม่เหลือคืนเท่าไหร่ ในกรณีที่ทำห้องเค้าเลอะเทอะเสียหาย อาจต้องมีจ่ายเพิ่มด้วย

3. เงินให้เปล่าแก่เจ้าของบ้าน (เรคิง 礼金)
คิดจำนวนตามค่าเช่าห้องเหมือนกัน ห้องที่ดูนี่เขียนไว้ว่า 0 เดือน หมายความว่าไม่ต้องจ่ายเงินให้เปล่า หลายคนอาจสงสัยว่าเรามาเช่าก็ต้องจ่ายเงินค่าเช่า ทำไมยังต้องมีเงินให้เปล่ากับเจ้าของห้องอีก อันนี้บางคนเค้าเล่าว่าเป็นธรรมเนียมตั้งแต่อดีตของญี่ปุ่น ที่เหล่าพ่อแม่จะมอบเงินให้กับเจ้านายในเมืองเพื่อแสดงความขอบคุณที่รับลูกหลานของตนให้ไปอยู่อาศัยทำงานด้วย แต่หลังๆ มาก็เริ่มมีห้องที่ไม่คิดเงินเรคิงให้เห็นเยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

ต้องเตรียมเงินทั้งหมดเท่าไหร่ตอนทำสัญญา

นอกจากค่าเช่าห้องเดือนแรก เงินมัดจำ และเงินให้เปล่าที่เราต้องจ่ายตอนทำสัญญาแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก เช่น

ค่าประกันอัคคีภัย
ค่าบริษัทค้ำประกัน
ค่าเปลี่ยนกุญแจ
ค่าเช่าล่วงหน้า 1 เดือน
ค่านายหน้า

ว่ากันว่าในการเช่าห้องใหม่เราจะต้องเผื่อเงินไว้ประมาณ 5-6 เท่า ของค่าห้องที่เลือกเลยทีเดียว ถ้ายกตัวอย่างห้องที่เราดูนี่ค่าเช่าเดือนละ 95,000 เยน เราก็ต้องใช้เงินอย่างน้อย 95,000 x 5 = 475,000 เยน ถ้าเลือกห้องที่ไม่ต้องจ่ายเงินให้เปล่าแก่เจ้าของบ้านก็อาจจะช่วยประหยัดได้หน่อยนึงนะ

คนที่อยู่ไทยจะทำสัญญายังไง

เรื่องเอกสารสัญญาสำหรับคนที่อยู่ไทย ทาง LandHousing ญี่ปุ่นจะส่งเอกสารไปให้สำนักงานสาขาที่ไทย เรื่องชำระเงินต่างๆ ก็ทำกับสาขาที่ไทยได้เลย เราไม่จำเป็นต้องทำเรื่องโอนเงินระหว่างประเทศเองให้ยุ่งยาก มาถึงญี่ปุ่นก็ลากกระเป๋าเข้าห้องอยู่ได้ทันที

เรื่องระยะเวลาสำหรับการเริ่มหาห้องจากไทย ขอให้เผื่อไว้สักประมาณ 1 เดือนล่วงหน้าก่อนเข้าอยู่จริง บางคนรู้แล้วว่าเดี๋ยวปีหน้าจะไปญี่ปุ่นแน่นอน เลยอยากหาล่วงหน้าตั้งแต่ตอนนี้ แต่ถ้าเราทำสัญญาปุ๊บเราจะต้องเริ่มจ่ายเงินค่าเช่าปั๊บ ซึ่งไม่คุ้มแน่นอน เพราะงั้นระหว่างนั้นก็เตรียมข้อมูลเรื่องทำเล เรื่องงบอย่างที่บอกไว้ก่อน พอใกล้ๆ แล้วค่อยไปติดต่อกับทาง LandHousing สาขาที่ไทยนะ

บริการอื่นๆ จาก LandHousing

ครั้งนี้ที่ขอทาง LandHousing เค้ามาคุยเพราะคิดว่าเค้ามีเจ้าหน้าที่คนไทย น่าจะเหมาะสำหรับคนไทยที่กังวลเรื่องภาษา แต่คุยไปคุยมาถึงรู้ว่าเค้ามีบริการอื่นๆ อีกหลายอย่างมากที่สะดวกสำหรับคนต่างชาติอย่างเราๆ

บริการเช่าเครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์

ห้องเช่าในญี่ปุ่นส่วนใหญ่เป็นห้องเปล่าที่ไม่มีอะไรติดมาเลย (ส่วนใหญ่จะมีแค่แอร์) เราจำเป็นต้องซื้อเองทุกอย่างไม่ว่าจะโต๊ะ เตียง ฟูกนอน ตู้เย็น บางห้องไม่มีโคมไฟให้ด้วยซ้ำ ถ้าเป็นคนที่อยู่ญี่ปุ่นอยู่แล้ว แค่จะย้ายบ้านก็อาจจะไม่ต้องซื้อใหม่ แค่คนที่มาเรียนระยะสั้นๆ สัก 1 ปีหรือคนที่เพิ่งมาเป็นครั้งแรก ถ้าต้องซื้อใหม่หมดทุกอย่างบอกเลยว่าใช้เงินไม่น้อย

ที่นี่มีให้เลือกเช่าเครื่องใช้ไฟฟ้ากับเฟอร์นิเจอร์ได้ตามที่เราต้องการ มีทั้งแบบเป็นเซ็ตพื้นฐาน หรือจะเลือกเช่าเฉพาะอย่าง เอาแค่ตู้เย็นอย่างเดียวก็ได้ ราคาค่าเช่าจะคิดตามประเภทเป็นรายเดือน

ให้คำปรึกษาและซัพพอร์ตเรื่องต่างๆ

เวลาเช่าห้องใหม่เราต้องติดต่อขอเปิดใช้น้ำประปา แก๊ส และไฟฟ้าเอง ทาง LandHousing ก็จะติดต่อให้หมด ยกเว้นเรื่องสมัครอินเตอร์เน็ต เพราะอันนี้ทางบริษัทติดตั้งอินเตอร์เน็ตเค้าจะต้องคุยกับผู้สมัคร แล้วก็มีแพลนมีแพ็กเกจเยอะมากที่เราต้องเลือกเอง แต่ทาง LandHousing เค้าสามารถช่วยแนะนำข้อมูลให้ได้ ว่าให้เราโทรไปสมัครที่ไหน ถึงเวลานัดติดตั้งอินเตอร์เน็ตจริงต้องทำยังไง

ระหว่างอยู่อาศัยถ้ามีปัญหาอะไรเรื่องห้อง เราก็จำเป็นต้องติดต่อไปที่ฟุโดซังยะซังเสมอ พอมีเจ้าหน้าที่คนไทยก็อุ่นใจขึ้นเยอะว่าคุยกันรู้เรื่องแน่นอน

แชร์เฮาส์

นอกจากห้องเช่าทั่วไปแล้วทาง Landhousing ยังมีบ้านแชร์เฮ้าส์ของทางบริษัทเองใจกลางโตเกียวถึง 3 แห่ง สำหรับรองรับลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติโดยเฉพาะ แบ่งเป็นบ้านหลังสำหรับผู้หญิงและหลังสำหรับผู้ชายแยกจากกัน

แชร์เฮาส์ดีตรงสัญญาเช่าเริ่มต้นที่ 1 เดือน เหมาะสำหรับคนที่มาเรียนภาษาแบบระยะสั้น มาทำงานระยะสั้น คนที่หาที่พักชั่วคราว หรือไม่อยากเช่าห้องแบบทั่วไปที่ต้องทำสัญญาระยะยาว

ภายในแชร์เฮาส์จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกพวกตู้เย็น ไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า ที่เป็นของส่วนกลางไว้ให้แล้ว ในห้องก็มีเตียง โต๊ะ ส่วนผ้าปูเตียงที่ไม่ใช่ของที่ใช้ร่วมกันสามารถไปซื้อเองหรือแจ้งให้ทางบริษัทหาไว้ให้ล่วงหน้าก็ได้

บริการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์

ไม่เฉพาะคนไทยที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นเท่านั้น คนที่อยู่ไทยก็สามารถซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่นได้ ทั้งคนที่อยากหาซื้อบ้านหรือห้องไว้สำหรับอยู่เอง คุณพ่อคุณแม่ที่อยากซื้อห้องให้ลูกที่มาเรียน หรือคนที่อยากลงทุนซื้อห้องแล้วปล่อยให้เช่า ทาง LandHousing สามารถช่วยจัดการให้ได้ อันนี้ไปสอบถามรายละเอียดจากทางสาขาที่ไทยได้

ไปปรึกษาเรื่องเช่าห้องกับเจ้าหน้าที่คนไทยได้ที่ LandHousing

คิดย้อนไปสมัยตัวเองหาห้องเช่าในญี่ปุ่นเมื่อสิบกว่าปีก่อน กว่าจะได้ห้องทีต้องไปดูมาตั้งหลายครั้ง แถมการเป็นคนต่างชาติทำให้ติดปัญหาหลายอย่างด้วย บางทีก็คุยกับบริษัทฟุโดซังยะซังไม่ค่อยรู้เรื่อง อยากบอกหลายอย่างแต่ภาษาญี่ปุ่นก็ยังไม่ค่อยแข็งแรง นึกเสียดายที่ตอนนั้นยังไม่มีบริษัทที่มีเจ้าหน้าที่คนไทยอย่าง LandHousing

เอาเป็นว่าคนไทยที่อยู่ญี่ปุ่น ถ้าจะย้ายบ้านก็ลองติดต่อมาที่สาขาใหญ่ในญี่ปุ่นไปได้ ส่วนคนที่อยู่ไทยแล้วกำลังมีแผนจะมาญี่ปุ่น ก็ติดต่อไปที่สาขาไทยได้ เจ้าหน้าที่คนไทยรอให้คำปรึกษาอยู่แล้ว

ติดต่อ LandHousing ผ่านแบบฟอร์ม