Keisei พาเพลิน One day Trip! เที่ยวสนุกเที่ยวสบายใกล้สนามบินแบบไม่ง้อโตเกียว

Keisei พาเพลิน One day Trip! เที่ยวสนุกเที่ยวสบายใกล้สนามบินแบบไม่ง้อโตเกียว

สนามบินนาริตะเป็นมิตรแสนดีที่ชาวไทยพึ่งพามาแสนนาน หลายคนคงจะคุ้นเคยกับการเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองเพื่อตะลุยเที่ยวต่อ แต่รู้มั้ยว่าจริงๆ แล้ว สนามบินนาริตะอยู่ในเขตจังหวัดจิบะและเราสามารถแวะเที่ยวตามจุดต่างๆ ระหว่างเดินทางเข้าเมืองด้วยรถไฟของ Keisei Electric Railway ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายรูปแบบให้เราเลือกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและการตระเวนกินของอร่อยๆ จนเราแอบรู้สึกว่าไม่ต้องรีบไปโตเกียวเลยนี่นา

ในเส้นทางของรถไฟ Keisei Electric Railway มีความสนุกสุขสันต์อยู่มากมาย วันนี้เราขอยกส่วนหนึ่งมานำเสนอตัวอย่างเส้นทางท่องเที่ยวชิลล์ๆ ใน 1 วันจากสนามบินนาริตะ – สถานี Chiba-Chuo (จิบะชูโอ) ให้รู้จักเสน่ห์ของเส้นทางนี้กันแบบรวบตึงสิ่งที่ชาวไทยใฝ่ฝันถึง เช่น การไหว้พระ ชมวิว ช็อปปิ้งและชิมของอร่อยทั้งคาวหวาน!

เส้นทางการท่องเที่ยวแนะนำ

9:00 เริ่มต้นที่สถานี Keisei Narita
9:00-9:30 เดินเล่นย่าน Omotesando
9:30-12:00 วัดนาริตะซังและสวนนาริตะซัง
12:00-13:30 ร้านข้าวหน้าปลาไหล Kawatoyo
14:08-15:02 มุ่งหน้าสู่สถานี Chiba-Chuo
15:05-15:30 check in/เก็บกระเป๋า ที่โรงแรม Miramare
15:30-18:00 ตะลุยช็อปปิ้งร้านดังย่านสถานี Chiba-Chuo
+แถมข้อมูล café hopping

เริ่มต้นที่วัด Naritasan Shinsho-ji หรือที่คนไทยรู้จักกันในนามวัดนาริตะซัง

สายมูต้องชอบสิ่งนี้ เปิดทริปด้วยการสร้างสิริมงคลเอาฤกษ์เอาชัย

ลากกระเป๋าจากสนามบินขึ้นรถไฟเคเซจากสถานี Airport Terminal 2 ใช้เวลาเพียงแค่ 8 นาที(270เยน) เราก็จะเดินทางมาถึงที่สถานี Keisei Narita สำหรับคนที่พกกระเป๋าใหญ่มาไม่ต้องกังวลไป สถานีนี้มีทั้งลิฟต์และบันไดเลื่อน ที่สำคัญมีล็อกเกอร์หน้าสถานีให้ฝากกระเป๋าอย่างสะดวกสบาย(ราคาต่างกันไปตามขนาดของล็อกเกอร์) คนที่มาที่นี่ครั้งแรกไม่ต้องกลัวงงเพราะมีทางออกเดียว ไปไม่ผิดที่แน่นอน ในสถานีมีเบเกอรี่เล็กๆ ด้วย ใครหิวก็แวะซื้อขนมปังกินรองท้องก่อนได้เลย เอาล่ะ เตรียมตัวพร้อมแล้วก็เดินไปวัดนาริตะซังกันเถอะ!

Omotesando

หันหลังให้สถานีแล้วมุ่งหน้าไปยังถนนใหญ่ เราจะเห็นหอนาฬิกา Narita Karakuri Tokei ตั้งอยู่เป็นสัญลักษณ์ให้รู้ว่าเข้าสู่ Omotesando(โอโมะเตะซังโด) ย่านที่เต็มไปด้วยบรรยากาศความเก่าแก่ทางวัฒนธรรมแล้ว เดินไปทางขวาจะได้พบกับร้านค้ามากมาย ว่ากันว่าเหล่าลูกเรือสายการบินต่างๆ ชอบมาแวะหาเดินเล่นกันที่นี่ด้วยล่ะ เดินไปเรื่อยๆ จะเจอรูปปั้นหิน 12 นักษัตรน่ารักๆ รอต้อนรับอยู่ริมถนน ถ้ามองดีๆ จะได้เจอน้องเต่าแอบเนียนมาอยู่ด้วยแม้ว่าจะไม่ใช่ 1 ใน 12 นักษัตรก็ตาม เพราะน้องเต่าอยากมาอวยพรให้คนที่มาเที่ยวที่นี่มีสุขภาพแข็งแรง(เต่าเป็นสัตว์มงคลที่สื่อถึงอายุยืนยาว)และเดินเล่นต้วมเตี้ยมสบายๆ ไม่ต้องรีบร้อน

Naritasan

ณ ปลายทางของโอโมะเตะซังโดในที่สุดเราก็เดินมาถึง Soumon (โซมง) ทางเข้าหลักของวัดนาริตะซัง (จริงๆ แล้วถ้าเดินแบบไม่แวะเลย แค่ 10 นาทีก็ถึง!) แค่ประตูทางเข้าก็เต็มไปด้วยความโอ่อ่าและความประณีตของช่างไม้ที่ทำให้รู้สึกสำรวมขึ้นมาในทันที
วัดนาริตะซังเป็นวัดพุทธเก่าแก่ที่ผู้คนศรัทธา ในช่วงวันขึ้นปีใหม่ (1-3 ม.ค.) มีคนเดินทางมาไหว้พระมากถึง 3 ล้านคน/ปีโดยเฉลี่ย ที่นี่มีชื่อเสียงเรื่องพิธี Ogoma (โอโกมะ) ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยให้คำอธิษฐานเป็นจริงทั้งเรื่องความปลอดภัย ค้าขาย ความก้าวหน้าในอาชีพการงานต่างๆ อาณาบริเวณของวัดนาริตะซังกว้างใหญ่มาก มีอาคารสำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรมมากมาย แค่ได้สำรวจความงดงามและปราณีตของสถาปัตยกรรมเก่าแก่ก็เพลิดเพลินและชวนให้สงบใจ

อาคารหลักที่อยากแนะนำได้แก่ Daihondo (ไดฮงโด)อาคารกลางซึ่งเป็นอาคารหลักของวัดควรแวะมาไหว้พระที่นี่นะ ในอาคารมีเครื่องรางต่างๆ จำหน่ายด้วย ต่อมาคือเจดีย์สามชั้นซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน เจดีย์แห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปทั้ง 5 องค์ซึ่งมีความวิจิตรสวยสง่ามากทั้งโครงสร้างอาคาร งานแกะสลักและลงสี สมแล้วที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศ นอกจากนี้วิหาร Komyodo(โคเมียวโด)ซึ่งคนมักขอพรเรื่องความรักและการงาน, Shakado(ชากะโด)ซึ่งโด่งดังเรื่องโชคลาภและปัดเป่าทุกข์ภัย, Gakudo(กะคุโด)และประตู Nio-mon(นิโอมง)ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเช่นกัน ส่วนคนที่อยากขอพรเรื่องการเรียนแนะนำศาลเจ้า Tenmangu และถ้าอยากศึกษาประวัติศาสตร์ของวัดนาริตะซัง ต้องไปที่ Heiwado(เฮวะโด) ซึ่งอยู่ตอนเหนือสุดของเขตวัด

วัดนาริตะซัง ชินโชจิ

1 นาริตะ เมืองนาริตะ จังหวัดชิบะ 286-0023

Naritasan Park

นี่เป็นสวนในวัดที่ร่มรื่นมากและกว้างใหญ่มากที่สุดแห่งหนึ่งด้วยพื้นที่กว่า 165,000 ตร.ม.! ที่นี่เปิดให้เข้าชมตลอดปีจึงสามารถชื่นชมความงามทั้งสี่ฤดูของญี่ปุ่นได้อย่างเพลิดเพลิน ยิ่งใครชอบดูดอกไม้และใบไม้เปลี่ยนสีละก็ห้ามพลาดเลย ภายในสวนมีบ่อน้ำขนาดใหญ่ที่มีเหล่าปลาว่ายเล่นกันอย่างสนุกสนาน นอกจากธรรมชาติ ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์และงานเขียนอักษรแผ่นจารึกด้วย ใหญ่และมีอะไรให้ดูมากมายขนาดนี้ ถ้าจะเดินให้ครบรอบน่าจะต้องใช้เวลาถึง 1 ช.ม. แต่ไม่ต้องกังวลไป สวนนี้เข้าออกได้หลายทาง เช่น วิหารโคเมียวโด หอเฮวะโด เราสามารถเลือกชมเท่าที่สะดวกแล้วมุ่งหน้าไปยังจุดอื่นได้เลย

นอกจากนี้วัดนาริตะซังยังใส่ใจในรายละเอียด เตรียมลิฟต์สำหรับบริเวณที่ต้องขึ้นบันไดสูง ผู้สูงอายุหรือผู้ใช้รถเข็นสามารถมาสักการะได้สะดวก มีห้องน้ำมากมายและมีแผ่นพับภาษาไทยด้วย(ใบเซียมซีก็มีคำแปลภาษาอังกฤษ) ถือเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่อยากให้ทุกคนแวะมากัน

แวะกินอาหารกลางวันที่ร้านข้าวหน้าปลาไหล Kawatoyo Honten

อิ่มบุญแล้วถึงเวลาทำให้ตัวเองอิ่มท้อง!

มาแถวนี้อาหารที่อยากแนะนำแบบสุดหัวใจก็คือข้าวหน้าปลาไหลร้าน Kawatoyo ซึ่งแสนโด่งดังและเก่าแก่ ร้านนี้เปิดมาตั้งแต่ปี 1910 Kawatoyo มีความเชี่ยวชาญด้านปลาไหลสะสมมานับ 100 ปีรวมไปถึงการเลือกซื้อปลาเพราะอดีตเคยเป็นร้านขายส่งปลาแม่น้ำที่ใจดีสอนการปรุงปลาไหลให้พ่อครัวร้านอื่นๆ ด้วยจนเมนูปลาไหลกลายเป็นของขึ้นชื่อประจำย่าน ธรรมเนียมสำคัญของที่นี่คือการใส่ใจเรื่องความสดใหม่ แร่ปลาสดๆ แล้วนำมาย่างทันที ซึ่งกว่าจะได้ข้าวหน้าปลาไหลแสนอร่อยนั้น จริงๆ แล้วมีถึง 5 ขั้นตอนได้แก่ แร่ เสียบไม้ ย่างรอบที่หนึ่ง นึ่งและย่างรอบที่สอง

บริเวณหน้าร้านมีเชฟผู้เชี่ยวชาญโชว์การแร่ปลาและการย่างปลาไหลส่งกลิ่นหอมให้เราชื่นชมเทคนิคการทำอาหารเก่าแก่อย่างใกล้ชิด เห็นเชฟแต่ละคนขยับอย่างคล่องแคล่วว่องไวอาจจะคิดว่าทำง่าย จริงๆ แล้วมันคือทักษะที่ต้องใช้เวลาฝึกฝนนานมาก คุณ Kosumi Ito เจ้าของร้านเล่าให้เราฟังว่าโดยทั่วไปการฝึกเสียบไม้ใช้เวลา 3 ปี ฝึกแร่ปลาอีก 8 ปี ส่วนการย่างนั้นต้องฝึกกันไปทั้งชีวิต ยิ่งการย่างปลาหลังนึ่งนั้นแสนยากเพราะเนื้อปลานุ่มแล้วแถมยังชุบซอสลับเป็นระยะเพื่อความเข้มข้นของรสชาติ การย่างให้สุกสม่ำเสมอโดยได้หนังกรอบและเนื้อปลาเนียนสวยไม่หล่นลงไปในเตาจึงเป็นเรื่องยากสุดๆ

ส่วนเมนูมีให้เลือกหลากหลาย โดยส่วนตัวของแนะนำข้าวหน้าปลาไหลขนาดกลาง(3,600เยน)กับซุปตับปลาไหล(150เยน) น้ำซุปหอมๆ รสเบาๆ ช่วยส่งเสริมความเข้มข้นของปลาไหลได้ดีมากๆ ใครอยากลองกินปลาไหลย่างแบบไม่ปรุงรสก็มีนะ ความงดงามอีกอย่างคือ มีเมนูภาษาไทยพร้อมรูปถ่าย ตัวร้านก็น่าชื่นชมไม่แพ้อาหาร อาคารไม้สามชั้นที่แสนเวรี่เจแปนนีสแห่งนี้ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ การได้มานั่งกินข้าวหน้าปลาไหลสูตรต้นตำรับเก่าแก่ที่นี่คือความลงตัวทางวัฒนธรรมที่แท้จริง

อ้อ! ร้านนี้ป๊อบมากๆ ทั้งในหมู่ชาวต่างชาติและคนญี่ปุ่นและไม่สามารถจองล่วงหน้าได้ ถ้าร้านเต็มเมื่อไหร่จะมีการแจกบัตรคิวที่หน้าร้าน รีบมาไวหน่อยก็ดีแต่จะรับบัตรคิวแล้วไปเดินโอโมะเทะซังโดรอก็เพลิดไปอีกแบบ หรือจะแวะไปหาข้อมูลการท่องเที่ยวย่านนาริตะที่อยู่ฝั่งตรงข้ามร้านก็ดี ความสะดวกคือเราสามารถเช็คหมายเลขคิวได้ที่เว็บไซต์ด้วยล่ะ

ร้านค้าหลักคาวาโตโย

386 นากามาจิ เมืองนาริตะ จังหวัดชิบะ 286-0027

ไถกระเป๋าเข้าเช็คอิน ณ Keisei Hotel Miramare โรงแรมหรูอยู่สบายเดินทางสะดวกราคาสบายกระเป๋า

กินอิ่มแล้วได้เวลาเดินทางจากสถานีเคเซนาริตะไปสถานีจิบะชูโอซึ่งเป็นย่านใจกลางเมืองของจังหวัดจิบะซึ่งมีโรงแรมหรูและห้างสรรพสินค้ารอเราอยู่

จากสถานีเคเซนาริตะ เลือกขึ้นรถไฟบนชานชาลาหมายเลข 1 หรือ 2 ที่มุ่งหน้าไปยัง Ueno จากนั้นลงที่สถานี Keisei Tsudanuma(เคเซซึดะนุมะ) เพื่อเปลี่ยนรถไฟไปยังสถานีจิบะชูโอด้วยรถไฟที่มุ่งหน้าไปยังจิบะชูโอที่ชานชาลาหมายเลข 5 ทั้งหมดทั้งมวลใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง(610เยน) ถือเป็นการนั่งพักเบาๆ ก่อนตะลุยช็อปปิ้งต่อ

เมื่อเดินทางมาถึงสถานีจิบะชูโอสามารถเดินไปเช็คอินได้ใน 3 นาทีเพราะโรงแรม Keisei Hotel Mirmare อยู่ติดกับสถานีเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาคารใหม่ annex อยู่หน้าสถานีเลยล่ะ สะดวกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว แต่โรงแรมนี้ไม่ได้มีดีแค่เรื่องนั้น ห้องหับแต่ละประเภทนั้นเริ่มต้นที่ 18 ตร.ม. ถือว่ากว้างขวางเมื่อเทียบกับโรงแรมบิสเสเนสในเมืองทั่วไปแถมมีห้องให้เลือกหลากหลาย เช่น standard, superior, executive/delux, luxury, suite/japanese ส่วน annex อาคารใหม่ที่เพิ่งเมื่อเดือนต.ค. 2021 มี casual twin, superior twin, annex queen room และ annex universal ซึ่งสวยใหม่กว้างและปังมาก บางห้องโรงแรมมองเห็นภูเขาไฟฟูจิด้วยนะในวันที่อากาศแจ่มใส อีกอย่างที่ชอบมากคือความใจดี เช็คอินได้ตั้งแต่ 13:00 และเช็คเอาต์ 11:00 มีรถบัสรับส่งไปดิสนีย์ซี/ดิสนีย์แลนด์(ตอนนี้งดอยู่เพราะโควิด) รวมไปถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายที่เข้าใจวิถีชีวิตคนยุคนี้ เช่น สมาร์ททีวีที่สามารถดู youtube, netflix ได้อย่างง่ายดาย ห้องน้ำกว้างๆ และปลั๊กไฟบริเวณหัวเตียง แน่นอนว่าฟรีไวไฟทั่วทุกห้องทุกซอกมุมของอาคาร

สำหรับคนที่อยากพักผ่อน ไม่ต้องการไปไหนไกล โรงแรมนี้ตอบโจทย์มาก มีร้านอาหารให้เลือกหลายประเภททั้งญี่ปุ่น จีนและตะวันตก พื้นที่ส่วนหนึ่งของโรงแรมมีร้านอาหารอื่นๆ มาเช่าที่เพิ่มตัวเลือกให้ผู้มาพักแรมด้วย เก๋ขึ้นไปอีกที่มีโรงภาพยนตร์อยู่ในอาคารเดียวกันนี้อีกต่างหาก คอกาแฟก็ยิ้มได้เพราะสตาร์บัคส์อยู่ติดกันเลย ครบเครื่องสุดๆ

โรงแรมเคเซ มิรามาเระ

ได้เวลาตะลุยช็อปปิ้งแถวสถานีจิบะชูโอ!

เอากระเป๋าเก็บเข้าห้องเรียบร้อยแล้วก็ไปซื้อของกันดีกว่า เริ่มต้นที่ Mio ห้างสรรพสินค้าซึ่งเดินมาจากสถานีจิบะชูโอก็เจอเลย(และอยู่ติดกับโรงแรม Keisei Hotel Miramare) ห้างนี้แบ่งเป็น 2 อาคารแต่เชื่อมถึงกันหมดและมีทุกอย่างที่เราอยากซื้อ เช่น ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยาและเครื่องสำอาง เสื้อผ้ารองเท้ากระเป๋า ตัวอย่างร้านที่ชาวไทยน่าจะคุ้นเคยกันดีคือ Matsumoto Kiyoshi, KFC, McDonald, Starbucks, Little mermaid ร้านขนมปังที่ไปเปิดสาขาที่เมืองไทย และแน่นอนว่ามีร้าน100เยน!

Daiso

Daiso สาขานี้ขนาดใหญ่มากเกือบ 1,000 ตร.ม. ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของ Mio1 ซึ่งเดินออกจากรถไฟมาเข้าห้างเลี้ยวซ้ายไปขึ้นบันไดเลื่อนในซุปเปอร์มาร์เก็ตก็เจอเลย ใหญ่ขนาดนี้แน่นอนว่าขนของมาครบที่หมวดหมู่แถมยังมีมุมพิเศษอย่าง threeppy ซึ่งนำเสนอสินค้าไฮโซขึ้นอีกหนึ่งระดับกุ๊กกิ๊กขึ้นมาอีกหน่อยในราคาเริ่มต้นที่ 300 เยน วันจันทร์-ศุกร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์เปิดตั้งแต่ 9:00-21:00 ส่วนเสาร์อาทิตย์เปิด 10:00-21:00 มีเวลาช็อปจุใจยันดึกดื่นเลยทีเดียว

Fruits Parlor Sonaru

อีกร้านที่อยากแนะนำคือ Fruits Parlor Sonaru ร้านขายแซนด์วิชผลไม้ที่ทั้งน่ารักถ่ายรูปขึ้นและอร่อยสดชื่นดีต่อใจ ร้านนี้อยู่ชั้น 1 ของ Mio1 เดินตรงๆ เข้ามาจากประตูที่อยู่หน้าสถานีจนสุดอีกประตูก็จะเจอร้านน่ารักสีสันสดใสรอต้อนรับพร้อมความสดใหม่ของผลไม้ ที่นี่มีทั้งแซนด์วิชเมนูประจำและเมนูพิเศษที่เปลี่ยนไปตามผลไม้ของแต่ละฤดู เมนูสุดป๊อบตลอดปีได้แก่น้องแซนด์วิชผลไม้รวม ส่วนในช่วงธ.ค. ที่เราแวะไปมีเมนูพิเศษของสตรอว์เบอร์รีพอดี เลยขอลองเมนู limited อย่างแซนด์วิชไส้สตรอว์เบอร์รีพันธุ์อะมะโอลูกโตๆ โปะครีมชีสมาสคาโปน รสเปรี้ยวหวานของสตรอว์เบอร์รีเข้ากันได้ดีกับครีมสดรสนัวๆ แถมยังให้สตรอว์เบอร์รีเยอะมาก อร่อยฟินสดชื่นสุดๆ แม้จะไม่มีที่ให้นั่งกินในร้าน แต่ซื้อกลับไปกินเล่นที่ห้องพักโรงแรมก็สะดวกเหมือนกัน ร้านเปิดตั้งแต่ 10:00-20:00

ศูนย์การค้าชิบะเซ็นทรัล มิโอะ

15-1 Honchibacho, Chuo-ku, Chiba-shi, Chiba 260-0014 ศูนย์การค้าชิบะชู...

animate

เหล่าผู้รักการ์ตูนและอนิเมได้เฮ ใกล้ๆ โรงแรมมีร้านขายของเล่นชื่อดังอย่าง animate ด้วยล่ะ ใช้เวลาเดินแค่ 1 นาทีเท่านั้น! แม้ร้านจะไม่ใหญ่มากและอยู่ชั้นใต้ดินแต่รวมสินค้าการ์ตูน/อนิเมไว้ครบถ้วน แบ่งโซนขายสินค้าและหนังสือการ์ตูนไว้เรียบร้อย วันธรรมดาร้านเปิด 12:00-20:00 ส่วนวันเสาร์อาทิตย์ 10:00-20:00

แอนิเมท ชิบะ

2-22-2 Fujimi, Chuo-ku, Chiba-shi, Chiba 260-0015 อาคาร Chiba Chuo Eki...

Don Quijote สาขา Chiba Chuo

พูดถึงเรื่องช็อปปิ้งจะไม่มีร้าน Don Quijote หรือดองกิโฮเต้ที่คนไทยแสนรักได้ยังไง สาขาจิบะชูโอนี้มีถึง 3 ชั้นแน่ะ! มีครบทุกอย่างเช่น ชั้น 1 เน้นขนม อาหารกรุบกริบ ชั้น 2 เป็นเครื่องสำอางต่างๆ และชั้น 3 เป็นสินค้าอิเล็คทรอนิกส์ มีของให้เลือกเยอะแถมเปิดตั้งแต่ 9:00-5:00 ช้อปได้เกือบทั้งวันแบบไม่มีอะไรมาขวางกั้น ที่ตั้งอาจจะอยู่ห่างจากสถานีจิบะชูโอสักหน่อย ถ้านั่งรถแท็กซี่ เพียง 5 นาทีก็ถึง หรือจะเดินมาขึ้นรถเม Chiba Nairiku Bus สาย Mitsuwadai ที่อยู่ห่างมาประมาณ 9 นาทีจากโรงแรมก็ได้ นั่ง 3 ป้ายใช้เวลาแค่ 5 นาทีเช่นกันโดยลงป้าย Yukou 4-chome เดินจากป้ายรถเมเพียง 2 นาทีก็ถึง ช็อปเสร็จก็กลับไปหาอะไรกินแถวโรงแรมได้เลย มีร้านค้าให้เลือกเยอะมากครบทุกประเภทที่เราพอจะนึกถึง เป็นอันจบวันสวยๆ แบบครบทุกรส

ดองกิโฮเต้ ชิบะ เซ็นทรัลสโตร์

3-10-6 Yuko, Chuo-ku, Chiba-shi, Chiba 260-0007

+Café Hopping@สถานีKeisei Makuhari

แถมท้ายให้อีกนิดสำหรับคนที่เริ่มหลงรักย่านนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง coffee lover และ café hopper นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Keisei-Makuhari (เคเซมาคุฮาริ) มีคาเฟ่ดีๆ ให้เราฮอปสนุกเชียวล่ะ เช่น Hamano Coffee Stand, Café Little Favourite และ Petit Merier เราอยากแนะนำ Petit Merier เป็นพิเศษเพราะว่าเป็นร้านขนมหวานดังที่สร้างความสดใสให้ผู้คนในแถบมะคุฮะริมาถึง 22 ปีแล้ว มีขนมหวานหลากหลายให้เลือกทั้งขนมอบ ขนมสด เค้ก พุดดิ้ง ทาร์ต ชูครีม โดนัท บามคูเฮนและอีกสารพันความหวานที่มาพร้อมความอร่อย ในร้านมีโซนคาเฟ่สั่งอาหารคาวเป็นเรื่องเป็นราวได้เลย จบคาวต่อหวานได้อย่างเบิกบานใจ

ตะลอนเที่ยวตามเส้นทางรถไฟเคเซนี่ครบเครื่องจริงๆ แม้ว่าวันนี้จะแนะนำแบบการเดินทางเมื่อมาถึงญี่ปุ่นแต่จะเอาเส้นทางแนะนำนี้มาปรับใช้เที่ยวก่อนกลับประเทศไทยก็ได้เหมือนกันนะ ขอให้ทุกคนได้สนุกกับการเดินทางแบบที่ถูกใจค่ะ

เปอตี มารีเอ

〒261-0004 3-13-1 ทาคาสึ มิฮามะคุ ชิบะชิ อาคารหลักชิบะ มารีนเพีย

ตะลอนเที่ยวตามเส้นทางรถไฟเคเซนี่ครบเครื่องจริงๆ แม้ว่าวันนี้จะแนะนำแบบการเดินทางเมื่อมาถึงญี่ปุ่นแต่จะเอาเส้นทางแนะนำนี้มาปรับใช้เที่ยวก่อนกลับประเทศไทยก็ได้เหมือนกันนะ ขอให้ทุกคนได้สนุกกับการเดินทางแบบที่ถูกใจค่ะ

สรุปเส้นทางการท่องเที่ยวด้วยรถไฟเคเซใน 1 วัน

สถานี Keisei Narita→เดินเล่นย่าน Omotesando→วัดนาริตะซังและสวนนาริตะซัง→ร้านข้าวหน้าปลาไหล Kawatoyo→มุ่งหน้าสู่สถานี Chiba-Chuo→check in/เก็บกระเป๋า ที่โรงแรม Miramare →ตะลุยช็อปปิ้งร้านดังย่านสถานี Chiba-Chuo

ค่าข้าวหน้าปลาไหลขนาดกลาง 3,600 เยน(ราคารวมภาษี) ซุปตับปลาไหล 150เยน(ราคารวมภาษี)

ค่าแซนด์วิชไส้สตรอว์เบอร์รีพันธุ์โทจิโอะโตะเมะ 626 เยน(ราคารวมภาษี)

Supported by Keisei Electric Railway Co.,Ltd.