Start planning your trip
3 สถานที่ชมอาจิไซบาน ท่ามกลางเมืองเก่า คามาคุระ (Kamakura)
ใครๆ ก็มาคามาคุระเพื่อไปไหว้พระใหญ่ไดบุตสึ แต่บอกเลยว่าถ้ามาหน้าฝนจะได้ของแถมเป็นดอกอาจิไซ (Ajisai) หรือดอกไฮเดรนเยีย (Hydrangea) บานสะพรั่งให้ชมด้วย ครั้งนี้เลยขอมาแนะนำ 3 สถานที่ชมอาจิไซชื่อดังในคามาคุระให้ได้ชมกันครับ
ด้วยความที่คามาคุระเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายจึงมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมตลอดทั้งปี แต่คุณผู้อ่านรู้มั้ยครับว่าช่วงไหนของปีที่มีคนมาเที่ยวมากที่สุดกัน
คำตอบก็คือหน้าฝนครับ เพราะว่าต้นอาจิไซ (Ajisai) หรือไฮเดรนเยีย (Hydrangea) จะบานในช่วงเดือนมิถุนายนของญี่ปุ่นครับ
เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าความงามของดอกไฮเดรนเยียจะยิ่งสวยขึ้นเมื่ออยู่ใต้ท้องฟ้าที่ฝนกำลังโปรยปรายมาช่วยขับนั่นเองครับ จริงอยู่ว่าพอฝนตกการอยู่ในบ้านอาจจะเป็นการดี แต่ลองเปลี่ยนบรรยากาศออกไปชมดอกอาจิไซใต้สายฝนก็ไม่เลวเหมือนกันนะครับ
ไปชมดอกอาจิไซงามๆ ที่วัดอะจิไซ ในคามาคุระ
ใครมีแผนจะไปชมดอกอาจิไซล่ะก็จดชื่อสถานีรถไฟเหล่านี้เก็บไว้เลยครับ สำหรับรถไฟสถานีคิตะคามาคุระ (Kita-Kamakura) และสถานีคามาคุระ (Kamakura) ของ JR กับสถานีโกคุระคุจิ (Gokurakuji) และสถานีฮาเสะ (Hase) ของรถรางไฟฟ้าเอโนะเด็น (Enoden)
ถึงต้นอาจิไซจะมีถิ่นกำเนิดจากญี่ปุ่น แต่ส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นในประเทศตะวันตกและนำกลับมาปลูกใหม่ในญี่ปุ่น ถ้าอยากชมอาจิไซสายพันธุ์ญี่ปุ่นดั้งเดิมล่ะก็ ต้องไปที่วัดเมเก็ตสึอิน (Meigetsu-in Temple) หรือชื่อที่คนนิยมเรียกกันคือ "อาจิไซเดระ" วัดดอกอาจิไซครับ
เรื่องน่าพิศวงเกี่ยวกับดอกไฮเดรนเยียก็คือ สีของกลีบดอกจะเปลี่ยนไปตามค่าความเป็นกรด - ด่าง (ค่าpH) ของดิน และถึงดอกจะบานแล้วก็ยังเปลี่ยนสีได้ ดังนั้นตอนแรกอาจจะเห็นกลีบดอกสีขาว ผ่านไปก็อาจเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน ม่วง หรือชมพูได้ บางทีจึงถูกเรียกชื่อว่า "ชิจิเฮ็นเกะ (七変化 : เปลี่ยนแปลงอย่างหลากหลาย) หรือ ฮัซเซ็นกะ (八仙花 : ดอกแปดเซียน) ครับ
ในภาษาดอกไม้ ดอกอาจิไซ หมายถึง ความผันแปร การเปลี่ยนใจ ความทะนงตน เฉยชา เป็นต้น ไม่แน่คนญี่ปุ่นอาจมองว่าดอกไฮเดรนเยียสื่อถึงความรักที่ไม่สมหวัง หรือความผกผันในชีวิต เพราะเอาไปเปรียบเปรยกับการโดนเม็ดฝนโปรยปรายใส่อย่างไม่หยุดหย่อน และสีของดอกที่ผันเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมของดอกอาจิไซก็เป็นได้
ในอีกแง่นึงด้วยความที่ดอกไม้นี้เกิดจากการกระจุกรวมกันของดอกไม้เล็กๆ ทำให้เกิดอีกความหมายหนึ่งขึ้นมาคือ พันธะหรือสายสัมพันธ์ภายในครอบครัว ความรักที่ยั่งยืน การตีความดังกล่าวเริ่มได้รับความสนใจเมื่อไม่นานมานี้ นอกจากนี้ชาวญี่ปุ่นยังเลือกให้ดอกอาจิไซเป็นของขวัญแก่คุณแม่ในวันแม่อีกด้วย
แล้วคุณผู้อ่านมองว่าดอกไฮเดรนเยียสื่อถึงอะไรกันบ้างครับ?
ป้ายในภาพข้างล่างอยู่ในวัดอาจิไซครับ
โดยเขียนเอาไว้ว่า "เสียงระฆังจากวัดกิองที่ก้องสะท้อนอยู่นั้นแสดงให้เห็นถึงความไม่ถาวรใดใดในทั้งปวงฉันใด สีของดอกสาละก็เผยให้เห็นความจริงที่ว่าไม่มีความรุ่งเรืองใดที่ไม่มีวันเสื่อมถอยฉันนั้น"
หากจะหาดอกไม้ที่เข้ากันกับบริบทของข้อความในแผ่นป้ายข้างบนล่ะก็ ถ้าใช้ดอกไม้สีสันสดใสสะดุดตาคงจะไม่เหมาะเท่าดอกอาจิไซ ที่ไม่เพียงแต่สวย แต่ยังเป็นดอกไม้ที่เป็นตัวแทนของความไม่จีรังยั่งยืนอันแสนเศร้าได้ดีที่สุดด้วยครับ
สายฝนที่โปรยปราย แต่งแต้มสีสันให้คามาคุระในหน้าฝน
ที่นี่ยังมีสถานที่ให้คุณผู้อ่านไปชมดอกอาจิไซอีกมากมายนอกเหนือไปจากวัดเมเก็ตสึอินด้วยนะครับ
ต้นไม้และต้นไผ่ปกคลุมกันแน่นขนาดเดินโดยไม่ต้องกางร่มยังได้เลยนะเนี่ย
วิวชายหาดโชนันระหว่างกำลังลงจากเขา
ดอกอาจิไซที่บานอยู่ริมทางช่วยเพิ่มความสดใส ระหว่างที่กำลังยืนถ่ายรูปรถรางเอโนะเด็นกับเหล่าช่างภาพผู้ชื่นชอบรถไฟทั้งหลาย
ต้นอาจิไซเล็กๆ ในตรอกแห่งหนึ่ง ที่มีทั้งดอกตูมกลมๆ น่ารักและดอกบานสีชมพูสดสวยงาม
ไม่ว่าจะดอกสีน้ำเงิน ม่วง หรือจะเป็นดอกชมพูปนขาว สีสวยสดใสเหล่านี้ล้วนดูน่ารัก แต่ก็ดูเศร้าๆ เข้ากับเม็ดฝนที่เกาะไปทั่วดอกและใบ
ในครั้งนี้ที่ผมได้มาเยือนคามาคุระคือช่วงต้นเดือนมิถุนายน ดอกอาจิไซในคามาคุระเพิ่งจะเริ่มบานยังไม่ถึงครึ่งดี เห็นว่าช่วงที่สวยที่สุดของปี 2014 จะอยู่ราวๆ กลางเดือนมิถุนายนครับ ดังนั้นหากคุณผู้อ่านจะไปดูดอกอาจิไซล่ะก็ ช่วงหน้าฝนนี่ล่ะเหมาะที่สุดแล้วครับ
นี่คือบัญชีของกองบรรณาธิการ MATCHA เราจะเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวอยากรู้ รวมถึงเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ของญี่ปุ่นที่ยังไม่มีใครรู้จัก
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง