Start planning your trip
เดินทางไปกลับจากโตเกียวในวันเดียว : หย่อนใจไปกับศาลเจ้าคาชิมะจินกูและงานดอกไอริสที่อิตะโคะ
เดินทางไปกลับจากโตเกียวได้ในวันเดียว กับการเที่ยวชมหนึ่งในศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดอย่าง คาชิมะจินกู ก่อนไปชมดอกไอริสสวยๆ ที่อิตาโกะ ชมพิธีล่องเรือเจ้าสาว จิบชาชมสวนญี่ปุ่นก่อนกลับ เราได้รวมไฮไลท์และการเดินทางไว้ให้คุณแล้ว!
เที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับใกล้ๆ โตเกียว กับบรรยากาศที่แตกต่าง!
โตเกียวย่อมเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทุกคนแวะมาเยี่ยมเยือน แต่หากอยากจะหาความสงบในโตเกียว อาจจะยากสักนิดหน่อย
วันนี้เราเลยจะมาแนะนำแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถเดินทางไปเช้าเย็นกลับจากโตเกียวได้ที่จังหวัดข้างเคียงอย่างจังหวัดอิบารากิ
ที่ได้ทั้งบรรยากาศเงียบสงบผ่อนคลาย แถมยังได้ชมหนึ่งในศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น ศาลเจ้าคาชิมะจินกู (Kashima Jingu Shrine)
ได้เพลิดเพลินกับดอกไอริสแสนสวยในเทศกาลดอกไอริสที่อิตะโคะ
ก่อนจะปิดท้ายด้วยการนั่งจิบชาในสวนเซนให้ใจสงบในวัดโจโชจิ (Choshoji)
ทั้งหมดนี้ ในหนึ่งวันเท่านั้น!
8:00 ขึ้นรถบัสที่สถานีโตเกียว
ออกเดินทางโดยรถบัส วิ่งตรงไปยังจุดหมายแรกของเรา คือ ศาลเจ้าคาชิมะจินกู ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง
สถานีโตเกียวอาจจะกว้างสักหน่อย ยังไงเผื่อเวลาเอาไว้นิดก็ดีค่ะ
หากมาถึงสถานีโดยรถไฟ ให้มองหาป้ายทางออกที่เขียนว่า Yaesu South Exit (八重洲南口) ค่ะ
พอออกมาจะเริ่มเห็นป้ายรถบัสแล้วล่ะ แต่ให้เลี้ยวขวามือ เดินไปจนสุดจะเจอออฟฟิสขายตั๋วรถดังในรูป
ส่วนการซื้อตั๋วรถบัสนั้น สามารถซื้อได้จากเครื่องขายตั๋วค่ะ แต่เนื่องจากเครื่องมีแต่ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น
เราจึงเตรียมรูปแนะนำวิธีการซื้อตั๋วมาให้กันตรงนี้เลย
หรือท่านใดจะเดินไปซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์ก็ได้เช่นกันค่ะ
โดยบอกว่าต้องการได้ตั๋วสำหรับไป Kashima Jingu (鹿島神宮)
ราคาตั๋วต่อหนึ่งเที่ยว คือ 1,830 เยนสำหรับผู้ใหญ่ และ 920 เยนสำหรับเด็ก
เพราะออกเดินทางแต่เช้า จะแวะซื้อข้าวปั้นหรือขนมปังขึ้นไปทานบนรถก็ดีเหมือนกันนะคะ
10:30 ไหว้พระที่ศาลเจ้า คาชิมะจินกู (Kashima Jingu Shrine)
ศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงด้านชัยชนะและการรบ
เมื่อลงรถบัสที่หน้าสถานีรถไฟ Kashima Jingu ขอแนะนำให้เช็คเวลารถไฟสักเล็กน้อย เพราะสถานีนี้มีรถไฟวิ่งไม่เยอะมากนัก แล้วเราจะเดินต่อไปยังศาลเจ้า คาชิมะจินกู กัน
หันหลังให้สถานีมองตรงไปจะเป็นเนิน ให้เดินตรงไปตามเนินนั้น
เมื่อสุดเนิน จะพบสี่แยกที่มีลูกฟุตบอลขนาดใหญ่วางอยู่พอดี เพราะเมืองนี้ก็ดังในเรื่องทีมฟุตบอลของ J ลีคของญี่ปุ่นด้วยล่ะ
พอเจอแบบนี้ปุ๊บ ก็เลี้ยวไปทางซ้ายมือ เดินตรงไปก็จะเห็นประตูโทริอิอันใหญ่ตั้งอยู่หน้าศาลเจ้าแล้ว
ศาลเจ้าคาชิมะจินกูนั้น เชื่อกันว่าก่อตั้งมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระจักรพรรดิจิมมุ ซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์แรกตามตำนานของญี่ปุ่นในราว 660 ปีก่อนคริสตกาล นั่นหมายความว่าศาลเจ้าแห่งนี้มีอายุมากกว่า 2600 ปีแล้ว แม้ในปัจจุบันนี้จะมีศาลเจ้าที่เรียกว่า "จินกู" หลายสิบศาลเจ้า แต่ในสมัยก่อนนั้นมีเพียง 3 ศาลเจ้าที่มีความเกี่ยวข้องกับตำนานการเกิดประเทศญี่ปุ่นและจักรพรรดิเท่านั้นที่จะใช้ชื่อนี้ได้ และศาลเจ้าแห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ
โดยที่นี่บูชาเทพเจ้า Takemikazuchi no Okami ซึ่งเป็นเทพที่ลงมาช่วยปราบญี่ปุ่นให้สงบ เพื่อให้จักรพรรดิจิมมุซึ่งเป็นโอรสเทพได้ขึ้นครองราชย์ จึงได้รับการนับถือให้เป็น "เทพแห่งการรบ การต่อสู้ และชัยชนะ" ในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นนั้นบันทึกเอาไว้ถึงตระกูลนักรบและผู้มีอำนาจหลายต่อหลายท่านที่เดินทางมาเคารพเทพเจ้าองค์นี้ทำให้เรามีโอกาสได้ชมของล้ำค่าที่มีคนถวายตั้งแต่สมัยเฮอัน ดาบเทพในตำนาน หรือมีศาลเจ้าภายในที่ถวายโดยตระกูลโชกุนโตกุงาวะ
สิ่งน่ารักอื่นๆ ที่อยากจะแนะนำให้มาลองสังเกตกันก็คือ ท่ามกลางแมกไม้ของทางเดินเมื่อเลยจากสวนกวาง จะมีกิ่งไม้ที่เป็นรูปหัวใจพอดีด้วย
ยังไงมาลองเดินหากันดูนะ!
ที่นี่ก็มีเครื่องรางมากมายไม่ต่างจากศาลเจ้าที่อื่น แต่ที่น่าสนใจก็คือเครื่องรางโอบิอุราไน (Obi Uranai) ที่จะเป็นกระดาษพับเป็นรูปสามเหลี่ยม มีปลายเชือกยื่นออกมาสี่เส้น
วิธีทำนายก็คือให้เราอธิษฐานก่อนจะผูกปลายเชือกสองเส้นเข้าหากันเป็นสองคู่ แล้วดึงเชือกออกมา
หากเชือกนั้นเชื่อมเป็นวงเดียว แปลว่าคำอธิษฐานจะสัมฤทธิ์ผล
หากเชื่อมเป็นสองวงที่เกี่ยวกันอยู่ แปลว่าคำอธิษฐานจะเป็นจริงเพียงแค่ส่วนหนึ่ง
หากเชื่อมเป็นสองวงที่แยกกัน แปลว่าคำอธิษฐานจะไม่เป็นจริง
12:00 แวะทานอาหารกลางวันกันที่ร้านซาซาเกง (Sasagen 笹元)
พอเดินชมศาลเจ้ากันเสร็จ เรามาแวะเติมพลังกันที่ร้านซาซาเกงที่ตั้งอยู่ข้างๆ ซุ้มประตูโทริอิ ตรงลานจอดรถกันค่ะ
ที่นี่มีอาหารขึ้นชื่อเป็นหอยตลับ หรือเรียกว่า ฮามากุริ ในภาษาญี่ปุ่น
หอยตลับของที่นี่เป็นหอยที่จับมาจากทะเลใกล้ๆ นี้เอง เพียงแค่นำไปย่างก็ได้ลิ้มรสหอมหวานของหอยสดๆ เนื้อนุ่มแน่นอย่างเต็มที่
ราคาหอยตลับย่างเป็นราคาตามฤดูกาล อยู่ในช่วงราคาประมาณ 500 - 800 เยนต่อหนึ่งตัว
นอกจากนั้นยังมีเมนูอร่อยอื่นๆ อีก เช่น แกงกะหรี่หอยตลับรสกลมกล่อม ไม่เผ็ดจนเกินไป จานละ 1,250 เยน
หรือข้าวหน้าเนื้อวัวฮิตาจิ ซึ่งเป็นวัวท้องถิ่นของจังหวัดอิบารากิ ปรุงมาอย่างหอมหวลเข้มข้น จานละ 1,350 เยน
13:00 ไปชมความงามของดอกไอริส (อายาเมะ) ณ สวนซุยโกอิตะโคะอายาเมะเอน (Suigo Itako Ayame-En)
เมื่ออิ่มท้องกันแล้ว เราจึงเดินกลับมายังสถานีรถไฟ Kashima Jingu อีกครั้งเพื่อนั่งรถไฟไปยังเป้าหมายสถานีอิตะโคะ (Itako 潮来) รถไฟขบวนที่เราจะขึ้นนั้นออกเวลา 13:23 นาที หากพลาดจะต้องรออีกเป็นชั่วโมง จึงควรเผื่อเวลาเอาไว้
กดซื้อตั๋วจากตู้ โดยกดไปที่ตั๋วของรถไฟสาย JR แล้วกดเลือกราคา 210 เยน
ชานชาลาที่นี่มีสองฝั่ง ให้ขึ้นรถที่ชานชาลาที่ 2 รถมุ่งหน้าไปโตเกียวค่ะ
เมื่อมาถึงสถานีอิตาโกะแล้ว ออกจากชาลามา เดินออกประตูด้านขวามือ แล้วมองลงที่พื้นได้เลยค่ะ!
เส้นทางไปยังสวนซุยโกอิตะโคะอายาเมะเอน (Suigo Itako Ayame-En 水郷潮来あやめ園) นั้นจะมีรอยเท้าสีเหลืองนำทางไป เดินตามรอยเท้านั้นมาเลย!
14:00 ร่วมชมพิธี "เรือส่งตัวเจ้าสาว" แห่งอิตะโคะ
ที่สวนดอกไอริสนี้นอกจากจะมีดอกไม้สวยๆ ให้ชมและถ่ายรูปกันแล้ว ยังมีพิธีพื้นบ้านที่เรียกว่า Yomeiri Fune หรือ "เรือส่งตัวเจ้าสาว" อีกด้วยค่ะ
เราจะสามารถชมพิธีนี้ได้ในวันพุธและเสาร์ อาทิตย์ตลอดช่วงเทศกาลดอกไอริสของที่นี่
แต่ควรเช็ครอบก่อนมาเสียหน่อย เพราะแต่ละวันมีจำนวนรอบไม่เท่ากัน ในวันเสาร์จะมีเยอะที่สุด
พิธีการจะเริ่มจากฝ่ายเจ้าสาวนั่งรถที่ใช้คนลากมากับพ่อแม่จนมาถึงสวนดอกอายาเมะนี้ และจะเดินผ่านสวนดอกไม้ด้วยชุดเจ้าสาวแสนสวยไปยังท่าเรือ จากนั้นเธอจึงลงเรือล่องไปตามแม่น้ำ เพื่อไปพบกับเจ้าบ่าวที่สุดแม่น้ำ และเจ้าบ่าวก็จะรับเธอขึ้นมาบนพื้นดิน
การคัดเลือกบ่าวสาวนั้นทำโดยให้บ่าวสาวจากทั่วประเทศที่ต้องการเข้าร่วมพิธีไปลงทะเบียนผ่านอินเตอร์เน็ท และทำการสุ่มเลือกขึ้นมาค่ะ
มีเพียงบ่าวสาวผู้โชคดีประมาณ 30 คู่เท่านั้นที่จะได้ประสบการณ์พิเศษเช่นนี้!
16:00 จิบชาชมสวนเซนให้ใจสงบที่วัดโจโชจิ (Choshoji 長勝寺)
หลังจากชมเรือส่งเจ้าสาวเสร็จแล้ว มองหาป้ายบอกทางตามสะพานจะเห็นป้ายบอกทางไปวัดโจโชจิ (長勝寺) อยู่ เดินตามป้ายไปไม่ถึงสิบนาที เราจะเจอวัดพุทธนิกายเซนที่เงียบสงบค่ะ
ไม่เพียงแค่ไหว้พระหรือชมความงามของสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นแล้ว เดินลึกเข้าไปด้านใน ที่นี่จะมีบริการชาเขียวพร้อมขนมญี่ปุ่นให้ได้ลิ้มลองพร้อมๆ กับละเลียดความสงบรมรื่นของสวนเซนในราคา 500 เยนอีกด้วย
บริการน้ำชาและขนมญี่ปุ่นของวัดนี้ไม่ได้ป่าวประกาศหรือโฆษณาที่ไหน จึงทำให้เป็นจุดผ่อนคลายแสนสงบที่มีเพียงแต่ชาวบ้านเท่านั้นที่รู้จัก
17:00 นั่งรถบัสกลับสู่โตเกียว
นั่งพักผ่อนกับสวนเซนให้เต็มที่ แล้วจึงเดินกลับมายังสถานีรถไฟอิตะโคะอีกครั้ง
ประตูอีกทิศหนึ่งตรงกันข้ามกับประตูที่เราใช้ตอนขามา จะมีจุดเรียกแท็กซี่อยู่ เราจะเรียกรถไปยังสถานีรถบัสซุยโกอิตะโคะ (水郷潮来バスターミナル) ที่อยู่ห่างออกไป เนื่องจากในช่วงเย็นจำนวนรถบัสที่วิ่งเข้าโตเกียวนั้นมีมากกว่าจำนวนรถไฟ
ค่ารถแท็กซี่อยู่ที่ประมาณ 2,000 เยนค่ะ ถ้ามากันหลายคนก็จะยิ่งหารกันได้ราคาถูกลงด้วย
พอถึงสถานีรถบัสแล้ว ต้องแวะเข้าไปซื้อตั๋วกลับสถานีโตเกียวที่เคาน์เตอร์
ราคาค่ารถนั้นอยู่ที่ 1,830 เยน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที
รถมีประมาณทุกๆ 10 นาทีค่ะ ถ้าหากว่ารถแน่น ก็สามารถนั่งรอรถคันต่อไปได้
เวลาประมาณ 19:00 เราก็จะกลับมาถึงโตเกียวพอดี
หากใครอยากจะซื้อของ หรือทานอาหารก็มีร้านรวงมากมายให้เลือกสรรค์ หรือจะเดินทางกลับที่พักเลยก็สะดวกสบายค่ะ
โตเกียวนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย แต่ก็เป็นสถานที่แรกที่นักท่องเที่ยวจะนึกถึง
หากท่านใดอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศไปยังที่อื่นๆ แต่ไม่ต้องไปไกลจากโตเกียว
จังหวัดอิบารากิก็เป็นตัวเลือกที่ดีตัวเลือกหนึ่งเลยล่ะค่ะ!
สรุปการเดินทาง
สถานีโตเกียว → ศาลเจ้า คาชิมะจินกู → เทศกาลดอกไอริสที่อิตะโคะ → วัดโจโชจิ → สถานีรสบัสซุยโกอิตะโคะ → สถานีโตเกียว
ระยะเวลาเดินทางโดยรสบัสจากสถานีโตเกียวถึงที่หมาย ประมาณ 2 ชั่วโมง
ค่าเดินทางทั้งหมด : ค่ารถบัสไปกลับ 3,870 เยน ค่ารถไฟไปสถานีอิตะโคะ 210 เยน ค่าแท็กซี่ประมาณ 2,000 เยน รวมประมาณ 6,080 เยน
ใช้จ่ายอื่นๆ : ค่าอาหาร (สองคน) 3,100 เยน ค่าเครื่องราง ชิ้นละ 300 เยน
รวมค่าใช้จ่ายใน 1 วัน/1 คนตามแผน : ประมาณ 7,930 เยน
Supported by The Three Cities in the Suigo district(Katori,Kashima,Itako).
สาวไทยในโตเกียว ลัลล้ากับการทำงาน ว่างๆ ก็แว่บไปเที่ยวและชิมของอร่อย สนใจวัฒนธรรมญี่ปุ่น รวมไปถึง Pop culture~♥
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง