Unseen Japan สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งฤดูหนาวของเมืองมัตสึโมโตะ 2 วัน 1 คืน
บทความนี้ขอแนะนำทริปเที่ยวมัตสึโมโตะแบบ 2 วัน 1 คืน ที่จะพาทุกคนไปเช็คอินถ่ายรูปที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองมัตสึโมโตะ ชมปราสาทมัตสึโมโตะ แช่ออนเซ็นชิราโฮเนะกลางหุบเขา พักเรียวกังสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม สัมผัสประสบการณ์เดินหิมะ จากนั้นไปเดินเล่นย่านเมืองเก่า พร้อมชอปปิงและชิมของอร่อยกัน
มนต์เสน่ห์แห่งฤดูหนาวของเมืองมัตสึโมโตะ 2 วัน 1 คืน
เมื่อพูดนึกถึงญี่ปุ่น หลายคนมักนึกถึงเมืองทันสมัยอย่างโตเกียว เดินกินของอร่อยที่โอซาก้า หรือขึ้นเหนือไปสัมผัสหิมะที่ฮอกไกโด
แต่รู้ไหม ที่จริงแล้วใกล้โตเกียวมีเมืองที่โด่งดังเรื่องประวัติศาสตร์ ศิลปะ และมรดกทางวัฒนธรรม แถมยังมีธรรมชาติที่สวยงามไม่แพ้เมืองอื่นๆ ของญี่ปุ่นเลย เมืองนั้นก็คือเมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) เมืองศูนย์กลางของจังหวัดนากาโนะ (Nagano)
การเดินทางไปมัตสึโมโตะครั้งนี้เป็นทริปแบบ 2 วัน 1 คืน ที่จะพาทุกคนไปเช็คอินถ่ายรูปที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองมัตสึโมโตะ ชมปราสาทมัตสึโมโตะ แช่ออนเซ็นชิราโฮเนะกลางหุบเขา พักเรียวกังสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม สัมผัสประสบการณ์เดินหิมะ จากนั้นไปเดินเล่นย่านเมืองเก่า พร้อมชอปปิงและชิมของกินอร่อยกัน
วันที่ 1 เที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะสไตล์โมเดิร์น ปราสาทมัตสึโมโตะ และเดินเล่นย่านเมืองเก่า
ทริปมัตสึโมโตะนี้เริ่มต้นที่สถานีชินจูกุ (Shinjuku) นั่งรถไฟสาย Azusa Express ไปลงที่สถานีมัตสึโมโตะ (Matsumoto) ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 45 นาที
จากสถานีมัตสึโมโตะนั่งแท็กซี่เพียงแค่ 15 นาที หรือโดยสารรถบัสราว 5 นาที ไปยังจุดหมายแรก นั่นก็คือพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองมัตสึโมโตะ
11:00 พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto City Museum of Art)
Picture courtesy of Matsumoto City Museum of Art
พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองมัตสึโมโตะเป็นที่เที่ยวซึ่งคนรักศิลปะไม่ควรพลาด เพราะที่นี่จัดแสดงนิทรรศการถาวรของศิลปินที่มีความเชื่อมโยงกับเมืองมัตสึโมโตะ ในพื้นที่กลางแจ้งมี Moboroshi No Hana (The Visionary Flowers) ผลงานศิลปะขนาดใหญ่ของคุซามะ ยาโยอิ ศิลปินแนวเปรี้ยวจี๊ดชื่อดังที่เกิดในเมืองมัตสึโมโตะวางประดับอยู่
และยังมีการจัดนิทรรศการต่างๆ ปีละ 3 - 4 ครั้ง รับประกันว่าทุกคนต้องได้ถ่ายรูปอาร์ตๆ คูลๆ กลับไปอย่างแน่นอน
* มีหลายนิทรรการที่ห้ามถ่ายรูป ดังนั้น อย่าลืมปฏิบัติตามกฎของพิพิธภัณฑ์กันด้วยนะ
เรื่องน่ารู้: คุซามะ ยาโยอิ ได้รับฉายาว่า “เจ้าแม่ลายจุด” ศิลปินผู้เปลี่ยนชีวิตและประสบการณ์ให้เป็นสุดยอดงานศิลป์อันไร้ขีดจำกัดระดับโลก ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป ยังร่วมงานกับ Louis Vuitton แบรนด์ระดับโลก ออกคอลเลคชันที่ชื่อว่า Louis Vuitton x Yayoi Kusama
12:15 แวะรับประทานอาหารกลางวันที่ Ishii Miso
Picture courtesy of Ishii Miso
หลังดื่มด่ำกับงานศิลป์ที่มีเอกลักษณ์ต่างๆ ก็ไปเติมพลังกันที่อิชิอิมิโซะ (Ishii Miso) ร้านโด่งดังเก่าแก่ที่เปิดกิจการมาตั้งแต่ปี 1868 (ปลายสมัยเอโดะ) จนถึงปัจจุบัน
ที่นี่มีทั้งร้านอาหารและโรงงานผลิตมิโซะที่สามารถเยี่ยมชมโรงงานและชิมมิโซะที่ผลิตขึ้นได้
ที่นี่มีมิโซะสูตรพิเศษใช้เวลาหมักนาน 3 ปีด้วย เมื่อเทียบกับมิโซะที่ขายทั่วไปซึ่งหมักเพียงไม่กี่เดือน จะมีสีเข้ม รสชาติเข้มข้น และอร่อยกว่ามากๆ
โรงงานมิโซะทั่วไปจะใช้ถังพลาสติกหรือถังโลหะในการหมัก แต่ที่ Ishii Miso จะใช้ถังไม้ซึ่งช่วยให้อากาศไหลเวียนได้ดี และรสชาติที่อร่อยกว่า
Picture courtesy of Ishii Miso
ส่วนของเมนูก็มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งชุดอาหารสไตล์ญี่ปุ่นพร้อมซุปมิโซะ ข้าวปั้นย่างซอสมิโซะ น้ำสลัดมิโซะ และอื่นๆ รวมทั้งซอฟต์ครีมรสมิโซะที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
13:30 เดินเล่นในตัวเมืองมัตสึโมโตะ (ปราสาทมัตสึโมโตะ ถนนนาวาเตะ ถนนนากะมาจิ)
รับประทานอาหารกลางวันอร่อยๆ กันแล้ว ก็ไปเที่ยวกันต่อ
มาเที่ยวมัตสึโมโตะทั้งที ถ้าไม่ไปปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) ก็ถือว่ามาไม่ถึง จาก Ishii Miso เดินไปแค่ 17 นาทีก็ถึงปราสาทมัตสึโมโตะ
Picture courtesy of Matsumoto City
ปราสาทมัตสึโมโตะไม่เพียงมีเท็นซุคาคุ (ป้อมปราสาท) หลังคา 5 ชั้น พื้น 6 ชั้นที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นปราสาทที่สวยงามและสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งด้วย
กำแพงปราสาทเป็นสีดำตัดกับทิวทัศน์เทือกเขาเจแปนแอลป์หรือแอลป์ญี่ปุ่น (Japan Alps ประกอบด้วยเทือกเขาฮิดะ เทือกเขาคิโซะ และเทือกเขาอาคาอิชิ) ที่ขาวโพลนไปด้วยหิมะในฤดูหนาว ให้ความรู้สึกสง่าน่าเกรงขาม
ในตัวปราสาทจัดแสดงอาวุธทางประวัติศาสตร์ เช่น ชุดเกราะซามูไรในยุคเซ็นโกคุ ปืนคาบศิลา และอาวุธที่เคยใช้สู้รบจริงในสมัยก่อน
Picture courtesy of Matsumoto City
ในเมืองมัตสึโมโตะนอกจากปราสาทมัตสึโมโตะที่เป็นแลนด์มาร์ก ยังมีย่านเมืองเก่าต่างๆ ในถนนนาวาเตะ (Nawate St.) และถนนนากะมาจิ (Nakamachi St.) แหล่งรวมร้านขายของฝากและขนมกินเล่นมากมาย
จุดเด่นของถนนนาวาเตะคือรูปปั้นน้องกบสุดน่ารัก กบในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “คาเอะรุ” ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่า “คาเอะรุ” ที่แปลว่ากลับบ้าน
ดังนั้น รูปปั้นกบนี้จึงสื่อนัยถึงการกลับมาของกบที่เคยตั้งถิ่นฐานในท้องถิ่นนี้ รวมถึงการที่ผู้คนเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย
Picture courtesy of Matsumoto City
จากนั้นเดินต่ออีก 140 เมตร (2 นาที) ก็จะถึงถนนนากะมาจิ
ถนนนากะมาจิเป็นโชเท็นไก (ย่านร้านค้า) ที่ยังคงมีทิวทัศน์บ้านเมืองเหมือนสมัยก่อน ตัวอาคารโดดเด่นด้วยลายกากบาทสีขาวดำ รับรองว่าเท่ถูกใจสายถ่ายรูปแนวสตรีตแน่นอน
ตลอดถนนเส้นนี้มีน้ำพุใต้ดินหลายแห่ง คาเฟ่ ร้านอาหาร และร้านขายสินค้าแฮนด์เมดมากมาย
ถ้ามาเที่ยวมัตสึโมโตะต้องลองชิมขนมโอยากิ ขนมกินเล่นท้องถิ่นที่ลักษณะคล้ายขนมกุยช่ายของไทย
มีไส้หลากหลายทั้งคาวและหวาน ผู้เขียนสั่งไส้ผักมาลองชิม อร่อยมากๆ จนต้องไปซื้อเพิ่มเลยล่ะ
17:30 แช่น้ำพุร้อนกระดูกขาวที่ Yumoto Saito-Ryokan
หลังจากเดินเที่ยวในตัวเมืองจนเหนื่อย กิจกรรมต่อไปที่ขาดไม่ได้ก็คือการแช่ออนเซ็นฟินๆ ในบ่อน้ำร้อนกลางแจ้งท่ามกลางบรรยากาศเทือกเขาหิมะ แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว
จากตัวเมืองมัตสึโมโตะนั่งรถแท็กซี่ราว 30 นาที และโดยสารรถไฟหรือรถบัสต่อราว 90 นาที ไปยังยุโมโตไซโตะเรียวกัง (Yumoto Saito-Ryokan)
Picture courtesy of Yumoto Saito-Ryokan
Yumoto Saito-Ryokan ที่ชิราโฮเนะออนเซ็น (Shirahone Onsen) ซึ่งพักในคืนนี้เป็นเรียวกังสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม เรียกได้ว่าแค่เดินเข้าประตูก็เหมือนหลุดไปในญี่ปุ่นยุคโบราณแบบในหนังเลย
วิวรอบๆ โรงแรมโอบล้อมไปด้วยเทือกเขาเจแปนแอลป์และหิมะสีขาวสุดลูกหูลูกตา ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องใจฟูแน่นอน
Picture courtesy of Yumoto Saito-Ryokan
ห้องพักในเรียวกังมีทั้งหมด 51 ห้อง แบ่งเป็นห้องสไตล์ญี่ปุ่น 50 ห้อง และห้องสไตล์ตะวันตก 1 ห้อง ซึ่งคืนนี้เราจะพักที่ห้องสไตล์ญี่ปุ่นกัน
ห้องพักแยกห้องนอนกับน้องนั่งเล่นด้วยประตูบานเลื่อน มีชุดยูกาตะทั้งของชายและหญิงที่ทางเรียวกังเตรียมไว้ให้ด้วย
Picture courtesy of Yumoto Saito-Ryokan
หลังเช็คอิน เก็บสัมภาระ ก็ถึงช่วงเวลาไฮไลต์ของวันแรก นั่นคือการแช่น้ำพุร้อนในชิราโฮเนะออนเซ็น ซึ่งชื่อน้ำพุร้อนนี้ในภาษาไทยแปลว่า “น้ำพุร้อนกระดูกขาว” โดยที่มาของชื่อนี้มาจากลักษณะของน้ำพุร้อนที่มีสีขาวขุ่นคล้ายน้ำนม
ชิราโฮเนะออนเซ็นในจังหวัดนากาโนะเป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่มีประวัติยาวนานราว 600 ปี โดดเด่นด้วยน้ำพุร้อนสีขาวน้ำนมที่มีสรรพคุณมากในการบำรุงผิวพรรณสวย ว่ากันว่าแช่น้ำพุร้อนสักครั้ง ก็ช่วยให้ขาวไปถึงกระดูกเลยล่ะ
เมื่อมาพักที่เรียวกังแห่งนี้ จะได้ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจในน้ำพุร้อนนี้ท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์และธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ และที่ถือเป็นอีกหนึ่งมนต์เสน่ห์ของที่นี่ก็คือ การได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันงดงามที่แตกต่างกันในทุกฤดู ทั้งทิวทัศน์หิมะในฤดูหนาว และต้นไม้เขียวขจีในฤดูร้อน
น้ำพุร้อนของที่นี่ยังมีสรรพคุณช่วย บรรเทาอาการของโรคระบบทางเดินอาหารและบาดแผล รวมทั้งช่วยฟื้นฟูร่างกาย ทำให้ร่างกายอบอุ่น และรู้สึกสดชื่น จุดเด่นอีกอย่างของชิราโฮเนะออนเซ็นที่ต่างจากออนเซ็นอื่นคือดื่มได้ด้วย! ข้อนี้ว้าวมากจริงๆ
อีกหนึ่งจุดที่ชอบมากๆ ก็คือน้ำพุร้อนของเรียวกังไหลมาจากต้นทางของน้ำพุร้อน กล่าวคือเราจะได้รับแร่ธาตุจากน้ำพุร้อนแบบเต็มๆ คุ้มค่าสุดๆ
Picture courtesy of Yumoto Saito-Ryokan
เรียวกังนี้มีบ่อออนเซ็นหลายแห่ง ทั้งในร่มและกลางแจ้ง
แต่ที่อยากแนะนำเป็นพิเศษคือบ่อน้ำร้อนกลางแจ้ง การแช่ออนเซ็นร้อนๆ ท่ามกลางวิวเทือกเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ เป็นความรู้สึกที่ฟินจนบอกไม่ถูกเลย
Picture courtesy of Yumoto Saito-Ryokan
ฮีลใจด้วยการแช่ออนเซ็นแล้ว ก็มาฮีลท้องด้วยอาหารญี่ปุ่น
เรียวกังมีเมนูหลากหลายทั้งโซบะ ชาบูชาบู ลิ้นวัวย่าง สุกี้ยากี้ญี่ปุ่น ซาซิมิ และอื่นๆ โดยวัตถุดิบที่ใช้เป็นผักตามฤดูกาลที่ปลูกในจังหวัดนากาโนะ
วันที่ 2 ผจญภัยแดนหิมะ และเพลิดเพลินกับโซบะต้นตำรับ
วันที่ 2 ก็มีกิจกรรมให้ทำแน่นเช่นกัน ตื่นเช้าแล้วเริ่มต้นวันกันด้วยข้าวต้มที่หุงด้วยน้ำร้อนจากชิราโฮเนะออนเซ็นที่ช่วยเรื่องระบบทางเดินอาหาร
เสร็จมื้อเช้า ก็เรียกแท็กซี่มุ่งหน้าไปยังโนริกุระโคเก็นหรือที่ราบสูงโนริกุระ (Norikura Highlands) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
9:00 ทำกิจกรรมเล่นสโนว์ชู ณ ที่ราบสูงโนริกุระ
Picture courtesy of Matsumoto City
มาเที่ยวจังหวัดนากาโนะที่ขึ้นชื่อเรื่องภูเขาทั้งที จะให้พลาดกิจกรรมเกี่ยวกับหิมะได้ยังไง จริงๆ แล้วที่จังหวัดนี้มีลานสกี และสโนว์รีสอร์ตหลายแห่งมาก แต่สถานที่ที่จะพาไปเที่ยวในครั้งนี้คือที่ราบสูงโนริกุระ
ที่ราบสูงโนริกุระตั้งอยู่ใกล้กับบริเวณคามิโคจิ (Kamikochi) ตรงเชิงเขาของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นตอนเหนือ (Northern Alps)
Picture courtesy of Matsumoto City
ที่ราบสูงโนริกุระนี้มีกิจกรรมให้เลือกเล่นมากมาย ทั้งสกี สโนว์บอร์ด และสโนว์ชู
ถ้าเป็นมือใหม่ ขอแนะนำสโนว์ชู กิจกรรมเดินบนหิมะนุ่มๆ ซึ่งปกติเดินได้ยากมาก แต่ด้วยรองเท้าพิเศษที่เรียกว่าสโนว์ชู ซึ่งออกแบบมาให้เดินบนหิมะได้สบายๆ กิจกรรมสโนว์ชูนี้ทำได้ง่ายๆ เพียงเช่าสโนว์ชู สวมแล้วเดินเล่น และถ่ายรูปเช็คอินสวยๆ ได้
หรือจะซื้อแพ็กเกจทัวร์ “Frozen Water Fall” Snowshoe Tour ซึ่งรวมกิจกรรมสโนว์ชูกับกิจกรรมชมน้ำตกน้ำแข็งไว้ด้วยกัน มีให้เลือกทั้งแบบเต็มวันและครึ่งวัน
Picture courtesy of Matsumoto City
ครั้งนี้ผู้เขียนได้ร่วมทัวร์ “Frozen Water Fall” Snowshoe Tour แบบครึ่งวัน ที่จัดโดย NORTHSTAR ซึ่งมีกิจกรรมและทัวร์ต่างๆ ให้เลือก อีกทั้งไกด์ก็ใจดีและน่ารักมากๆ
ส่วนเรื่องวิวนั้นก็สวยไม่แพ้ประเทศดังๆ ในยุโรป บอกได้เลยว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
เพลิดเพลินกับโซบะต้นตำรับที่ Soba-dokoro Gassho
ทำกิจกรรมสโนว์ชูเสร็จ ก็นั่งแท็กซี่ตรงไปร้านโซบะโดโกโระกัชโช (Soba-dokoro Gassho) ร้านโซบะญี่ปุ่นสไตล์ดั้งเดิม ในบรรยากาศอบอุ่น เรียบง่าย
โซบะเป็นอาหารแคลลอรี่ต่ำที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ที่สำคัญจังหวัดนากาโนะยังโด่งดังเรื่องโซบะมากๆ ถ้าไม่ลองชิม คงมาเสียเที่ยวแน่ๆ
Picture courtesy of Soba-dokoro Gassho
หากมาเที่ยวช่วงฤดูหนาวล่ะก็ อย่าลืมสั่งเมนูพิเศษเฉพาะฤดูหนาวอย่างโทจิโซบะกันนะ นี่เป็นเมนูท้องถิ่นอย่างหนึ่งของจังหวัดนากาโนะ ที่นำโซบะเส้นสดสูตรเฉพาะของทางร้านลวกแบบชาบูชาบู รับประทานคู่กับเห็ด นิยมรับประทานในฤดูหนาว เพื่อช่วยให้ร่างกายอบอุ่น
14:45 ดื่มด่ำกับศิลปะกาแฟที่ Coffee Bigaku ABE
Picture courtesy of Coffee Bigaku ABE
Coffee Bigaku ABE (โคฮี่บิกัคคุ อาเบะ หรือศิลปะกาแฟ อาเบะ) เป็นคาเฟ่ร้านแรกๆ ของเมืองมัตสึโมโตะ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกวัฒนธรรมการดื่มกาแฟของเมืองนี้เลยก็ว่าได้ ร้านเปิดกิจการมาตั้งแต่ปี 1957 ด้วยสโลแกนเก๋ๆ สุดคลาสสิกว่า กาแฟ ดำดุจปีศาจ หอมหวานปานความรัก
Picture courtesy of Coffee Bigaku ABE
เมนูซิกเนเจอร์ของร้านคือ Mocha Cream Ole ซึ่งมีต้นกำเนิดจากร้านนี้ มีรสชาติอ่อนโยนที่ผสานความเข้มข้นของกาแฟเข้ากับความนุ่มละมุนของนม แม้คนไม่ดื่มกาแฟ ก็ต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน
นอกจากกาแฟ ยังมีของว่างและขนมหวานให้ลิ้มลองมากมาย เช่น พาร์เฟ่ต์ โทสต์ และแซนด์วิช
15:45 แวะชอปของฝากที่ WABI-SABI
Picture courtesy of WABI-SABI
มาเที่ยวมัตสึโมโตะทั้งที ก็ต้องมีของฝากสไตล์ญี่ปุ่นน่ารักๆ ติดไม้ติดมือกันหน่อย จิบกาแฟเสร็จแล้ว ก็เดินเล่นในเมืองไปเรื่อยๆ จนมาสะดุดตากับร้าน WABI-SABI (ร้านนี้มีหลายสาขา แต่ถ้าเป็นตึกทรงนี้ ต้องที่สาขานี้ จากคาเฟ่เมื่อกี้ เดินไปราว 11 นาที ถึงก่อน Matsumotojominami) ตึกทรงปราสาทญี่ปุ่นโบราณสุดเท่
Picture courtesy of WABI-SABI
WABI-SABI เป็นร้านที่มีของฝากมากมายหลากหลาย สินค้าหลักๆ ได้แก่ ถ้วยชามญี่ปุ่นสไตล์ดั้งเดิม เครื่องเขินญี่ปุ่นต่างๆ และเครื่องเขินคิโซะที่มีสีสันเรียบง่าย น่าจะถูกใจชาวมินิมอล
ยังมีของฝากน่ารักๆ มากมาย เช่น พัด ตุ๊กตาญี่ปุ่น และพวงกุญแจ สายชอปกดไลก์แน่นอน
18:00 ชมเทศกาลประดับไฟอิลลูมิเนชั่นเมืองมัตสึโมโตะ แสนโรแมนติก สุดตระการตา
Picture courtesy of Matsumoto City
ปราสาทมัตสึโมโตะที่ไปดูเมื่อวานไม่ได้สวยแค่ตอนกลางวันเท่านั้น ในช่วงค่ำก็สวยแปลกตาไม่แพ้กัน โชคดีมากๆ ที่ผู้เขียนไปเที่ยวช่วงฤดูหนาว ทั้งในเมืองและบริเวณปราสาทมัตสึโมโตะกำลังจัดเทศกาลประดับไฟอิลลูมิเนชันพอดี
เทศกาลประดับไฟบริเวณปราสาทมัตสึโมโตะจะจัดช่วง 18:00 - 21:00 น. โดยตลอดงานเทศกาลยังมีการจัดแสดง Projection Mapping (เทคนิคการฉายภาพเคลื่อนไหวลงบนอาคารหรือพื้นผิวต่างๆ) ในธีมต่างๆ ใครที่อยู่เที่ยวนานก็มาชมได้ทุกวันเลยนะ รับรองว่าไม่เบื่อแน่นอน
Picture courtesy of Matsumoto City
ส่วนเทศกาลประดับไฟในเมืองจะเริ่มเร็วกว่าหน่อย โดยเริ่มจัดในช่วง 16:30 - 22:00 น.
บริเวณที่จัดก็ยาวมากๆ เริ่มตั้งแต่เซ็นไซบาชิหรือสะพานเซ็นไซ (Sensaii Bridge) ถนนไดเมียวโจ (Daimyocyo St.) จัตุรัสโอเทมง (Otemon Masu Kata Remains Square) สายถ่ายรูปแนวสตรีตในช่วงกลางคืนต้องมาโดนให้ได้ ไม่ว่าจะถ่ายรูปมุมไหนก็ออกมาสวยสุดๆ
สัมผัสมนต์เสน่ห์ของญี่ปุ่นในฤดูหนาวที่เมืองมัตสึโมโตะ
ทริปเมืองมัตสึโมโตะครั้งนี้ถือว่าเปิดโลกของผู้เขียนมากๆ ที่นี่ธรรมชาติสวย ผู้คนใจดี อาหารอร่อย และมีกิจกรรมให้ทำมากมาย
ที่สำคัญคือคนน้อย ไม่แออัด ทำให้รู้ว่าจริงๆ แล้วญี่ปุ่นยังมีที่เที่ยวสวยๆ อีกเยอะมากที่คนไทยไม่รู้จัก
ขอให้ทุกคนสนุกกับทริปเที่ยวและสัมผัสประสบการณ์ต่างๆ ที่มัตโมโตะในฤดูหนาวกัน
Sponsored by Matsumoto City
Written by MATCHA
บัญชีส่งเสริมการขายของ MATCHA สำหรับการโฆษณาองค์กรและรัฐบาลท้องถิ่น เรามุ่งมั่นที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านของเราอย่างสนุกสนาน
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง