ล่องเรือสำราญในทะเลเซโตะอุจิด้วยเรือยอชต์สุดหรู สัมผัสประสบการณ์การเดินทางทางทะเลเพื่อชมอาหารเลิศรส เครื่องปั้นดินเผาบิเซ็น และทัศนียภาพอันงดงามของเกาะโชโดชิมะ

ล่องเรือเพื่อสัมผัสวัฒนธรรมของทะเลเซโตะ

ทะเลเซโตะเป็นทะเลน้ำจืดที่เงียบสงบ ตั้งอยู่เกือบใจกลางประเทศญี่ปุ่น มีเกาะเล็กเกาะน้อยกว่า 700 เกาะ ขนาดต่างๆ กัน กระจายอยู่ทั่วบริเวณ เป็นแหล่งวัฒนธรรมทางทะเลที่ผู้คนและวัฒนธรรมต่างๆ เดินทางสัญจรไปมาทางทะเลตั้งแต่สมัยโบราณ

เมื่อประมาณ 400 ปีที่แล้ว (ในสมัยเอโดะ) คณะทูตจากจีนแผ่นดินใหญ่และคาบสมุทรเกาหลีจะแวะจอดที่ท่าเรือต่างๆ เช่น โทโมโนอุระ (ฮิโรชิมะ) อุชิมาโดะ (โอคายามะ) และมูโรซุ (เฮียวโกะ) และกล่าวกันว่าได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในท้องถิ่นขณะรอจังหวะน้ำขึ้นน้ำลงและลมที่เหมาะสม

ในระหว่างกระบวนการนี้ วัฒนธรรมต่างๆ ได้ถูกนำเข้ามา ซึ่งนำมาซึ่งประโยชน์อย่างมากต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น และมรดกทางประวัติศาสตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวการแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นในเวลานั้นยังคงหลงเหลืออยู่ในสถานที่ต่างๆ จนถึงทุกวันนี้

หลีกเลี่ยงฝูงชนและเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ล่องเรือสุดพิเศษ

พื้นที่ตั้งแต่คันไซไปจนถึงทะเลเซโตะและต่อไปยังคิวชูนั้นเป็นแหล่งรวมแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพสูงมากมาย แต่การเดินทางทางบกอาจไม่สะดวกนักเนื่องจากระบบคมนาคมที่ซับซ้อน ดังนั้นเราจึงขอแนะนำให้ลองล่องเรือเที่ยวชมรอบทะเลเซโตะดูค่ะ

เกาะและเมืองท่าที่เข้าถึงได้ยากทางบก จะเชื่อมต่อกันอย่างเป็นธรรมชาติเป็นเส้นทางเดียวเมื่อเดินทางโดยเรือ

หลีกหนีความวุ่นวายของรถยนต์และรถไฟ แล้วเดินทางไปพร้อมกับทัศนียภาพของมหาสมุทรและหมู่เกาะที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้า – ประสบการณ์สุดหรูที่หาได้เฉพาะในทะเลเซโตะเท่านั้น

เรือยอชต์สุดหรูเปรียบเสมือนบ้านพักตากอากาศบนผืนน้ำ ทำให้การเดินทางเป็นประสบการณ์ที่พิเศษยิ่งขึ้น เราจะแนะนำเสน่ห์ของการท่องเที่ยวด้วยเรือยอชต์สุดหรู ซึ่งกำลังได้รับความสนใจในฐานะรูปแบบการท่องเที่ยวใหม่ และวิธีการเชื่อมโยงวัฒนธรรมที่หลากหลายของทะเลเซโตะเข้าด้วยกัน

เรือยอชต์สุดหรูเปรียบเสมือนห้องรับรองส่วนตัวกลางทะเล

เรือซูเปอร์ยอทช์เป็นเรือสำราญขนาดใหญ่ที่มีความยาวมากกว่า 80 ฟุต (ประมาณ 24 เมตร) มีลักษณะเด่นคือภายในที่กว้างขวางและการออกแบบที่หรูหรา เปรียบเสมือนวิลล่าส่วนตัวบนผืนน้ำที่ผู้มั่งคั่งสามารถเพลิดเพลินกับการพักผ่อนอย่างเป็นส่วนตัว

สิ่งหนึ่งที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเรือยอชต์สุดหรูคือพื้นที่นั่งเล่นที่เรียกว่า "ห้องนั่งเล่น" โซฟาและโต๊ะรับประทานอาหารจัดวางอย่างสะดวกสบายในพื้นที่โล่งกว้างแห่งนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยแสงธรรมชาติที่สว่างไสว เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ผู้โดยสารสามารถพูดคุยและผ่อนคลายขณะล่องเรือได้

เพลิดเพลินไปกับวัฒนธรรมอาหารท้องถิ่น

เขตเซโตะอุจิเป็นหนึ่งในแหล่งรวมอาหารเลิศรสชั้นนำของญี่ปุ่น ดังนั้นคุณคงไม่อยากพลาดอาหารรสเลิศบนเรือสำราญลำนี้

นอกจากเหล้าสาเกและไวน์จากแหล่งผลิตสาเกชั้นนำอย่างโอคายามะและฮิโรชิม่าแล้ว ร้านอาหารแห่งนี้ยังนำเสนออาหารที่ใช้ประโยชน์จากผลผลิตในท้องถิ่น เช่น หอยเป๋าฮื้อและหอยนางรมที่จับได้จากน่านน้ำใกล้เคียง เนื้อวัวชิยะหายาก (ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นต้นกำเนิดของเนื้อวากิว) และผลไม้ตามฤดูกาล

การได้ลิ้มรสอาหารบนเรือที่ล่องลอยไปในมหาสมุทร พร้อมกับแสงอ่อนๆ ยามเช้าและสีสันละมุนละไมยามเย็น มอบประสบการณ์อันล้ำค่าที่หาไม่ได้บนบก

ทิวทัศน์อันงดงามจุดประกายบทสนทนาที่สนุกสนาน

ก้าวออกไปบนดาดฟ้า คุณจะได้สัมผัสกับความงดงามของหมู่เกาะมากมายในทะเลเซโตะอย่างใกล้ชิด ภูมิประเทศที่เป็นเอกลักษณ์ของเกาะต่างๆ และทิวทัศน์ของเมืองท่า การใช้เวลาอย่างสบายๆ ในการชื่นชมภูมิทัศน์ที่เชื่อมต่อกันเหล่านี้เป็นความหรูหราที่หาได้เฉพาะบนเรือยอชต์สุดหรูเท่านั้น ที่ซึ่งคุณจะไม่ถูกเร่งรีบระหว่างการเดินทาง อย่าลืมถามพนักงานบนเรือว่า "เกาะนี้ชื่ออะไร?" พวกเขาจะบอกคุณไม่เพียงแค่ชื่อ แต่ยังรวมถึงลักษณะทางภูมิประเทศ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของเกาะด้วย เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปของเกาะต่างๆ แต่ละเกาะเปล่งประกายด้วยความงดงามที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

การสนทนาบนเรือจะลึกซึ้งยิ่งขึ้นไปอีกด้วยการพูดคุยกันเกี่ยวกับวัฒนธรรมและสุนทรียภาพที่ได้สัมผัส ณ จุดหมายปลายทาง

ผู้ที่เคยสัมผัสประสบการณ์การเดินทางด้วยเรือซูเปอร์ยอทช์ต่างชื่นชมบรรยากาศที่เป็นส่วนตัวและพื้นที่คุณภาพสูง ห้องรับรองของเรือซูเปอร์ยอทช์กว้างขวางเพียงพอสำหรับคนประมาณ 10 คน ทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับทั้งการเจรจาธุรกิจและการเดินทางส่วนตัว

จุดเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมต่างๆ เชื่อมโยงกันผ่านทางทะเล

บริเวณเซโตอุจิเต็มไปด้วยวัฒนธรรมที่หลากหลายริมผืนน้ำอันสงบ ตั้งแต่หัตถกรรมดั้งเดิมที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ วัฒนธรรมอาหารที่ฝังรากลึกในชีวิตของผู้คน ไปจนถึงศิลปะร่วมสมัย

สถานที่เหล่านี้อาจดูเหมือนเป็นจุดหมายปลายทางที่แยกจากกันเมื่อเดินทางทางบก แต่เมื่อคุณไปเยือนทางทะเล พวกมันจะกลายเป็นเรื่องราวที่เชื่อมโยงกัน ลองไปเที่ยวบนเรือยอชต์สุดหรูและเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่อยู่ริมทะเลเซโตะดูสิ

เครื่องปั้นดินเผาบิเซ็น "หอศิลป์หลังคามุงจาก โยซังเคียว"

หนึ่งในงานหัตถกรรมดั้งเดิมที่สำคัญต่อการพูดถึงวัฒนธรรมของพื้นที่นี้คือ เครื่องปั้นดินเผาบิเซ็น ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นในเมืองบิเซ็น จังหวัดโอคายามะ เครื่องปั้นดินเผาบิเซ็นมีประวัติศาสตร์ยาวนานประมาณ 1,000 ปี และได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในหกรูปแบบเครื่องปั้นดินเผาที่เป็นตัวแทนของญี่ปุ่น สีน้ำตาลแดงอันเป็นเอกลักษณ์เกิดจากการผสมผสานระหว่างดิน ไฟ และเทคนิคอันชำนาญของช่างฝีมือ และลวดลายก็มีความเป็นเอกลักษณ์มากจนกล่าวกันว่าไม่มีเครื่องปั้นดินเผาชิ้นใดเหมือนกันเลย

เครื่องปั้นดินเผาบิเซ็นถูกเผาที่อุณหภูมิสูงกว่า 1,200 องศาเซลเซียส เป็นเวลาประมาณสองสัปดาห์ ทำให้ได้ภาชนะที่แข็งแรงทนทาน ไหขนาดใหญ่และครกที่ทำขึ้นในช่วงครึ่งหลังของยุคกลางถูกใช้เพื่อเก็บอาหาร เช่น เหล้าสาเก น้ำ และมิโซะ และเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ใช้สอยสูงและเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับชีวิตประจำวันของผู้คน ไหขนาดใหญ่ใบหนึ่งถูกจัดวางเหมือนวัตถุชิ้นหนึ่งในสวนของหอศิลป์ด้วย

อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เครื่องปั้นดินเผาบิเซ็นพัฒนาขึ้นก็คือความเชื่อมโยงกับการขนส่งทางทะเล เนื่องจากพื้นที่ผลิตเครื่องปั้นดินเผาบิเซ็นอยู่ใกล้ทะเล จึงสามารถขนส่งเครื่องปั้นดินเผาบิเซ็นได้ในปริมาณมาก ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือความเชื่อมโยงกับโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ฮิเดโยชิได้ปราบปรามภูมิภาคบิเซ็นระหว่างการโจมตีตระกูลโมริ และกล่าวกันว่ามีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผาบิเซ็น ซึ่งเป็นที่นิยมในฐานะเครื่องใช้ในพิธีชงชาในสมัยนั้น อย่าพลาดโอกาสที่จะมาชม สัมผัส และสัมผัสประสบการณ์เครื่องปั้นดินเผาบิเซ็นที่ฮิเดโยชิชื่นชอบ

แกลเลอรีโยซันเคียว ซึ่งจัดแสดงและจำหน่ายผลงานของศิลปินเครื่องปั้นดินเผาบิเซ็นอย่างอิเซซากิ มิตสึรุ และโซ บุตรชายของเขา เป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาด

บ้านญี่ปุ่นโบราณอายุประมาณ 250 ปีหลังนี้ดูราวกับหลุดออกมาจากภาพยนตร์ คุณสามารถเห็นเตาเผาเครื่องปั้นดินเผาได้ ไม่เพียงแต่จะได้ชื่นชมผลงานเท่านั้น แต่คุณยังสามารถฟังความคิดเห็นและประวัติความเป็นมาของช่างปั้นดินเผา รวมถึงเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมและจิตวิญญาณของสถานที่แห่งนี้ได้อีกด้วย

โถขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่อย่างเงียบๆ ในสวนของหอศิลป์ ถ่ายทอดความทรงจำจากอดีตมาสู่ปัจจุบัน และเป็นมากกว่าแค่สิ่งจัดแสดง มันยังทำหน้าที่เป็นพยานถึงวัฒนธรรมที่อยู่เหนือกาลเวลาอีกด้วย

มาสัมผัสเสน่ห์ของเครื่องปั้นดินเผาเหล่านี้ด้วยตาและมือของคุณเอง ซึ่งเคยดึงดูดใจแม้กระทั่งวีรบุรุษในประวัติศาสตร์มาแล้ว

โยซังเคียวไม่ใช่แค่สถานที่สำหรับ "ชม" เครื่องเคลือบดินเผาบิเซ็น แต่เป็นสถานที่สำหรับ "ทำความเข้าใจ รู้สึก และจารึกไว้ในหัวใจ"

อาหารหมักดองแบบดั้งเดิม "ซอสถั่วเหลืองยามาโรคุ"

ซอสถั่วเหลืองเป็นเครื่องปรุงรสที่ขาดไม่ได้ในวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่น

ในบรรดาหมู่เกาะของทะเลเซโตะ เกาะโชโดชิมะเป็นที่รู้จักกันมานานว่าเป็นแหล่งผลิตซอสถั่วเหลืองที่เจริญรุ่งเรือง นอกจากสภาพอากาศอบอุ่นที่มีปริมาณน้ำฝนน้อยซึ่งเหมาะสำหรับการหมักแล้ว ที่นี่ยังมีวัฒนธรรมการผลิตเกลือซึ่งเป็นส่วนประกอบหนึ่งในซอสถั่วเหลือง และการผลิตซอสถั่วเหลืองก็พัฒนาขึ้นที่นี่ ซอสถั่วเหลืองผลิตกันทั่วประเทศญี่ปุ่น แต่เป็นอาหารหมักที่ซับซ้อนซึ่งกลิ่นและรสชาติจะแตกต่างกันไปตามแต่ละภูมิภาค

ที่คาเฟ่แห่งนี้ คุณสามารถลิ้มลองขนมหวานที่ทำจากซีอิ๊วและชาได้

โรงงานผลิตซอสถั่วเหลืองยามาโรคุ เป็นโรงงานผลิตซอสถั่วเหลืองที่ดำเนินกิจการบนเกาะโชโดชิมะมาประมาณ 150 ปีแล้ว

ซอสถั่วเหลืองทำด้วยมือในถังไม้ซีดาร์ ซึ่งช่วยให้แบคทีเรียกรดแลคติกและแบคทีเรียยีสต์ ซึ่งเป็นจุลินทรีย์สำคัญในการผลิตซอสถั่วเหลือง เจริญเติบโตได้ดี โดยเฉพาะโรงเก็บของโมโรมิที่สร้างขึ้นเมื่อกว่า 100 ปีที่แล้ว และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ของประเทศ ผนังทำจากดิน ทำให้มีลักษณะทางประวัติศาสตร์ แต่ตัวอาคารเองนั้นประกอบไปด้วยแบคทีเรียกรดแลคติกและแบคทีเรียยีสต์ถึง 100 ชนิด แบคทีเรียเหล่านี้เองที่สร้างรสชาติและกลิ่นหอมอันเข้มข้นให้กับซอสถั่วเหลือง

การหมักในถังไม้เป็นเรื่องยากที่จะควบคุม และมีโรงหมักไม่กี่แห่งในประเทศที่ยังคงใช้วิธีนี้อยู่ ที่นี่ คุณไม่เพียงแต่จะได้ลิ้มรสชาติและกลิ่นหอมละมุนที่หาได้จากซีอิ๊วหมักในถังไม้เท่านั้น แต่ยังจะได้สัมผัสถึงความละเอียดอ่อนและความลึกซึ้งของวัฒนธรรมการหมักของญี่ปุ่นผ่านคำอธิบายอย่างละเอียดอีกด้วย

ที่นี่คือสถานที่ที่คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์อันลึกซึ้งและเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับต้นกำเนิดของรสชาติญี่ปุ่นผ่าน "โปรแกรมทัวร์เชิงประสบการณ์" ที่จะพาคุณไปสำรวจประวัติศาสตร์การผลิตซอสถั่วเหลือง ซึ่งได้รับการพัฒนามาจากปัจจัยหลายประการ เช่น ความเป็นเอกลักษณ์ทางภูมิศาสตร์ที่ทำให้เกาะโชโดชิมะกลายเป็นแหล่งผลิตซอสถั่วเหลืองที่สำคัญ ประวัติศาสตร์การนำเข้ามาจากภูมิภาคคิชูเมื่อ 400 ปีก่อน ความอุดมสมบูรณ์ของเกลือ สภาพอากาศอบอุ่น และการขนส่งทางทะเลที่สะดวกสบาย ในขณะที่คุณเยี่ยมชมโรงเก็บและถังไม้ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของซอสถั่วเหลือง

โรงแรม Olivean Shodoshima Yuhigaoka: เพลิดเพลินไปกับพระอาทิตย์ตกดินอันงดงาม

ที่พักเป็นหนึ่งในความสุขที่ยิ่งใหญ่ของการเดินทาง เรือยอชต์สุดหรูมีห้องนอนที่สะดวกสบาย แต่ถ้าคุณมาเที่ยวทะเลเซโตะ เราจะพาคุณไปพักที่โรงแรมที่คุณจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่สวยงามและอาหารรสเลิศ

โรงแรม Olivean Shodoshima Yuhigaoka ตั้งอยู่บนเนินเขาบนเกาะโชโดชิมะ เป็นโรงแรมที่มีทิวทัศน์อันงดงาม ซึ่งได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 จุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น (100 อันดับพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น)

การชมพระอาทิตย์ค่อยๆ ลับขอบฟ้าลงสู่ทะเลเซโตะคือไฮไลต์ของการเดินทางของคุณ เมื่อแสงลับขอบฟ้าไป ทะเลและท้องฟ้าจะเปลี่ยนเป็นสีสันอ่อนๆ และเงาของหมู่เกาะก็จะค่อยๆ ปรากฏขึ้นอย่างเงียบๆ

กล่าวกันว่าพระอาทิตย์ตกในฤดูร้อนของเกาะโชโดชิมะจะมีสีแดงก่ำ ส่วนพระอาทิตย์ตกในฤดูหนาวจะส่องประกายสีทองอร่าม อย่าพลาดที่จะไปเยี่ยมชมและเห็นด้วยตาตัวเอง

ที่ห้องอาหาร คุณจะได้ลิ้มลองอาหารรสเลิศที่ปรุงจากวัตถุดิบจากเกาะเซโตะอุจิและเกาะโชโดชิมะอย่างเต็มที่ เช่น อาหารทะเลที่ผลิตในท้องถิ่น ซอสถั่วเหลือง สึคุทานิ (อาหารต้มในซอสถั่วเหลือง) และบะหมี่โซเมน เกาะโชโดชิมะขึ้นชื่อเป็นพิเศษในเรื่องการผลิตมะกอก ซึ่งหาได้ยากในญี่ปุ่น อย่าลืมลองชิมเนื้อวัวที่เลี้ยงด้วยมะกอก ซึ่งเลี้ยงด้วยมะกอกจากเกาะที่คุณไปเยือนโดยเรือ

การเดินทางตาม "เส้นทางวัฒนธรรม" ที่ถักทอโดยท้องทะเล

การเดินทางรอบทะเลเซโตะด้วยเรือยอชต์สุดหรูเชื่อมโยงวัฒนธรรมที่กระจัดกระจายเข้าด้วยกันเป็น "เส้นตรง" เดียว หลังจากเพลิดเพลินกับงานฝีมือ อาหาร และทิวทัศน์ที่คุณพบเจอตามท่าเรือต่างๆ คุณสามารถกลับมาพักผ่อนบนเรือ ดื่มด่ำกับบรรยากาศหลังการเดินทาง และเตรียมพร้อมสำหรับจุดหมายปลายทางต่อไป

ในการล่องเรือสำราญที่ให้ความสำคัญกับเวลาส่วนตัว หนึ่งในสิ่งดึงดูดใจที่สำคัญคือเวลาที่คุณสามารถใช้ในห้องรับรองเพื่อรำลึกถึงความทรงจำดีๆ กับครอบครัวและเพื่อนๆ ที่เดินทางไปด้วยกัน

เปลี่ยนการเดินทางของคุณให้เป็นประสบการณ์ที่มีความหมายลึกซึ้งยิ่งขึ้น ด้วยการผสมผสานประสบการณ์และทิวทัศน์ทั้งบนเรือและบนบก คุณจะสามารถสร้างความทรงจำที่สวยงามแตกต่างจากทริปอื่นๆ ที่คุณเคยมีมา

ในปี 2027 ในเขตชินโกะของเมืองโกเบ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา จะมีการเปิดท่าจอดเรือที่สามารถรองรับเรือซูเปอร์ยอทช์ได้ในน่านน้ำทางทิศตะวันตกของสนามกีฬา G-Lion Arena Kobe ซึ่งเพิ่งเปิดให้บริการในเดือนเมษายน 2025 นอกจากนี้ ในเขตนาคาโนชิมะ ใกล้กับใจกลางเมืองโอซาก้า กำลังมีการก่อสร้างประตูนาคาโนชิมะ ซึ่งจะช่วยให้เรือซูเปอร์ยอทช์สามารถจอดและขึ้นลงเรือได้

นอกจากนี้ เกาะยูเมะชิมะ ซึ่งเคยเป็นสถานที่จัดงานเวิลด์เอ็กซ์โปที่คึกคักและดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก กำลังได้รับการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวระดับนานาชาติ โดยมีโรงแรม สถานบันเทิง สถานที่จัดงานประชุมสัมมนา และอื่นๆ อีกมากมาย

ในอนาคตอันใกล้ พื้นที่โอซาก้า-เซโตะอุจิจะกลายเป็นเส้นทางเดินเรือทองคำ เชื่อมต่อเกาะยูเมะชิมะกับเกาะนาคาโนชิมะในโอซาก้า ท่าเรือใหม่โกเบ และเกาะอาวาจิชิมะ จากนั้นขยายต่อไปยังเกาะโชโดชิมะ เกาะนาโอชิมะ และเกาะอื่นๆ ในภูมิภาคเซโตะอุจิ ทำให้สามารถเพลิดเพลินกับการเดินทางทางเรือที่หลากหลายและสนุกสนานยิ่งกว่าที่เคยมีมา

การท่องเที่ยวด้วยเรือยอชต์สุดหรูอาจกลายเป็นวิธีหนึ่งในการขยายเสน่ห์ของทะเลเซโตะในอนาคต

หากต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางด้วยเรือยอชต์สุดหรู กรุณาติดต่อ: fp@ryobi-tours.jp