แผนเที่ยวแนะนำภูเขาไดเซ็น ทตโตริ! มีทั้งวิวสวย อาหาร วัด และพิพิธภัณฑ์ศิลปะครบเครื่อง

ภูเขาไดเซ็น (Mount Daisen)

เอื้อเฟื้อภาพโดย : ©จังหวัดทตโตริ

ภูเขาไดเซ็น ที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของจังหวัดทตโตริแห่งนี้เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของ ภูมิภาคจูโกกุ ด้วยความสูงกว่า 1,729 เมตรถึงขนาดได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 3 ยอดเขาขึ้นชื่อที่สุดในญี่ปุ่น รองจากภูเขาไฟฟูจิและยอดเขายาริกะตาเกะโดยสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศญี่ปุ่น (NHK) เลยทีเดียว

ด้วยทัศนียภาพอันงดงามไม่ว่าจะเป็น ป่าไม้อันเขียวขจีในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง และบรรยากาศที่ปกคลุมไปด้วยหิมะในฤดูหนาว ทำให้ผู้คนท้องถิ่นต่างเคารพบูชากันว่าเป็น ภูเขาซึ่งเป็นที่สิงสถิตของเทพเจ้า มาตั้งแต่สมัยโบราณเลยทีเดียว ในปัจจุบัน ที่นี่เป็นที่รู้จักกันในฐานะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่สามารถเพลิดเพลินกับ วิวที่สุดแสนจะสวยงาม ร่องรอยทางประวัติศาสตร์ อาหารอร่อย และกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างจุใจ

เพลิดเพลินกับกิจกรรมอันหลากหลายบนภูเขาไดเซ็นได้ตลอดทั้งปี!

เอื้อเฟื้อภาพโดย : ©จังหวัดทตโตริ

ระหว่างฤดูใบไม้ผลิจนถึงฤดูใบไม้ร่วง เราสามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรม ปีนเขา ปั่นจักรยาน ตั้งแคมป์ และขี่ม้า บนภูเขาไดเซ็นแห่งนี้ได้

ไดเซ็นไวท์รีสอร์ท (Daisen White Resort) ซึ่งเปิดให้บริการในฤดูหนาวเป็น ลานสกีที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นตะวันตก โดยเราสามารถเล่นสกีท่ามกลาง ทัศนียภาพอันงดงามของทะเลญี่ปุ่นและชายหาดยูมิกาฮามะ ได้อย่างสบายอารมณ์

สำหรับใครที่อยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับกิจกรรมสามารถเข้าไปดูได้จาก เว็บไซต์หลักของภูเขาไดเซ็น

วิธีการเดินทางไปยังภูเขาไดเซ็น

สำหรับใครที่อยากตระเวนเที่ยวชมภูเขาไดเซ็นอย่างอิสระก็ขอแนะนำให้ใช้บริการ รถเช่า เลยค่ะ บอกเลยว่าถ้าเกิดใครเช่ารถจาก สนามบินมิโฮะ-โยนาโกะ (Yonago Kitaro Airport) ในระหว่างนี้จนถึงช่วงปลายเดือนมีนาคม 2018 จะได้รับส่วนลดพิเศษด้วยนะเออ สำหรับรายละเอียดสามารถเข้าไปดูได้ ที่นี่ เลย

สำหรับใครที่อยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการใช้บริการรถเช่าในญี่ปุ่นสามารถเข้าไปดูได้จากบทความ วิธีการเช่ารถที่ญี่ปุ่น และข้อควรรู้ต่าง ๆ

แต่สำหรับใครที่เพิ่งเคยมาเที่ยวญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกอาจจะรู้สึกไม่มั่นใจ ไม่กล้าเช่ารถกันก็ขอแนะนำให้ใช้บริการ Daisen Loop Busแทนได้เหมือนกันค่า

“Daisen Loop Bus” คืออะไร?

Daisen Loop Bus คือ รถบัสท่องเที่ยวที่วิ่งให้บริการรับ-ส่งตามสถานที่ท่องเที่ยวบนภูเขาไดเซ็นมาจากภายในเมืองโยนาโกะ บอกเลยว่าเป็นพาหนะสุดคุ้มจริง ๆ เพราะว่ามาพร้อมกับพาสแบบ บุฟเฟ่ต์เหมา 1 วัน 1,000 เยน และบุฟเฟ่ต์เหมา 2 วัน 1,300 เยน

โดยวิ่งให้บริการในวันเสาร์ อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ระหว่างช่วงปลายเดือนเมษายน – ต้นเดือนพฤศจิกายน ส่วนช่วง โกลเด้นวีค ระหว่างปลายเดือนเมษายน – ต้นเดือนพฤษภาคม ช่วงปิดเทอมฤดูร้อนระหว่างช่วงปลายเดือนกรกฎาคม – ปลายเดือนสิงหาคม และ ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีระหว่างช่วงปลายเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน วิ่งให้บริการทุกวัน

แผนเที่ยวตัวอย่างที่ใช้บริการ “Daisen Loop Bus” ตามนี้เลย!

ต่อไป เราจะมาแนะนำแผนเที่ยวแบบจัดเต็มตั้งแต่จุดชมวิวสุดงาม วัด พิพิธภัณฑ์ศิลปะ อาหารอร่อย ๆ ไปจนถึงแหล่งช้อปปิ้งของฝากใน 1 วันกันค่ะ

※ ตารางการเดินรถบัสเป็นข้อมูลของปี 2017

8: 25 น. บัสเทอร์มินอลด้านหน้าสถานีโยนาโกะ (Yonago Station)

เอื้อเฟื้อภาพโดย : ©จังหวัดทตโตริ

ขึ้นรถบัสตรงป้ายสำหรับรถบัส “Daisen Loop Bus” ด้านหน้าสถานีโยนาโกะเวลา 08.25 น. เพื่อมุ่งหน้าไปยังพิพิธภัณฑ์ภาพถ่ายอุเอดะโชจิฉะชินกันก่อนเลยดีกว่า

8 : 50 น. พิพิธภัณฑ์ภาพถ่ายอุเอดะโชจิฉะชิน (Shoji Ueda Museum of Photography)

คุณอุเอดะ โชจิ นักถ่ายภาพผู้เกิดที่เมืองซาไคมินาโตะในจังหวัดทตโตริเมื่อปี 1913 ถ่ายภาพแนวที่ดูขลังบ้าง ขำขันบ้างโดยใช้เหล่าเด็ก ๆ และธรรมชาติในโซนซันอินซึ่งรวมถึงทตโตริและชิมาเนะด้วยเป็นหัวข้อในการถ่าย อย่างเช่น เนินทรายทตโตริ เป็นต้น

เขาเป็นปรมาจารย์ด้าน การถ่ายภาพแบบมีลูกเล่น โดยการจัดองค์ประกอบของสิ่งที่ถ่ายให้ดูราวกับเป็นวัตถุบางอย่าง แสดงออกให้เห็นถึงโลกทัศน์ของเขา การถ่ายภาพสไตล์นี้มีแฟน ๆ ชื่นชอบอยู่ทั่วโลก ในฝรั่งเศสถึงกับมีการเรียกการถ่ายภาพสไตล์นี้ว่า อุเอดะโจ เลยทีเดียว

นอกจากภายในพิพิธภัณฑ์จะมีการจัดแสดงผลงานของเขาแล้ว เรายังสามารถชม ภูเขาไดเซ็นกลับหัวผ่านเลนส์กล้องที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ด้วยนะ

ลูกเล่นที่สามารถถ่ายภูเขาไดเซ็นออกมาได้อย่างน่าสนใจ นั้นมีเตรียมไว้หลายจุดภายในพิพิธภัณฑ์ ทำให้มีผู้ชื่นชอบการถ่ายภาพจากทั่วโลกเดินทางมาเยือนกันมากมาย

พิพิธภัณฑ์อุเอดะโชจิฉะชิน (Shoji Ueda Museum of Photography)
ที่อยู่ : 353-3, Sumura, Hoki-cho, Saihaku-gun, Tottori 
เว็บไซต์หลัก : http://www.japro.com/ueda/

รถบัสเดินทางออกจากพิพิธภัณฑ์อุเอดะโชจิฉะชินในเวลา 09.56 น. เพื่อมุ่งหน้าไปยังวัดไดเซ็นจิกันต่อเลย

10 : 20 น. วัดไดเซ็นจิ (Daisen-ji)

วัดไดเซ็นจิ ที่กำลังจะครบรอบ 1300 ปี ณ ปี 2018 แห่งนี้มีการเปิด ตลาดซื้อขายวัว-ม้า ขึ้นใน สมัยเอโดะ (ปี 1603 - 1868)

จากภูมิหลังแบบนี้จึงทำให้มีการสร้าง รูปหล่อวัวที่หล่อจากห่วงคล้องจมูกวัว ขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกและปลอบประโลมดวงวิญญาณของวัวนั่นเอง ว่ากันว่าถ้าลูบหัวรูปหล่อวัว ความปรารถนา 1 ข้อจะกลายเป็นจริงด้วยนะเออ

นอกจากนี้ บริเวณใกล้เคียงยังเป็นที่ตั้งของ ศาลเจ้าโอกามิยามะ (Ōgamiyama Shrine) ที่มีทางเดินสู่ศาลเจ้าจากหินธรรมชาติที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย

วัดไดเซ็นจิ (Daisen-ji)
ที่อยู่ : 9 Daisen, Daisen-cho Saihaku-gun, Tottori
เว็บไซต์หลัก : http://daisenji.jp/ (เฉพาะภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น)

เอาล่ะ ต่อไปก็นั่งรถบัสออกจากวัดไดเซ็นจิในเวลา 12.20 น. ได้เลย เพื่อน ๆ เริ่มหิวกันรึยังเอ่ย? ต่อจากนี้ก็ถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้วล่ะค่ะ! ^^

12 : 25 น. โกเอ็นซังลอดจ์ (Goenzan Lodge)

โกเอ็นซังลอดจ์ ที่มี จุดชมวิว สำหรับชมวิวภูเขาไดเซ็นที่แสนสวนงามแห่งนี้มีการเสิร์ฟเมนูเฮลตี้เจงกิสข่าน (เจงกินข่านเพื่อสุขภาพ) ระหว่างเดือนเมษายน - พฤศจิกายนด้วยนะ

“เมนูเจงกิสข่านเพื่อสุขภาพ” เป็นเมนูยอดนิยมประจำภูเขาไดเซ็นเลยก็ว่าได้ โดยมาพร้อมกับบริการผักและ เนื้อลูกแกะหมักซอสสุดพิเศษ แถมทานได้แบบบุฟเฟ่ต์ไม่อั้นตลอด 1 ชั่วโมง ในราคา 1,450 เยน / ท่าน
นอกจากนี้ เรายังสามารถเพลิดเพลินกับ การเล่นสกี ที่ลานสกีภายในนี้ได้ในฤดูหนาวด้วย

โกเอ็นซังลอดจ์ (Goenzan Lodge)
ที่อยู่ : 124 Daisen, Daisen-cho, Saihaku-gun, Tottori
เว็บไซต์หลัก : http://www.daisen-resort.jp/green/465.html (เฉพาะภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น)

หลังจากทานข้าวที่โกเอ็นซังลอดจ์กันจนอิ่มแปล้แล้วก็นั่งรถบัสรอบเวลา 14.25 น. มุ่งหน้ากลับไปยังวัดไดเซ็นจิกันอีกครั้งหนึ่ง เมื่อมาถึงวัดไดเซ็นจิแล้วให้เปลี่ยนรถเป็นรถบัสที่ผ่านที่ราบสูงมาสึมิซุโคเก็งรอบเวลา 14.30 น.

14 : 39 น. มาสึมิซุโคเก็ง (Masumizu Kogen)

ที่ราบสูง มาสึมิซุโคเก็ง แห่งนี้เป็นสถานที่ที่สามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามระดับสุดยอดบนภูเขาไดเซ็นเลยก็ว่าได้

เอาล่ะ เมื่อเดินทางมาถึงแล้วก็รีบขึ้น กระเช้าลอยฟ้า เทนคูลิฟท์ เพื่อมุ่งหน้าไปยัง จุดชมวิว กันเลย จาก ความสูง 900 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เราจะได้ชมวิวแบบพาโนราม่าของชายหาดยูมิกาฮามะกันอย่างเต็มอิ่ม

บอกเลยว่าในบรรดากระเช้าลอยฟ้ามี ที่นั่งคู่รักติดสัญลักษณ์รูปหัวใจ ด้วยนะเนี่ย!

“มาสึมิซุโคเก็ง” แห่งนี้ขึ้นชื่อในฐานะที่เป็น สวรรค์ของบรรดาคู่รัก จากบรรยากาศสุดแสนโรแมนติก ถ้าเกิดใครมีโอกาสได้มาเที่ยวที่นี่ห้ามพลาดถ่ายรูปที่ระลึกด้านหน้าอนุสรณ์หินด้วยประการทั้งปวงค่ะ! ^^

แถมเรายังสามารถเพลิดเพลินกับ การเล่นสกี ในฤดูหนาวได้ที่นี่ด้วยนะ

ที่ราบสูง มาสึมิซุโคเก็ง (Masumizu Kogen)
ที่อยู่ : 1069-50 Masumi Kogen, Ouchi, Houki-cho, Saihaku-gun, Tottori
เว็บไซต์หลัก : http://www.masumizu.net/english/index.html

หลังจากดื่มด่ำกับบรรยากาศแสนสดชื่นบนที่ราบสูงจนจุใจแล้วก็นั่งรถบัสรอบ 15.39 น. มุ่งหน้าไปซื้อของฝากกันต่อเลย!

15 : 43 น. ไดเซ็น มากิบะ มิลค์ โนะ ซาโตะ (Daisen Makiba Milk no Sato)

ไดเซ็น มากิบะ มิลค์ โนะ ซาโตะ แห่งนี้มีจำหน่ายเมนูที่ทำจากนมรีดสดใหม่ฝีมือฟาร์มโคนมบริเวณใกล้เคียง!
โดยเฉพาะ ซอฟท์ครีม นั้นได้รับความนิยมสูงมากจากรสนมเข้มข้นถึงใจ ถึงตรงนี้ก็มาลองนั่งพักทานซอฟท์ครีมแสนอร่อยกันหน่อยดีกว่า

ส่วนของฝากยอดนิยมของที่นี่เลยก็คือ มันจูรสนม นั่นเอง บอกเลยว่าสัมผัสที่แสนนุ่มพร้อมรสนมเป็นอะไรที่ได้ลองสักคำจะหยุดไม่ได้อย่างแน่นอน

สำหรับใครที่อยากหาอะไรทานตอนนั่งรถบัสกลับก็ขอแนะนำเป็น แคนดี้ชีส เลยค่ะ

ส่วร้านอาหารภายในนี้มีจำหน่ายเมนูแปลก ๆ น่าสนใจจากนมมากมายเลยทีเดียว เช่น อุด้งนม เป็นต้น

ไดเซ็น มากิบะ มิลค์ โนะ ซาโตะ (Daisen Makiba Milk no Sato)
ที่อยู่ : 2-11 Kobayash, Hoki-cho, Saihaku-gun, Tottori
เว็บไซต์หลัก : http://www.milknosato.com/ (เฉพาะภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น)

จากไดเซ็น มากิบะ มิลค์ โนะ ซาโตะมีรถบัสกลับเวลา 16.43 น. ถ้านั่งรถบัสเที่ยวนี้จะกลับไปถึงสถานีโยนาโกะเวลา 17.32 น.

บทส่งท้าย

สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับ “Daisen Loop Bus” สามารถสอบถามได้จาก สนามบินมิโฮะ-โยนาโกะ และ ศูนย์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวภายในสถานีโยนาโกะ ได้เช่นกัน ในบทความนี้เราได้แนะนำแหล่งท่องเที่ยวกันไปแค่ 6 แห่งก็จริง แต่ความจริงแล้ว Daisen Loop Bus นั้นวิ่งให้บริการรับ-ส่งตามสถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมดถึง 19 แห่งเลยทีเดียว ยังไงเพื่อน ๆ ก็ลองแวะไปเที่ยวแห่งอื่น ๆ กันดูให้ได้นะคะ! ^^

ภูเขา

สำหรับคนที่อยากทราบละเอียดเพิ่มเติม เข้าไปดูที่เว็บไซต์ทางการของจังหวัดทตโตริได้เลย! (https://www.tottori-tour.jp/th/) หรือสามารถอ่านเพิ่มเติมได้จาก "คอลัมน์พิเศษรวมบทความจังหวัดทตโตริของ MATCHA"！