Start planning your trip

เราสามารถจองที่นั่งสำหรับผู้เดินทาง 1 ถึง 16 คนเท่านั้น โปรดแก้ไขจำนวนผู้เดินทางสำหรับการค้นหาของคุณ
โปรดระบุอายุของเด็กทุกคน
เด็ก 1 คน (อายุ 0-2 ปี) ต่อผู้โดยสารผู้ใหญ่ 1 คนเท่านั้น
โปรดเลือกสนามบินต้นทาง
รถเช่าที่สะดวกเวลาไปเที่ยวนอกเมือง แต่การใช้บริการรถเช่าในต่างประเทศอาจจะเป็นเรื่องน่ากังวล ในบทความนี้จึงจะแนะนำวิธีการเช่ารถขับในญี่ปุ่นสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงขั้นตอน ค่าเช่า และค่าทางด่วนต่าง ๆ
ความสนุกสนานในการไปเที่ยวจะมากน้อยหรือสนุกสนานแค่ไหน วิธีการเดินทางก็เป็นส่วนหนึ่งด้วยค่ะ
ยกตัวอย่างเช่น ฮ็อกไกโด, นากาโนะ, ฮิดะทาคายามะ, โอกินาว่า ถ้ามีรถเช่า เพื่อน ๆ ก็จะได้ไปชมวิวสวย ๆ ที่ไกลออกไปจากรีสอร์ทด้วยค่ะ หรือพวกสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ บริเวณรอบ ๆ ตัวเมืองก็อาจจะเดินทางเข้าถึงได้ยากถ้าใช้บริการขนส่งสาธารณะ ในกรณีนี้ถ้ามีรถเช่าก็จะสะดวกกว่าค่ะ
ค่าเช่ารถที่ญี่ปุ่นจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดของรถ แต่ส่วนใหญ่จะประมาณวันละ 10,000 เยนค่ะ ถ้าใน 1 วัน เพื่อน ๆ ไปเที่ยวหลายที่ และเป็นสถานที่ที่ไม่ค่อยมีรถสาธารณะให้บริการ ก็จะช่วยประหยัดเงินได้พอสมควรเลย
นอกจากนี้ ที่บริเวณ Service Area (จุดพักรถ) บนทางด่วน หรือตามสถานีบนถนนปกติก็จะมีทั้งห้องน้ำ ร้านอาหาร รวมถึงของฝากหรือของดีในย่านที่ไปวางขายอยู่ ทำให้มีผู้คนค่อนข้างเยอะและน่าสนใจ นี่ก็เป็นอีกข้อดีหนึ่งของการขับรถเช่าค่ะ
เราได้ทำการรวบรวมข้อมูลข้อควรรู้ในการเช่ารถที่ญี่ปุ่นมาไว้ในบทความนี้แล้วค่ะ
1.เรื่องสำคัญในการขับรถที่ญี่ปุ่น
2.วิธีการและมารยาทในการเช่ารถ
3.ราคารถเช่า
4.GPS ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาเกาหลี
5.การจราจรและกฎในญี่ปุ่น
6.การใช้ทางด่วนญี่ปุ่น
7.ที่จอดรถ
8.การเติมน้ำมัน
9.ประกันภัย
ในการเช่ารถที่ญี่ปุ่น ผู้ขับขี่จะต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป เพราะตามกฎหมายของญี่ปุ่นสามารถทำใบขับขี่ได้เมื่อมีอายุ 18 ปีขึ้นไป
ใครที่มีอายุเกิน 18 ปีแล้ว ก็ให้นำใบขับขี่ที่ยังไม่หมดอายุและพาสปอร์ตไปที่บริษัทรถเช่าได้เลยค่ะ
ใบขับขี่ที่สามารถใช้เช่ารถในญี่ปุ่นได้ มี 3 แบบด้วยกัน
・ใบขับขี่ของประเทศญี่ปุ่น (สำหรับผู้ที่อาศัยในญี่ปุ่น)
・ใบอนุญาตขับขี่สากล
・ใบขับขี่ที่มีคำแปลภาษาญี่ปุ่น (ในกรณีที่เป็นใบขับขี่ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์, เยอรมัน, ฝรั่งเศส, ไต้หวัน, เบลเยี่ยม, สโลวาเนีย และโมนาโค)
สำหรับใบอนุญาตขับขี่สากล จะต้องทำที่ประเทศของตนเองก่อนมาญี่ปุ่น เพราะหลังจากเดินทางมาญี่ปุ่นแล้ว ทางสถานทูตก็ไม่สามารถออกใบขับขี่สากลให้ได้
สำหรับคนที่มีใบขับขี่ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์, เยอรมัน, ฝรั่งเศส, ไต้หวัน, เบลเยี่ยม, สโลวาเนีย และโมนาโคไม่ต้องทำใบขับขี่สากลก็ได้ แต่ต้องนำใบขับขี่พร้อมคำแปลภาษาญี่ปุ่น และพาสปอร์ตมายื่นให้กับบริษัทรถเช่าได้เลย ฉบับแปลสามารถออกให้ได้โดย JAF ทั่วประเทศญี่ปุ่น, สถานทูต หรือสถานกงสุลของประเทศนั้น ๆ
ถ้าให้ JAF เป็นผู้ออกฉบับแปลให้ อาจจะได้รับในวันเดียวกันนั้นเลย หรืออาจจะใช้เวลาถึง 2 สัปดาห์ก็มีค่ะ ราคา 3,000 เยนต่อใบขับขี่ 1 ใบ
ในการเตรียมใบขับขี่สากลและใบขับขี่ฉบับแปลภาษาญี่ปุ่น ก็อย่าลืมเผื่อเวลาสำหรับขั้นตอนการดำเนินการด้วยนะคะ
ข้อมูลอ้างอิงเกี่ยวกับใบขับขี่ที่ใช้ได้ในญี่ปุ่น :https://www.nipponrentacar.co.jp/english/user-guide/driverslicense.html
ในการเช่ารถที่ญี่ปุ่น จะต้องลงทะเบียนบนหน้าเว็บกันก่อนค่ะ
ลักษณะก็คล้าย ๆ กันกับหลายประเทศทั่วไป คือต้องระบุ ดังนี้
・วันที่เริ่มเช่ารถ/คืนรถ
・ชนิดของรถ
・เช่าแล้วคืนที่สาขาอื่นหรือนำกลับมาคืน
・การเพิ่ม Option GPS หรือบัตร ETC (บัตรสำหรับทางด่วน)
หรืออาจจะลงทะเบียนเพื่อเช่ารถที่บริษัทรถเช่าในวันเดียวกันได้เลย ซึ่งชนิดของรถอาจจะมีให้เลือกไม่มากนัก หรือรถที่ต้องการมีคนเช่าไปแล้ว เป็นต้น ควรจะเช่าก่อนล่วงหน้า2-3 วัน หรือ 1 สัปดาห์ก่อนวันที่จะรับรถดีกว่าค่ะ
มีเว็บไซต์ที่สามารถจองได้โดยใช้ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาเกาหลี และภาษาไทยได้ด้วยนะคะ อย่างเช่น
Nissan Rent-a-Car, Toyota Rent a Lease、Nippon Rent a Car、Times Car Rental เป็นต้น เมื่อลงทะเบียนเช่าเรียบร้อยแล้ว พอถึงวันที่จะรับรถ ก็ไปที่บริษัทรถเช่าได้เลย อย่าลืมเอาใบขับขี่และพาสปอร์ตไปที่ร้านเช่าด้วยนะคะ
ส่วนลด 10% เมื่อจองรถเช่าทางออนไลน์ของ Nippon Rent a Car คลิกที่รูปเพื่อดูรายละเอียดการใช้รหัสคูปอง
ในการคืนรถเช่า ต้องเติมน้ำมันรถที่ปั๊มน้ำมันใกล้ ๆ บริษัทรถเช่า แล้วนำใบเสร็จไปแสดง บริษัทรถเช่าบางที่อาจจะระบุปั๊มน้ำมันที่ต้องเติมน้ำมันด้วยก็ได้ค่ะ ต้องเช็คข้อมูลล่วงหน้าให้ดีค่ะ
ในแถบชนบทหรือที่ห่างไกลจากตัวเมือง ส่วนใหญ่ปั๊มน้ำมันจะไม่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะปิดประมาณ 19:00น. ถ้าไม่สามารถเติมน้ำมันก่อนนำรถไปคืนได้ ทางบริษัทรถเช่าก็จะคำนวณราคาค่าน้ำมันให้ และส่วนใหญ่ราคาจะสูงกว่าไปเติมเองที่ปั๊มน้ำมัน
สำหรับการคืนรถที่บริษัทรถเช่าต่างสาขา ก็จะมีการระบุสถานที่ที่ต้องไปคืนไว้ก่อนล่วงหน้า อย่าลืมเช็คข้อมูลก่อนด้วยนะคะ
การเช่ารถจะมีเช่าทั้งแบบ 6 ชั่วโมง, 12 ชั่วโมง และ 24 ชั่วโมง
ราคาสำหรับรถเก๋งหรือรถธรรมดาทั่วไปโดยประมาณ
6 ชั่วโมง 5,000〜7,000 เยน/12 ชั่วโมง 5,000〜7,000 เยน/24 ชั่วโมง7,000〜10,000 เยน
แต่ถ้าเป็นรถที่หรูหราขึ้นมาอีกหน่อยอย่าง Toyota Crown, Mercedes Benz ราคาก็จะแพงขึ้นมาอีกค่ะ
6 ชั่วโมง 10,000〜12,000 เยน/12 ชั่วโมง 10,000〜12,000 เยน/24 ชั่วโมง 15,000〜20,000 เยน
หลาย ๆ ที่ราคาอาจจะไม่ต่างกันนักระหว่าง 6 ชั่วโมงและ 12 ชั่วโมง
รถเช่าส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นมักจะมี GPS หรือ Navigator ติดมากับตัวรถอยู่แล้ว หรือแบบที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มก็มี ดังนั้นต้องเช็คข้อมูลให้ดีก่อนทำการจองค่ะ
ส่วนใหญ่ GPS ที่บริษัทรถเช่าที่ญี่ปุ่นจะมีแค่ภาษาญี่ปุ่น แต่ตามสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะอย่างฮ็อกไกโด ก็จะมี GPS ภาษาอังกฤษ ภาษาเกาหลี ภาษาจีนเตรียมไว้ให้ด้วย
เราได้รวบรวมกฎการจราจรหลัก ๆ ที่สำคัญในการขับรถที่ญี่ปุ่นมาแล้วค่ะ
รถที่ญี่ปุ่นมีพวงมาลัยอยู่ทางขวา และขับเลนซ้าย ประเทศที่ขับฝั่งเดียวกันกับญี่ปุ่นก็อย่างเช่น ประเทศอังกฤษ, ออสเตรเลีย, อินเดีย, แอฟริกาใต้ ส่วนเพื่อน ๆ ที่มาจากประเทศที่ขับทางด้านขวาของถนนอย่างอเมริกา, จีน, ยุโรป, เวียดนาม, บราซิล, ซาอุดิอาระเบียก็ต้องระมัดระวังไม่ขับผิดเลนให้มากเป็นพิเศษค่ะ
ในสถานที่ที่มีหิมะตกมาก เช่น ฮ็อกไกโด, นากาโนะ, ฮิดะทาคายามะ จะต้องมีการล็อคโซ่ที่ล้อรถในฤดูหนาวเพื่อป้องกันไม่ให้รถลื่นไถลเวลาที่ขับบนหิมะ สามารถขอเช่าโซ่จากบริษัทรถเช่าได้ค่ะ
ค่าทางด่วนญี่ปุ่น ถ้าเทียบกับหลาย ๆ ประเทศจะมีราคาค่อนข้างสูง ในระยะทางประมาณ 100km จะราคาประมาณ 3,000 เยน เวลาคำนวณงบก็อย่าลืมเผื่อค่าทางด่วนเข้าไปด้วยนะคะ
ส่วนความเร็วในการวิ่งบนทางด่วนคือ 100km/ชั่วโมง ถ้าขับเร็วเกิน 100km จะถูกตำรวจตามมานะคะ ต้องระวังอย่าขับเร็วเกินไปด้วยค่ะ
ทางด่วนของญี่ปุ่นใช้ระบบ ETC (Electronic Toll Collection System) เรียกเก็บเงินค่าทางด่วนผ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์แบบพิเศษที่ผูกไว้กับบัตรเครดิต เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาจ่ายเงินสดและทำให้รถติด
ปกติการสมัครบัตร ETC Card ของตัวเองจะใช้เวลาถึง 2 สัปดาห์ และต้องมีที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น สำหรับนักท่องเที่ยวสามารถเลือกออปชั่นเสริมเช่าบัตร ETC จากบริษัทเช่ารถได้ ในกรณีที่ไม่ได้ใช้บัตร ETC ให้ขับรถผ่านช่องที่เขียนว่า 一般 (แปลว่า ทั่วไป) เพื่อรับบัตรผ่านขาเข้า (จุดรับบัตรนี้มีทั้งรับจากพนักงานและรับจากตู้อัตโนมัติ แล้วแต่สถานที่) เมื่อจะออกก็ยื่นบัตรให้พนักงานเพื่อคำนวณและจ่ายเงินสด
ที่ญี่ปุ่นไม่สามารถจอดรถตามข้างทาง หรือริมถนนได้ ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ จะมีที่จอดรถอยู่ใกล้ ๆ เราจะต้องไปจอดที่นั่น ค่าบริการที่จอดรถ ราคาประมาณ 1 ชั่วโมง 200-700 เยน โดยจะมีความแตกต่างกันค่อนข้างมากในแต่ละสถานที่ ยิ่งใกล้ตัวเมืองมากเท่าไรก็ยิ่งแพงขึ้นค่ะ หลายที่เที่ยวส่วนใหญ่หรือห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ มักจะมีที่จอดรถให้ด้วย ซึ่งถ้ามีใบเสร็จที่ใช้จ่ายในห้างก็จะจอดได้ฟรีค่ะ
โดยทั่วไป ตามที่จอดรถจะต้องรับตั่วตรงทางเข้า ตอนออกจะมี 2 วิธี คือ แบบรั้วกั้นที่นำตั๋วที่ได้รับออกมาใส่เครื่องเพื่อคำนวณค่าที่จอดรถ กับแบบล็อคที่เอาเลขช่องที่จอดรถไปกดที่เครื่องแล้วจ่ายเงินเพื่อปลดล็อค
แบบรั้วกั้นที่ต้องรับตั๋วตอนเข้ามานี้ ตอนที่จะจอดรถต้องกดปุ่มที่ตู้ก่อน แล้วตั๋วก็จะเด้งออกมา ในตั๋วที่ออกมานี้จะมีวันเวลาที่เข้ามาจอดรถเขียนไว้ พอตอนที่จะออกจากที่จอดรถ ก็นำตั๋วนี้ใส่กลับเข้าไปในตัวเครื่อง หรือส่งให้กับพนักงานที่นั่งประจำที่อยู่ แล้วทำการจ่ายเงินค่าที่จอดรถค่ะ ต้องดูดี ๆ อย่าทำตั่วหายนะคะ
ถ้าเกิดโชคร้ายทำตั๋วหาย ให้โทรศัพท์ไปที่เบอร์ผู้รับผิดชอบของที่จอดรถได้ค่ะ ซึ่งน่าจะมีเบอร์โทรเขียนอยู่ที่ไหนสักที่ในบริเวณที่จอดรถ
แบบล็อคจะไม่ต้องรับตั่วตรงที่ทางเข้า ถ้ามีที่ว่างอยู่ก็เข้าไปจอดได้เลย ตรงช่องที่จอดรถจะมีล็อคอยู่ พอล้อรถเข้าไปแล้วสักพักก็จะล็อคค่ะ
ตอนที่จะเอารถออก ให้ใส่เลขช่องที่จอดรถลงไปที่เครื่อง หลังจากทำการจ่ายเงินเรียบร้อย ล้อก็จะถูกปลดล็อค สามารถเอารถออกได้ค่ะ
ที่จอดรถที่ญี่ปุ่นจะมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบลานจอดรถ, ที่จอดรถแบบจอดเอง หรือที่จอดรถโดยใช้เครื่องอัตโนมัติ
ที่จอดรถแบบลานกว้างไม่มีตัวตึกที่สามารถเข้าไปจอดตรงที่ที่ว่างได้เลย
เป็นที่จอดรถลักษณะคล้ายหอคอย ที่เจ้าของรถจะขับวนหาที่จอดรถเอง มักจะเชื่อมติดกับห้างสรรพสินค้าหรืออาคารต่าง ๆ
เป็นที่จอดรถลักษณะคล้ายหอคอย เครื่องอัตโนมัติจะหาที่จอดที่ว่างอยู่ ค่อนข้างสะดวกเพราะผู้ขับขี่ไม่ต้องเสียเวลาหาเอง ที่ญ่ปุ่นมีหลายที่ที่เป็นที่จอดรถบริการ 24 ชั่วโมง ลองเลือกหาดูที่ที่เหมาะกับความต้องการ และงบประมาณดูค่ะ
ปั๊มน้ำมันก็จะมีอยู่เกือบทุกที่อยู่แล้ว แบ่งเป็น 2 ชนิดใหญ่ ๆ คือ แบบฟูลเซอร์วิสและแบบบริการตัวเอง
แบบฟูลเซอร์วิสคือแบบที่มีพนักงานให้บริการถึงหน้าต่างรถและเติมน้ำมันให้ ส่วนการเติมน้ำมันด้วยตัวเอง ซึ่งราคาจะถูกลงเพราะต้องเติมน้ำมันเองค่ะ
ชนิดของน้ำมันจะแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
・Regular (สำหรับรถธรรมดา)
・High Octane(สำหรับรถหรูขึ้นมาอีกนิด หรือ 95ของบ้านเรา)
โดยแบ่งใช้ตามชนิดของรถ ซึ่งแน่นอนว่าแบบ High Octane จะมีราคาสูงกว่า การใช้บริการที่ปั๊มน้ำมันก็จะเหมือนกับประเทศทั้งแถบตะวันตกหรือเอเชียประเทศอื่น ๆ ค่ะ ถ้าหากมีข้อสงสัย สามารถถามพนักงานที่ปั๊มน้ำมันได้เลย
ในการเช่ารถที่ญี่ปุ่น จะมีค่าประกันอยู่ในค่าเช่ารถด้วยแล้ว แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุอาจจะต้องมีการเพิ่มเงินอีก 50,000-100,000 เยนค่ะ รายละเอียดลองสอบถามจากบริษัทรถเช่าได้เลยค่ะ