Start planning your trip
"ภูเขาทาคาโอะ"พักจากแสงไฟในเมืองไปสู่ขุนเขาอันแสนสงบชานกรุงโตเกียว
วันนี้เรามาพักจากแสงสีและเทคโนโลยีอันล้ำสมัยของโตเกียวชั่วคราว แล้วไปสูดความสดชื่นของธรรมชาติ ไหว้พระให้จิตใจสงบ และมาสัมผัสประสบการณ์เดินเขาอย่างสนุกสนานโดยใช้เวลาแค่ราวห้าสิบนาทีจากชินจูกุที่ "ภูเขาทาคาโอะ" กันค่ะ !
ใครว่ามาโตเกียวแล้วจะเที่ยวได้แต่บรรยากาศตึกรามบ้านช่องในเมืองใหญ่
เชื่อหรือไม่! แค่เพียง 1,380 เยน ก็จะได้ตั๋ว "Mt. Takao Discount Ticket" มาเป็นเซ็ทสำหรับเดินทางไป-กลับในหนึ่งวันของรถไฟสาย KEIO (บริหารโดยบริษัท Keio Electric Railway Co.,Ltd.) เราก็จะได้ไปสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวที่เยี่ยมสุดๆ บนภูเขาแห่งนี้กันแล้ว
"ภูเขาทาคาโอะ" หรือที่เรียกกันในภาษาญี่ปุ่นว่า "ทาคาโอะซัง (Takao-san)" ตั้งอยู่ในเมืองฮาจิโอจิ (Hachioji) จังหวัดโตเกียว เป็นสถานที่ยอดนิยมในการเดินเขาและศึกษาธรรมชาติของคนญี่ปุ่น เพราะมีหลากหลายเส้นทางเดินเขาให้เลือกตามระดับความยากง่ายและระยะเวลาในการเดิน เดินทางก็แสนสะดวก แถมยังติดอันดับสถานที่หนึ่งในร้อยจุดที่ดีที่สุดในการชมภูเขาไฟฟูจิในภูมิภาคคันโตด้วยนะคะ
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ที่ Keio Department Store Shinjuku
การเดินทางเริ่มต้นที่สถานีชินจูกุ (Shinjuku) โดยเราจะขึ้นรถไฟสายเคโอ (KEIO) ซึ่งอยู่ฝั่งทางออกทิศตะวันตกของสถานีกันค่ะ
ใครกลัวจะไปผิดทาง ก็สามารถดูแผนที่จากเวบไซต์ของทางห้างเขาได้เลยนะ
สำหรับวิธีการเดินทางไปสายเคโอ ดูได้ใน วิธีต่อรถไฟใต้ดินและรถไฟเอกชนจาก JR สถานีชินจูกุ สำหรับมือใหม่โดยเฉพาะ วิธีต่อรถไฟใต้ดินและรถไฟเอกชนจาก JR สถานีชินจูกุ สำหรับมือใหม่โดยเฉพาะ!
แต่เดี๋ยวก่อนนะคะ เราจะไปเดินเขาชมธรรมชาติกันทั้งที ก็ต้องมีอาหารกลางวันไปทานบนยอดเขาแถมอัพรูปถ่ายลงโซเชียลเก๋ๆ กันสักหน่อย ดังนั้นข้าวกล่องสไตล์ญี่ปุ่นหรือเบนโตะดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีสุดๆ เลยล่ะค่ะ เพราะทั้งทานง่ายและยังดูสมเป็นการมาเที่ยวญี่ปุ่นอีกด้วย
ว่าแล้วเราก็มุ่งไปที่ห้างสรรพสินค้าเคโอ สาขาชินจูกุ (Keio Department Store Shinjuku) ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆทางเข้าสถานีรถไฟสายเคโอกันเลยค่ะ
มองหาชั้นใต้ดิน MBF (Middle Basement Floor) ถ้ามาจากบนดินจะต้องลงบันไดเลื่อนมา แต่ถ้าออกมาจากสถานีรถไฟ อาจจะต้องตรวจสอบชั้นที่ตัวเองอยู่สักหน่อย ที่นี่มีขนมและอาหารกล่องขายเยอะแยะเลยค่ะ เราก็จะเจอกับร้านมิยาบิ (みやび) ที่นอกจากจะมีข้าวกล่องหน้าตาสวยงามและรสชาติที่อร่อยล้ำแล้ว ยังมีเมนูหลากหลายตามฤดูกาลให้เลือกอีกด้วย โดยเมนูยอดฮิตจะถูกติดป้ายไว้อย่างโดดเด่นเรียงตามลำดับหนึ่งสองสามตามกันมาพาลให้เลือกไม่ถูกทีเดียวค่ะ ราคาก็มีตั้งแต่หลักร้อยเยน ไปจนถึงข้าวกล่องเซ็ทใหญ่สำหรับทานหลายคนราคาหลายพันเยนค่ะ (ข้าวกล่องเซ็ทใหญ่ต้องสั่งจองล่วงหน้า)
10.30 เริ่มต้นเดินทางกันด้วยตั๋ว "Mt. Takao Discount Ticket"
การเดินทางไปภูเขาทาคาโอะของเรานั้นจะสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยการใช้ตั๋ว "Mt. Takao Discount Ticket" เดินทางแบบไปและกลับในหนึ่งวัน (Round-trip) ราคา 1,380 เยน (เดินทางจากสถานีชินจูกุไปกลับสถานีทาคาโอะกุจิ พร้อมตั๋วเคเบิ้ลคาร์หรือลิฟท์กระเช้า)
โดยไปกดซื้อได้ง่ายๆ ที่ตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติสีน้ำเงินของเคโอที่ตั้งอยู่หน้าทางเข้าสถานีรถไฟสายเคโอเลยค่ะ
เมื่อเจอตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติแล้ว ให้กดเลือกเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษที่มุมขวาบนของจอ จากนั้นทางซ้ายมือจะปรากฎแถบเมนู Discount Ticket
ให้เราเลือก "Mt. Takao Discount Ticket" แล้วเลือกราคา 1,380 เยนทางขวามือ จากนั้นใส่จำนวนคนและชำระเงินตามที่ปรากฏในหน้าจอเลยค่ะ
ส่วนแบบที่ราคาถูกกว่าจะมีตั๋วรถไฟให้แค่ขาไปเท่านั้น เวลาซื้อต้องระมัดระวังนะ
ตั๋วชุดนี้จะมีทั้งหมด 4 ใบ (ดูหมายเลขตั๋วตามวงกลมสีแดงในภาพ) ดังนี้
หมายเลข 1 ใบแนะนำตั๋ว Mt. Takao Discount Ticket *อันนี้เก็บไว้เฉยๆค่ะ ไม่ได้ใช้งาน
หมายเลข 2 ตั๋วรถไฟขาไปจากสถานีชินจูกุ – สถานีทาคาโอะซังกุจิ (Takaosanguchi)
หมายเลข 3 ตั๋วสำหรับเคเบิ้ลคาร์ หรือลิฟท์กระเช้า (Chair Lift) *อันนี้ต้องห้ามหายนะคะ ใช้ทั้งขาขึ้นและลงจากภูเขา
หมายเลข 4 ตั๋วรถไฟขากลับจากสถานีทาคาโอะซังกุจิ (Takaosanguchi) - สถานีชินจูกุ
ซึ่งตั๋วพิเศษแบบนี้จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปได้ถึงประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์แน่ะ (มีขายตลอดทั้งปี)
สำหรับใครที่อยากอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมอีกก็สามารถอ่านได้จากเว็บไซต์ของทาง Keio ได้เลยค่ะ
https://www.keio.co.jp/english/tickets/discount.html
รถไฟที่ให้บริการไปถึงสถานีทาคาโอะซังกุจิ โดยปกติแล้วจะเป็นขบวนสีแดงแบบรูปซ้ายค่ะ แต่ถ้าใครโชคดีก็จะได้เจอขบวนพิเศษสีเขียวนี้ด้วย
ในการขึ้นรถ ให้เลือกใช้บริการรถแบบด่วน Special Express ซึ่งจะอยู่ที่ชานชาลาหมายเลข 3 ค่ะ
ถ้าขึ้นผิดไปเป็น Local จะใช้เวลานั่งรถนานกว่า
11.27 สถานี Takaosunguchi ที่แม้กระทั่งหลังคาก็ยังสวย!
ใช้เวลาประมาณ 50 นาทีเท่านั้น เราก็มาถึงสถานี "ทาคาโอะซังกุจิ (Takaosanguchi)" ค่ะ
เป็นสถานีรถไฟที่มีความเป็นเอกลักษณ์อีกแห่งหนึ่งโดยมีการตกแต่งอย่างอลังการด้วยท่อนไม้สนที่นำมาสานกันดูแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่นแบบบ้านญี่ปุ่น มีหลังคาและกันสาดกว้างเป็นลักษณะคล้ายอุโมงค์แบบไดนามิกซึ่งออกแบบโดยคุณคุมะ เคนโกะ (Kuma Kengo) สถาปนิกชื่อดังชาวญี่ปุ่น นับเป็นจุดแรกที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวพากันมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกในการเดินทาง
เมื่อออกจากสถานีแล้วหันหน้าไปทางซ้ายมือ เราจะเจอศูนย์ให้บริการข้อมูลแก่นักท่องเที่ยว ชื่อว่า "Musasabi House" ค่ะ เจ้าหน้าที่ใจดีมากๆ และให้คำแนะนำเส้นทางท่องเที่ยวและเดินเขาเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว หากใครอยากได้แผนที่และแผ่นพับแล้วล่ะก็ แวะมาที่นี่ได้เลยค่ะ
เอาล่ะ! เรามาเริ่มทริปเดินชิล ไหว้พระ และชมธรรมชาติตามสถานที่ต่างๆ บนภูเขาทาคาโอะแห่งนี้กันดีกว่า
พิพิธภัณฑ์ทาคาโอะ 599 (Takao 599 Museum)
ออกมาจากสถานีเดินไปทางซ้ายมือ โดยใช้เวลาเดินเพียง 4 นาทีเท่านั้นก็จะถึงพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจแห่งนี้
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งชื่อตามระดับความสูงของยอดเขาทาคาโอะจากน้ำทะเล 599 เมตร เป็นที่รวบรวมและจัดแสดงพืชพรรณและสัตว์ป่านานาชนิดที่อยู่ในระบบนิเวศบริเวณภูเขาทาคาโอะ และยังโดดเด่นในเรื่องของการตกแต่งภายในที่เรียบง่ายสบายตาแถมดูทันสมัย ที่พลาดไม่ได้คือ กระดานนิเวศ (Nature Wall) ในรูปภาพด้านบน
นอกจากนี้ยังมีการแสดงแสงสีเสียงถ่ายทอดเรื่องราวของธรรมชาติได้แบบสวยงามและตราตรึงใจ นอกจากนี้ ยังมีมุมจิบกาแฟถ่ายรูปสวยๆอย่าง 599CAFE ร้านขายของที่ระลึก 599SHOP และทางด้านนอกอาคารมีสวน 599GARDEN ให้พักผ่อนด้วยนะคะ
รถรางสู่เนินเขา Mt. Takao Cable Car
หลังจากเดินชมพิพิธภัณฑ์เสร็จ เดินออกมาทางประตูทางออกด้านซ้ายของพิพิธภัณฑ์ แล้วเลี้ยวซ้ายจะเจอถนนโอโมเตะซันโด (Omotesando) ซึ่งเป็นแหล่งรวมร้านค้าและขนมของฝากที่ระลึก เราจะเดินทะลุผ่านไปเพื่อไปขึ้นรถรางที่สถานีคิโยทากิ (Kiyotaki Station) กันค่ะ
ผ่านร้านค้าน่าสนใจมากมายไปก่อน เราจะไปขึ้นรถรางกัน! รถรางที่เรานั่งวันนี้มีสีเหลือง-แดงสวยซึ่งเป็นพาหนะยอดนิยมในการขึ้นไปยังเนินเขาเพื่อไปลงที่สถานีทาคาโอะซัง (Takaosan Station) โดยใช้เวลา 6 นาทีค่ะ (ดำเนินการโดยบริษัท Takao Tozan Railway Co.,Ltd.)
นอกจากจะได้ชมความงดงามของธรรมชาติไประหว่างทางแล้วยังมาพร้อมกับความตื่นเต้นในการขึ้นรถรางไต่ไปบนภูเขาที่สูงชันระยะทางกว่า 271 เมตรและมีความชันสูงสุดถึง 31.18 องศา! จัดว่าชันกว่ารถรางอื่นๆของญี่ปุ่นเลยเชียวนะ สองข้างทางมีแมกไม้ร่มรื่นมากมาย แน่นอนว่าในฤดูใบไม้ร่วงก็จะกลายเป็นสีแดงแสดอย่างสวยงามอีกด้วย (ใช้ตั๋วหมายเลข 3 เพื่อขึ้นรถราง)
แวะชิมขนมเทนงุยากิ (Tenguyaki)ที่ใครๆก็ต้องลอง
ขนมเทนงุยากิ เป็นอีกหนึ่งขนมที่ไม่ควรพลาดเมื่อลงจากรถราง เพราะแป้งที่กรอบนอกนุ่มในสอดไส้ถั่วดำบดที่ออกรสหวานหน่อยๆ ทานตอนร้อนๆ ท้าลมเย็นบนภูเขา มันให้ความรู้สึกที่ดีจริงๆ ส่วนรูปร่างหน้าตาของเจ้าขนมชนิดนี้จะคล้ายกับ "เทนงุ (Tengu)" สิ่งมีชีวิตในตำนานของญี่ปุ่นที่มีภาพลักษณ์เป็นเทพเจ้าแห่งภูเขา มีจงอยปากแหลมคล้ายนก สามารถเรียกพายุได้และเชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ ส่วนตัวร้านหาไม่ยากเลยค่ะ เดินตรงออกจากสถานีรถรางไปนิดเดียวจะเจอบันไดด้านซ้ายมือ เดินขึ้นไปตามกลิ่นหอมๆ ก็จะเจอเลย ราคาชิ้นละ 140 เยนเท่านั้นเองนะ
จุดชมวิว Kasumidai Observatory
จากนั้นเดินมาตามทางเพียงนิดเดียว ก็จะพบกับบริเวณที่เป็นจุดชมวิวแห่งแรกค่ะ
จุดชมวิวอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถรางมากนักจึงเป็นสถานที่ที่หลายคนมานั่งพักขาค่ะ บริเวณนี้มีทั้งตู้เครื่องดื่มหยอดเหรียญ ร้านค้า และจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สามารถมองเห็นกรุงโตเกียว ไปจนถึงจังหวัดคานางาว่าได้
ระหว่างทางเดินไปยอดเขา เราจะได้เจอกับต้นสนที่มีลำต้นและรากรูปร่างคล้ายปลาหมึกอายุกว่า 500 ปีที่มีความสูงถึง 37 เมตรและมีเส้นรอบวงประมาณ 6 เมตร
และเนื่องจากว่าคล้ายปลาหมึก จึงมีการสร้างรูปปั้นปลาหมึกขึ้นมาไว้ข้างๆ ด้วยค่ะ
13.00 วัดทาคาโอะซังยากุโออิน (Takao-san Yakuo-in Temple)
ใช้เวลาเดินประมาณ 20 นาทีจากสถานีเคเบิ้ลคาร์ไปตามถนนที่โรยด้วยก้อนหินและมีโคมเสาสีแดงเรียงรายราวๆ จะเจอทางเข้าวัดที่มีรูปปั้นเทนงุ (Tengu) สองตนยืนตระหง่านรอเราอยู่ค่ะ
วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ.744 เป็นหนึ่งในวัดหลักที่มีชื่อเสียงของนิกายพุทธชินกอนซึ่งพระสงฆ์จะถือปฏิบัติวินัยอย่างเคร่งครัด อีกทั้งยังมีความเชื่อว่าเทนงุเป็นผู้พิทักษ์ปกปักษ์ภูเขาทาคาโอะนี้ เนื่องจากเทนงุเป็นข้ารับใช้เทพเจ้าแห่งภูเขานี้นั่นเอง
ที่นี่มีรูปปั้นปลาหมึกเหมือนกัน แต่ของที่นี่มีความเชื่อว่าหากได้ลูบเจ้าปลาหมึกนี่แล้วจะประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้านค่ะ
(เป็นการเล่นคำพ้องเสียงภาษาญี่ปุ่นจากเสียงอ่านคำว่า Octopus ในภาษาญี่ปุ่นเป็น "โอ-คุ-โตะ" (置くと、o-ku-to) และ "พา-สึ" (パス、(pa-su) หรือหมายถึงว่า "ถ้าวางก็จะผ่าน(ฉลุย)" ค่ะ)
ทางบริเวณด้านในมีวิหารหลักซึ่งสร้างขึ้นด้วยไม้สีน้ำตาล พร้อมกับมีเซียมซีและเครื่องรางมากมายครบครัน ไม่ว่าจะเป็นด้านความรัก การงาน สุขภาพ และความสำเร็จ และเมื่อขึ้นบันไดไปด้านบนสุดของวัดจะพบกับวิหารสีแดงสด "Izuna Gongen-do"
วิหารแห่งนี้มีความโดดเด่นด้านประติมากรรมไม้แกะสลักของญี่ปุ่นที่สวยงามวิจิตรล้ำค่าซึ่งเป็นศิลปะของยุคเอโดะกลาง รูปแบบการก่อสร้างนั้นจะคล้ายกับวิหารที่เป็นมรดกโลกที่เมืองนิกโก้ จังหวัดโทจิกิ และด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 1,270 ปี ประกอบกับทิวทัศน์ที่มีความสวยงามเป็นอย่างยิ่งในฤดูใบไม้ร่วง จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่วัดทาคาโอะซังยากุโออินจะได้ถึงสามดาวจากมิชลินด้านการท่องเที่ยว (Michelin Green Guides) ค่ะ!
13.30 ทานข้าว กินขนม ชมยอดเขาทาคาโอะ (Takao Summit)
จากวัด เดินไล่ตามทางที่มีแมกไม้เต็มสองข้างทางมาเรื่อยๆ ประมาณ 20 นาที เราก็พบกับจุดไฮไลท์ของเส้นทางนี้ นั่นก็คือ จุดชมวิวบนยอดเขาทาคาโอะค่ะ
บนยอดเขานี้เป็นที่โล่งจึงมีลมพัดและอากาศเย็นจนถึงหนาว ดังนั้นควรพกเสื้อคลุมมาด้วยนะคะ
ด้วยระดับความสูงจากน้ำทะเลถึง 599 เมตรทำให้จุดนี้เป็นจุดที่มองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ชัดเจน จนได้ชื่อว่าเป็น "หนึ่งในร้อยสถานที่ที่ดีที่สุดในการชมภูเขาไฟฟูจิในภูมิภาคคันโต" และหากเป็นช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกในฤดูหนาว เราอาจจะมองเห็นปรากฏการณ์ที่พระอาทิตย์อยู่ตรงกับปากปล่องภูเขาไฟอย่างพอดิบพอดี หรือที่เรียกว่า "Diamond Fuji" อีกด้วยค่ะ
มองไปรอบๆเป็นลานกว้าง มีตู้น้ำหยอดเหรียญ ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินเขาและมีบริการ Free Wifi ให้แก่นักท่องเที่ยวด้วยค่ะ (มีบริการข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษ) บริเวณนี้มีโต๊ะสำหรับนั่งพักทานอาหารและเครื่องดื่มด้วยนะคะ ได้เวลาแกะห่อเบนโตะออกมานั่งทานกันแล้ว!
ในรูปเป็นเบนโตะสองกล่องด้วยกัน กล่องบนเป็นอาหารแบบจิราชิซูชิ หรือข้าวซูชิโปะหน้าด้วยปลาแซลมอนกับปลาไหล มาพร้อมกับแกล้มอีกหนึ่งถาด ส่วนกล่องล่างเป็นเบนโตะครบครันในกล่องเดียวที่มีอาหารครบเลยค่ะ
นั่งเล่นไปสักหนึ่งชั่วโมง เราก็เดินทางกลับไปตามเส้นทางเดิมกัน การเดินกลับไปจนถึงทางลงเขาใช้เวลาราวๆ ครึ่งชั่วโมงค่ะ
ตื่นเต้นปนหวาดเสียวนิดๆกับลิฟท์กระเช้า (Chair-Lift)
และแล้วก็ได้เวลาลงจากเขากันแล้ว เราเดินกลับมาตามเส้นทางเดิมจนถึงสถานีรถรางค่ะ แต่คราวนี้ให้เดินแยกไปทางขวามือ (จะมีป้ายบอกทาง) เราจะเปลี่ยนเป็นการนั่งลิฟท์กระเช้า (Chair Lift) ที่สถานีซันโจ (Sanjo Station)ไปลงที่สถานีซันโรคุ (Sanroku Station) แทนค่ะ
ด้วยความสูงและความลาดชันทำให้ได้ความรู้สึกราวกับนั่งรถไฟเหาะแบบช้าๆ ถึงแม้จะไม่มีอะไรกั้นที่นั่ง แต่ก็มีตาข่ายรองอยู่ตลอดทาง ทำให้เราไม่ต้องกังวลใจใดๆ ค่ะ แต่ถึงอย่างไรก็ควรระมัดระวังนะ ก่อนถึงปลายทางมีจุดให้เรายิ้มถ่ายรูปด้วยนะ จากนั้นค่อยไปรับรูปตอนลงจากกระเช้าแล้วค่ะ (ราคา 650 เยนต่อภาพ)
ในฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว ถ้ามานั่งลิฟท์แบบนี้ จะได้เห็นใบไม้แดงละลานตากันอย่างใกล้ชิดเลยทีเดียวล่ะค่ะ
15.30 ถนนโอโมเตะซันโด (Omotesando)
เมื่อลงจากสถานีลิฟท์กระเช้าแบบเก้าอี้ ซึ่งอยู่ทางออกเดียวกันกับสถานีรถรางในตอนแรก เราจะเดินผ่านถนนโอโมเตะซันโด (Omotesando) อีกครั้งค่ะ ซึ่งรอบนี้เราจะมีเวลามาช้อปปิ้งกันแล้วล่ะ
ย่านร้านค้าแห่งนี้เต็มไปด้วยสารพัดของกินและของที่ระลึกที่เป็นสัญลักษณ์ของภูเขาทาคาโอะ ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาเทนงุ ขนมที่มีหน้าเทนงุ หรือแม้กระทั่งเจ้าคิตตี้ที่สามารถเอามารวมกับเจ้าเทนงุได้!
16.00 ยังสนุกกันต่อที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะลวงตา Takao Trick Art Museum
ก่อนจะกลับเราขอแวะเที่ยวกันอีกสักหน่อยกับพิพิธภัณฑ์ศิลปะลวงตาที่ทำให้เราเพลิดเพลินจนเกือบลืมเวลาไปกับภาพสามมิติที่มาในรูปแบบของเรื่องราวต่างๆ กัน ที่ตั้งของมันนั้นก็แสนสะดวกสบาย เพราะอยู่ตรงหน้าสถานีรถไฟ ทาคาโอะซังกุจิ ที่เราจะใช้นั่งกลับเลยล่ะค่ะ
ทุกๆห้องที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ทั้งสี่ชั้น ทำให้เราสนุกและตื่นเต้นมากๆ ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นสุสานฟาโรห์ สวนและวิหารในอียิปต์ ป่าและสระน้ำที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่าอันตราย ประตูกลหลอกตา วิหารสูงเสียดฟ้า ห้องแรงเสียดทาน แสงสีจากดวงดาว ศิลปะลวงตานั้นปกติแล้วมักจะมีรูปที่ซ้ำๆ กันในแต่ละพิพิธภัณฑ์ที่จัด แต่ที่นี่เขามีผลงานที่เป็นออริจินอลมีเฉพาะของเขาเท่านั้นด้วยล่ะค่ะ และจะคอยเปลี่ยนสิ่งที่จัดแสดงเรื่อยๆ ด้วย ทำให้เราต้องมาซ้ำทุกปีแล้วล่ะ! ที่นี่ยังมีบริการข้อมูลและไกด์นำทางเป็นภาษาอังกฤษอีกด้วยนะ
ก่อนกลับจะแวะแช่น้ำร้อนสักนิดที่ Keio Takaosan Onsen Gokurakuyu ก็ได้นะ
ถ้าใครเดินเที่ยวเขามาทั้งวันแล้วรู้สึกเหนื่อย ก็สามารถแวะพักแช่น้ำพุร้อนสไตล์ญี่ปุ่นและชมวิวทิวทัศน์ของภูเขาทาคาโอะได้กับออนเซนที่ตั้งอยู่ข้างๆ สถานีทาคาโอะซังกุจิ "Keio Takaosan Onsen Gokurakuyu" มีอาหารเครื่องดื่มและของว่างให้บริการครบครัน ประตูทางเข้าเดินเข้าจากสถานีได้เลยนะคะ
17.00 ได้เวลาเดินทางกลับสถานีชินจูกุ
ขากลับใช้ตั๋วหมายเลข 4 เพื่อเดินทางจากสถานีทาคาโอะซังกุจิมายังสถานีชินจูกุได้เลยค่ะ นั่งดูรูปที่เราถ่ายมากันเพลินๆ บนรถไฟ แป๊บๆ เราก็กลับมาถึงสถานีชินจูกุกันแล้วค่ะ
ไหนๆ ก็ถึงเวลามื้อเย็นแล้ว เราสามารถแวะทานข้าวที่ห้างสรรพสินค้าเคโอ สาขาชินจูกุได้เลย เพราะตั้งอยู่หน้าทางเข้าออกสถานีรถไฟสายเคโอเลยค่ะ รับประทานอาหารเสร็จแล้วยังต่อด้วยการช็อปปิ้งสินค้าต่างๆ และขนมของฝากได้อีก
ที่สำคัญคือห้างสรรพสินค้าของ KEIO นี้ยังทำ Tax refund ได้อีกด้วยนะ!
แต่ถ้าหากอยากจะเที่ยวและช้อปปิ้งให้เต็มที่โดยไม่ต้องห่วงเรื่องเวลาเดินทางไปกลับจากสถานีชินจุกุไปยังที่พักแล้วล่ะก็
เราขอแนะนำ ...
โรงแรมในเครือ Keio "Keio Plaza Hotel" สาขาชินจุกุ ที่อยู่ห่างจากสถานีชินจูกุเพียง 5 นาทีเท่านั้น ทางโรงแรมยังพร้อมมอบประสบการณ์สุดพิเศษในการใส่ชุดยูคะตะและศิลปะการชงชาแบบญี่ปุ่นให้กับผู้เข้าพักทุกท่านด้วยนะคะ พิเศษสุด! มี แพ็คเกจห้องพัก Hello Kitty สำหรับสาวกน้องเหมียวคิตตี้ด้วยค่ะ
ใครอยากสะดวก หรืออยากพักกับน้องเหมียวคิตตี้ แบบนี้ต้องเช็คข้อมูลเตรียมจองซะแล้ว
แถมโรงแรมนี้เขามีเพจ Facebook เป็นภาษาไทยด้วยนะ! ตามไปดูกันได้ที่นี่เลย
สรุปการเดินทาง
สถานีชินจูกุ → สถานีทาคาโอะซังกุจิ → พิพิธภัณฑ์ 599 Museum → รถราง→ จุดชมวิวคาสุมิได → วัดทาคาโอะซังยากุโออิน → ยอดเขาทาคาโอะ → ลิฟท์กระเช้า → ถนนสายโอโมเตะซันโด → Takao Trick Art Museum → สถานีทาคาโอะซังกุจิ → สถานีชินจูกุ
ระยะเวลาเดินทางโดยรถไฟจากสถานีสถานีชินจูกุถึงสถานีทาคาโอะซังกุจิ ประมาณ 50 นาที
ค่าเดินทางทั้งหมด : ใช้ Mt. Takao Discount Ticket ราคา 1,380 เยน
ใช้จ่ายอื่นๆ : ค่าอาหารประมาณ 1,200 เยน (ต่อหนึ่งคน แล้วแต่เบนโตะที่เลือก) ค่าขนมต่างๆ 140 เยน ค่าเครื่องดื่ม 200 เยน ค่าเข้า Takao Trick Art Museum 1,300 เยน
รวมค่าใช้จ่ายใน 1 วัน/1 คนตามแผน : ประมาณ 4,220 เยน
อย่าได้รอช้า รีบจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม และเดินทางไปสัมผัสสิ่งต่างๆ เหล่านี้ด้วยกัน โดยรถไฟสายเคโอและตั๋ว Mt. Takao Discount Ticket ค่ะ!
Supported by Keio corporation
♥Beautiful natures and Delicious Foods inspire my journey♥ ♥อาหารการกิน ดอกไม้ และธรรมชาติ เป็นตัวกระตุ้นให้เราออกเดินทางค่ะ♥
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง