เมืองมุราคามิ จังหวัดนีงาตะ: ทัวร์ชมตุ๊กตาฮินะในมาชิยะ พร้อมเพลิดเพลินกับกิจกรรม ที่เที่ยว และอาหารท้องถิ่น

ทานปลามากุโร่อร่อยๆ ชมวิวทะเลสวยการันตีระดับโลก ด้วยตั๋วสุดคุ้ม "Misaki Maguro Kippu"

บริการนี้รวมโฆษณาที่ได้รับการสนับสนุน
article thumbnail image

พาไปเที่ยวไปเช้าเย็นกลับสบายๆ จากโตเกียวถึงคานากาว่า (Kanagawa) กินมากุโร่อร่อยๆ ที่เมืองท่ามิซากิ (Misaki) แล้วไปชมวิวทะเลสวย โขดหินรูปร่างมหัศจรรย์ การันตีระดับ 2 ดาว Michelin Green Guide ไปง่ายสุดสะดวกและคุ้มค่าด้วยฟรีพาส "Misaki Maguro Kippu"

วันที่ปรับปรุงล่าสุด :

One day trip จากโตเกียว ไปชมสุดยอดวิวระดับโลก ทานปลามากุโร่ของโปรดคนญี่ปุ่น

หากมีเวลาว่างๆ สักวันในโตเกียว เราจะขอชวนไปทริปเล็กๆ ไปเช้าเย็นกลับสบายๆ ในโซนที่เรียกว่าว่า "มิซากิ (Misaki)" ในจังหวัดคานากาว่า (Kanagawa) ใช้เวลา 1 ชั่วโมงนิดๆ ไปถึงยังเมืองท่า ตลาดที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเลสดๆ และ "ปลามากุโร่" (ปลาทูน่า) ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสุดยอดปลาที่คนญี่ปุ่นโปรดปราน แถมด้วยการไปชมวิวทะเลกับโขดหินรูปทรงน่ามหัศจรรย์ที่เกาะโจกะชิมะ (Jogashima) ที่ได้รับถึง 2 ดาวจาก Michelin Green Guide อีกด้วย

จะสุดยอดขนาดไหน ไปดูกันเลย!

8:30 เริ่มกันที่สถานีชินากาวะ (Shinagawa) สายเคคิว (Keikyu)

วันที่เราออกเดินทางไปเก็บข้อมูลนั้นเป็นฤดูใบไม้ร่วงที่ท้องฟ้ามืดเร็ว เลยเริ่มเดินทางเช้าหน่อย มาที่สถานีชินากาวะของ "สายเคคิว" อย่าไปผิดไปที่สาย JR ที่อยู่ติดกันนะคะ

ทานปลามากุโร่อร่อยๆ ชมวิวทะเลสวยการันตีระดับโลก ด้วยตั๋วสุดคุ้ม

ด้านหน้าของจุดตรวจตั๋ว จะมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว (Tourist Information Center - TIC) อยู่ เราสามารถซื้อตั๋วที่จะใช้วันนี้ได้ที่นี่เลย!

ทานปลามากุโร่อร่อยๆ ชมวิวทะเลสวยการันตีระดับโลก ด้วยตั๋วสุดคุ้ม

เดินเข้าไปแล้วไปบอกเขาว่าเราจะซื้อพาสสุดคุ้มที่ชื่อว่า "มิซากิ มากุโร่ คิปปุ (Misaki Maguro Kippu)" ซึ่งเป็นตั๋วฟรีพาสมาเป็นเซ็ท 3 ใบ ซึ่งจะมีตัวอักษร A B และ C กำกับเอาไว้สำหรับคนที่อ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก โดยตั๋ว A จะเป็นตั๋วรถไฟไปกลับจากสถานีชินากาวะไปจนถึงสถานีมิซากิโค (Misakiko) และใช้นั่งรถบัสไม่อั้นในบริเวณเป้าหมายวันนี้ ตั๋ว B จะเป็นตั๋วอาหาร 1 มื้อ ส่วนตั๋ว C เป็นตั๋วแลกของฝากหรือกิจกรรม 1 อย่าง
ได้ครบทั้งการเดินทาง อาหาร และของฝากหรือความสนุกแบบนี้ในราคาเพียง 3,570 เยนเท่านั้น! (ราคาสำหรับเดินทางไปกลับจากสถานีชินากาวะ ถ้าจากสถานีอื่นอาจมีราคาแตกต่างไป)
สามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ทางการ (ภาษาญี่ปุ่น) ได้เลยค่ะ หากใครอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ เขาก็มีเอกสารภาษาอังกฤษวางเอาไว้ที่ TIC ก็หยิบติดไม้ติดมือไปได้นะ

9:00 ขึ้นรถไฟออกเดินทางกัน

รถไฟสายที่เราจะขึ้นกันวันนี้ออกตอน 9:00 ค่ะ เราจะนั่งไปลงที่สถานี "มิซากิกุจิ (Misakiguchi)" ทีเดียวถึงไม่ต้องต่อรถ จึงแนะนำให้นั่งรถด่วนแบบ Limited Express ไปเลยค่ะ

ไปที่ชานชาลา 1 สังเกตที่พื้นชานชาลาสถานีนี้จะมีสัญลักษณ์เป็นสีๆ อยู่ ตรงสีแดงหรือสีเขียวที่จะเป็นทางขึ้นรถสำหรับรถด่วนวิ่งไปทางโยโกฮาม่า จะขึ้นสีไหนก็ดูสีของขบวนรถจากป้ายไฟบอกเวลารถได้เลย รถของเราวันนี้เป็นรถด่วนสีแดง ก็ไปยืนรอตรงสีแดงกันค่ะ

10:20 ถึงสถานีมิซากิกุจิ (Misakuguchi) ได้เวลาเที่ยวแล้ว!

เมื่อออกจากทางออกมาจะมีทั้งศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวด้านขวามือที่สามารถเช่าจักรยาน หรือเดินไปทางซ้ายมือนิดหน่อยจะมีรถทัวร์นำเที่ยว ซึ่งทั้งสองอย่างสามารถใช้ตั๋ว C แลกใช้บริการได้ แต่เนื่องจากตั๋วฟรีพาสของเราวันนี้ใช้นั่งรถบัสได้ฟรีด้วย เราเลยจะขอแนะนำการนั่งรถบัสเที่ยวเองกันค่ะ แต่ถ้าหากใครอยากนั่งสบายๆ หรือปั่นจักรยานกินลมชมวิวเองก็ได้เหมือนกันนะ

ทานปลามากุโร่อร่อยๆ ชมวิวทะเลสวยการันตีระดับโลก ด้วยตั๋วสุดคุ้ม

มองหาป้ายรถบัสหมายเลข 2 ตรงหน้าสถานีเลย เราจะนั่งรถสายที่ไปตรงท่าเรือมิซากิ (Misaki Port) วันนี้เราได้รถตอน 10:30 สาย 三9 นั่งไปราวๆ 15 นาทีก็จะถึงท่าเรือแล้ว
วิธีขึ้นรถก็ง่ายมาก ขึ้นจากประตูกลาง ลงประตูหน้า ก่อนถึงป้ายอย่าลืมกดปุ่มบอกว่าจะลงรถ และขาลงก็โชว์ตั๋ว A ให้พนักงานขับรถดู แค่นี้ก็เรียบร้อย

10:45 เดินชิลชมบรรยากาศเมืองและท่าเรือมิซากิ

ทานปลามากุโร่อร่อยๆ ชมวิวทะเลสวยการันตีระดับโลก ด้วยตั๋วสุดคุ้ม

เมื่อลงรถบัสที่ป้ายท่าเรือมิซากิ (Misaki Port) เราจะเห็นเรือจอดเทียบอยู่เรียงรายริมน้ำเลยค่ะ จากตรงนี้จะเดินเล่นริมน้ำก็ดี หันหน้าเข้าหาทะเลหากเดินไปทางขวาจะมีพวกร้านอาหารและศูนย์จำหน่ายสินค้าโดยตรง "ตลาดอุราริ (Urari Marche)" หากเดินไปทางซ้ายจะเป็นถนนช้อปปิ้งแบบท้องถิ่นที่มีอาการเก่าๆ ให้ชม รวมถึงมีศาลเจ้าไคนัน (Kainan Shrine) อีกด้วย

ศาลเจ้าไคนัน (Kainan Shrine)

ทานปลามากุโร่อร่อยๆ ชมวิวทะเลสวยการันตีระดับโลก ด้วยตั๋วสุดคุ้ม

เดินจากป้ายรถเมล์ที่ลงย้อนไปทางถนนช้อปปิ้งนิดๆ เราจะพบกับศาลเจ้าไคนันซึ่งเป็นศาลเจ้าเก่าแก่อายุมากกว่าพันปีมาแล้ว สร้างขึ้นเพื่อบูชาขุนนางที่ชื่อฟูจิวาระ สุเคมิตสึ ผู้สร้างความเจริญให้กับพื้นที่บริเวณนี้จึงเชื่อว่าท่านเป็นเทพผู้ดูแลบ้านเมืองบริเวณนี้ หากกราบไหว้บูชาจะให้โชคด้านการเดินทาง การเดินเรือ การค้าขาย ในบริเวณเดียวกันยังมีศาลเจ้าเล็กๆ บูชาเทพเจ้าต่างๆ แต่ที่น่าสนใจก็คือมีศาลเจ้าและภาพวาดเทพเจ้าอิวาคามุคสึคาริโนะมิโคโตะซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งอาหาร แถมยังมีกองดินบูชามีดที่บูชาขอบคุณมีดที่ใช้ทำอาหาร
เรียกว่าเป็นศาลเจ้าที่สมกับเป็นเมืองท่าที่ขึ้นชื่อเรื่องปลามากุโร่จริงๆ ค่ะ!

ทานปลามากุโร่อร่อยๆ ชมวิวทะเลสวยการันตีระดับโลก ด้วยตั๋วสุดคุ้ม

นอกจากนี้เราอยากแนะนำให้เสี่ยงเซียมซีที่น่าสนใจด้านหน้าอาคารหลักของศาลเจ้า โดยหยอดเงิน 300 เยนลงในกล่อง แล้วใช้เบ็ดตกปลาของเล่นตรงนั้น เกี่ยวเอา "เซียมซีปลามากุโร่" ตัวที่ชอบขึ้นมาได้เลย คำทำนายจะเสียบอยู่ตรงท้องปลาค่ะ

อิ่มอร่อยอาหารจากปลามากุโร่

บอกแล้วว่าที่นี่เป็นเมืองท่าที่ดังเรื่องปลามากุโร่ แล้วเราจะพลาดเมนูนี้ได้อย่างไร ตั๋ว B ของเราสามารถแลกอาหารได้มื้อหนึ่งค่ะ ร้านส่วนใหญ่กระจุกตัวกันอยู่ใกล้ท่าเรือ สามารถเลือกหาร้านและเมนูที่ชอบได้จากเอกสารหรือเว็บไซต์หน้านี้เลย เราอยากแนะนำอาหารที่มีปลามากุโร่สดๆ แต่หากท่านใดไม่ทานปลาดิบก็มีบางร้านที่มีเมนูของสุกด้วย

ทานปลามากุโร่อร่อยๆ ชมวิวทะเลสวยการันตีระดับโลก ด้วยตั๋วสุดคุ้ม

สำหรับร้านที่เราจะพาไปชิมวันนี้คือ "เคียวคะ (Kyoka)" ซึ่งเป็นร้านสาขาของร้านมิซากิคัง (Misaki Kan) จากป้ายรถบัสที่เราลง หันหน้าเข้าหาทะเล เดินไปทางขวา ข้ามถนนไปนิดเดียวก็ถึงแล้วค่ะ

ทานปลามากุโร่อร่อยๆ ชมวิวทะเลสวยการันตีระดับโลก ด้วยตั๋วสุดคุ้ม

เคียวคะเป็นร้านอาหารทะเลที่มีเมนูข้าวหน้าปลาดิบมากมาย และเมนู "ข้าวหน้าตั๋วมากุโร่พิเศษ" ที่ใช้ตั๋ว B แลกได้นั้นก็ถือว่าอลังการมาก! เพราะนอกจากปลามากุโร่ของขึ้นชื่อแล้ว เรายังได้ทานทั้งอุนิ (ไข่หอยเม่น) และอิคุระ (ไข่ปลาแซลมอน) อีกด้วย! ในเซ็ทมาพร้อมเครื่องเคียงถ้วยเล็กและซุปมิโซะหนึ่งถ้วย อิ่มอร่อยกันเต็มที่เลยค่ะ

ศูนย์จำหน่ายสินค้าโดยตรง ตลาดอุราริ (Urari Marche)

ทานปลามากุโร่อร่อยๆ ชมวิวทะเลสวยการันตีระดับโลก ด้วยตั๋วสุดคุ้ม

ตอนลงรถบัส หากมองไปทางขวาของทะเลและบรรดาเรือที่จอดอยู่ เราจะเห็นอาคารใหญ่ๆ อยู่หลังหนึ่ง นั่นคือศูนย์จำหน่ายสินค้าโดยตรง ตลาดอุราริค่ะ แม้ว่าเป็นศูนย์จำหน่ายสินค้าโดยตรง แต่ก็เน้นขายให้กับนักท่องเที่ยวด้วย เราจึงเดินเล่นชมและหาซื้อของได้สบายใจ

ทานปลามากุโร่อร่อยๆ ชมวิวทะเลสวยการันตีระดับโลก ด้วยตั๋วสุดคุ้ม

ภายในนั้นมีทั้งร้านขายของกิน ของฝาก ผลิตภัณฑ์จากปลาและอาหารทะเลมากมาย หรือเครื่องเล่นอย่างตู้เครนเกมจับตุ๊กตาปลามากุโร่
สินค้าที่ต้องแช่เย็นจะมีบริการห่อและใส่พวกเจลเก็บความเย็นให้ หากใครรู้สึกว่าเอากลับประเทศยาก ก็สามารถซื้อปลามากุโร่หลายเกรดทั้งอากามิ จูโทโร่ หรือโอโทโร่ ที่หั่นเสร็จแช่แข็ง กลับไปรอละลายแล้วทานที่ที่พักก็ยังได้ หรือใครจะซื้อพวกกับข้าว กับแกล้มแปรรูปก็พกกลับได้ง่ายๆ เลย
ส่วนชั้น 2 จะเป็นตลาดผัก ขายผักที่ปลูกในแถบนี้ ร้านขนมปังกับดาดฟ้าชมวิว ใครอยากซื้อน้ำ ซื้อขนมมานั่งพักชิลๆ สักหน่อยก็ดีไม่น้อยเลย

ทานปลามากุโร่อร่อยๆ ชมวิวทะเลสวยการันตีระดับโลก ด้วยตั๋วสุดคุ้ม

ภาพของฝากรูปเล็ก 6 รูป : pictures courtesy by Keikyu Corporation International Tourism

นอกจากนี้ที่นี่ยังมีของฝากและบริการที่ใช้ตั๋ว C แลกได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสินค้าจากทะเลทั้ง เนื้อปลา คางปลามากุโร่แช่แข็ง ปลามากุโร่ตุ๋นปรุงรส น้ำสลัด เนื้อแฮมเบิร์กที่ทำจากปลามากุโร่ เซ็ทปลาตากแห้ง สาหร่ายแห้ง และอื่นๆ หรือจะเดินออกมาที่ท่าเรือด้านข้าง ใช้บริการล่องเรือไปยังเกาะโจกะชิมะ เป้าหมายต่อไปของเรา นอกจากนี้ยังมีเรือ "นิจิอิโระซากานะโก (Nijiiro Sakanago)" เป็นเรือติดกระจกที่ด้านล่าง นำชมสัตว์ทะเลใต้น้ำ และที่อุรารินี้ยังมีศูนย์เช่าจักรยานที่ใช้ตั๋ว C แลกได้เช่นกันค่ะ
อยากได้ประสบการณ์หรืออยากได้ของอร่อยติดมือกลับไป ก็เลือกได้ตามสไตล์คุณ

14:04 ตะลุยเกาะโจกะชิมะ (Jogashima Island) ใต้สุดของคาบสมุทร

ย้อนกลับไปที่ป้ายรถบัสเดิม คราวนี้เราขึ้นรถสายที่เขียนว่าไปเกาะโจกะชิมะ (Jogashima Island) ซึ่งถือว่าอยู่ทางใต้สุดของคาบสมุทรมิอุระ (Miura) ไม่ถึงสิบนาทีมาลงที่ป้าย "ฮาคุชูฮิมาเอะ (Hakushuhi Mae)" ลงมาแล้วจะเจอลานจอดรถ ให้เดินทะลุลานจอดรถไป 

ทานปลามากุโร่อร่อยๆ ชมวิวทะเลสวยการันตีระดับโลก ด้วยตั๋วสุดคุ้ม

ลอดทางใต้สะพาน แล้วเดินไปตามทาง ขึ้นเนินไปไม่ถึง 10 นาทีจะเจอกับลานจอดรถซุ้มประตูเป็นทางเข้าสวนสาธารณะที่เราจะแวะมาชมวิวสวยๆ กันค่ะ

14:25 ชมสวนและวิวทะเลที่สวนสาธารณะโจกะชิมะ (Jogashima Park)

ทานปลามากุโร่อร่อยๆ ชมวิวทะเลสวยการันตีระดับโลก ด้วยตั๋วสุดคุ้ม

สวนสาธารณะบนเกาะที่เป็นเนินสูงแห่งนี้มีความกว้างถึง 14.6 เฮกตาร์ (ราว 91 ไร่) ครอบคลุมพื้นที่ราวๆ ครึ่งเกาะ เราสามารถเดินหย่อนใจไปกับสวนและพื้นที่เปิดโล่งภายในได้ แถมเนื่องจากอยู่บนที่สูงจึงสามารถชมวิวทะเลได้กว้างไกล ในวันที่อากาศดียังสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อีกด้วยนะ

ทานปลามากุโร่อร่อยๆ ชมวิวทะเลสวยการันตีระดับโลก ด้วยตั๋วสุดคุ้ม

ภายในสวนมีทั้งต้นสนดำญี่ปุ่น ต้นไม้พื้นเมืองที่พบได้แค่ตามชายฝั่งญี่ปุ่นและเกาหลีเท่านั้น ต้นสนบางส่วนเอนต้นไปตามแรงลมจนได้ภาพแปลกตาเลยล่ะ 

ทานปลามากุโร่อร่อยๆ ชมวิวทะเลสวยการันตีระดับโลก ด้วยตั๋วสุดคุ้ม

และมีอาคารชมวิว 2 อาคาร เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนจะสามารถชมวิวของเกาะและทะเลทางใต้ไกลออกไปสุดลูกหูลูกตาได้ ทำให้รู้สึกปลอดโปร่งสุดๆ
สุดปลายทางตะวันออกของสวนจะมีทางลงไปถึงริมทะเลซึ่งจะมีประภาคารอาวาซากิ (Awazaki Lighthouse) อยู่ หากใครมีเรี่ยวแรงก็ลองลงไปชมได้นะคะ

15:15 โพรงหิน "อุมะโนะเสะ โดมง (Umanose Domon)"

ทานปลามากุโร่อร่อยๆ ชมวิวทะเลสวยการันตีระดับโลก ด้วยตั๋วสุดคุ้ม

ไม่ใช่แค่สวนสาธารณะที่เราจะได้ชมความสวยงามของธรรมชาตินะคะ เดินย้อนออกจากสวนสาธารณะ เลยทางเข้าหน่อย สังเกตทางซ้ายมือจะมีทางแยกออกมาพร้อมป้ายว่า "馬の背同門 450m" เราจะเดินเข้าไปทางนี้กันค่ะ

ทานปลามากุโร่อร่อยๆ ชมวิวทะเลสวยการันตีระดับโลก ด้วยตั๋วสุดคุ้ม

เส้นทางจะเป็นเส้นทางสำหรับ trekking แต่ทางทำไว้ดี เดินง่าย ซ้ายมือจะเห็นทะเลกว้าง เงยหน้าขึ้นนิดก็เป็นท้องฟ้าโล่ง เดินเล่นสูดอากาศกันไปสักพัก พอใกล้ถึงเป้าหมายของเรา "โพรงหินอุมะโนะเสะ โดมง" แถวนั้นจะเป็นบันไดลงที่ชันพอสมควร เพราะเราจะเดินลงไปจนถึงชายหาด ที่สำคัญคือเมื่อสุดบันไดแล้วจะเป็นโขดหินขนาดใหญ่ที่ไม่มีบันได ต้องปีนหินลงไป (ความสูงประมาณบันได 4-5 ขั้น) จึงแนะนำให้แต่งตัวและใส่รองเท้าที่ขยับตัวได้สะดวกนะคะ

ทานปลามากุโร่อร่อยๆ ชมวิวทะเลสวยการันตีระดับโลก ด้วยตั๋วสุดคุ้ม

เมื่อถึงพื้นก็หันไปด้านซ้ายมือได้เลย จะพบกับ โพรงหิน "อุมะโนะเสะ โดมง" โพรงหินที่เกิดจากการกัดเซาะของคลื่นลมตามธรรมชาติ กล่าวกันว่าเมื่อก่อนเป็นทางผ่านของเรือเล็กด้วย ก่อนจะตื้นเขินหลังแผ่นดินยกตัวจากแผ่นดินไหวหลายครั้ง ทำให้ปัจจุบันเรือไม่สามารถลอดได้แล้ว
จะเดินชมเก็บภาพความน่าตกตะลึงของธรรมชาตินี้อย่างไรก็ได้ เพียงแต่อย่าเข้าใกล้โพรงหิน เนื่องจากโพรงหินที่ถูกกัดเซาะมีขนาดเล็กลง อาจแตกหัก เป็นอันตรายได้

เมื่อเต็มอิ่มกับโพรงหินแล้ว ก็มีทางเลือกให้ว่าอยากจะอยู่ชมพระอาทิตย์ตกดินแถวนี้ แล้วย้อนกลับไปทางเดิมเพื่อขึ้นรถบัสกลับสถานีรถไฟ หรือจะเดินไปยังประภาคารใหญ่อีกแห่งหนึ่งเพื่อชมวิวและชมพระอาทิตย์ตกดินที่นั่นก็ได้เช่นกันค่ะ

16:20 หอประภาคารโจกะชิมะ (Jogashima Lighthouse)

ทานปลามากุโร่อร่อยๆ ชมวิวทะเลสวยการันตีระดับโลก ด้วยตั๋วสุดคุ้ม

ก็เดินกลับขึ้นมาจนถึงตอนก่อนที่จะเดินลงไปด้านล่าง แล้วเดินไปตามทางต่อเรื่อยๆ ราว 15 นาที จะพบกับหอประภาคารใหญ่อีกที่บนเกาะนี้ คือ หอประภาคารโจกะชิมะเป็นหนึ่งในประภาคารที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น และยังคงส่องแสงสว่างมาจนถึงปัจจุบัน
รอบๆ ประภาคารยังมีการตกแต่งให้สวยงาม เป็นจุดถ่ายรูปอีกด้วย ประภาคารเองเมื่อเริ่มมืดแล้วจะมีการเปิดไฟ ส่วนด้านหลังและรอบๆ ยังสามารถชมวิวทะเลและพระอาทิตย์ตกได้

จากนั้นได้เวลากลับเสียที เราเดินลงจากเนินของประภาคาร  เลี้ยวซ้ายแล้วตรงไปตามทาง มุ่งหน้าไปท่ารถบัส ใช้เวลาเดินแค่ราวๆ 5 นาที ระหว่างทางเราอาจเจอน้องเหมียวมาทักทายได้ เพราะแถวนี้ก็ขึ้นชื่อว่ามีแมวไม่น้อยเหมือนกัน

16:52 นั่งรถบัสกลับสถานีมิซากิกุจิ

ทานปลามากุโร่อร่อยๆ ชมวิวทะเลสวยการันตีระดับโลก ด้วยตั๋วสุดคุ้ม

ท่ารถบัสตรงนี้เป็นต้นสาย จึงมีลักษณะเป็นลานกว้างๆ เราจะรอกันที่ป้ายเบอร์สองเพื่อขึ้นรถตอนเวลา 16:52 กลับไปถึงสถานีมิซากิกุจิตอน 17:20 จากนั้นก็แค่ใช้ตั๋ว A ในการขึ้นรถกลับสถานีชินากาวะเหมือนตอนขามาได้เลย อย่าลืมเลือกนั่งรถคันที่เป็นแบบ Limited Express นะคะ จะใช้เวลาราวๆ 1 ชั่วโมง 20 นาที ก็จะกลับมาถึงที่หมาย
จากนั้นจะแวะหาข้าวเย็น ช้อปปิ้งอีกนิด หรือกลับที่พักเลยก็กำลังเหมาะ
เป็นอันปิดทริปเล็กๆ ไปชมทะเลและทานปลามากุโร่อร่อยๆ อย่างสบายๆ เช้าไปเย็นกลับจากโตเกียวค่ะ

สรุปการเดินทาง
สถานีชินางาว่า → สถานีมิซากิกุจิ → ท่าเรือมิซากิ → ศาลเจ้าไคนัน → ร้านอาหารเคียวคะ → ศูนย์จำหน่ายสินค้าโดยตรง ตลาดอุราริ → สวนสาธารณะโจกะชิมะ → โพรงหินอุมะโนะเสะ โดมง → ประภาคารโจกะชิมะ → สถานีมิซากิกุจิ → สถานีชินางาวะ

ค่าเดินทางทั้งหมด : ค่ารถไฟ ฟรีพาส มิซากิ มากุโร่ คิปปุ (Misaki Maguro Kippu) ราคา 3,570 เยน (ราคาจากสถานีชินางาว่า)
ใช้จ่ายอื่นๆ : รวมค่าอาหารกลางวันและของฝากในค่าฟรีพาสแล้ว ค่าเซียมซี 300 เยน

รวมค่าใช้จ่ายใน 1 วัน/1 คนตามแผน : ประมาณ 3,870 เยน (ไม่รวมค่าซื้อของอื่นๆ)

เช็คข้อมูลเที่ยวเด็ดๆ ตามสาย Keikyu และการเดินทางไปกลับสนามบินฮาเนดะ ได้จาก : http://www.haneda-tokyo-access.com/en/

Supported by Keikyu Corporation International Tourism
The writer visited these facilities on 26 November 2019.

Written by

สาวไทยในโตเกียว ลัลล้ากับการทำงาน ว่างๆ ก็แว่บไปเที่ยวและชิมของอร่อย สนใจวัฒนธรรมญี่ปุ่น รวมไปถึง Pop culture~♥

เนื้อหาในบทความนี้อ้างอิงจากการเก็บข้อมูลในช่วงเวลาที่เขียนบทความ อาจมีการเปลี่ยนแปลงของรายละเอียดสินค้า บริการ ราคาในภายหลังได้ กรุณาตรวจสอบกับสถานที่นั้นอีกครั้งก่อนการไปใช้บริการ
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง