พาครอบครัวเที่ยวสุดสนุกที่นิกโก้ 2 วัน ตอน 1 - มือใหม่ก็เล่นได้ ลานสกีนิกโก้ยุโมโตะออนเซ็น (Nikko Yumoto Onse Ski Park)

ขอแนะนำทริปนิกโก้ (Nikko) ฤดูหนาว 2 วัน 1 คืนสำหรับครอบครัว!

ไปเที่ยวญี่ปุ่น ใครๆ ก็คงอยากมาเยือนนิกโก้ซึ่งมีมรดกโลกอยู่ แต่อย่าหยุดแค่มรดกโลกล่ะ! เพราะนิกโก้ยังมีที่เที่ยวน่าสนใจอื่นๆ อีก โดยเฉพาะที่เที่ยวที่ถูกใจคนทั้งครอบครัวอย่างที่เราจะพาเที่ยวกันในบทความนี้ค่ะ

เราจะใช้เวลา 2 วัน 1 คืนในฤดูหนาวไปเล่นสกีกันที่ลานสกีนิกโก้ยุโมโตะออนเซ็น (Nikko Yumoto Onsen Ski Park) ซึ่งเป็นลานสกีเล่นง่ายๆ เหมาะสำหรับครอบครัวและมือใหม่ จากนั้นไปเข้าพักในโรงแรมสุดชิลวิวหิมะแสนสวย ส่วนวันที่ 2 เราจะไปเที่ยวรอบโลกกันที่เมืองจำลอง Tobu World Square ที่สุดยอดกว่าที่คิด สนุกได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่

หากใครอยากเที่ยวส่วนอื่นๆ ของนิกโก้ เช่น โซนมรดกโลกหรือโซนทะเลสาป ก็สามารถอ่านบทความต่อไปนี้ เพื่อเอาไปรวมในแผนให้เที่ยวนิกโก้ได้ครบถ้วนยิ่งขึ้นนะคะ

7:40 ซื้อตั๋วสุดคุ้มแล้วออกเดินทางจากอาซากุสะ

เราจะออกเดินทางจากสถานีอาซากุสะ (Asakusa) ของรถไฟโทบุ (Tobu) โดยขึ้นรถไฟแบบด่วนพิเศษ (Limited Express) กันตอน 8:00 ค่ะ แต่ก่อนหน้านั้นเราจะไปซื้อตั๋วสุดคุ้ม Nikko Pass all area ที่ Tourist Information Center ตรงสถานีเลย ราคา 4,230 เยนสำหรับผู้ใหญ่ และ 1,060 เยนสำหรับเด็ก ซึ่งราคานี้เป็นราคาฤดูหนาว จะถูกกว่าราคาฤดูร้อนค่ะ เพราะเรือล่องทะเลสาบชูเซ็นจิหยุดทำการในช่วงนี้*

ตั๋วนี้จะรวมการนั่งรถไฟจากสถานีอาซากุสะถึงสถานีชิโมะอิมะอิจิ (Shimo Imaichi) และบริการนั่งรถไฟกับรถบัสไม่อั้นตั้งแต่สถานีชิโมะอิมะอิจิไปยังบริเวณนิกโก้ทั้งหมด พร้อมส่วนลดร้านค้าและอื่นๆ อีกด้วย ตั๋วนี้มีอายุการใช้งานถึง 4 วัน จึงครอบคลุมแผนเที่ยวของเราในครั้งนี้แล้วค่ะ

* เรือล่องทะเลสาบชูเซ็นจิเปิดให้บริการเฉพาะช่วงกลางเมษายน - 30 พฤศจิกายน

แต่ตั๋วนี้จะยังไม่รวมค่ารถไฟแบบด่วนพิเศษที่เราจะนั่งกัน จึงต้องมีค่าตั๋วนั่งรถไฟด่วนอีก 1,360 เยน แต่ถ้าเราซื้อพร้อม Nikko Pass all area จะได้รับส่วนลด 20% ทันที เหลือแค่คนละ 1,088 เยนเท่านั้นค่ะ

ส่วนลดนี้มีให้เฉพาะตอนซื้อ Nikko Pass all area เท่านั้น เพราะงั้นแนะนำให้ซื้อตั๋วนั่งรถไฟด่วนสำหรับทั้งขาไปและขากลับไว้ก่อนเลย

สามารถดูรายละเอียดของตั๋วเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ทางการภาษาไทย Nikko Pass all area

เวลา 8:00 เราขึ้นรถไฟ Limited Express Kinu 107 วิ่งไปทางคินุกาวะออนเซ็น (Kinugawa Onsen) เราจึงต้องลงรถกันที่สถานีชิโมะอิมะอิจิเพื่อต่อรถอีกสายไปยังสถานีโทบุนิกโก้ (Tobu-Nikko) ค่ะ โดยรถจะจอดอยู่ชานชาลาตรงข้ามเลย

* รถบางคันจะวิ่งตรงไปที่สถานีโทบุนิกโก้เลย หากขึ้นรถคนละขบวนกับในบทความ กรุณาตรวจสอบเส้นทางของรถก่อนขึ้น จะได้ลงถูกสถานีค่ะ

9:50 ถึงนิกโก้ นั่งรถบัสไปลานสกีต่อเลย!

ใช้เวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมงก็มาถึงสถานีนิกโก้ เดินออกจากสถานีแล้วข้ามถนนไปนิด ด้านหน้าจะมีป้ายรถเมล์อยู่ 3 ป้ายด้วยกัน เราจะรอที่ป้าย 2A ทางขวาสุด มุ่งหน้าไปยุโมโตะออนเซ็น (Yumoto Onsen) ซึ่งรถจะออกเวลา 10:05

ยิ่งรถวิ่งลึกเข้าไปบนภูเขาเท่าไหร่ อากาศก็ยิ่งเย็นขึ้นเท่านั้น รอบข้างค่อยๆ เปลี่ยนเป็นโลกสีขาวของหิมะ นั่งวิวเพลินๆ ใช้เวลาอีกประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ลงที่ป้ายสุดท้าย ยุโมโตะออนเซ็น (Yumoto Onsen) ค่ะ

11:40 สนุกกันให้เต็มที่กับหิมะ ลานสกีนิกโก้ยุโมโตะออนเซ็น (Nikko Yumoto Onsen Ski Park)

จากป้ายรสบัสเดินประมาณ 6 นาทีจะมาถึง ลานสกีนิกโก้ยุโมโตะออนเซ็น (Nikko Yumoto Onsen Ski Park) ซึ่งเป็นลานสกีที่ขนาดไม่ใหญ่มาก แต่มีข้อดีคือคอร์สที่ใช้เล่นสกีนั้นเป็นคอร์สที่ง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่เคยเล่นหรือสำหรับครอบครัวที่อยากพาเด็กๆ มาลองหัด รวมถึงจำนวนคนก็น้อยกว่าลานสกีใหญ่ๆ ทำให้ไม่ต้องกลัวว่าถึงจะเล่นไม่เป็นหรือเล่นไม่เก่งแล้วจะเกะกะหรือถูกคนอื่นชนเอา

ที่นี่มีลานสกีทั้งหมด 4 คอร์ส ประกอบด้วยลาน A, B และ C สำหรับมือใหม่ และลาน D สำหรับระดับกลาง แต่หากใครยังไม่ถนัดเลย ก็ลองเล่นอยู่แถวๆ ด้านหน้าศูนย์บริการก็ได้ค่ะ นอกจากนี้ยังมีลานสำหรับเด็กเล่นที่ใช้เล่นกระดานสไลด์ แม้จะเล่นสกีไม่เป็นก็สนุกได้

เช่าอุปกรณ์ได้ครบที่อาคารศูนย์บริการ (Lodge)

ด้านหน้าของลานสกีจะเป็นอาคารศูนย์บริการ ภายในเป็นทั้งที่ให้เช่าและจำหน่ายอุปกรณ์สกีและเล่นหิมะ ศูนย์อาหาร รวมถึงขายตั๋วลิฟท์สำหรับขึ้นเนินไปเล่นสกีบนคอร์สทั้ง 4 ที่ว่ามา

อุปกรณ์เล่นสกีและหิมะต่างๆ สามารถหาเช่าได้ครบครันเลยค่ะ สำหรับคนอยากเล่นสกี แนะนำให้เช่าชุดสกีครบเซ็ต และแนะนำให้เช่าชุดกันหิมะด้วยเลย เพราะส่วนใหญ่จะมีการล้มหรือสัมผัสหิมะจนชุดเปียกค่ะ นอกจากสกีแล้วยังมีสโนว์บอร์ดให้เช่าอีกด้วย

ส่วนคนที่แค่อยากเล่นหิมะหรือกระดานสไลด์ อาจจะเช่าแค่รองเท้าแล้วเช่ากระดานสไลด์เพิ่ม ส่วนชุดกันหิมะนั้นถ้าคิดว่าจะลงไปสัมผัสกับหิมะเยอะๆ ก็แนะนำว่าควรจะเช่าด้วยค่ะ

* ในตารางเป็นราคาเช่าครึ่งวัน (ตั้งแต่ 12:00 เป็นต้นไป) ราคาเต็มวันจะแพงกว่านี้เล็กน้อย

เสื้อผ้าที่ให้เช่ามีตั้งแต่ไซส์เล็กไปจนถึงไซส์ใหญ่ 4L (พอๆ กับ XXXL) และมีไซส์ของเด็กแบ่งตามส่วนสูง

อุปกรณ์ที่ต้องสัมผัสกับร่างกายโดยตรงเช่น แว่น ถุงมือ จะไม่มีให้เช่า แต่มีจำหน่าย นอกจากนี้ยังมีพวกของเล่นที่ใช้เล่นหิมะอย่างพลั่วหิมะ หรือแม่พิมพ์ตุ๊กตาหิมะ ฯลฯ

ส่วนตั๋วลิฟท์นั้นจะมีทั้งแบบรอบเดียว หลายรอบ หรือเหมาเต็มวันและครึ่งวัน รวมถึงมีตั๋วสำหรับครอบครัวด้วย ลิฟท์นี้จะขอแนะนำสำหรับคนที่พอเล่นเป็นแล้ว เพราะจะได้เล่นลื่นไหลลงมายาวๆ เลย

หากใครใส่อุปกรณ์ไม่เป็น พนักงานที่นี่ก็พร้อมจะให้ความช่วยเหลือ ถึงแม้พนักงานจะไม่สามารถสื่อสารภาษาต่างชาติได้ แต่เขาได้เตรียมเครื่องแปลภาษาอัตโนมัติไว้แล้ว จึงไม่ต้องห่วงเรื่องการสื่อสารเลยค่ะ

ทานกลางวันเติมพลัง

เวลาก็ใกล้เที่ยงพอดี มาทานอาหารกันก่อน จะได้เล่นเต็มที่ไม่มีขาดตอน หรือจะได้ไม่ต้องวุ่นวายกับอุปกรณ์สกีด้วย

ร้านอาหารในศูนย์แม้จะมีเมนูไม่มาก แต่ก็อร่อยและได้ปริมาณเต็มที่ โดยเริ่มจากซื้อคูปองจากเครื่องอัตโนมัติ หากอ่านไม่ออกก็ดูรูปประกอบเอาได้ค่ะ มีเมนูทั้งราเม็ง อุด้ง โซบะ ข้าวหน้าต่างๆ พิซซ่า พาสต้า และอื่นๆ เมื่อกดซื้อแล้ว นำคูปองที่ได้ไปยื่นที่เคาน์เตอร์โดยดูรูปที่แปะไว้ด้านบนแต่ละเคานเตอร์ (ราเม็งจะอยู่ริมสุด แขวนผ้าสีแดงไว้) เราจะได้เบอร์มา เมื่ออาหารเสร็จพนักงานจะเรียกตามเบอร์นั้นค่ะ

วันนี้เราได้ทานข้าวหน้าหมูทอดคัตสึด้ง (Katsudon) ราคา 1,000 เยน ราเม็งโชยุหมูชาชู (Chashu Shoyu Ramen) ราคา 1,000 เยน แล้วสั่งไก่ทอดคาราอาเกะ (Karaake) อีก 500 เยน มาทานด้วยกันค่ะ

ไปเล่นสกีกันแบบเพลินๆ

อิ่มท้องกันแล้ว คราวนี้ก็ได้เวลาแต่งตัวเต็มยศไปลองเล่นหิมะกันเลย!

วันนี้สมาชิกที่มาด้วยกันมีแต่มือใหม่หัดเล่นกันทั้งนั้น เราเลยเล่นกันอยู่บริเวณใกล้ๆ อาคารศูนย์บริการ ซึ่งมีลักษณะเป็นเนินเตี้ยๆ อยู่แล้วค่ะ แถมวันที่เรามายังมีคนมาเล่นไม่เยอะ จึงล้มลุกคลุกคลานได้สบาย ไม่ต้องกังวลเลย!

กระดานสไลด์บนหิมะ เล่นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่

สำหรับผู้เขียนที่ไม่มีเซนส์ด้านกีฬา ก็ได้กระดานสไลด์บนหิมะ (Sleigh) นี่ล่ะที่ช่วยให้สนุกแบบสบายๆ

ตรงหน้าอาคารศูนย์บริการจะมีโซนที่ขึงตาข่ายเอาไว้ ภายในเป็นบริเวณที่ให้ลื่นกระดานสไลด์หิมะ ซึ่งจะมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่เล่นกันอยู่

วิธีการเล่นกระดานสไลด์ก็ง่ายมาก แค่เดินขึ้นไปด้านบนทางลาด นั่งบนกระดานจับเชือกเอาไว้ แล้วไถลลงมา ใครมากับเด็กเล็กๆ จะขึ้นไปนั่งด้วยกันก็ได้ค่ะ

เหนื่อยแล้วก็พักได้ที่ห้องพัก

ติดกับอาคารศูนย์บริการมีห้องสำหรับพักผ่อนที่ด้านในมีทั้งล็อกเกอร์ฝากของ ห้องน้ำ เก้าอี้นั่งพัก และห้องเล่นสำหรับเด็ก ภายในติดเครื่องทำความอุ่นเอาไว้เรียบร้อย หากใครเหนื่อยหรือหนาวแล้วก็แว่บมาพักในห้องนี้ ก่อนจะออกไปสนุกต่อได้ค่ะ

15:35 ได้เวลาไปยังที่พัก

ได้เวลาสักประมาณ 15:35 ก็เตรียมตัวออกจากลานสกีกัน เพราะเราต้องกลับไปยังป้ายรถบัสให้ทันเวลา 15:45 ซึ่งเป็นรถบัสเที่ยวสุดท้ายที่จะไปที่พักของเราโดยตรง ป้ายรถเมล์ตรงนี้มีห้องปรับอากาศให้นั่งรอด้วย จึงไม่ต้องกลัวว่าต้องไปทนหนาว ขอให้เผื่อเวลาไปจะดีกว่าไปแบบฉิวเฉียดค่ะ เดี๋ยวตกรถ

16:00 ถึงที่พัก โรงแรมนิกโก้แอสเตรีย (Nikko Astraea Hotel)

ใช้เวลาราวๆ 15 นาทีมาถึงที่พัก โรงแรมนิกโก้แอสเตรีย (Nikko Astraea Hotel) ซึ่งเป็นที่พักที่เงียบสงบ มีห้องพักทั้งแบบญี่ปุ่นและตะวันตกให้เลือก รวมถึงมีห้องอาบน้ำรวมเป็นบ่อน้ำแร่จากออนเซ็นโคโตคุ (Kotoku) ซึ่งมีโรงแรมนี้แห่งเดียวเท่านั้นที่มีน้ำแร่จากออนเซ็นนี้ให้แช่

เมื่อมาถึงแล้ว เราก็เช็คอินเข้าคลายเหนื่อยในห้องพักแบบญี่ปุ่น ก่อนจะลงไปทานอาหารเย็นและแช่น้ำร้อนให้สบายตัว

อาหารมื้ออร่อยของโรงแรม

อาหารมื้อเย็นทางโรงแรมจะถามเวลาที่สะดวก แล้วจัดเตรียมไว้ให้ที่ห้องอาหารชั้น 1 หน้าล็อบบี้ที่ชื่อ Monte Rosa

ซึ่งขอบอกว่าทางโรงแรมจัดเต็มให้เลยจริงๆ มีตั้งแต่ชาบูเนื้อ ไปจนถึงของดีของนิกโก้อย่างยูบะ (ฟองเต้าหู้) สดๆ ให้ทานแบบซาชิมิ มีกับข้าวมากมายหลายอย่างให้ทาน ปิดท้ายด้วยของหวานเป็นผลไม้กับเค้กชิ้นเล็กๆ วันที่เรามาพักได้เมลอนหวานฉ่ำชื่นใจมาทานกันค่ะ

ผ่อนคลายกับการแช่ออนเซ็น

อีกอย่างที่ห้ามพลาดสำหรับการพักโรงแรมพร้อมบ่อออนเซ็นก็ต้องเป็นการแช่ออนเซ็นคลายเหนื่อย! ซึ่งทางโรงแรมมีชุดยูคาตะเตรียมไว้ในห้อง แต่หากไซส์ไม่พอดีก็สามารถไปเลือกชุดไซส์อื่นๆ กันได้จากชั้นวางใกล้ลิฟท์ชั้น 2ค่ะ

บ่อออนเซ็นจะอยู่ริมสุดของโรงแรม แยกชายหญิง มีทั้งบ่อแบบในร่มและกลางแจ้ง หากลงแช่ตอนหิมะตก เราจะได้แช่ออนเซ็นในบรรยากาศงามๆ ที่หาได้แค่ที่ญี่ปุ่นเท่านั้นเลยค่ะ

น้ำแร่ของที่นี่เชื่อว่ามีสรรพคุณช่วยเรื่องอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดตามข้อ ปวดปลายประสาท เลือดลมไม่ดี เบาหวาน การไหลเวียนโลหิต และช่วยฟื้นฟูร่างกายที่เหนื่อยล้า บ่อออนเซ็นเปิดตั้งแต่ 15:00 จนถึง 9 โมงเช้า ครอบครัวไหนพาเด็กมา จะหลบมาแช่ตอนดึกๆ หรือตอนเช้าๆ ก็ยังได้

สำหรับคนที่ยังไม่ชิน ทางโรงแรมมีห้องพักแบบมีห้องอาบน้ำในตัวด้วย แต่มาถึงญี่ปุ่นทั้งที เราขอชวนให้ไปลงออนเซ็นกันนะ!

ที่โรงแรมยังมีร้านขายของฝาก มีจัดกิจกรรมเดินชมหิมะ ส่วนรอบโรงแรมเองก็มีหิมะทับถมมากพอที่จะไปเล่นหิมะหรือกระดานสไลด์ได้ แต่วันนี้เราเล่นมาเยอะแล้ว และฟ้าก็เริ่มมืด ดังนั้นคืนนี้เราก็จะพักผ่อนกันสบายๆ เพื่อพรุ่งนี้จะได้เที่ยวต่ออย่างร่าเริงค่ะ!

เป็นอันจบการเดินทางวันแรกแต่เพียงเท่านี้ วันที่สองจะสนุกขนาดไหน ติดตามต่อได้จากบทความนี้เลยค่ะ!

สรุปการเดินทางวันแรก
สถานีอาซากุสะ→ สถานีโทบุนิกโก้ → ลานสกีนิกโก้ยุโมโตะออนเซ็น → โรงแรมนิกโก้แอสเตรีย

ค่าใช้จ่าย (วันแรก)
ค่าเดินทางทั้งหมด : ค่าตั๋ว Nikko Pass all area 4,230 เยน ค่ารถไฟด่วนขาไปและกลับ 2,176 เยน
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ : ค่าเช่าชุดสกี (ครบเซ็ต) 3,200 เยน ค่าเช่ากระดานสไลด์ 600 เยน ค่าอาหาร 1,500 เยน ค่าที่พัก 23,000 เยน/ห้อง (11,500 เยน/คน) ค่าภาษีออนเซ็น 150 เยน และค่าช้อปปิ้งต่างๆ แล้วแต่บุคคล

รวมค่าใช้จ่ายสำหรับ 1 คนใน 1 วันตามแผน : ประมาณ 23,356 เยน (ไม่รวมค่าช้อปปิ้งและของว่างต่างๆ แล้วแต่บุคคล ส่วนตั๋ว Nikko Pass all area มีอายุการใช้งานทั้งหมด 4 วัน)

ค้นหาข้อมูลท่องเที่ยวแถบนิกโก้และสถานที่เที่ยวดังอื่นๆ บนเส้นทางของรถไฟสายโทบุ (TOBU) ได้ที่เว็บไซต์ภาษาไทย TOBU JAPAN TRIP

https://www.tobu.co.jp/th/
Supported by TOBU Railway Co., Ltd.