Start planning your trip
พาครอบครัวเที่ยวสุดสนุกที่นิกโก้ 2 วัน ตอน 2 - เที่ยวทั่วญี่ปุ่นและทั่วโลกที่ Tobu World Square
พาครอบครัวเที่ยวสุดสนุกที่นิกโก้ 2 วัน ตอน 2 - หลังจากเล่นสกี แช่ออนเซ็นกันไปแล้ว วันที่สองเราจะพาไปเที่ยวทั่วญี่ปุ่นและทั่วโลกกันแบบสบายๆ ที่เมืองจำลอง Tobu World Square ขอบอกว่าที่นี่ยิ่งใหญ่ ไม่ธรรมดา สนุกกว่าที่คาดแน่นอน!
วันที่ 2 ของทริปนิกโก้ (Nikko) ฤดูหนาว 2 วัน 1 คืนสำหรับครอบครัว
วันแรกเราได้สนุกกับการไปเล่นสกี ทานอาหารอร่อยๆ จบด้วยแช่ออนเซ็นคลายเหนื่อย แล้วก็นอนกันให้เต็มอิ่มแล้ว ตอนนี้ได้เวลาเที่ยวในวันที่ 2 แล้ว!
หากใครไม่ได้อ่านบทความของวันแรก สามารถเช็คได้จากลิงค์ด้านล่างนี้เลย
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
ตื่นตามสบายหรือเพลินกับโรงแรมนิกโก้แอสเตรีย (Nikko Astraea Hotel)
วันที่ 2 เราสามารถนอนตื่นสายสบายๆ ได้ตามอัธยาศัย เพียงแค่ให้ทันเวลาเช็คเอาท์ตอน 10 โมงก็พอ แต่เราแนะนำว่าให้ตื่นเร็วนิดนึง ลงมาทานอาหารเช้าที่ห้องอาหาร แล้วเอาเวลาที่เหลือไปแช่ออนเซ็นอีกสักรอบ ออกไปเดินเล่นชมวิวสวยๆ ยามเช้า หรือจะออกไปเล่นหิมะรอบๆ โรงแรมก็ดีไม่น้อยค่ะ
หลังจากเช็คเอาท์ เราจะมีเวลาอีกประมาณ 30 นาที รอรถบัสมาด้วย เอาเวลานี้ไปเล่นหิมะแบบเบาๆ หรือถ่ายรูปท่ามกลางบรรยากาศหิมะที่น่าตื่นตาก็ได้เช่นกัน
อาหารเช้าสไตล์ญี่ปุ่นเต็มอิ่ม
มื้อเช้าของที่นี่ทางโรงแรมจะสอบถามเวลาและจัดเตรียมให้ที่ห้องอาหารเหมือนมื้อเย็นค่ะ เมื่อมาถึงที่นั่งก็พบกับปลาย่าง ไข่หวาน ผักดอง ซุปมิโซะ และเครื่องเคียงอื่นๆ อีกมากแบบอาหารเซ็ตสไตล์ญี่ปุ่น
ทานอาหารเช้าพร้อมชมวิวทุ่งหิมะแสนงดงามไปด้วยได้
ลานหิมะของโรงแรม
หากมีเวลาเหลือ หนึ่งกิจกรรมที่อยากให้ลงมาสัมผัสก็คือลานหิมะของโรงแรม (ต้องเดินอ้อมอาคารไปอีกฝั่ง)
รอบโรงแรมนั้นมีหิมะตกหนาพอที่จะไปเล่นปั้นหิมะหรือยืมกระดานสไลด์ไปเล่นได้ รวมถึงจะเก็บภาพสวยๆ กับทุ่งหิมะก็ดี วันที่หิมะตกมากพอ จะลองมาทิ้งตัวลงไปในปุยหิมะก็น่าจะเป็นประสบการณ์อันน่าสนุก!
แนะนำว่าให้รีบลงมาก่อนใคร จะได้เห็นทุ่งหิมะพื้นเรียบขาวโพลน ที่ยังไม่มีใครเหยียบ
ออนเซ็นยามเช้า
จะใช้เวลาตอนเช้าลงแช่ออนเซ็นอีกครั้งก็ยังได้ นั่งแช่ออนเซ็นยามเช้านอกจากจะทำให้ร่างกายอบอุ่น พร้อมออกไปเจออากาศหนาวแล้ว ยังได้ชมบรรยากาศหิมะแบบชัดๆ สวยแตกต่างจากตอนกลางคืนไปอีกแบบค่ะ
10:32 ขึ้นรถบัสกลับไปที่สถานีโทบุนิกโก้ (Tobu-Nikko)
รถบัสกลับสถานีโทบุนิกโก้จะมาจอดเทียบหน้าประตูโรงแรมเลย จึงไม่ต้องไปยืนรอหนาวๆ ด้านนอก นั่งชมบรรยากาศหิมะภายนอกรถที่ค่อยๆ น้อยลงไปเรื่อยๆ จนไม่เหลือให้เห็นแล้วเมื่อเข้าใกล้โซนมรดกโลก ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง เราก็ถึงหน้าสถานีโทบุนิกโก้อีกครั้ง
11:40 ทานกลางวันก่อนไปเที่ยวยาวๆ ที่ คามายะคาเฟ่ (Kamaya cafe du Reverbere)
จากหน้าสถานี เดินมาตรงแยกจะเห็นอาคารอิฐแดง เราจะแวะทานอาหารกลางวันอร่อยๆ ที่ คามายะคาเฟ่ (Kamaya cafe du Reverbere) กันก่อนเดินทางต่อค่ะ
ร้านนี้เป็นร้านที่เป็นมิตรกับคนต่างชาติมากค่ะ เพราะมีทั้งเมนูภาษาอังกฤษ แถมยังมีเมนูสำหรับชาวมุสลิมอีกด้วย
วันนี้เราเลือกทานเมนูเด็ดของร้าน นิกโก้ด้ง (Nikko Don) ซึ่งเป็นเมนูข้าวหน้าโรสต์บีฟจากเนื้อวัวท้องถิ่น วัวมาเอะนิกโก้วากิวมาย่างไฟแรงจนหอมจากนั้นนำไปฟลัมเบ (วิธีการปรุงอาหารโดยราดไวน์ บรั่นดีหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นให้ติดไฟหรือจุดไฟ) ด้วยไวน์มาเดรา แล้วนำไปทำให้สุกเต็มที่ด้วยวิธีต้มในอุณหภูมิต่ำแบบสุญญากาศ
ก่อนเสริมความอร่อยด้วยไข่ออนเซ็นจากไข่ท้องถิ่นและฟองเต้าหู้ม้วนตุ๋น อีกหนึ่งอาหารเด็ดของนิกโก้ เสิร์ฟพร้อมสลัดฟองเต้าหู้และซุป ราคาไม่รวมภาษี 1,800 เยน สำหรับไซส์ M
ส่วนอีกเมนูคือ The Nikko Hamburg Set เป็นเนื้อวัวมาเอะนิกโก้วากิวบดผสมกับเนื้อหมูท้องถิ่นฮิมิตสึบูตะปั้นก้อนนำไปย่าง เสิร์ฟพร้อมข้าว ราคาไม่รวมภาษี 1,500 เยน
คามายะคาเฟ่ไม่ได้เด็ดแค่อาหาร เพราะของหวานก็อร่อยและสวยงามไม่เบา มีทั้งเค้กแบบต่างๆ และน้ำแข็งไส
ในรูปคือน้ำแข็งไสสตรอเบอร์รี่ (Nikko Yukiichigo) และทาร์ตสตรอเบอร์รี่ ราคาไม่รวมภาษีอย่างละ 700 เยน ทั้งสองเมนูใช้สตรอเบอร์รี่ของนิกโก้ที่ปลูกแบบออร์แกนิคด้วย
12:45 ออกเดินทางไปโลกมหัศจรรย์!
บริเวณรอบๆ คามายะคาเฟ่และสถานีมีร้านขายของฝาก สามารถเดินดูเล่นกันได้ แต่อย่าลืมมองเวลานะ เพราะเราจะไปขึ้นรถไฟในสถานีโทบุนิกโก้ รถไฟจะออกเวลา 12:51 ใช้ตั๋ว Nikko Pass ของเราเข้าไปได้เลย
โดยรถไฟจะจอดอยู่ทางด้านขวามือนะคะ เราจะต้องเปลี่ยนรถที่สถานีชิโมะอิมะอิจิ (Shimo Imaichi) กันก่อนหนึ่งครั้ง โดยมองหาสายคินุกาวะ (Kinugawa) ที่วิ่งไปชินฟูจิวาระ (Shinfujiwara) ใช้เวลารวมทั้งหมดประมาณ 35 นาที มาถึงสถานีโทบุเวิลด์สแควร์ (Tobu World Square)
*เวลารถไฟแต่ละวันอาจไม่เหมือนกัน กรุณาตรวจสอบ
13:40 ท่องทั่วโลกและญี่ปุ่นที่โทบุเวิลด์สแควร์ (Tobu World Square)
ออกจากสถานีมา จะพบทางเข้า Tobu World Square อยู่ฝั่งตรงข้ามเลยค่ะ
เมื่อเข้าไป ด้านหน้าจะมีทั้งล็อคเกอร์ (400 เยน แต่ตอนเปิดจะได้คืน 100 เยน) และห้องละหมาดให้ใช้บริการได้ เดินต่อไปอีกนิดจะพบอาคารที่เป็นทางเข้าและที่ซื้อตั๋วค่ะ
เมื่อโชว์ Nikko Pass เราจะได้รับส่วนลดค่าเข้าอีกด้วยจาก 2,800 เหลือ 1,800 เยน (เด็ก 1,400 เยน เหลือ 900 เยน)
เอกสารแนะนำที่แนบมาด้วยมีภาพไม่เหมือนกันในแต่ละภาษา โดยภาษาไทยเป็นรูปวัดอรุณ! ซึ่งเพิ่งจะสร้างเสร็จและเปิดให้ชมไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2019 นี้เอง!
นอกจากนี้ยังมีกล้องส่องทางไกลให้เช่า เพื่อจะได้ส่องดู "มนุษย์จิ๋ว" ในแต่ละสถานที่ที่มีลักษณะเด่น แต่ละตัวไม่เหมือนกัน มีบางตัวที่ทำท่าแปลกน่าสนใจด้วยนะ ต้องลองไปดูกันแล้ว
เดินถัดเข้ามา รอบๆ จะเป็นร้านอาหารและร้านขายของฝาก แถมมีเซียมซีเป็นภาษาไทยด้วย จากนั้นจึงเป็นที่ตรวจตั๋ว เมื่อเข้าไปแล้วสามารถออกมาเพื่อแวะร้านอาหารได้ แต่ต้องให้พนักงานปั๊มตราหมึกล่องหนที่แขนเสียก่อนนะ ว่าแล้วเราก็เข้าไปชมภายในกันเลยดีกว่า
โตเกียวและญี่ปุ่นสมัยใหม่ในขนาดย่อส่วน
เมื่อเข้าไปโซนแรกจะเป็นสถานที่ต่างๆ ในโตเกียว ไม่ว่าจะเป็นอาคารรัฐสภา โตเกียวสกายทรี สถานีโตเกียวที่มีรถไฟชินคันเซ็นวิ่งเข้าออก สนามบินนาริตะในอดีตสมัยยังเป็นสนามบินนิวโตเกียว และอื่นๆ
ตรงท่าเรือเราจะเห็นกล่องให้หยอดเหรียญอยู่ เมื่อลองหยอดเหรียญ 100 เยนลงไป วงดุริยางค์ก็เริ่มขยับบรรเลงเพลง นี่คือกลไลเล็กๆ น้อยๆ ในสถานที่จำลองบางที่ให้เราได้เล่นกันค่ะ
พอใช้กล้องส่องทางไกลส่อง เราจะได้เห็นรายละเอียดของมนุษย์จำลองต่างๆ ระหว่างมองดูก็ลองจินตนาการว่าแต่ละคนกำลังทำ หรือกำลังพูดอะไรอยู่ ก็สนุกไม่น้อย
บางตัวก็ถูกสร้างขึ้นมาอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์ขัน เช่น คนที่ล้มจนเอกสารในกระเป๋าตกกระจายที่หน้าโตเกียวโดม หรือบรรดาคนที่กำลังสนุกสุดเหวี่ยงกับบานาน่าโบ้ทตรงสระน้ำ
วาร์ปไปอเมริกา!
ตั้งแต่ตรงสระน้ำ เราจะวาร์ปไปรอบโลกกันแล้ว โดยเริ่มจากอเมริกาเลยซึ่งมีทั้งเมืองท่า เทพีเสรีภาพ มหานครนิวยอร์ก และอื่นๆ พลาดไม่ได้กับทำเนียบขาวที่มีประธานาธิปดีตัวจิ๋วยืนทักทายอยู่ด้านหน้า
เหินฟ้าไปอียิปต์
โซนต่อมาคือปีรามิดกับสฟิงซ์ที่รอบๆ เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวและนักสำรวจ มาพร้อมกับอูฐมากมาย ลองตามหามัมมี่ที่โผล่ออกมาให้นักท่องเที่ยวตกใจกันด้วยนะคะ
สถาปัตยกรรมยุโรปแสนวิจิตร
เดินมาอีกหน่อยจะถึงทวีปยุโรปที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมวิจิตรงดงามมากมาย ไม่ว่าจะเป็นมหาวิหารแห่งเอเธนส์ โคลอสเซียม พระราชวังแวร์ซาย ปราสาทนอยชวานชไตน์ซึ่งเป็นต้นแบบของปราสาทในดิสนีย์แลนด์ พระมหาวิหารนักบุญเปโตรแห่งวาติกัน มหาวิหารซากราดาฟามิลิอา (Sagrada Familia) ในสภาพยังสร้างไม่เสร็จ และอีกมากที่ยากจะเล่าได้ครบ
จะถ่ายรูปน่าสนใจแบบเดียวกับมนุษย์จิ๋วที่หอเอนเมืองปิซ่าก็สนุกดีนะ
พบความงามของเอเชีย
พอมาถึงโซนเอเชีย เราจะได้ชมทั้งทัชมาฮาล นครวัด กำแพงเมืองจีน หอสักการะฟ้าเทียนถาน (Temple of Heaven) พระราชวังต้องห้าม และอื่นๆ
ขอบอกว่ามีคณะเดินทางแสนสำคัญในไซอิ๋วเดินกันอยู่ตรงกำแพงเมืองจีนด้วย
ตัวแทนจากไทย "วัดอรุณราชวราราม"
ในโซนเอเซียมีสิ่งปลูกสร้างจำลองจากไทยด้วยนะคะ! นั่นก็คือวัดอรุณค่ะ ภาพวัดที่สร้างมาอย่างละเอียดละออสะท้อนบนพื้นน้ำ ทำให้รู้สึกภูมิใจในวัฒนธรรมของเราขึ้นมาทันทีเลย
เที่ยวทั่วญี่ปุ่นได้ง่ายๆ!
สุดท้ายเป็นโซนสถานที่สำคัญทั่วญี่ปุ่น ให้เราได้ซ้อมเที่ยวครบตั้งแต่เหนือจรดใต้ของญี่ปุ่นในที่เดียว ที่นี่มีทั้งสถานที่ชื่อดัง เช่น วัดคิโยมิซุ (วัดน้ำใส) วัดโทไดจิ วัดเบียวโดอิน ปราสาทฮิเมจิ ศาลเจ้าอิตสึคุชิมะเจ้าของโทริอิกลางน้ำ และอื่นๆ แล้วยังมีสถานที่ที่อาจจะไม่ดังมากในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ก็สวยและสำคัญต่อคนญี่ปุ่นไม่น้อย รวมถึงยังมีฉากบ้านเมืองของญี่ปุ่นแบบต่างๆ อย่างเมืองชนบท งานวัดของญี่ปุ่น เป็นต้น
16:30 แสงไฟสว่างทั่วเมือง
พอถึงเวลาราว 16:30 ที่ฟ้าเริ่มมืดลง บรรดาอาคารสิ่งก่อสร้างขนาดเล็กเหล่านี้ก็เริ่มส่องแสงราวกับเป็นบ้านเมืองที่ผู้คนอยู่อาศัยกันเลยค่ะ รวมถึงบริเวณรอบๆ ด้านนอกของโซนเมืองจำลองก็เริ่มเปิดไฟประดับด้วยเช่นกัน ไฟประดับสวยๆ อย่างนี้มีให้ชมเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวเท่านั้นนะคะ
17:00 ได้เวลาเดินทางกลับโตเกียว
รถออก 17:11 ไปต่อรถที่สถานีชิโมะอิมะอิจิเช่นเดิม คราวนี้นั่งรถด่วนมุ่งหน้าไปยังสถานีอาซากุสะในโตเกียวได้เลย โดยใช้ตั๋ว Nikko Pass กับตั๋วรถด่วนที่จองไว้ในตอนที่ 1 แล้ว
หากครอบครัวไหนยังมีเรี่ยวแรง อาจจะชมเมืองจำลองที่เปิดไฟประดับหรือหาซื้อของฝากอีกสักหน่อย ซึ่งจะมีรถให้ขึ้นอีกครั้งตอนเวลา 18:00
19:15 กลับถึงสถานีอาซากุสะ (Asakusa) ในโตเกียว
ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็จะมาถึงสถานีอาซากุสะในโตเกียว จะหาข้าวทานหรือจะกลับที่พักในคืนนั้นเลยก็เป็นเวลากำลังพอเหมาะค่ะ เป็นอันปิดทริปไปพบอีกเสน่ห์หนึ่งของนิกโก้ด้วยการเที่ยวเล่นหิมะและท่องทั่วโลกผ่านเมืองจำลอง จะไปกับครอบครัวก็สนุกได้ทุกคน หรือจะไปกับเพื่อนๆ ก็ยังได้
สำหรับทริปนี้เป็นการเที่ยว 2 วัน 1 คืนในฤดูหนาว โดยวันแรกเราไปเล่นสกีกันที่ลานสกีนิกโก้ยุโมโตะออนเซ็น (Nikko Yumoto Onsen Ski Park) ซึ่งอ่านได้จากบทความนี้
หากใครอยากเที่ยวส่วนอื่นๆ ของนิกโก้ เช่น โซนมรดกโลกหรือโซนทะเลสาป ก็สามารถอ่านบทความต่อไปนี้ เพื่อเอาไปรวมในแผนเที่ยว 2 วันนี้ ทำให้ได้เที่ยวนิกโก้ครบถ้วนยิ่งขึ้นนะคะ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
สรุปการเดินทางวันที่ 2
โรงแรมนิกโก้แอสเตรีย → คามายะคาเฟ่ → สถานีโทบุนิกโก้ → Tobu World Square → สถานีอาซากุสะ
ค่าใช้จ่าย (วันที่ 2)
ค่าเดินทางทั้งหมด : ค่าตั๋ว Nikko Pass all area และค่ารถไฟด่วนจ่ายไปในวันแรกแล้ว
ใช้จ่ายอื่นๆ : ค่าอาหาร 1,500 เยน ค่าเข้าชม Tobu World Square 1,800 เยน และค่าช้อปปิ้งต่างๆ แล้วแต่บุคคล
รวมค่าใช้จ่ายสำหรับ 1 คนใน 1 วันตามแผน : ประมาณ 3,300 เยน
รวมค่าใช้จ่าย 2 วัน : ค่าใช้จ่ายวันแรก 23,356 รวมเป็นคนละ 26,656 เยน (ไม่รวมค่าช้อปปิ้งและของว่างต่างๆ แล้วแต่บุคคล ส่วนตั๋ว Nikko Pass all area มีอายุการใช้งานทั้งหมด 4 วัน)
ค้นหาข้อมูลท่องเที่ยวแถบนิกโก้และสถานที่เที่ยวดังอื่นๆ บนเส้นทางของรถไฟสายโทบุ (TOBU) ได้ที่เว็บไซต์ภาษาไทย TOBU JAPAN TRIP
https://www.tobu.co.jp/th/
Supported by TOBU Railway Co., Ltd.
สาวไทยในโตเกียว ลัลล้ากับการทำงาน ว่างๆ ก็แว่บไปเที่ยวและชิมของอร่อย สนใจวัฒนธรรมญี่ปุ่น รวมไปถึง Pop culture~♥
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง