Start planning your trip
ท่องวิถีซามูไร - ตามรอยซามูไรจากโตเกียวถึงฟุกุชิม่าใน 2 วัน (นิกโก้ - หมู่บ้านเก่าโออุจิจุกุ - ปราสาทสึรุกะ)
แนะนำทริปเดินตามรอยเท้าซามูไรจากโตเกียว ไปวัดที่แสดงถึงความรุ่งเรืองของซามูไรอย่าง "นิกโก้" เลยไปจนถึงเมืองเก่าที่เป็นแหล่งที่พักของซามูไร "โออุจิจุกุ" และ "ปราสาทสึรุกะ" ในฟุกุชิมะที่มีบทบาทสำคัญในยุคปลายของซามูไร
"ซามูไร" คือชื่อเรียกของนักรบและนักปกครองในสมัยก่อนของญี่ปุ่น
เนื่องจากมีวิธีการปกครองและรูปแบบวิถีชีวิตที่แตกต่างจากกลุ่มชนอื่น รวมถึงเคยเป็นศูนย์กลางอำนาจเป็นเวลาหลายร้อยปี
จึงทำให้ทุกผืนดินของญี่ปุ่นมีร่องรอย เรื่องเล่าของซามูไรหลงเหลืออยู่
วันนี้เราจะขอแนะนำเส้นทางท่องเที่ยวที่จะพาท่านเดินตามรอยเท้าของเหล่านักรบที่เคยต่อสู้อย่างอาจหาญในประเทศญี่ปุ่น
โดยแผนการเดินทางของเราในวันนี้สามารถเดินทางไปได้ง่ายๆ จากกรุงโตเกียวเลยล่ะค่ะ
8:00 วัดเซนโซจิ ณ อาซากุสะ
เราเริ่มการเดินทางกันที่วัดเซนโซจิ หรือ อาซากุสะ ที่หลายท่านคงเคยมาและรู้จักดี
เพราะแท้จริงแล้ววัดนี้เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียวเลยทีเดียวค่ะ
ยังมีบันทึกเอาไว้ว่าเป็นวัดที่ มินาโมโตะ โนะ โยริโตโมะ ซามูไรผู้ก่อตั้งรัฐบาลซามูไร (บาคุฟุ) คนแรกในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นเองก็เคยมาไหว้พระที่นี่ด้วย
นอกจากนี้ยังมีซามูไรผู้ยิ่งใหญ่หลายคน หรือแม้แต่โชกุนผู้รวมแว่นแคว้นในญี่ปุ่นเป็นหนึ่งเดียวอย่าง โทกุงาวะ อิเอยาสุ
วัดเซนโซจิแห่งนี้จึงเหมาะเป็นสถานทีแรกในการตามรอยซามูไรของเราจริงๆ ค่ะ
โรงแรมแนะนำใกล้วัดเซนโซจิ
9:00 ขึ้นรถไฟที่สถานี Asakusa เพื่อไปยังนิกโก้
จากนั้นเราจะเดินทางไปต่อยัง "นิกโก้" เมืองแห่งมรดกโลกที่เป็นหลักฐานความรุ่งเรืองของยุคซามูไรที่ยังหลงเหลือในปัจจุบันค่ะ
จากอาซากุสะ เราสามารถนั่งรถไฟต่อเดียวไปจนถึงนิกโก้ได้อย่างสะดวกสบายเลย ด้วยรถไฟของบริษัท Tobu
สถานีอาซากุสะนั้นมีรถไฟหลายสายมารวมกัน ต้องระวังให้ดีด้วย แต่สถานีของสาย Tobu นั้นอยู่บนดิน มีอาคารเห็นได้ชัดเจนเขียนว่า TOBU SKYTREE Line ค่ะ
และพอเข้าไปในอาคาร จะมี Tourist Information ไว้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย
สำหรับการเดินทางไปนิกโก้นั้น มีรถไฟด่วนพิเศษแบบ Limited Express ที่วิ่งตรงไปนิกโก้เลยที่สถานี "โทบุนิกโก้" (東武日光 - Tobu-Nikko) โดยจะเป็นรถที่ชื่อ Revaty และ SPACIA
เวลาซื้อตั๋วจากเครื่อง หรือเวลาขึ้นรถก็มองหาเครื่องหมายของรถสองคันนี้ได้เลยค่ะ
ที่เครื่องขายตั๋วอัตโนมัติมีภาษาอังกฤษให้เลือกอยู่ แต่วิธีการอาจจะต้องใจเย็น ค่อยๆ กดนิดหน่อย เพราะต้องกดระบุชื่อสถานีเลย
นอกจากนี้ยังต้องซื้อตั๋วทั้งหมด 2 ใบด้วยกันค่ะ คือ
- ตั๋วสำหรับขึ้นรถ Limited Express ราคา 1,470 เยน สามารถเลือกที่นั่งได้เลย
(หากมาด้วยกันต้องกดซื้อพร้อมกันในครั้งเดียว ไม่งั้นอาจจะได้ยั่งแยกกัน)
- ตั๋วเดินทางธรรมดา ราคา 1,390 เยน ซื้อโดยกดเลือกราคาจากหน้าจอแรกได้เลย
เวลาเดินเข้าเครื่องตรวจตั๋ว ให้สอดตั๋วสองใบพร้อมกันได้เลยค่ะ
รถที่ได้นั่งวันนี้คือ Revaty ค่ะ
รถไฟแบบด่วนพิเศษต่างๆ ของญี่ปุ่น ต้องบอกเลยว่ามีข้อดีคือ ที่นั่งที่กว้างขวาง นั่งสบาย แถมด้วยโต๊ะพับได้ด้านหน้า
เรียกว่าเก้าอี้นี่นั่งสบายกว่านั่งเครื่องบินด้วยซ้ำเลยล่ะค่ะ!
เพราะเราออกเดินทางแต่เช้า หากใครจะขอเติมพลังด้วยการนั่งทานข้าวกล่องเป็นอาหารเช้า
ก็สามารถทำได้อย่างแสนสะดวก พลางชมวิวเมืองที่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นวิวธรรมชาติค่ะ
11:00 มาถึงยังนิกโก้ เมืองมรดกโลก!
ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เราก็จะมาถึงยังจุดหมายของวันนี้ เมืองนิกโก้ ซึ่งมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์กร UNESCO หลายแห่งทีเดียวค่ะ
พอถึงสถานีแล้ว ออกจากที่ตรวจตั๋วมา ด้านซ้ายมือจะมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอยู่เลย
เราจึงแวะเข้าไปซื้อตั๋วรถบัสแบบนั่งกี่รอบก็ได้ใน 1 วัน เอาไว้สำหรับตระเวนเที่ยวในเมืองนิกโก้กันเลย!
ซึ่งตั๋วนี้มีชื่อว่า "World Heritage Sightseeing Pass" ราคาเพียง 600 เยนเท่านั้น
ภายในศูนย์นั้นมีเจ้าหน้าที่ที่พูดภาษาอังกฤษได้ และยังมีเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติที่มีภาษาอังกฤษอีกด้วย
แต่ใครอยากได้บัตรสวยๆ หน้าตาแบบในรูป จะต้องไปซื้อที่เคาน์เตอร์กับพนักงานนะ
ตั๋วนี้เป็นตั๋วที่สามารถโดยสารรถในบริเวณมรดกโลกได้ไม่จำกัด จึงเหมาะกับแผนของเราในวันนี้มากค่ะ
พอซื้อตั๋วเสร็จแล้ว ออกมาด้านหน้าสถานีจะเห็นป้ายรถเมล์อยู่ที่เกาะกลางด้านหน้าสถานีเลยค่ะ
วิธีการขึ้นรถก็ง่ายมาก เพียงแค่ไปยืนต่อแถวรอให้ถูกตามเป้าหมายที่จะไป แล้วโชว์ตั๋วของเรา เพียงเท่านี้ก็ขึ้นได้แล้วค่ะ
มาถึงเมืองมรดกโลกทั้งที แต่เราจะต้อง ... แวะไปเติมพลังก่อนเดินทางเสียก่อนค่ะ!
11:10 แวะทานเมนูอร่อยขึ้นชื่อของนิกโกที่ Nagomi Chaya
ออกมายืนต่อแถวที่ด้านริมขวาสุด ป้าย 2A ที่จะมุ่งหน้าไป Yumoto Onsen (湯本温泉) เราจะไปลงที่ป้าย "Shinkyo (神橋) กัน
เมื่อลงจากรถแล้ว เดินย้อนมาเล็กน้อย ทางขวามือเราจะเห็นร้านกำแพงสีขาวดำที่มีป้ายเล็กๆ น่ารักอยู่ นั่นล่ะค่ะคือร้าน Nagomi Chaya เป้าหมายของเรา!
เมื่อเดินเข้าไปในร้าน จะพบที่นั่งทั้งแบบโต๊ะและนั่งกับพื้น ในบรรยากาศสบายๆ ราวกับได้มาเยือนบ้านของคนญี่ปุ่นเลยทีเดียว
วันนี้เรามาทานอาหารแบบครบคอร์สสำหรับมื้อกลางวันที่ทำจาก ยูบะ หรือ ฟองเต้าหู้ ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของนิกโก้ค่ะ
อาหารแสนอร่อยที่คำนึงถึงฤดูกาล จะถูกนำมาเสิร์ฟทีละอย่างพร้อมกับคำอธิบายจากพนักงาน
สำหรับเซ็ทอาหารกลางวันชุด "ยูบะไคเซคิ" นี้ราคาเพียงแค่ 2,700 เยน โดยมีอาหารถึง 8 อย่าง พร้อมของหวานอีก 1 รายการ
12:00 เที่ยวชมนิกโก้มรดกโลก
เมื่ออิ่มอร่อยกับอาหารแล้ว เราจะนั่งรถบัสจากฝั่งตรงข้ามเพื่อย้อนกลับไปเริ่มต้นนั่งรถบัสวนรอบโซนมรดกโลกก็ได้
หรือจะเริ่มจากสะพานไม้ศักดิสิทธิ์สีแดงที่มีชื่อว่า "สะพานเทพ" หรือ "ชินเคียว" ที่อยู่เลยป้ายรถเมล์ที่เราลงมา แล้วเดินไปตามทางขึ้นเขาด้านหน้า ก็จะไปถึงโซนมรดกโลกเช่นเดียวกันค่ะ
แล้วแอบกระซิบอีกหน่อยว่า ที่พักของเราในคืนนี้ก็อยู่แถวนี้เช่นเดียวกัน
จะแวะเอาสัมภาระมาเช็คอินก่อน ทีนี้จะได้เที่ยวสะดวกเลยล่ะค่ะ
สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge)
คำว่า "ชินเคียว" ที่เป็นชื่อสะพานนี้ แปลได้ว่า "สะพานเทพ" ค่ะ
สะพานสีแดงสดใสนี้เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ที่เหล่าซามูไรใช้ผ่านเพื่อไปสักการะเทพ
ด้านในสุดของสะพานยังมีศาลเจ้าเล็กๆ ให้ไปสักการะ และเดินข้ามสะพานเพื่อความเป็นสิริมงคลได้อีกด้วย (มีค่าใช้จ่าย)
นอกจากนี้ที่นี่ยังมี "เครื่องบินกระดาษขอพร" ในราคา 100 เยนด้วย ให้เราเขียนขอพรแล้วนำไปร่อนจากกลางสะพาน เพื่อเหล่าเทพจะช่วยให้มันเป็นจริง
โรงแรมแนะนำใกล้ชินบาชิ
นิกโก้ โทโชกู (Nikko Toshogu)
สถานที่ที่ขาดไม่ได้เลยในการเที่ยวนิกโก้ก็คือ ศาลเจ้า นิกโก้โทโชกู
นอกจากจะได้เป็นมรดกโลกแล้ว ที่นี่ยังถือว่ามีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ซามูไรมาก
เพราะถือได้ว่าเป็นศาลเจ้าที่สำคัญของตระกูลโทกุงาวะ ตระกูลโชกุนผู้ยิ่งใหญ่ตั้งแต่สมัยเอโดะ ตราบจนสิ้นยุคของซามูไร
ที่นี่ยังสักการะและเป็นสุสานของ โทกุงาวะ อิเอยาสุ โชกุนผู้รวมญี่ปุ่นเป็นหนึ่ง เปิดเข้าสู่ยุคสมัยเอโดะอีกด้วย
รูปสลักลิงสามตัว ปิดตา ปิดหู ปิดปาก ที่โด่งดัง อันมีความหมายว่า "ไม่ดู ไม่ฟัง และไม่พูดในสิ่งที่ไม่ดี"
โรงแรมแนะนำใกล้นิกโก้ โทโชกุ
ศาลเจ้า นิกโก้ ฟุตาระซัง (Nikko Futarasan Jinja)
ศาลเจ้านี้อยู่เคียงข้างกับนิกโก้ โทโชกูทางด้านจะวันตกเพียงเดินไม่กี่นาที เชื่อกันว่าก่อตั้งมาตั้งแต่ ค.ศ. 782
เป็นที่สักการะบูชามานาน แม้แต่ในยุคของเหล่าซามูไร ที่นอกจากพวกเขาจะมาไหว้โทโชกูอันมีความสำคัญกับเจ้านายของพวกเขาแล้ว
พวกเขายังแวะเวียนมายังศาลเจ้าฟุตาระซังที่อยู่ใกล้ๆ อีกด้วย
ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นหนึ่งในมรดกโลกโดย UNESCO เช่นเดียวกัน
ในศาลเจ้านี้ยังมีสวนด้านในที่มีศาลเจ้าเล็กๆ ของเทพต่างๆ มากมาย มีจัดแสดงสมบัติของศาล ตาน้ำที่เชื่อกันว่าดื่มแล้วจะรูปงามและสุขภาพดี หรือการลอดลำต้นไม้อายุ 550 ปีเพื่อชำระล้างสิ่งไม่ดี และอื่นๆ ที่น่าสนใจอีก
17: 00 สู่ที่พัก Nikko Kanaya Hotel โรงแรมเก่าแก่
ที่ด้านหน้าศาลเจ้านิกโก้ ฟุตาระซัง และวัดไทยูอิน จะมีลานจอดรถอยู่ บริเวณนั้นเป็นป้ายรถบัสด้วยค่ะ
เราจึงสามารถนั่งรถบัสเพื่อกลับไปยังโรงแรมของเรา Nikko Kanaya Hotel โดยลงที่ป้ายสะพานชินเคียว (Shinkyo) ได้เลย
พอลงรถแล้วเดินไปนิดเดียวจะเห็นทางเข้าโรงแรมเป็นเนินสูง เดินขึ้นไปจะพบกับอาคารเก่าแก่ที่พักในคืนนี้!
Nikko Kanaya Hotel เป็นโรงแรมเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 130 ปีแล้ว โดยจุดประสงค์ในการก่อตั้งนั้น
ก็เพื่อเป็นที่พักแรมสำหรับชาวต่างชาติ ทำให้โรงแรมแห่งนี้ถูกประดับตกแต่งด้วยศิลปะแบบญี่ปุ่นแท้ๆ สไตล์เดียวกับที่ศาลเจ้าโทโชกูเลยทีเดียว
แขกคนสำคัญที่เคยมาพักที่นี่มีทั้งอัลเบิร์ต ไอนสไตน์ หรือ เฮเลน เคลเลอร์ ซึ่งเรายังสามารถดูลายเซ็นของพวกเขาเหล่านั้นได้ในสมุดบันทึกรายชื่อแขกของโรงแรมค่ะ
แม้จะเป็นที่พัก แต่แค่เดินดูก็เหมือนได้เที่ยวชมประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอีกที่แล้ว
อาหารที่รอต้อนรับเราอยู่นั้นมีทั้งอาหารฟูลคอร์สสำหรับมื้อเย็น ปรุงแบบผสมผสานระหว่างญี่ปุ่นและฝรั่งอย่างลงตัว ด้วยวัตถุดิบสดใหม่ของญี่ปุ่น
ส่วนอาหารเช้านั้นสามารถเลือกได้ทั้งอาหารเช้าแบบฝรั่งหรือญี่ปุ่นค่ะ
โดยค่าอาหารนั้นรวมอยู่ในที่ราคาที่พักอยู่แล้วค่ะ (ไม่รวมเบียร์ในรูป)
ราคาที่พักนั้นอยู่ที่ห้อง Standard Twin เมื่อเข้าพักสองท่าน รวมอาหารเช้าเย็น 21,600 เยนต่อหนึ่งท่านขึ้นไป (ไม่รวมภาษี) แตกต่างกันไปตามช่วงเวลา
และสำหรับห้องพักเองก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์
ห้องพักสไตล์ตะวันตกนั้นแม้จะเห็นความเก่าแก่ได้จากเครื่องไม้ ตู้แบบญี่ปุ่น และเครื่องทำความอุ่นแบบโบราณที่ยังติดอยู่ในห้อง แต่ก็ไม่ได้ดูทรุดโทรมหรือสกปรกแต่อย่างใดค่ะ
วันที่สอง เวลา 8:30 ออกเดินทางสู่หมู่บ้านโรงเตี๊ยมของซามูไร
เช้าวันที่สอง หากใครจะทานอาหารโรงแรมแนะนำให้ตื่นเช้าสักอีกนิด แล้วเวลาประมาณ 8:30 เราก็ออกเดินทางไปยังสถานีโทบุนิกโก้อีกครั้ง
วันนี้เราจะเริ่มจากเดินทางไปยังสถานี "ยุโนะคามิออนเซ็น" (Yunokami Onsen)
ในการซื้อตั๋ว เราจะต้องซื้อตั๋วแบบ Transfer Ticket หรือตั๋วต่อไปสายรถไฟบริษัทอื่นค่ะ โดยเลือกต่อไปสาย Via Aizu-kogen-ozeguchi ราคา 2,680 เยน
จากนั้นเราจะต้องซื้อตั๋วรถ Ltd. Express อีกใบหนึ่งจากสถานีชิโมะอิมาอิจิ (Shimo-imaichi) ไปจนถึงสถานีคินุกาวะออนเซ็น (Kinugawa Onsen) อีก 510 เยน
อาจจะดูวุ่นวายสักนิดเพราะต้องเปลี่ยนรถ แต่วิธีนี้จะทำให้เดินทางได้ไวขึ้นเยอะเลยล่ะค่ะ
สรุปการขึ้นรถแบบรวมๆ ของช่วงนี้คือ Tobu-Nikko > Shimo-imaichi > Kinugawa Onsen (รถด่วน) > Yunokami Onsen
รถที่จะวิ่งไป Yunokami Onsen จะเป็นรถคันเล็กๆ ที่บางสถานีจะต้องกดปุ่มเปิดปิดประตูเอง ถือเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ในการเที่ยวญี่ปุ่นเหมือนกันนะคะ
11:30 โออุจิจุกุ (Ouchi juku) เมืองพักแรมของเหล่าซามูไร
เมื่อมาถึงสถานียุโนะคามิออนเซ็นแล้ว เดินออกจากสถานีไปทางซ้าย จะเป็นจุดจอดรถบัส "ซารุยูโก" นำทางไปยัง "โออุจิจุกุ" เป้าหมายต่อไปในการตามรอยซามูไรของเราค่ะ
ตั๋วโดยสารนั้นสามารถซื้อบนรถได้เลย โดยคิดราคาเหมา 1,000 เยน จะนั่งไปกลับกี่เที่ยวก็ได้ หนึ่งเที่ยวจะใช้เวลาประมาณ 20 นาที
ถ้าหากรถยังไม่มา ออกจากสถานีรถไฟไปทางขวาจะมีบ่อน้ำร้อนเล็กๆ ที่เรียกว่า "อาชิยุ" (Ashiyu) เป็นบ่อสำหรับนั่งแช่เท้าคลายเมื่อยได้ค่ะ
จากรถแล้วเดินขึ้นไปตามเนินด้านข้าง ก็จะถึง "โออุจิจุกุ" เมืองเก่าหลังคามุงฟางบนถนนสายเล็กๆ
ที่นี่เดิมทีเป็นเมืองที่เหล่าซามูไรใช้พักค้างแรมระหว่างทางจากเมืองหลวงและแว่นแคว้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (โทโฮขุ) โดยเฉพาะ "แคว้นไอสุ" ที่เดี๋ยวเราจะไปต่อกันด้วยค่ะ
ที่นี่เราจะเหยียบผืนดินเดียวกับนักรบสมัยก่อน หากเดินไปจนสุดถนนจะมีเนินให้ขึ้นไปชมวิวได้
ที่นี่ยังมีพิพิธภัณฑ์ให้ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์อีกด้วย
13:00 ทานโซบะและต้นหอมสดใหม่โดยไม่ใช้ตะเกียบที่ Misawaya
หลังจากเดินชมเมืองแล้ว เราเดินย้อนกลับลงมา เลยซอยที่เราใช้เดินเข้ามาตอนลงรถบัสเพียงนิดเดียว เราจะเจอร้านโซบะมิซาวะยะ
อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ก็คือโซบะค่ะ โซบะที่นวดสดใหม่อย่างดีจะให้สัมผัสนุ่มเด้งและมีกลิ่นหอม
แต่ความพิเศษของโซบะที่นี่คือ ไม่ต้องใช้ตะเกียบทาน!
เพราะเมนู "ทาคะโทโซบะ" (Takatoo Soba) คือ เมนูโซบะในน้ำซุปรสเบาสบาย พร้อมต้นหอมกลิ่นรสสดชื่น ใช้ตักโซบะขึ้นมา แล้วกัดต้นหอมทานไปพร้อมๆ กันเลย!
เคล็ดลับคือ ให้ทานเฉพาะส่วนสีขาว รสชาติของต้นหอมจะไม่เผ็ดจนเกินไป เข้ากับโซบะได้อย่างดี
หลังจากอิ่มหนำสำราญแล้ว เรากลับมานั่งรถบัสไปยังสถานี โดยจุดจอดจะอยู่ตรงข้ามกับจุดที่เราลงค่ะ
รถมีเพียงชั่วโมงละ 1 คันเท่านั้น ต้องตรวจสอบเวลาให้ดีนะคะ
14:50 สู่แคว้นไอสุ ฐานที่มั่นสุดท้ายของซามูไร
พอเรากลับมาที่สถานีรถไฟยุโนะโมโตะออนเซ็น ที่นี่เราจะต้องซื้อตั๋วกับพนักงานค่ะ
เพียงบอกเป้าหมายว่าจะไปที่สถานี ไอสุวาคามัตสึ (Aizu-Wakamatsu) ก็จะได้ตั๋วมาในราคา 1,030 เยนค่ะ
ตอนไปขึ้นรถ อย่าลืมว่าต้องข้ามไปที่ชานชาลาฝั่งเดียวกับตอนที่เรานั่งมาด้วยนะคะ
ใช้เวลาประมาณ 30 นาที เราจะมาถึงสถานีไอสุวาคามัตสึ ซึ่งเคยเป็นพื้นที่ของ "แคว้นไอสุ" ที่สำคัญของยุคซามูไรค่ะ
ออกจากสถานีมา ด้านขวามือจะมีแท็กซี่จอดอยู่ ว่าแล้วเราก็เรียกนั่งไปยังปราสาทสึรุกะ (Tsuruga-jo) กันเลย
ปราสาทสึรุกะ หรือ ปราสาทวาคามัตสึ
ค่ารถมาถึงปราสาทสึรุกะนั้นอยู่ที่ประมาณ 1,230 เยนค่ะ
เมื่อลงจากรถเราจะเห็นปราสาทสีขาวสง่าตัดกับสีดำของหลังคา นั่นคือปราสาทสึรุกะ หรือที่เรียกกันอีกชื่อว่า ปราสาทวาคามัตสึ
ภายในปราสาทถูกจัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงประวัติศาสตร์ของปราสาท และเหตุการณ์สำคัญ โดยเฉพาะสงครามครั้งสุดท้ายของเหล่าซามูไรค่ะ
รวมถึงมีการแสดงอาวุธ และมีดาบกับปืนจำลองให้เราได้ลองถือกัน บนสุดยังเป็นจุดชมวิวอีกด้วย
ส่วนรอบๆ ปราสาทนั้นเป็นสวนกว้างขวาง สามารถเดินเล่นได้อย่างสบายทีเดียว
แคว้นไอสุนั้นเดิมเป็นแคว้นที่เป็นกำลังสำคัญของกองทัพโชกุนในยุคสุดท้ายของซามูไรค่ะ
เมื่อญี่ปุ่นแบ่งเป็นสองฝ่าย คือฝ่ายสนับสนุนจักรพรรดิ์ กับฝ่ายสนับสนุนโชกุนโทกุงาวะ ต่อสู้กันเพื่ออุดมการณ์ของตนเอง
ปราการสุดท้ายที่ซามูไรต้องพ่ายแพ้ให้กับอาวุธทันสมัยของตะวันตก ก็คือที่ปราสาทสึรุกะแห่งนี้นี่เอง
หลังจากนั้นญี่ปุ่นจึงได้เข้าสู่ยุคปฎิรูปเมจิ พัฒนาประเทศให้ทันสมัย ทัดเทียมกับโลกตะวันตกค่ะ
ร้านขายของฝากสึรุกะโจไคคัง (Tsurugajo Kaikan)
ชื่นชมความงามและประวัติศาสตร์อันลึกซึ้ง ปิดฉากยุคสมัยของซามูไรแล้ว
เราจึงแวะมาปิดฉากการเดินทางของเราที่ร้านขายของฝากด้านนอกปราสาทค่ะ
เดินออกมาจากปราสาททางทิศเหนือ เลี้ยวไปตามทาง จะเจออาคารสึรุกะโจไคคังที่เป็นร้านขายของฝาก
ซึ่งมีทั้งอาหาร ขนม ของที่ระลึก ศิลปหัตถกรรมแบบญี่ปุ่น ต่างๆ มากมาย
แถมยังทำ Tax free ได้อีกต่างหากล่ะ
พอช้อปปิ้งกันเสร็จ ก็ได้เวลากลับโตเกียวกันแล้ว
เดินเลยอาคารไปจะเป็นถนนใหญ่ซึ่งมีป้ายรถเมล์ค่ะ แต่เราจะขอแนะนำว่าตอนมาให้บอกแท็กซี่ที่มาให้รอ จะสะดวกมากเลย
เพราะแถวนี้พอตกเย็น จำนวนรถเมล์จะน้อยค่ะ
เรานั่งรถกลับไปยังสถานีไอสุวาคามัตสึ จากนั้นจึงซื้อตั๋วไฟกลับโตเกียวกัน
ที่สถานีนี้มีห้องขายตั๋วอยู่ด้วย แวะเข้าไปซื้อตั๋วชินคังเซ็นกับพนักงานจะสะดวกมากค่ะ
สำหรับทางกลับคือ นั่งรถไฟไปลงที่สถานีโคริยามะ (Koriyama) แล้วนั่งชินคังเซ็นต่อกลับไปจนถึงสถานีอุเอโนะ หรือสถานีโตเกียวได้เลย
โดยมีค่าใช้จ่ายทั้งหมด 8,550 เยน (ลงที่สถานีอุเอโนะ) และ 8,760 เยน (ลงที่สถานีโตเกียว)
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง และเราจะกลับมาถึงโตเกียวกันเวลาประมาณสองทุ่มค่ะ
ข้อมูลแนะนำสำหรับการเที่ยวอย่างจุใจ
ทริปนี้เราแนะนำเส้นทางจากเมืองหลวงเอโดะ (โตเกียว) ไปจนถึงเวทีแห่งสงครามครั้งสุดท้ายของซามูไรที่ไอสุวาคามัตสึ (จังหวัดฟุกุชิมะ) กันใน 2 วันค่ะ
แต่สำหรับท่านที่อยากเที่ยวอย่างจุใจกว่านี้ เราจะขอแนะนำตั๋วรถบัสนั่งไม่อั้นสำหรับท่องเที่ยวบริเวณนี้เป็นเวลาหลายวัน ได้แก่
หรือ NIKKO PASS world heritage area
ที่ใช้เดินทางได้ทั่วทั้งแถบคินุกาวะออนเซ็นและทะเลสาปชูเซนจิในระยะเวลา 4 วัน ราคา 4,600 เยน (เม.ย.-พ.ย.) และ 4,230 เยน (ธ.ค.-มี.ค.)
หรือ NIKKO PASS world heritage area ที่ใช้ได้ในเขตมรดกโลกและแถบคินุกาวะออนเซ็น ระยะเวลา 2 วัน ราคา 2,040 เยน
แถมถ้าซื้อตั๋วนี้พร้อมกับตั๋วรถด่วนวิ่งไปโทบุนิกโก้ จะได้รับส่วนลดค่ารถด่วนอีกถึง 20% แล้วยังมีส่วนลดอื่นๆ อีกมากมาย
เรียกได้ว่าคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มอีก!
ดูรายละเอียดได้จาก : ข้อมูลบัตรรถไฟราคาประหยัด เวบไซต์ของ TOBU RAILWAY
ส่วนเมืองไอสุวาคามัตสึนั้นก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ซามูไรอยู่อีกหลายที่เลยทีเดียว
หากท่านใดมีเวลา ก็อยากแนะนำให้ค้างแรม แล้วอยู่เที่ยวสักวันนึงให้เต็มที่ไปเลยค่ะ
โดยจะมีรถบัสที่วิ่งวนสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ และมีตั๋วแบบวันเดียวอีกด้วย
สรุปการเดินทาง
วันแรก
สถานีอาซากุสะ → วัดเซนโซจิ → สถานีโทบุนิกโก้ → โซนมรดกโลกนิกโก้ (สะพานชินเคียว ศาลเจ้าโทโชกู ศาลเจ้าฟุตาระซัง วัดไทยูอิน) → โรงแรม Nikko Kanaya Hotel
วันที่สอง
โรงแรม Nikko Kanaya Hotel → สถานีโทบุนิกโก้ → สถานียุโนะคามิออนเซ็น → โออุจิจุกุ → สถานีไอสุวาคามัตสึ → ปราสาทสึรุกะ → โตเกียว
ค่าเดินทางทั้งหมด : รวมสองวันทั้่งหมด ราคา 19,530 เยน
ใช้จ่ายอื่นๆ : ค่าอาหาร 3,780 เยน ค่าที่พักพร้อมอาหารเย็นและอาหารเช้า ราคาประมาณ 21,600 เยนขึ้นไป (ในกรณีของห้อง Standard Twin สำหรับสองท่าน ราคาแตกต่างกันไปตามแต่ละช่วงเวลา) ค่าของฝากและเครื่องบินกระดาษขอพร 1,000 เยน
รวมค่าใช้จ่ายใน 2 วัน 1 คืน ต่อ 1 คนตามแผน : ประมาณ 46,000เยน
Supported by TOBU Railway Co., LTD.
สาวไทยในโตเกียว ลัลล้ากับการทำงาน ว่างๆ ก็แว่บไปเที่ยวและชิมของอร่อย สนใจวัฒนธรรมญี่ปุ่น รวมไปถึง Pop culture~♥
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง