Start planning your trip
แผนเที่ยวเบาๆ เข้าโตเกียวจากฮาเนดะสบายๆ ด้วยตั๋วฟรีพาส One day pass พร้อมแนะนำโรงแรมสุดสะดวกแถวซึคิจิ
แจกแผนเที่ยวประมาณครึ่งวัน เดินทางเข้าโตเกียวจากสนามบินฮาเนดะสบายๆ ด้วยตั๋วแบบวันเดย์พาส แวะเที่ยวหอคอยโตเกียว ตลาดปลาสึกิจิ ก่อนเข้าพักโรงแรมแนะนำสุดสะดวกแถวซึคิจิ!
ใช้เวลาวันแรกที่มาถึงญี่ปุ่นให้คุ้มตั้งแต่ถึงสนามบินฮาเนดะ!
พึ่งมาถึงญี่ปุ่นวันแรก แม้จะเหนื่อยจากการเดินทาง แต่ก็อยากเที่ยวให้คุ้มเวลาที่สุด วันนี้เรามีแผนเที่ยวสบายๆ มาเป็นคำตอบให้เพื่อนๆ ค่ะ
วันนี้เราเริ่มเดินทางกันตั้งแต่เช้าสักหน่อย เพราะไฟลท์ที่เดินทางจากไทยมาญี่ปุ่นมักจะมาถึงกลางดึกให้เรานอนในสนามบิน หรือมาถึงแต่เช้าตรู่ราว 6 โมงเช้าค่ะ
*บทความนี้อิงเวลาทำการตามปกติ เวลาทำการของแต่ละสถานที่ในช่วงที่มีการประกาศภาวะฉุกเฉินอาจไม่ตรงตามนี้ กรุณาตรวจสอบก่อนการเดินทาง
7:00 เที่ยวสบายตัวปลิวเมื่อฝากส่งสัมภาระและซื้อตั๋ว One day pass
Picture courtesy of Keikyu Corporation
แน่นอนว่าทันทีที่มาถึงญี่ปุ่น เราคงอยากจะรีบพุ่งตัวไปเที่ยวในทันที แต่กระเป๋าเจ้ากรรมหนักหลายกิโลกลับเป็นภาระ
เราขอแนะนำให้ไปยังสถานีรถไฟของสายเคคิว (Keikyu) ที่ชั้น Arrival (ชั้น 2) ของเทอร์มินอล 3 (International Terminal) ซึ่งสายการบินจากไทยจะลงที่เทอร์มินอลนี้อยู่แล้ว ด้านข้างทางเข้าสถานีถัดจากเครื่องขายตั๋วจะมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของเคคิว สาขาสนามบินฮาเนดะเทอร์มินอล 3 (Keikyu Tourist Information Center Haneda Airport Terminal 3) เปิดทำการตั้งแต่ 7 โมงเช้าอยู่ เราสามารถฝากส่งสัมภาระไปยังโรงแรมในโตเกียวได้ แถมยังซื้อตั๋วรถไฟแบบ One day pass ที่จะใช้วันนี้หรือตั๋วอื่นๆ ได้พร้อมกันอีก! และมีบริการแลกเงินของ Travelex อยู่ข้างๆ กันด้วย
โดยสัมภาระที่ส่งนั้นต้องมีขนาดกว้าง ยาว สูง รวมกันไม่เกิน 160 เซนติเมตร น้ำหนักไม่เกิน 25 กิโลกรัม มีค่าส่ง 830 - 1,970 เยนต่อชิ้น แล้วแต่ขนาด สามารถส่งได้ตั้งแต่ 7-11 โมงเพื่อให้ของถึงโรงแรมภายในวันเดียวกัน (เฉพาะโรงแรมในภูมิภาคคันโต)
ในบริเวณเดียวกันถ้าขึ้นไปชั้น 3 จะมีร้านสะดวกซื้อ 7-11 มัตสึโมโตะคิโยชิ Laox ร้านราเมง ร้านเช่า Pocket Wifi อีกด้วย ถือว่าเป็นโซนที่สะดวกมากเลยล่ะ
One day pass สุดสะดวก นั่งรถไฟของเคคิวเข้าเมืองและนั่งรถไฟใต้ดินได้ไม่อั้น
คราวนี้มาซื้อตั๋วรถไฟแบบ One day pass นั่งได้ไม่อั้นใน 1 วันของรถไฟเคคิวกันค่ะ
พาสนี้มีชื่อว่า Keikyu Haneda/Subway Common Pass ราคา 1,200 เยนสำหรับผู้ใหญ่ (600 เยนสำหรับเด็ก) สามารถใช้นั่งรถไฟของเคคิวจากสนามบินฮาเนดะเทอร์มินอล 3 จนถึงสถานีเซนกาคุจิ (Sengakuji) ได้ 1 เที่ยว จากนั้นสามารถต่อรถไฟใต้ดินได้ไม่อั้นทั่วโตเกียวทั้งรถไฟของโตเกียวเมโทร (Tokyo Metro) และรถไฟของโทเอ (Toei)
สามารถดูรายละเอียดและแผนที่บริเวณที่ใช้งานได้จากเว็บไซต์ทางการเว็บนี้ (ภาษาอังกฤษ)
เมื่อซื้อแล้วจะได้ตั๋วมาสองใบ ใบหนึ่งใช้เดินทางจากสนามบินเข้าเมือง ส่วนอีกใบคือตั๋วนั่งรถไฟใต้ดิน ตอนเข้าในสถานีให้เสียบเข้าเครื่องอ่านตั๋วให้เสียบทั้ง 2 ใบ แล้วอย่าลืมรับมาทั้งสองใบนะ แต่ตอนออกจากสถานีเมื่อเสียบเข้าไปสองใบ จะได้รับคืนมาใบเดียวคือใบสำหรับใช้นั่งรถไฟใต้ดินในโตเกียวไม่อั้น ต่อจากนั้นก็ใช้ใบนั้นใบเดียวทั้งเข้าออกสถานีได้เลย
*บริษัทรถไฟเคคิวมีการทำความสะอาดและระบายอากาศภายในรถไฟ รวมถึงให้พนักงานใส่หน้ากาก และอื่นๆ สามารถอ่านมาตรการเกี่ยวกับ COVID-19 ได้จากที่นี่เป็นภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ
เมื่อส่งกระเป๋าและซื้อตั๋วเสร็จแล้ว ก็เริ่มเที่ยวเบาๆ ที่หอคอยโตเกียว (Tokyo Tower) ก่อนไปเช็คอินโรงแรมที่เราอยากแนะนำในครั้งนี้กันค่ะ
8:30 ทานอาหารเช้าอย่างง่ายใกล้หอคอยโตเกียว
เรานั่งรถไฟสายเคคิวจากสนามบินฮาเนดะมาลงที่สถานีมิตะ (Mita) แล้วเปลี่ยนรถเป็นรถไฟโทเอสายมิตะ ลงที่สถานีโอนาริมง (Onarimon) ออกทางออก A1 เดินไปทางขวามือแป๊บเดียวจะเจอร้านคาเฟ่หน้าตาสวยหรูชื่อร้าน Le Pain Quotidien สาขาสวนสาธารณะชิบะ
เราสามารถนั่งทานอาหารเช้าได้ เช่น เมนู Egg Benedict เสิร์ฟพร้อมแซลมอนรมควัน อโวคาโด้ บนขนมปังปิ้ง มาพร้อมกับสลัดและน้ำส้ม (1,240 เยน) รสชาติลงตัวเข้ากัน ช่วยให้สดชื่นเลยล่ะค่ะ
หรือจะซื้อขมมปัง แซนด์วิช ครัวซองต์ เบเกิล (ราคาราว 500-600 เยน) ไปนั่งทานในสวนสาธารณะชิบะ (Shiba Park) พลางชมหอคอยโตเกียวก็ได้
โซโจจิ (Zojoji Temple) วัดประจำตระกูลโชกุนโตกุงาวะ
เดินเลยคาเฟ่ไปนิดเราจะเจอวัดเก่าแก่ยิ่งใหญ่อยู่คือวัดโซโจจิ มาแวะไหว้พระกันก่อนเดินผ่านไปหอคอยโตเกียวกัน
วัดนี้มีอายุมากกว่า 600 ปีแล้วโดยถือเป็นวัดประจำตระกูลโชกุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างโตกุงาวะ (Tokugawa)
Photo by Pixta
จุดที่ห้ามพลาดคือซุ้มประตูสีแดงขนาดใหญ่ซังเกะดัตสึมง (Sangedatsumon) ที่หลงเหลือจากสงครามได้ราวปาฏิหาริย์ และอย่าลืมเก็บรูปที่อัดแน่นด้วยเสน่ห์แบบญี่ปุ่นอย่างภาพวัดพร้อมกับและโตเกียวทาวเวอร์ด้านหลัง
เมื่อออกจากวัดทางด้านขวามือจะมีถนนให้เดินตรงไป ด้านหน้าเราสามารถมองเห็นหอคอยโตเกียวเด่นชัด ไม่หลงแน่นอน!
10:10 ชมวิวโตเกียว 360 จากใจกลางเมืองที่หอคอยโตเกียว
พอมีหอคอยใหม่บางคนอาจมองข้ามหอคอยโตเกียวไป แต่เราขอบอกว่าความดีงามของหอคอยโตเกียวนั้นไม่ใช่แค่ความสูง เพราะทำเลที่อยู่หนึ่งในย่านที่ดีที่สุดใจกลางโตเกียว ทำให้เมื่อขึ้นไปชมวิว 360 องศาด้านบนชั้น main deck (ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 1,200 เยน) เราจะได้เห็นตัวเมืองโตเกียวชั้นในอย่างชัดเจน
ถ้าหากขึ้นไปถึงชั้น Top deck ที่ความสูง 250 เมตร (ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 3,000 เยน) เราจะได้รับอุปกรณ์บรรยายเสียงภาษาต่างชาติที่มีภาษาไทยด้วย โดยมีคำบรรยายอย่างละเอียดว่าแต่ละทิศ แต่ละมุม เราสามารถมองเห็นอะไรได้บ้าง ผู้ที่เข้าชมชั้น Top deck ยังจะได้รับรูปที่ระลึกฟรี 1 ใบ
ใครอยากสัมผัสความสูงของหอคอย จากชั้น Main deck ที่ความสูง 150 เมตร เรามีให้ 2 วิธีคือพื้นที่เป็นกระจก มองเห็นจนถึงพื้นล่าง และอีกวิธีคือบันไดให้เราเดินด้านนอกชมความสูงของหอคอยโตเกียวได้ทั้งขาขึ้นและขาลง แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าเป็นขั้นบันไดที่ไม่มีทางออกเลยจำนวน 600 ขั้น หากใครขาไม่แข็งแรงและร่างกายไม่พร้อม เราไม่แนะนำให้ใช้บันไดนะคะ
ส่วนบริเวณชั้น 2-3 มีร้านขายของฝากและร้านอาหาร ขนมอีกด้วย
หอคอยโตเกียวมี Official Website เป็นภาษาไทยด้วย เวลาจะไปก็ตรวจสอบข้อมูลได้ง่ายมากเลยค่ะ
12:00 ลุยตลาดปลาซึคิจิ (Tsukiji)!
เราจะไปชมตลาดอาหารทะเลระดับโลกที่ซึคิจิ! ที่สถานีซึคิจิ (Tsukiji) บนสายฮิบิยะกันต่อ
จากที่นี่สถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีคามิยะโจ (Kamiyacho) ของสายฮิบิยะ (Hibiya) แต่หากใครกลัวหลงทางก็เดินกลับไปยังสถานีโอนาริมงที่ผ่านมาแล้วไปเปลี่ยนรถไปสายฮิบิยะที่สถานีฮิบิยะก็ได้
แม้ตลาดซึคิจิจะเคยเป็นตลาดค้าส่งอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลกก่อนจะย้ายไปยังตลาดใหม่ที่โทโยซุ (Toyosu) แต่ในความเป็นจริงแล้วบริเวณตลาดด้านนอกที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านขายวัตถุดิบ อุปกรณ์และของฝากมากมายซึ่งเป็นบริเวณที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมนั้น ยังเปิดให้บริการและเที่ยวได้เหมือนเดิม!
ข้อควรระวังคือไม่อนุญาตให้เดินกิน หากมีร้านไหนที่ขายของที่ทานได้เลยจะต้องยืนทานหน้าร้านหรือสถานที่ร้านจัดให้เท่านั้นนะ
อาคารรวมของสดน่าตื่นตา ซึคิจิอุโอกาชิ (Tsukiji Uogashi)
เดินลึกเข้ามาในตลาดซึคิจิสักหน่อยจะพบอาคารใหญ่สองอาคารที่มีสะพานเชื่อมต่อกันเหนือถนน ทั้งสองอาคารคือ "ซึคิจิอุโอกาชิ" อาคารที่รวมร้านขายของสดมากมายเอาไว้ อาคารทั้งสองฝั่งมี 3 ชั้น
ชั้น 1 จะมีขายของสดทั้งอาหารทะเลสดที่น่าตื่นตาไม่ว่าจะเป็นกุ้ง หอย ปู ปลา ไปจนถึงเนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ ที่เราอาจไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน สำหรับนักท่องเที่ยวอาจจะซื้อของสดยากสักหน่อย แต่บางร้านหั่นปลาขายเป็นซาชิมิด้วย หรือจะซื้อผลไม้ไว้ไปทานในโรงแรมก็ได้นะ
เนื่องจากสินค้าเป็นของสด จึงไม่ควรแตะต้องหากไม่ได้ซื้อ และบางร้านอาจไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป จึงควรสอบถามก่อนนะคะ
ชั้น 2 ของทั้งสองอาคารเป็นส่วนสำนักงานที่บุคคลภายนอกห้ามเข้า
อร่อยมื้อกลางวันที่ฟู้ดคอร์ทด้านบน
ตึกฝั่งสีแดงของซึคิจิอุโอกาชิ (อาคารโอดาวาระบาชิ - Odawarabashi) บนชั้น 3 เป็นฟู้ดคอร์ท ข้อดีของฟู้ดคอร์ทที่นี่คือไม่ได้มีแค่อาหารซีฟู้ดหรือของสดเท่านั้น หากในกรุ๊ปเที่ยวของเรามีคนที่ยังไม่ชินกับอาหารสดของญี่ปุ่น ก็ยังสามารถนั่งทานอาหารร่วมกันได้ค่ะ
ร้านที่เราเลือกแนะนำครั้งนี้เพราะมีเมนูแปลกที่หากินยากแม้แต่ในญี่ปุ่น คือ เมนูเซ็ตข้าวหมูชาชูและไข่ (Chashu Egg Teishoku) ของร้านโอดะยาสุ (Odayasu) หมูชาชูรสเข้มข้นปรุงเสิร์ฟมาเป็นแผ่นเดียวกันกับไข่ดาวสองฟอง มากับข้าว ผักดอง และซุปเต้าเจี้ยว อร่อยแบบชาวญี่ปุ่นแท้ๆ (ราคา 1,250 เยน) และขอเพิ่มซาชิมิทูน่าแบบก้อน (Maguro no butsu) 550 เยนไปสักนิด เพราะไหนๆ ก็มาถึงแหล่งอาหารทะเลแล้ว
หากใครคิดว่ามาถึงซึคิจิต้องทานอาหารทะเล ทางร้านยังมีเมนูทั้งซาชิมิ หรือกุ้ง หอยนางรมชุบแป้งทอด และอื่นๆ รวมถึงร้านอื่นในฟู้ดคอร์ทก็มีให้บริการทั้งปลาทูน่าสด ราเม็ง โซบะ ไปจนถึงคาเฟ่ขนาดย่อมค่ะ หลายร้านมีเมนูภาษาอังกฤษด้วยนะ
*เมนูอาหารภาษาต่างชาติอาจปรับปรุงเมนูตามการเปลี่ยนแปลงเพราะสถานการณ์ COVID-19 ไม่ทัน กรุณาสอบถามกับทางร้าน
15:00 เช็คอินที่โรงแรม KEIKYU EX INN Higashi-ginza
Picture courtesy of Keikyu Corporation (Lower right photo)
เที่ยวซึคิจิเสร็จจะไปโรงแรมก็ง่ายแสนง่าย เพราะโรงแรมที่เราแนะนำ KEIKYU EX INN Higashi-ginza อยู่ตรงสี่แยกด้านหน้าตลาดซึคิจิเลย!
ตัวอาคารเป็นทรงสูงสีขาวเทา มี Lobby อยู่ชั้น 2 ทางเข้าและลิฟท์อยู่ด้านข้าง ส่วนชั้น 1 เป็นคาเฟ่ร้านสีดำ ไปแวะพักจิบชากาแฟได้
Picture courtesy of Keikyu Corporation (Upper left photo)
นอกจากเรื่องทำเลที่ดีมากแล้ว จุดขายที่น่าสนใจสุดๆ สำหรับสาวๆ คือ ชั้น 7 เป็นชั้นสำหรับผู้หญิงที่วางใจเรื่องความปลอดภัยได้ และมีเครื่องสำอาง สกินแคร์คัดพิเศษ ไดร์เป่าผม โรลม้วนและยืดผมยี่ห้อดังให้ใช้บริการภายในห้องอีกด้วย
ทุกห้องมีเครื่องฟอกอากาศ และมีจุดระบายอากาศติดตามผนัง หมดปัญหาเรื่องระบายอากาศในห้องไปเลย
Pictures courtesy of Keikyu Corporation
ส่วนสายกินนั้นพลาดไม่ได้กับอาหารเช้าที่เลือกได้ว่าจะทานที่คาเฟ่ชั้น 1 (ภาพซ้ายบน) หรือรับคูปองมูลค่า 700 เยนไปทานอาหารในฟู้ดคอร์ทของซึคิจิอุโอกาชิ (*) ในตลาดปลาซึคิจิที่แนะนำไปข้างต้น
จะดีขนาดไหนถ้าได้ทานอาหารจากซึกิจิทุกเช้ากันนะ!
* ฟู้ดคอร์ทของซึคิจิอุโอกาชิอาจปิดทำการในบางวัน วันหยุดโดยปกติคือวันพุธ วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
ในโรงแรมมีบริการส่งกระเป๋าไปยังสนามบินตอนขากลับประเทศด้วย โดยใช้เครื่องอัตโนมัติที่อยู่ตรงหน้า Lobby แต่ต้องจองล่วงหน้าก่อน 1 วัน (ส่งกระเป๋าวันถัดมาก่อน 9 โมงเช้า ของจะถึงสนามบินหลังบ่าย 4 โมง)
* ทางโรงแรมมีการทำความสะอาดและระบบระบายอากาศในห้องพัก รวมถึงการวัดอุณหภูมิร่างกายพนักงานอย่างสม่ำเสมอ ให้พนักงานใส่หน้ากาก และอื่นๆสามารถอ่านมาตรการเกี่ยวกับ COVID-19 ได้จากที่นี่ (ภาษาญี่ปุ่น)
ปรับแผนเที่ยวนี้ตามใจคุณ!
ห่างจากโรงแรมแค่สถานีเดียวก็ถึงย่านกินซ่า แหล่งกินช้อปชื่อดังของโตเกียวที่มีร้านขวัญใจคนไทยมากมาย จะเดินไปก็ใช้เวลาแค่ประมาณ 10 นาทีเท่านั้น
จะเที่ยวต่อ หรือจะเช็คอินแล้วเข้าพักผ่อน สามารถเลือกได้ตามสภาพร่างกายและสไตล์การเที่ยวได้เลยค่ะ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
หากใครมาถึงญี่ปุ่นด้วยไฟลท์ที่สายกว่านี้ อาจจะไม่ได้เที่ยวตลาดปลาซึคิจิในวันแรก เนื่องจากตลาดปลาปิดค่อนข้างเร็ว เราแนะนำให้ใช้เวลาเพลินๆ เพิ่มที่หอคอยโตเกียวทาวเวอร์ หรือไม่ก็เช็คอินโรงแรม แล้วไปเที่ยวที่กินซ่า
หรือจะเดินทางไปเที่ยวต่อที่อื่นได้ด้วยรถไฟต่อเดียว เช่น อุเอโนะ รปปงงิ อากิฮาบาระ ด้วยรถไฟใต้ดินโตเกียวเมโทรสายฮิบิยะ (Hibiya) จากสถานีซึคิจิ หรือสถานีฮิงาชิกินซ่า (Higashi-ginza) หรือไปอาซากุสะด้วยรถไฟใต้ดินโทเอสายอาซากุสะ (Toei Asakusa) จากสถานีฮิงาชิกินซ่า
ในวันแรกที่มาอาจจะหมดแรงไปต่างจังหวัดแล้ว แต่จากสถานีฮิงาชิกินซ่ายังสามารถนั่งรถต่อเดียวไปถึงโยโกฮาม่าได้ด้วยนะ!
เรียกว่าเมื่อได้เช็คอินเข้าที่พักตอนบ่ายแล้ว ใครจะพักผ่อนสักหน่อยก็ได้ หรือใครมีเรี่ยวแรงก็ไปเที่ยวตอนบ่ายจนถึงค่ำได้อย่างสะดวก ที่สำคัญคือไม่เสียค่ารถไฟเพิ่มเพราะใช้ตั๋วฟรีพาสที่เราซื้อได้เลยด้วย!
ครั้งหน้าที่ได้มาโตเกียว อย่าลืมดูแผนนี้และมองโรงแรม KEIKYU EX INN Higashi-ginza ไว้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกันนะคะ!
สรุปการเดินทาง
สนามบินฮาเนดะ → คาเฟ่ Le Pain Quotidien → วัดโซโจจิ → หอคอยโตเกียว → ตลาดปลาซึคิจิ → ซึคิจิอุโอกาชิ → ที่พัก โรงแรม KEIKYU EX INN Higashi-ginza (และอาจไปเที่ยวต่อตามใจ)
ค่าเดินทางทั้งหมด : ค่ารถไฟ ฟรีพาส Keikyu Haneda/Subway Common Pass ราคา 1,200 เยน
ใช้จ่ายอื่นๆ : ค่าอาหารเช้า 1,240 เยน ค่าอาหารกลางวัน 1,800 เยน ค่าเข้าชมหอคอยโตเกียว 3,000 เยน และค่าที่พักประมาณห้องละ 33,800 เยนต่อ 2 ท่าน
รวมค่าใช้จ่ายใน 1 วัน/1 คนตามแผน : ประมาณ 24,140 เยน (ไม่รวมค่าซื้อของอื่นๆ คิดค่าที่พักต่อคน และค่าที่พักมีการเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลาได้)
เช็คข้อมูลเที่ยวเด็ดๆ ตามสาย Keikyu และการเดินทางไปกลับสนามบินฮาเนดะ ได้จาก : http://www.haneda-tokyo-access.com/en/
Supported by Keikyu Corporation International Tourism
The writer visited these facilities on 28-29 January 2021.
สาวไทยในโตเกียว ลัลล้ากับการทำงาน ว่างๆ ก็แว่บไปเที่ยวและชิมของอร่อย สนใจวัฒนธรรมญี่ปุ่น รวมไปถึง Pop culture~♥
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง