พาเที่ยววัดเซ็นโซจิ อาซากุสะ แบบทุกซอกทุกมุม (Asakusa, Tokyo)

วัดเซ็นโซจิ? วัดอาซากุสะ?

วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple) วัดที่มีประตูและโคมแดงขนาดยักษ์โดดเด่น เป็นจุดถ่ายรูปห้ามพลาดของคนที่มาเที่ยวย่านอาซากุสะของโตเกียว คนเลยเรียกกันจนติดปากว่าวัดอาซากุสะ แถมตัวอักษรคันจิของชื่อวัดก็เป็นตัวเดียวกันกับชื่อย่านอาซากุสะแต่อ่านออกเสียงต่างกัน จะมีคนเข้าใจผิดก็คงไม่แปลกค่ะ

ด้วยความกว้างขวางของที่นี่ ทำให้คนที่มาหลายคนเที่ยวที่นี่ได้ไม่ครบทุกซอกทุกมุม วันนี้เลยจะขอมาแนะนำเส้นทางการเดินชมวัดเซ็นโซจิแบบเน้นๆ กันเลย สำหรับคนที่อยากจะเก็บทุกกระเบียดนิ้วของวัดเซ็นโซจิโดยเฉพาะค่ะ

การเดินทางมาวัดเซนโซจิ

สถานีที่อยู่ใกล้ที่สุดคือสถานีอาซากุสะ (Asakusa) ของรถไฟใต้ดินสายกินซ่า (Ginza) และสายโทบุ (Tobu Sky tree) ออกมาแล้วเดิน 5 นาที
นอกจากนี้ยังมีสถานีที่อยู่ห่างออกไปอีกหน่อยคือ สถานีอาซากุสะ (Asakusa) ของรถไฟใต้ดินสายโทเออาซากุสะ (Toei-Asakusa) และสายซึคุบะเอ็กส์เพรส (Tsukuba Express) ซึ่งจะใช้เวลาเดินประมาณ 8-10 นาที

คามินาริมง

คามินาริมง (Kaminarimon Gate) โคมไฟที่หนักถึง 700 kg สีแดงเด่นสะดุดตา เป็นสัญลักษณ์ที่ใครเห็นก็ต้องนึกถึงอาซากุสะทันที เป็นจุดเช็คอินที่ใครมาก็ต้องมาถ่ายรูปตรงนี้ก่อน

ทุกคนรู้ไหมว่าโคมไฟยักษ์ใหญ่นี้มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้า Panasonic ด้วยนะคะ

นากะมิเสะ

นากะมิเสะโดริที่จะได้เห็นชัด ๆ เมื่อลอดผ่านคามินาริมงมาแล้วเป็นหนึ่งในย่านร้านค้าที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น

ในรูปนี้คือคิบิดังโกะ จากร้านอัตสึมะ ร้านชื่อดังของนากะมิเสะ ที่นี่มีร้านค้าแผงลอยกว่า 90 ร้าน เพื่อนๆ จะได้ทั้งหาของทานเล่นที่อาจจะหาทานได้แค่ที่อาซากุสะ และได้ทั้งช็อปปิ้งเลยค่ะ

โฮโซมง

สิ่งที่รอต้อนรับเพื่อน ๆ ที่หาอะไรรองท้องจากนากะมิเสะโดริเรียบร้อยแล้วก็คือ โฮโซมง ด้านบนของประตูนี้จะมีอุปกรณ์สำหรับใช้ในยามเกิดภัยพิบัติเก็บไว้ ซึ่งเป็นข้าวของที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมมากมาย และยังมี 「วาระจิ」รองเท้าทำจากฟางใหญ่ยักษ์ที่มีน้ำหนัก 2500kg ที่เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ปัดเป่าภัยร้ายโดยเทพเจ้านิโอ

โอมิคุจิ

หลังจากลอดผ่านโฮโซมงมาแล้ว เรามาเสี่ยงทายดวงชะตาด้วย「โอมิคุจิ」กันเถอะ！

โอมิคุจิที่วัดเซ็นโซจิที่เลื่องลือว่ามีคำนาย「เคียว (โชคไม่ดี)」อยู่มาก แบบนี้ยิ่งต้องลองดูกันแล้วว่าเพื่อน ๆ จะโชคดีกันสักขนาดไหน？

โอะซุยฉะ

「โอะซุยฉะ」เป็นที่ที่จะชำระร่างกายก่อนเข้าไปสักการะ มีวิธีหลากหลายวิธีไม่ว่าจะเป็นการใช้นำที่ไหลออกมาจากปากมังกรเพื่อล้างมือ หรือบ้วนน้ำ รูปปั้นหินที่ถูกประดับอยู่กลางโอะซุยฉะนี้คือ 「ริวชินโซ」ที่ดูแลน้ำในบ่อชำระนี้

โจโคโระ

ที่หน้าแหล่งสักการะ จะมีโจโคโระ (กระถางธูปขนาดใหญ่) ที่มีผู้คนมากมายมาอาบ「ควันธูป」ที่นี่ เป็นความเชื่อจากเรื่องเล่าต่อกันมาตั้งแต่โบราณกาลว่า「ควันธูปจะช่วยรักษาสิ่งที่ไม่ดีในร่างกายออกไป」

ที่สักการะของวัดเซ็นโซจิ

พอมาถึงที่สักการะ (ฮนโด) ให้เพื่อน ๆ หยอดเหรียญทำบุญ แล้วไปสักการะขอพรจากพระคันนนที่ประทับอยู่ที่โกะคูเด็งซึ่งตั้งอยู่ด้านในสุด ว่ากันว่าที่วัดเซ็นโซจินี้ จะให้ดีควรพนมมือที่หน้าอกแล้วกล่าวว่า 「นันมุคันเสะองโบะซัตสึ」

โยโคโด

หลังจากลงบันไดที่สักการะฝั่งตะวันตกมาแล้ว ก็เดินต่อเพื่อไปรับ 「โกะชุอิน」ที่โยโคโดกัน

โกะชุอิน คือกระดาษาที่มีตราประทับชื่อวัดและวันที่ไปสักการะไว้ด้านบน ที่โยโคโดจะมีสแตมป์ประทับ 2 แบบ คือแบบที่มีเทพเจ้าคันนน และ 「ไดโคคุเต็ง」หนึ่งในเทพเจ้าแห่งความสุขทั้งเจ็ด สแตมป์ประทับที่เป็นหลักฐานบอกว่า「ไปสักการะมาแล้ว」ก็จะเป็นของที่ระลึกสำหรับทริปนี้อีกหนึ่งอัน

ยาคุชิโด

ยาคุชิโดที่อยู่ด้านหลังของโยโคโด ได้ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ 345 ปีที่แล้ว และเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดในวัดเซ็นโซจิ ที่นี่บูชาสักการะเทพเจ้า 3 องค์ได้แก่ ยาคุชิเนียวไร, จูนิชินโช และจูโอ

อาวะชิมะโด

อาวะชิมะโดที่ถ้าเดินลึกเข้าไปด้านในจากยาคุชิโดก็จะมองเห็น เป็นที่ที่บูชาสักการะเทพเจ้าอามิดะเนียวไรและอาวะชิมะเมียวจิน ทุก ๆ ปีในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ จะมีการจัดพิธี「ฮาริคุโย」ที่จะนำเอา「เข็ม」ที่ใช้จนหักแล้วมาทิ่มบนเต้าหู้และก้อนบุกเพื่อเป็นการทำบุญให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว

หอคอยชะเคียวคุโยโต ที่มี เจดีย์ 5 ชั้นเป็นฉากหลังนี้ ลองสังเกตุดูสิคะ ยอดด้านบนของทั้งคู่ถูกออกแบบมาเหมือนกันเลย

เซนิซึกะจิโซโด

เซนิซึกะจิโซโดที่มักจะมีผู้คนที่ต้องการขอพรให้ทำมาค้าขึ้นมาสักการะนี้ ตั้งอยู่ไม่ไกลนักจากทิศเหนือของอาวะชิมะโด ด้านใต้เจดีย์หินมีเงินสมัยเอโดะฝังไว้ ที่นี่จึงถูกเรียกว่า「เซนิซึกะ」(หลุมฝังเหรียญ)

ด้านนี้เป็นรูปปั้น「คังคังจิโซ」ซึ่งอยู่ทางขวาด้านหน้าเซนิซึกะโซโด ผู้สักการะที่มาเยียมชมที่นี่จะใช้หินเล็กๆที่วางอยู่ด้านข้างรูปปั้นเคาะรูปปั้นเบา ๆ ที่ในภาษาญี่ปุ่นจะได้ยินเป็นเสียง 「คังคัง」จึงเป็นที่มาของชื่อนี้นั่นเอง

บริเวณรอบ ๆ ภูเขาจำลองหลังที่สักการะวัดเซ็นโซจิ

เมื่อเดินผ่านเซนิซึกะโซโดมาแล้ว ให้เพื่อน ๆ เดินไปทางทิศตะวันตกก็จะเจอพื้นที่กว้างขวางที่เหมือนสวนสาธารณะนี้

ถ้าลองเดินไปรอบ ๆ สวนหย่อมน้อย ๆ นี้ เพื่อน ๆ จะได้เห็นรูปปั้นหินและรูปปั้นหลากหลายหน้าตามากมาย แถมยังสามารถนั่งพักผ่อนใต้ต้นไม้ที่ร่มรื่นได้ด้วย

นิเท็นมง

เดินประมาณ 10 นาทีจากลานกว้างหันหน้าไปทางที่สักการะ เพื่อน ๆ จะมองเห็นทางเข้าสวยสะดุดอยู่ทางด้านซ้าย 「นิเท็นมง」บูชาสักการะ 2 ใน 4 ผู้พิทักษ์รักษาพระพุทธ, จิโคคุเต็งและโซโจเต็ง นับว่าเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรม ที่สำคัญของญี่ปุ่น

ชินโบคุ ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์

จากนินเท็นมง ถ้ามองทางด้านขวาจะเห็น「ต้นแปะก๊วย」ต้นใหญ่โดดเด่นอยู่หน้าป้อมตำรวจ ต้นนี้มีอายุถึง800 ปี ว่ากันว่าต้นแปะก๊วยนี้เป็นต้นไม้ที่ Minamono Yorimoto ปลูกขึ้นตอนที่มาสักการะที่วัดเซ็นโซจิ ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาตั้งแต่สมัยสงครามนี้เปรียบเสมือนพลังวิเศษจากธรรมชาติ

เบ็นเท็นโด

「เบ็นเท็นโด」ที่อยู่ข้างเบ็นเท็นยามะทางทิศตะวันออกเฉียงใต้จากที่สักการะเป็น 1 ใน 3 เบ็นเท็นที่ใหญ่ที่สุดในคันโต และมีการสักการะบูชา「โรโจะเบ็นไซเต็ง」เทพเจ้าองค์นี้เป็นเทพธิดาที่ได้รับการนับถือว่าเป็นเจ้าแห่งดนตรีและความมั่งคั่งในอินเดีย ที่ญี่ปุ่นก็ให้ความเคารพนับถือว่าเป็น 1 ใน 7 เทพเจ้าแห่งความสุข

ด้านข้างจะมีหอระฆังตั้งอยู่ ทุก ๆ เช้าเวลา 6 โมงเช้าและคืนข้ามปีจะได้ยินเสียงระฆังจากที่นี่ เสียงระฆังที่จะดังกังวานไปทั่วอาซากุสะนี้เป็นอะไรที่น่าไปลองฟังเหมือนกันนะคะ

ด้านหลังนากะมิเสะโดริ

ทางกลับไปสู่คามินาริมง เราแนะนำให้เดินผ่านด้านหลังนากะมิเสะโดริ คนจะแน่นน้อยกว่า และยังมีร้านขายของฝากแปลก ๆ และยังมีร้านของกินอยู่ด้วย

การได้มองนากะมิเสะโดริจากด้านหลังพลางกินไอศกรีมโคนหรือน้ำแข็งไสไปพลาง ช่วยให้ดับกระหายและรู้สึกผ่อนคลายระหว่างทางเดินกลับได้เช่นกัน

วัดเซนโซจิ

2-3-1 อาซากุสะ เขตไทโตะ โตเกียว 111-0032

Sensoji เป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,300 ปี คามินาริมงซึ่งมีโคมไฟสีแดงทำเครื่องหมายไว้ที่ทางเข้าวัด เรียกได้ว่าเป็นป้ายของวัดเซ็นโซ...