Start planning your trip
Unseen Ito - เที่ยวเมืองอิโต้แบบ 360 องศากับคาปิบาระผู้น่ารักและวิวฟูจิลับๆ ที่คนยังไม่ค่อยรู้จัก
ภูเขาไฟฟูจิคือแลนด์มาร์คยอดฮิตของประเทศญี่ปุ่นที่ใครๆ ก็ชื่นชอบ วันนี้เราเลยมาชวนทุกคนไปเที่ยวเมืองอิโต้(Ito)ในจ.ชิซึโอกะ(shizuoka) ด้วยกัน เพราะเมืองนี้ยังอันซีนมากสำหรับชาวไทยแต่มีดีมากมายที่อยากให้รู้จัก จุดเด่นของที่นี่คือ ทะเลและภูเขาอยู่ใกล้กันมาก เป็นวิวที่หาดูยากและสวยจับใจ ที่สำคัญ มีจุดชมว...
Unseen Ito - เที่ยวเมืองอิโต้แบบ 360 องศากับคาปิบาระผู้น่ารักและวิวฟูจิลับๆ ที่คนยังไม่ค่อยรู้จัก
ภูเขาไฟฟูจิคือแลนด์มาร์คยอดฮิตของประเทศญี่ปุ่นที่ใครๆ ก็ชื่นชอบ วันนี้เราเลยมาชวนทุกคนไปเที่ยวเมืองอิโต้(Ito)ในจ.ชิซึโอกะ(shizuoka) ด้วยกัน เพราะเมืองนี้ยังอันซีนมากสำหรับชาวไทยแต่มีดีมากมายที่อยากให้รู้จัก จุดเด่นของที่นี่คือ ทะเลและภูเขาอยู่ใกล้กันมาก เป็นวิวที่หาดูยากและสวยจับใจ ที่สำคัญ มีจุดชมวิวฟูจิมากมายหลากหลาย ถ้าเบื่อมุมยอดฮิตแล้วต้องแวะมาเจอพี่ฟูจิที่นี่นะ
เมืองอิโต้อยู่ห่างจากโตเกียวแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น นั่งรถไฟชินคันเซ็นจากสถานีโตเกียวมาลงที่สถานีอะตะมิ(Atami)แล้วเปลี่ยนรถไฟเป็นเจอาร์สายอิโต้ต่อเดียวก็ถึง เหมาะสำหรับเป็นที่เที่ยวแบบเช้าเย็นกลับจากโตเกียวมากๆ ส่วนการท่องเที่ยวชมธรรมชาติในเมืองนี้ใช้รถยนต์น่าจะสะดวกที่สุด
เดินออกจากสถานีแล้วข้ามถนนไปเช่ารถแล้วก็ออกเดินทางกันเลย
เซาธ์เทิร์นครอสรีสอร์ต Southern Cross Resort
เริ่มต้นทริปกันด้วยกิจกรรมที่ดีต่อกายและใจอย่างการตีกอล์ฟที่เซาธ์เทิร์นครอสรีสอร์ต (Southern Cross Resort) ที่นี่คือสนามกอล์ฟครบวงจร ครบทุกอย่างจริงๆ ทั้งสนามดีๆ แฟซิลิตี้ล้ำสมัย ร้านอาหารเลิศรส ออนเซ็นเพื่อความผ่อนคลาย รวมไปถึงที่พักสุดชิลท่ามกลางธรรมชาติ
ดเด่นของสนามกอล์ฟที่นี่คือการได้ชมธรรมชาติอันร่มรื่นไปด้วยระหว่างเล่น ที่สำคัญมองเห็นภูเขาไฟฟูจิด้วย! เป็นการออกรอบที่พิเศษสุดๆ แน่นอนว่าเราเลือกเล่นแบบ 9 หลุมหรือ 18 หลุมก็ได้ มีไม้และรองเท้าให้เช่า ไม่ต้องหอบมาจากไทย ความเก๋อีกอย่างคือรถกอล์ฟมีนาวิเกเตอร์ด้วยนะ
จบเกมแล้วขอแนะนำให้คลายความอ่อนล้าก่อนไปเที่ยวต่อด้วยการแช่ออนเซ็น แม้จะไม่ได้พักที่นี่ก็สามารถใช้บริการได้ ปกติต้องจ่ายค่าเข้าเพิ่มแต่ตอนนี้เขาให้ผู้ที่มาเล่นกอล์ฟแช่ฟรี ตัวเบาแล้วต้องเติมพลังด้วยอาหารอร่อยๆ ที่นี่มีของขึ้นชื่อประจำเมืองอิโต้ให้เลือกกินหลายอย่าง เช่น ซาชิมิและปลาคินเมะไดต้มซีอิ๊ว, โซบะกับเทมปุระ
มาที่นี่ที่เดียว ได้สัมผัสข้อดีของเมืองอิโต้ตั้งหลายอย่าง เรียกได้ว่าเปิดทริปได้อย่างสวยงาม
โอมุโระริดจ์วอล์ก มิโซระ (Omuro Ridge Walk Misora)・ คาเฟ่ 321 (Cafe 321)
อย่างที่เกริ่นไว้ หนึ่งในของดีเมืองอิโต้ที่เราชอบมาคือวิวภูเขาไฟฟูจิอันหลากหลายและวิวทะเลคู่เขาอันสดสวย Omuro Ridge Walk Misora และ Cafe 321 คือจุดชมวิวทั้งสองที่ดีเยี่ยม สวยทุกมุม แถมยังมีคาเฟ่กรุบกริบให้นั่งชิล
ทั้งโอมุโระริดจ์วอล์ก มิโซระและคาเฟ่ 321 เป็นส่วนหนึ่งของสวนโอมุโระซัง (Mt.Omuro Park) เมื่อนำรถมาจอดที่นี่เราจะได้พบกับสวนที่มองเห็นภูเขาไฟฟูจิตั้งตระหง่าน ด้านล่างเป็นสวนดอกซึซึจิซึ่งจะบานสีแดงสวยในฤดูใบไม้ผลิเพิ่มความสดใสให้วิว เดินมาอีกนิดจะเจอลิฟต์สำหรับพาเราขึ้นไปยังจุดชมวิวด้านบนซึ่งก็คือ Omuro Ridge Walk Misora และ Cafe 321 นั่งลิฟต์เพลินๆ ชมวิวและอากาศบริสุทธิ์ใช้เวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้น จะเดินขึ้นก็ได้นะ มี 2 เส้นทาง ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีถือว่าได้เสพความสดชื่นจากธรรมชาติอย่างเต็มที่
ขี้นมาถึงแล้วจะได้เจอกับทางเดินแผ่นไม้สวยๆ ความยาวประมาณ 166 เมตรให้เดินชมวิวแบบ 360 องศา เส้นทางที่ทอดตัวเป็นวงกลมนี้ทำให้เราชื่นชมความสวยงามของท้องฟ้าและทะเลได้อย่างเต็มที่สมชื่อมิโซระ(คำว่าทะเลและท้องฟ้ามารวมกันในภาษาญี่ปุ่น) ทางขวามือมีศาลเจ้าเล็กๆ ชื่อศาลเจ้าโอมุโระซึ่งช่วยปัดเป่าภัยร้ายต่างๆ แต่คนก็นิยมมาขอพรเรื่องความรัก เอาเป็นว่าไหนๆก็ขึ้นมาแล้วอย่าลืมแวะไหว้ท่านเทพเจ้าสักหน่อย
เราชอบมากที่เขาตั้งใจออกแบบคาเฟ่ 321ให้อาคารกลมกลืนไปกับธรรมชาติ แม้จะเป็นคาเฟ่เก๋ดีไซน์เท่แต่ไม่แย่งซีนความสวยงามของท้องถิ่นแถมยังออกแบบให้มีที่นั่งชื่นชมวิวหลายจุด เช่น โซฟาริมกระจก ลานนั่งชิลเอาท์ดอร์ ที่สำคัญมีทางเดินกระจกใสยื่นออกไปให้เราได้ใกล้ชิดธรรมชาติขึ้นไปอีก (และถ่ายรูปสวยมากๆ เลยล่ะ) คาเฟ่นี้มีเมนูให้เลือกหลากหลายและมีอาหารทานเล่นเบาๆ ด้วย เมนูซิกเนเจอร์ของร้านที่อยากแนะนำได้แก่ จิโซคาเฟลาเต้ (chiso cafe latte) ลาเต้เย็นใส่ช็อกโกแลตที่ทำเลียนแบบชั้นดินและมิโซระโยเกิร์ตแฟรปเป้ ( Misora yogurt frappe) ที่มีไซรัปสีฟ้าสร้างลวดลายที่ชวนให้นึกถึงท้องฟ้ากับน้ำทะเลวิวเด็ดของที่นี่นั่นเอง
จริงๆ แล้วที่นี่มีดีเทลเล็กๆ น้อยๆ มากมายที่ทำให้การพักผ่อนและการท่องเที่ยวของเราสนุกขึ้น ใครมีเวลาอยากชวนให้มานั่งเล่นพักผ่อนหัวใจ สูดอากาศดีๆ เติมพลังชีวิตที่นี่กันสักหน่อย
ภูเขาโอมุโระ (Mt.Omuro)
เมื่อกี้เดินเล่นชมวิวไปแล้ว ถ้าใครอิน เราขอชวนมาฟินแบบอัพเลเวลที่ภูเขาโอมุโระซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโอมุโระริดจ์วอล์ก มิโซระ ที่บอกว่าอัพเลเวลเพราะว่าแม้วิวจะคล้ายกันแต่ที่นี่อยู่สูงกว่าและทางเดินยาวกว่าไม่น้อยเชียวล่ะ
จุดเด่นของที่นี่คือรูปทรงของภูเขาที่มีความป้อมยอดทู่แต่สมส่วนดูสวยแปลกตากว่าภูเขาทั่วไป อดีตเคยเป็นภูเขาไฟมาก่อนแต่ดับไปแล้วกว่า 4,000 ปี ลิฟต์ของที่นี่ก็ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีเช่นกัน ก่อนที่จะแลนดิ้ง เขามีกล้องถ่ายรูปที่ระลึกให้เราบนลิฟต์ด้วยนะ เก๋มาก แนะนำเลยเพราะจะหาโอกาสถ่ายรูปบนลิฟต์ที่ฉากหลังเป็นวิวธรรมชาติสวยๆ แบบนี้ยากมากเลยล่ะ สนนราคา 1,200 เยน ถ่ายปั๊บภาพรอให้รับทันที
บนยอดอากาศดีมาก วิวสวยมาก ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ มีพืชพรรณกว่า 100 ชนิด สมแล้วที่เป็นส่วนหนึ่งของ Izu Peninsula Geopark และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ทางธรรมชาติที่สำคัญของประเทศ ถ้าเดินครบรอบวงจะใช้เวลาประมาณ 20 นาที ได้ชมทั้งวิวเขาและทะเลสลับกันไป มีแผ่นป้ายให้ข้อมูลต่างๆ เป็นระยะ เป็นการใช้เวลาท่ามกลางธรรมชาติที่ผ่อนคลายมากๆ แม้บนนี้จะไม่มีคาเฟ่แต่ก็มีศาลเจ้า ร้านขายของฝากเล็กๆ และกิจกรรมยิงธนูให้ลองเล่น ใครอยากซื้อของจริงจัง ด้านล่างมีร้านค้า ร้านอาหารรอให้บริการ
อ้อ แถวนี้มีดงต้นซากุระกว่า 3,000 ต้นด้วยนะ เรียกได้ว่ามาฤดูไหนก็เพลิดเพลินสุดๆ เลย
สวนสัตว์อิซึชาโบเต็น (Izu Shaboten Zoo)
ต่อจากวิวสวยๆ มาชมความน่ารักของสัตว์โลกดีกว่า สวนสัตว์อิซึชาโบเต็น (Izu Shaboten Zoo) อยู่ใกล้กับภูเขาโอมุโระมาก มองเห็นจากยอดเขา เดินไปก็ได้ สวนสัตว์นี้แจ่มมาก เห็นทั้งภูเขาไฟฟูจิและภูเขาโอมุโระเลย
สวนสัตว์อิซึชาโบเต็นกว้างขวางมาก มีสัตว์น้อยใหญ่มากมายกว่า 140 ชนิด ถ้าจะเดินชมให้ทั่วจริงๆ น่าจะต้องใช้เวลาสัก 2 ชั่วโมง ตัวท็อปติดดาวที่ใครๆ ก็ปลื้มได้แก่ คาปิบาระ, แพนด้าแดง และเหล่าต้นกระบองเพชรทั้ง 1500 สายพันธุ์!
ขอเล่าถึงคาปิบาระผู้น่ารักก่อนเลย เมื่อเราเข้าไปในโซนบ้านน้องๆ เราจะได้พบกับเหล่าคาปิบาระเดินเล่น นั่งๆ นอนๆ รอต้อนรับ น้องๆ เป็นมิตรมาก ยอมให้จับได้ด้วย ยิ่งใครซื้อขนมเลี้ยง ยิ่งได้รับความรักเป็นพิเศษ ส่วนไฮไลต์หลักคือน้องๆ คาปิบาระแช่ออนเซ็นที่ชมได้เฉพาะช่วงเดือนพ.ย. - เม.ย. ช่วงธ.ค. มีแช่ยูซึด้วย น่ารักมากขึ้นไปอีก (อย่าลืมเช็ควันที่และเวลาในเว็บไซต์อีกที) ใครรักหลงน้องมูฟออนไม่ได้ อย่าลืมแวะไปซื้อสินค้าน้องๆ ในร้านกิฟต์ช็อปนะ
เดินไปเดินมา ดูดีๆ อาจจะมีเพื่อนสัตว์มาเดินข้างๆ เช่น นกยูงหรือน้องลิงจิ๋ว ใครอยากชมสวนทั้งหมดแบบไม่ต้องเดินเขามีทัวร์เรือนั่งชิลด้วย บรรยากาศดีมากๆ แถมได้ใกล้ชิดกับสัตว์บางประเภทอีกต่างหาก และเมื่อเล่นกับน้องๆ จนเหนื่อยและหิวก็ไม่ต้องกังวล ที่นี่มีร้านอาหารให้เลือกมากมาย เราขอแนะนำ Mori no dobutsu restuarant -Gibbontei- ซึ่งเพิ่งตกแต่งใหม่ สดใสสว่างและมีน้องๆ มานั่งข้างๆ เป็นเพื่อนกินข้าวด้วย! ทั้งน่ารักและใช้แทนการกำหนดพื้นที่ social distance เมนูเด็ดของที่นี่คือ เบอร์เกอร์คาปิบาระที่น่ารักจนกินไม่ลง เครื่องดื่มเป็นระบบดริงค์บาร์แบบบริการตัวเองแต่เติมได้ไม่อั้น อิ่มท้องอิ่มใจ สดใสสุดๆ
โทไคคัง (Tokaikan)
กลับเข้ามาในตัวเมือง แวะไปที่โทไคคังกันก่อนเลย ที่นี่เป็นอาคารไม้เก่าแก่อายุเกือบ 100 ปีที่สวยวิจิตร เต็มไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ที่สำคัญมีออนเซ็นให้แช่ด้วยล่ะ!
โทไคคังถูกสร้างขึ้นในปี 1928 โดยยาสึทาโร่ อินาบะ (Yasutaro Inaba) เป็นอาคารไม้ 3 ชั้นที่โอ่อ่าสวยเก๋เพราะได้รับการตกแต่งใหม่และขยายพื้นที่หลังจากรถไฟสายอิโต้เริ่มเปิดให้ใช้บริการซึ่งส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวแบบหมู่คณะเข้ามาท่องเที่ยวในย่านนี้มากขึ้น ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของเมืองและเปิดให้เข้าชมและแช่ออนเซ็นได้ด้วย (ออนเซ็นเปิดให้ใช้บริการเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์) สำหรับคนที่มาครั้งแรก เราแนะนำให้เดินชมอาคารและนิทรรศการตามห้องต่างๆ ก่อนไปแช่น้ำ ทั้งชั้น 1 และชั้น 2 มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับโทไคคังมากมาย รวมไปถึงข้อมูลเกี่ยวกับเรียวกังอื่นๆ ในสมัยก่อนและข้อมูลเกี่ยวกับรถไฟสายอิโต้ นอกจากนี้ยังมีงานศิลปะจัดแสดงให้ชม บางห้องเปิดให้นั่งทำงาน work from home ด้วย เก๋มากๆ ชั้นบนสุดก็ดีงาม เราสามารถชมวิวเมืองได้อย่างสงบ
คนที่ไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นไม่ต้องเป็นกังวล แค่มาเดินชมอาคารไม้สวยๆ เสื่อทาทามิและบรรยากาศแบบญี่ปุ่นริมแม่น้ำก็เพลิดเพลินแน่นอน ที่สำคัญ เขามีคาเฟ่ด้วยนะ แน่นอนว่าสไตล์ญี่ปุ่น มีมัทชะ กาแฟและขนมญี่ปุ่นอื่นๆ ด้วย
อิโต้มารีนทาว์น (Ito Marine Town)
ปิดท้ายทริปวันนี้ด้วยจุดพักรถ พักผ่อน พักกินและพักช็อปใกล้สถานีรถไฟอย่างอิโต้มารีนทาว์น (Ito Marine Town) ที่นี่โดดเด่นด้วยอาคารสีพาสเทลสวยสดใสรับกับวิวริมทะเลและช่วยสร้างบรรยากาศพิเศษที่ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ต่างประเทศ ภายในอาคารมีร้านค้ามากมาย ทั้งร้านขายของฝาก ร้านอาหาร คาเฟ่ ออนเซ็นที่มองเห็นทะเลและวิวพระอาทิตย์ขึ้น ด้านนอกมีลานให้เดินอ้อยอิ่งชมวิวและอะชิยุ(ashi-yu) ออนเซ็นสำหรับแช่เท้า
ของฝากมีหลายประเภทมากๆ เรียกได้ว่ารวมของดีในท้องถิ่นไว้ครบถ้วน ถ้าจะให้แนะนำ ผลิตภันฑ์จากส้มก็น่าจะดี เพราะส้มเป็นผลไม้ขึ้นชื่อของเมืองอิโต้ เราลองชิมน้ำส้มคั้น(540เยน) อร่อยสดชื่นมากๆ สำหรับอาหารและของหวาน มาเมืองริมทะเลต้องกินซีฟู้ดสิ ขอแนะนำข้าวหน้าปลาดิบจากร้านอิซึโคเก็งเบียร์ (Izu Kogen Beer) เมนูเด็ดยอดนิยมคือแซลมอน ทูน่าและปลาหมึกสดรวมตัวกันกองเบ้อเริ่มบนข้าว (2,500เยน) สดหวานอร่อนมาก ส่วนของหวานขอแนะนำพุดดิ้งคาราเมล(440เยน)จากร้านชื่อย้าวยาว Umi o minagara taberuto shiawaseninaru aisu izu kogen purin (ร้านข้างๆ อิซึโคเก็งเบียร์) พุดดิ้งเนื้อเนียนมาก ยิ่งราดคาราเมลหอมๆ ติดขมนิดๆ ลงไปคือดีงามมากจริงๆ
ข้อดีอีกอย่างของที่นี่คือร้านอาหารและคาเฟ่มีที่นั่งเอาท์ดอร์ด้วย เราสามารถนั่งกินข้าวกินขนมเพลินๆ พลางมองฟ้าและทะเล เพิ่มความอร่อยให้อาหารได้ดีเชียวล่ะ
วันหยุด ไม่มี
สรุปเส้นทางการท่องเที่ยว
สถานี JR ITO ー Southern Cross Resort ー Omuro Ridge Walk Misora Cafe 321 ー Mt.Omuro ー Izu Shaboten Zoo ー Tokaikan ー Ito Marine Town ー สถานี JR ITO
สรุปค่าใช้จ่าย
ค่าเดินทาง 4,400 เยน (ค่ารถไฟชินคันเซ็นและค่ารถไฟอื่นๆเที่ยว)
ค่าตีกอล์ฟแบบ9 หลุม 9,000 เยน
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ 6,200 เยน (ค่าอาหารกลางวัน ค่าลิฟต์ขึ้นลงเขา ค่าเข้า Izu Shaboten Zoo ค่าเข้า+แช่ออนเซ็น Tokaikan)
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ แล้วแต่บุคคล
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง