[ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมญี่ปุ่นอันงดงามที่ยังไม่มีใครรู้จัก] 8 จุด "Kibi Romance"จังหวัดโอคายาม่า ที่คัดสรรมาอย่างดี!

• สารบัญ
• [ศาลเจ้าคิบิสึฮิโกะ] จุดพลังที่ได้รับการบูชาในฐานะภูเขาที่เหล่าเทพเจ้าเสด็จลงมา
• [ศาลเจ้าคิบิตสึ] ศาลเจ้าที่เชื่อมโยงกับตำนานโมโมทาโร่ ทางเดินยาว 360 เมตรอันงดงาม ห้ามพลาด!
• [โซซัน โคฟุน] หนึ่งในโคฟุนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีอายุย้อนไปถึงต้นศตวรรษที่ 5 (ค.ศ. 401-500)
• [โคคุบุนจิ ] วิวทิวทัศน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของย่านคิบิจิ! เป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยม
• [จินยะมาจิ อาชิโมริ] เมืองจินยะมาจิของตระกูลคิโนชิตะ ซึ่งผู้ก่อตั้งคือพี่ชายของเนเนะ ภรรยาของโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ และดินแดนมีทรัพย์สินมูลค่า 25,000 โคกุ
• [วัดริวเซ็นจิ (บ่อน้ำริวโอ)] ประตูโทริอิสีแดงสดและใบไม้เปลี่ยนสีที่โดดเด่นในบ่อน้ำนั้นงดงามมาก
• [โมกามิ อินาริ ] สถานที่สักการะที่มีชื่อเสียงของทั้งเทพเจ้าแห่งการแยกทางและการค้นพบความรัก
• [ อุทยานซากปราสาท ทาคามัตสึ] ซาก ทาคามัตสึ ซึ่งเป็นสนามรบหลักในการล้อมโจมตีทางน้ำ

[ศาลเจ้าคิบิสึฮิโกะ] จุดพลังที่ได้รับการบูชาในฐานะภูเขาที่เหล่าเทพเจ้าเสด็จลงมา

ศาลเจ้าแห่งนี้ประดิษฐาน “คิบิสึฮิโกะ โนะ มิโคโตะ” ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของโมโมทาโร่ สถาปัตยกรรมศาลเจ้าแบบดั้งเดิมและต้นไม้สีเขียวขจีสร้างภูมิทัศน์อันงดงามและเคร่งขรึม ศาลเจ้าหลักได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของจังหวัด นากายามะ โนะ นากายามะ ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่สมัยโบราณ เชื่อกันว่าเป็นสถานที่ที่เหล่าทวยเทพเสด็จลงมา และเป็นที่รู้จักในฐานะจุดพลัง ในวันครีษมายัน ดวง อาซาฮี จะขึ้นตรงหน้าประตูโทริอิพอดี จึงเป็นที่รู้จักในชื่อ “อาซาฮิ โนะ มิยะ” (พระราชวังแห่ง อาซาฮี)

นอกจากนี้ ยังมีศาลเจ้าอินาริซึ่งมีประตูโทริอิสีแดงสะดุดตา โดยผู้บูชาจำนวนมากต่างมาสักการะในฐานะเทพเจ้าแห่งการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์ ธุรกิจที่เจริญรุ่งเรือง และความเจริญรุ่งเรืองในทุกด้านของชีวิต

การเดินทาง: เดิน 5 นาทีจากสถานี JR บิเซ็น อิชิโนะมิยะ

ศาลเจ้าคิบิสึฮิโกะ

1043 อิจิโนะมิยะ, คิตะ-คุ, เมืองโอคายามะ, จังหวัดโอคายามะ 701-1211

ศาลเจ้าอันทรงเกียรติอย่างสูงที่สร้างขึ้นเป็นสาขาหนึ่งของศาลเจ้าคิบิตสึ Kibitsuhiko no Mikoto ซึ่งเป็นต้นแบบของ Momotaro ประดิษฐานอยู่ที่นี่ การผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมศาลเจ้าแบบดั้งเดิมและต้นไม้สีเขียวเข้มทำให้เกิดบรรยากาศที่สง่างามและวิจิตรงดงาม ศาลเจ้าหลักถูกกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญโดยจังหวัด คิบิ นากายามะ ซึ่งได้รับการบูชาในฐานะภูเขาของเทพเจ้ามาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นที่รู้จักในฐานะจุดเสริมพลังและสถานที่ที่เหล่าเทพเจ้าลงมา เรียกอีกอย่างว่า "มายาแห่งอาซาฮี" เพราะพระอาทิตย์ยามเช้าจะขึ้นหน้าประตูโทริอิในวันที่ครีษมายัน คุณสามารถชมโคมไฟหินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

[ศาลเจ้าคิบิตสึ] ศาลเจ้าที่เชื่อมโยงกับตำนานโมโมทาโร่ ทางเดินยาว 360 เมตรอันงดงาม ห้ามพลาด!

ยังคงมีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับคิบิตสึฮิโกะ โนะ มิโคโตะ และอุระ ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นแรงบันดาลใจของตำนานโมโมทาโร่ (ผู้ปราบปีศาจ) คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของตำนานนี้ ซึ่งรวมถึงหินยาโอกิอิวะ ที่เชื่อกันว่ามีลูกศรที่ใช้ปราบปีศาจวางไว้ และอาคารโอคามาเดน ที่เชื่อกันว่าฝังศีรษะของปีศาจไว้ ส่วน "นารุคามะ ชินจิ" ซึ่งทำนายดวงชะตาด้วยเสียงหม้อต้มน้ำดังกังวาน เป็นที่รักใคร่ของผู้คนมากมาย วิหารหลักและวิหารบูชาซึ่งสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1425 เป็นสถาปัตยกรรมแบบคิบิตสึซึคุริ (ฮิโยคุ-อิริโมยะ-ซึคุริ) เพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่น และได้รับการประกาศให้เป็นสมบัติของชาติ

ทางเดินยาว 360 เมตรอันงดงามที่ทอดยาวต่อจากอาคารหลักเป็นสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ที่ควรค่าแก่การชม อาคารทั้งหกหลัง ได้แก่ วาตาริเด็น (สะพาน), สึริเด็น (หอประชุมประมง), ไซมงเด็น (หอเขียนพิธีกรรม), คอนโร (ทางเดินชายคา), ไฮเด็น (หอสักการะ) และชินเซ็น (หอถวายเครื่องสักการะ) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของจังหวัด

การเดินทาง: เดิน 15 นาทีจากสถานี JR Kibitsu

ศาลเจ้าคิบิสึ

701-1341 931 คิบิตสึ เขตคิตะ เมืองโอคายามะ จังหวัดโอคายาม่า

มีตำนานเกี่ยวกับ Kibitsuhiko no Mikoto และ Ura ซึ่งว่ากันว่าเป็นต้นกำเนิดของตำนาน Momotaro (การสังหารปีศาจ) คุณสามารถสัมผัสประสบการณ์สถานที่ในตำนานได้ เช่น หินยางิ ซึ่งว่ากันว่ามีการวางลูกศรเพื่อสังหารปีศาจ และโอคามะเด็น ซึ่งว่ากันว่าหัวของปีศาจถูกฝังอยู่ พิธีกรรมนารุคามะชินโตซึ่งทำนายโชคลาภด้วยเสียงกาน้ำ เป็นสิ่งที่หลายคนคุ้นเคย ศาลเจ้าหลักและห้องสักการะซึ่งสร้างขึ้นใหม่ในปี 1425 เป็นแห่งเดียวในญี่ปุ่นที่ใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมคิบิตสึ-ซูคุริ (ฮิโยกุอิริโมยะ-ซูคุริ, ฮิโยกุ อิริโมยะ-ซูคุริ) และถูกกำหนดให้เป็นสมบัติประจำชาติ นอกจากนี้ ทางเดินที่สวยงามยาว 360 เมตรที่ทอดยาวจากศาลเจ้าหลักยังเป็นอาคารเก่าแก่ที่ควรค่าแก่การชม

[โซซัน โคฟุน] หนึ่งในโคฟุนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีอายุย้อนไปถึงต้นศตวรรษที่ 5 (ค.ศ. 401-500)

เป็นหนึ่งในสุสานรูปรูกุญแจที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นในช่วงต้นศตวรรษที่ 5 (ค.ศ. 401-500) สุสานแห่งนี้แสดงให้เห็นว่าคิบิเป็นภูมิภาคที่ทรงพลังและสามารถสร้างสุสานขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ สุสานแห่งนี้มีความยาวประมาณ 350 เมตร มีเส้นผ่านศูนย์กลางของเนินดินทรงกลม 224 เมตร และสูง 27-32.5 เมตร สร้างขึ้นเป็นสามชั้น บนเนินดินทรงกลมมีฮานิวะแบบเป็นรูปธรรม และยังมีหินมุงหลังคาและฮานิวะทรงกระบอกเรียงเป็นแถวจำนวนมากบนเนินดินแต่ละชั้น นอกจากนี้ยังมีสุสานรองอีก 6 แห่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของโซซันโคฟุน รวมถึงซากากิยามะโคฟุน ซึ่งมีการขุดพบตะขอเกี่ยวเข็มขัดรูปม้า และเซนาชิโคฟุน ซึ่งมีกำแพงหินแกะสลักเป็นรูปโค้งตรง (สุสานหมายเลข 1, 2, 3, 4, 5 และ 6)

นอกจากนี้ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว Zozan Kofun ที่อยู่ติดกันยังมีข้อมูลนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับ Zozan Kofun ซึ่งเป็นสุสานรูปรูกุญแจที่สร้างขึ้นในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 5 ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 4 ของญี่ปุ่น รวมไปถึงแหล่งมรดกของญี่ปุ่น "โอกายามะ บ้านเกิดของตำนานโมโมทาโร่ เรื่องเล่าการสังหารปีศาจ นำเสนอโดยมรดกแห่งคิบิโบราณ" ซึ่งสุสานแห่งนี้เป็นหนึ่งในทรัพย์สินทางวัฒนธรรม

การเดินทาง: ประมาณ 6 นาทีโดยรถแท็กซี่จากสถานี JR ทาคามัตสึ

[โคคุบุนจิ ] วิวทิวทัศน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของย่านคิบิจิ! เป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยม

วัดแห่งนี้เป็นหนึ่งใน โคคุบุนจิ ที่สร้างขึ้นทั่วประเทศตามคำร้องขอของจักรพรรดิโชมุในสมัย นารา สร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องประเทศจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและความอดอยากด้วยความช่วยเหลือจากพระพุทธศาสนา อาคารที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบันได้รับการสร้างขึ้นใหม่ในสมัยเอโดะ ภายในบริเวณวัดมีเจดีย์ห้าชั้น สูงประมาณ 34 เมตร ซึ่งมีชื่อเสียงในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นตัวแทนของภูมิภาคคิบิจิ เจดีย์ห้าชั้นแห่งนี้เป็นเจดีย์ห้าชั้นเพียงแห่งเดียว จังหวัดโอคายาม่า และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญ

กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะจุดปั่นจักรยาน และเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมในการถ่ายภาพเจดีย์ห้าชั้นที่ตั้งอยู่ท่ามกลางชนบท รวมถึง ดอกนาโนโฮานะ ดอกถั่วจีน และดอกทานตะวัน

นอกจากนี้ บ้านพักรับรองคิบิจิ (Kibiji Hospitality House) ซึ่งอยู่ติดกับลานจอดรถ หันหน้าเข้าหาเจดีย์ห้าชั้นของ โคคุบุนจิ ภายในบริเวณยังมีห้องโถงพร้อมแกลเลอรีที่เปลี่ยนทุกสัปดาห์ และยังมีมุมรับประทานอาหารและช้อปปิ้ง รวมถึงศาลาพักผ่อนที่คุณสามารถสัมผัสสายลมแห่งคิบิจิ นอกจากนี้ยังมีมุมขายของขึ้นชื่อประจำท้องถิ่นและผักที่เก็บจากต้นในเช้าวันนั้นอีกด้วย

การเดินทาง: ประมาณ 12 นาทีโดยรถแท็กซี่จากสถานี JR ทาคามัตสึ

วัดสาขาบิชู

1046 คันบายาชิ เมืองโซจะ จังหวัดโอคายามะ 719-1123

หนึ่งในวัดโคคุบุนจิที่สร้างขึ้นทั่วประเทศตามคำร้องขอของจักรพรรดิโชมุในสมัยนารา สร้างขึ้นเพื่อปกป้องประเทศจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและความอดอยากด้วยความช่วยเหลือของพุทธศาสนา อาคารที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบันได้รับการสร้างขึ้นใหม่ในช่วงสมัยเอโดะ เจดีย์ห้าชั้นที่มีความสูงประมาณ 34 เมตรตั้งตระหง่านอยู่ภายในบริเวณ และมีชื่อเสียงว่าเป็นหนึ่งในทิวทัศน์ที่เป็นตัวแทนของคิบิจิได้มากที่สุด เจดีย์ห้าชั้นเพียงแห่งเดียวในจังหวัดโอคายามะถูกกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ ที่นี่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในฐานะจุดปั่นจักรยาน โดยคุณสามารถถ่ายรูปเจดีย์ห้าชั้นที่สร้างขึ้นในชนบท ดอกเรป สาหร่ายคลอเรล และดอกทานตะวันได้

[จินยะมาจิ อาชิโมริ] เมืองจินยะมาจิของตระกูลคิโนชิตะ ซึ่งผู้ก่อตั้งคือพี่ชายของเนเนะ ภรรยาของโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ และดินแดนมีทรัพย์สินมูลค่า 25,000 โคกุ

ตระกูลคิโนชิตะ ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากพี่ชายของเนเนะ ภรรยาของโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ได้รับเงินสนับสนุนจำนวน 25,000 โคกุในจินยะมาจิ เขตอนุรักษ์แห่งนี้เป็นพื้นที่ของชาวเมืองจินยะมาจิ หนึ่งในเอกลักษณ์ของอะชิโมริคือโครงตาข่ายที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี โครงตาข่ายที่งดงาม เช่น โครงตาข่ายเซ็มบง และโครงตาข่ายแบบพ่อแม่ลูก ได้ถูกติดตั้งไว้ ช่วยให้คุณได้ดื่มด่ำกับสุนทรียภาพแห่งสัดส่วนที่เกิดจากชีวิตประจำวัน เมืองนี้เรียงรายไปด้วยบ้านเรือนพ่อค้าที่มีหน้าจั่วราบเรียบและลึก ก่อให้เกิดทัศนียภาพอันเงียบสงบ

สวนคินซุยเอ็นในเขตอาชิโมริเคยเป็นสวนของตระกูลคิโนชิตะ อดีตขุนนางแห่งแคว้นอาชิโมริ และเป็นที่รู้จักในฐานะตัวอย่างอันงดงามของสวนสระน้ำสำหรับเดินเล่น ซึ่งว่ากันว่าออกแบบในสไตล์โคโบริ เอ็นชู บันทึกไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าสวนคินซุยเอ็นสร้างขึ้นเมื่อใด แต่คาดว่าสร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 ในรัชสมัยของคิโนชิตะ คินซาดะ ขุนนางลำดับที่ 6 และเป็นสวนไดเมียวที่อยู่ในระดับเดียวกับสวนโคราคุเอ็นใน โอคายาม่า และสวน สึยามะ เอ็นในสึยามะภายในจังหวัด ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสถานที่งดงามทางทัศนียภาพโดย จังหวัดโอคายาม่า เมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2502

นอกจากนี้ ที่ Ashimori Plaza ซึ่งตั้งอยู่ในบรรยากาศถนนที่ยังคงรักษาร่องรอยอันโดดเด่นของย่าน Jinya-machi ไว้ คุณยังสามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์ต่างๆ เช่น เครื่องปั้นดินเผาและงานไม้ ส่วน Rice Storehouse Gallery ที่อยู่ติดกันสามารถเช่าพื้นที่จัดแสดงผลงานหรือจัดมินิคอนเสิร์ตได้ อาคารนี้ยังมีมุมให้ข้อมูลการท่องเที่ยวตามเส้นทาง Kibiji และบริเวณโดยรอบ โอคายาม่า รวมถึงร้านอาหารที่คุณสามารถลิ้มลองวัตถุดิบท้องถิ่นได้

การเดินทาง: ประมาณ 10 นาทีโดยรถแท็กซี่จากสถานี JR Ashimori

อำเภออาชิโมริ

7011463 เขตคิตะ เมืองโอคายาม่า จังหวัดโอคายาม่า

จินยามาจิคือเมืองจินยะ ที่ซึ่งตระกูลคิโนชิตะซึ่งมีผู้ก่อตั้งคือพี่ชายของเนเน่ ภรรยาตามกฎหมายของโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ มีที่ดิน 25,000 โคคุ เขตอนุรักษ์สอดคล้องกับมาชินินโจภายในจินยะโจ ลักษณะเด่นของอาชิโมริก็คืองานขัดแตะได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างดี มีการติดตั้งโครงตาข่ายที่สวยงาม เช่น โครงตาข่ายเซ็นบอนและโครงตาข่ายคิริโกะ เพื่อให้คุณเพลิดเพลินกับสุนทรียภาพแห่งสัดส่วนที่สร้างขึ้นจากชีวิตประจำวัน มันเป็นเมืองที่เงียบสงบ เรียงรายไปด้วยบ้านส่วนตัวที่มีส่วนหน้ากว้างและระเบียงเรียบ

[วัดริวเซ็นจิ (บ่อน้ำริวโอ)] ประตูโทริอิสีแดงสดและใบไม้เปลี่ยนสีที่โดดเด่นในบ่อน้ำนั้นงดงามมาก

ว่ากันว่าศาลเจ้าแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในสมัยเท็นเปียวโชโฮ สมัย นารา โดยโฮนไดชิ ผู้ซึ่งฝึกฝนตนอยู่บนภูเขา ณ ที่แห่งนี้ สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อพื้นบ้านที่ซึ่งเทพเจ้าแห่งฝน เทพมังกร และราชามังกรทั้งแปด และเทพแห่งการเก็บเกี่ยว อินาริ และโมกามิ อินาริ โมกามิ เชื่อมโยงกัน

วัดแห่งนี้เคยเป็นนิกายเท็นได แต่เชื่อกันว่าได้เปลี่ยนมานับถือนิกายนิชิเรนภายใต้อิทธิพลของตระกูลฮานาบุสะ ขุนนางแห่ง ทาคามัตสึ ในบิทชูในสมัยเอโดะ เทศกาลโอตากิจัดขึ้นทุกปีในวันอาทิตย์ที่สี่ของเดือนกรกฎาคม ศาลเจ้าเคลื่อนที่สองแห่ง ซึ่งหามโดยผู้ศรัทธาชายประมาณ 60 คนในชุดคลุมสีขาว ถูกแห่อย่างกล้าหาญใต้น้ำตก ริวโอ สูง 6 เมตร ดึงดูดผู้มาสักการะจำนวนมาก

บริเวณนี้ยังรวมถึงบ่อน้ำ Ryuo ที่มีประตูโทริอิสีแดงสดใส และบ่อน้ำ Tombo และพื้นที่ชุ่มน้ำ Egret ที่คุณสามารถเดินเล่นเพลินๆ ขณะชมทิวทัศน์ธรรมชาติ

การเดินทาง: ประมาณ 15 นาทีโดยรถแท็กซี่จากสถานี JR Ashimori

[โมกามิ อินาริ ] สถานที่สักการะที่มีชื่อเสียงของทั้งเทพเจ้าแห่งการแยกทางและการค้นพบความรัก

ศาลเจ้าโมกามิอิ โมกามิ เป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในสามศาลเจ้าอินาริที่สำคัญของญี่ปุ่น มีชื่ออย่างเป็นทางการว่าวัดโมกามิอินาริยา โมกามิ จิ และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันทรงคุณค่าที่อนุญาตให้มีการผสมผสานระหว่างศาสนาชินโตและศาสนาพุทธ แม้จะเป็นวัด แต่ก็มีเสาโทริอิที่มักพบเห็นตามศาลเจ้าทั่วไป

ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่สักการะบูชายอดนิยมของจังหวัด ที่ผู้คนมาขอพรให้ครอบครัวปลอดภัย กิจการรุ่งเรือง โชคลาภ และอื่นๆ อีกมากมาย ศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อเสียงในฐานะศาลเจ้าที่หาได้ยากในญี่ปุ่น เป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าแห่งการตัดขาดและนำพาความสัมพันธ์ หากคุณได้สัมผัสประสบการณ์ "เรียวเอ็น ไมริ" (จัดขึ้นทุกวันที่ 7 ของเดือน) คุณอาจพบกับคู่แท้คนใหม่ที่ถูกใจ

การเดินทาง: นั่งแท็กซี่ประมาณ 5 นาทีจากสถานี JR ทาคามัตสึ

Saijo Inari [ศาลเจ้าและวัด]

712 ทาคามัตสึ อินาริ เขตคิตะ เมืองโอคายามะ จังหวัดโอคายามะ 701-1331

หนึ่ งในสามศาลเจ้ าอิ นาริ ที่ สง่ างามที่ สุ ดในญี่ ปุ่ นซึ่ งมี เสาโทริ อิ สู ง 27.5 ม.! ศาลเจ้า Saijo Inari อายุกว่า 1,200 ปี เป็นหนึ่งในสามศาลเจ้าอินาริที่สง่างามที่สุดในญี่ปุ่น มีลักษณะคล้ายวัดแต่มีเสาโทริอิขนาดใหญ่ (โอโทริอิ) เป็นที่สักการะทั้งเทพเจ้าและพระพุทธเจ้า เชื่อกันว่าศาลมีความศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนจึงมาขอพรให้ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ รวมทั้งด้านธุรกิจและความปลอดภัยของครอบครัว ในช่วงวันหยุดปีใหม่ ศาลแห่งนี้จึงมีผู้คนมาสักการะมากที่สุดในจังหวัด Okayama นอกจากนี้ ยังมี En no Massha shrine ซึ่งเป็นศาลเจ้าขนาดเล็กที่ผู้คนมาขอให้มีความรักที่ยั่งยืน และขอให้สิ่งไม่ดีออกไปจากชีวิต หลังจากอธิษฐานและเปิดประตูสู่ความสัมพันธ์ที่งดงาม นักท่องเที่ยวจะได้รับของที่ระลึกคู่ขวัญรูปหัวใจ

[ อุทยานซากปราสาท ทาคามัตสึ] ซาก ทาคามัตสึ ซึ่งเป็นสนามรบหลักในการล้อมโจมตีทางน้ำ

ปราสาท ทาคามัตสึ ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ริมถนน มัตสึยามะ ที่ทอดยาวจากจังหวัด บิเซ็น ไปยัง มัตสึยามะ และมีชื่อเสียงในฐานะซากปรักหักพังของปราสาทที่เคยเป็นสนามรบหลักในการปิดล้อมปราสาท ทาคามัตสึ ด้วยน้ำในปี 1582 ถนน Kibi ซึ่งรวมถึง ทาคามัตสึ ถือเป็นแหล่งสมบัติทางวัฒนธรรมและสถานที่ทางประวัติศาสตร์อันล้ำค่า และพิพิธภัณฑ์ยังจัดแสดงโบราณวัตถุและทรัพย์สินทางวัฒนธรรมมากมายที่ขุดพบจากพื้นที่ ทาคามัตสึ

นี่คือสถานที่ที่ฮาชิบะ ฮิเดโยชิ ได้ทำการปิดล้อมทางน้ำนานหนึ่งเดือน บริเวณซากปราสาทมีหลุมศพของ ชิมิสุ มุเนฮารุ หัวหน้าผู้ครองปราสาท ผู้ซึ่งทำเซ็ปปุกุเพื่อแลกกับชีวิตของทหาร และยังมีอนุสาวรีย์ที่สลักบทกวีแห่งความตายของเขาไว้ด้วย

การเดินทาง: นั่งแท็กซี่ประมาณ 5 นาทีจากสถานี JR ทาคามัตสึ

ซากปราสาทบิทชูทาคามัตสึ

701-1335 ทาคามัตสึ เขตคิตะ เมืองโอคายามะ จังหวัดโอคายาม่า

ในปีที่ 10 ของรัชกาลเทนโช (ค.ศ. 1582) ``การโจมตีทางน้ำที่ปราสาททาคามัตสึ'' เกิดขึ้นที่นี่ระหว่างกองทัพของฮิเดโยชิและกองทัพโมริ มีคันกั้นน้ำหลงเหลืออยู่ใกล้ๆ ปัจจุบันนี้ได้รับการดูแลให้เป็นสวนสาธารณะ และคุณสามารถเพลิดเพลินกับการเดินเล่นและหวนคิดถึงสมัยนั้นได้ ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมของทุกปี คุณจะเห็นดอกบัว ``ดอกบัวโซจิ'' บานสะพรั่งบนพื้นที่ประมาณ 4,000 ตารางเมตร ในคูน้ำกว้างใหญ่ขนาด 7,000 ตารางเมตรใจกลางสวนสาธารณะ

พิพิธภัณฑ์ซากปราสาทบิตจู ทาคามัตสึ

558-2 ทาคามัตสึ เขตคิตะ เมืองโอคายามะ จังหวัดโอคายามะ 701-1335

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณปราสาทบิตชูทาคามัตสึ ซึ่งเป็นสนามรบหลักของการรุกรานทางน้ำของโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ การต่อสู้ที่ปราสาททาคามัตสึมีชื่อเสียงไม่เพียงแต่ในด้านกลยุทธ์ที่เป็นเอกลักษณ์เท่านั้น แต่ยังเป็นการต่อสู้ที่นำไปสู่การสิ้นชีวิตของโอดะ โนบุนากะและการรวมชาติญี่ปุ่นของฮิเดโยชิ ปราสาทบิตชูทาคามัตสึตั้งอยู่ในตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ตามเส้นทางสัญจรมัตสึยามะจากจังหวัดบิเซ็นไปยังบิตจูมัตสึยามะ คิบิจิซึ่งรวมถึงทาคามัตสึด้วย เป็นขุมทรัพย์ของทรัพย์สินทางวัฒนธรรมและสถานที่ทางประวัติศาสตร์ และพิพิธภัณฑ์จัดแสดงสิ่งประดิษฐ์และทรัพย์สินทางวัฒนธรรมมากมายที่ขุดขึ้นมาจากพื้นที่ทาคามัตสึ

หากคุณต้องการเยี่ยมชม 8 จุดที่คัดสรรมาอย่างดีของ "Kibi Roman" จังหวัดโอคายาม่า"รถบัสเวียนฟรี Kibi Roman" จะสะดวกมาก

รถบัส Kibi Roman Free Circulation Bus (ให้บริการเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม ถึง 5 ตุลาคม 2568)

รถบัส Kibi Roman Free Circulation