Start planning your trip
เปิดทริปตามรอยการ์ตูน ณ Kanazawa - Nanto เมื่อโลกจินตนาการเชื่อมโยงกับโลกแห่งความเป็นจริง !
ทริปพิเศษสู่ธรรมชาติที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของท้องถิ่นญี่ปุ่น ที่ถูกขับเน้นแต่งแต้มสีสันจากจินตนาการในโลกอนิเมชั่น สู่โลกแห่งความเป็นจริง ณ ยูวากุออนเซ็นแห่งคานาซาวะ และ เมืองนันโตะแห่งโทยามะ กับอนิเมของ P.A.Works ทั้งเรื่อง Hanasaku Iroha และ Sakura Quest
ทุกท่านเคยสนุกกับการท่องเที่ยวตามรอยสถานที่ในภาพยนตร์ ละครซีรี่ส์ หรือการ์ตูนในดวงใจที่มีอยู่กันหรือเปล่า?
หลาย ๆ ครั้งสถานที่เหล่านั้นอาจเป็นต้นแบบให้กับผลงานที่เราชื่นชอบ และเชื่อหรือไม่ว่า ก็มีครั้งหนึ่งที่ผลงานการ์ตูนกลับกลายเป็นต้นแบบ และเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ขึ้นมาจริง ๆ ได้เหมือนกัน!
ทริป Anime Tourism ครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการร่วมมือกันระหว่าง JETRO หน่วยงานรัฐบาลของญี่ปุ่น และสตูดิโออนิเมชั่น P.A.Works หนึ่งในทีมสร้างอนิเมชั่นคุณภาพสูงของญี่ปุ่น ซึ่งมีที่ตั้งบริษัทอยู่ในจังหวัดโทยามะ (Toyama) พวกเขาได้พาพวกเราไปพบกับ “โลกใหม่” ที่พวกเขาสร้างและฟูมฟักมันขึ้นมาด้วยจุดมุ่งหมายของการนำ “จินตนาการ” ผสมเข้ากับ “ท้องถิ่นในโลกแห่งความเป็นจริง” ที่น่าทึ่งและเรียกได้ว่าเป็นการเดินทางโฉมใหม่ที่พวกเราไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนเลยทีเดียว
จากดินแดนที่อยู่ฟากบนของเกาะฮอนชู ทอดยาวตามชายฝั่งทะเลเคียงคู่ไปกับแนวเขาจากจังหวัดอิชิคาวะ (Ishikawa) ที่เมืองคานาซาวะ (Kanazawa) ตั้งอยู่ ไปจนถึงเมืองนันโตะ (Nanto) แห่งจังหวัดโทยามะ ที่แม้ว่าความเจริญของวิทยาการจะเข้าถึงเต็มที่สมกับความเป็นประเทศแถวหน้าของญี่ปุ่น แต่กลิ่นอายของธรรมชาติ และความเป็นท้องถิ่น
กลับอบอวลและเคียงคู่กับเมืองที่ทันสมัยได้อย่างมีเสน่ห์
เรื่องราวที่ดึงดูดให้เราได้สัมผัสกับรสชาติของญี่ปุ่น
Hanasaku Iroha © P.A.Works
มีเรื่องราวหนึ่งของสาวน้อยโอฮานะ ผู้ที่จำเป็นต้องย้ายภูมิลำเนาจากตัวเมืองมาอาศัยและทำงานในโรงแรมแบบเรียวกังญี่ปุ่นที่อยู่บนเนินเขาของผู้เป็นยาย ด้วยชีวิตที่พลิกผันเกินจะตั้งตัวได้ทัน โอฮานะจำเป็นต้องเรียนรู้การทำงานเป็นพนักงานในเรียวกัง พร้อมกับพิสูจน์ตัวเองท่ามกลางความเป็นอยู่ที่ไม่เหมือนเดิม แต่จะกลายเป็นบทเรียนครั้งสำคัญที่ทำให้เธอได้สัมผัสกับรสชาติใหม่ของชีวิต ที่สวยงามราวกับสีสันของดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน
นั่นคือเรื่องราวของอนิเมชั่นซีรี่ส์เรื่อง Hanasaku Iroha หรือในชื่อไทยว่า “สาวเรียวกังหัวใจเกินร้อย” ผลงานโดย P.A.Works ที่ฉายในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2011 ที่แม้ว่าโรงแรมเรียวกังภายในเรื่องจะเป็นสถานที่ ๆ สมมติขึ้นมา แต่สถานที่ตั้งของโรงแรม หรือแม้แต่องค์ประกอบภายในโรงแรม ก็มีต้นแบบมาจากโรงแรมเรียวกังที่มีอยู่จริงภายในเมืองคานาซาวะ ณ ย่านยูวากุออนเซ็นบนภูเขา และสถานที่ต่าง ๆ ภายในเรื่อง ก็เรียกได้ว่ายึดเอาเมืองคานาซาวะเป็นต้นแบบไปเลยทีเดียว
ในต้นทริปคานาซาวะนี้ พวกเราเริ่มต้น ณ “ยามาโตะ โคจิปาร์ค” (Yamato Soysauce-miso Co.,Ltd) จุดพักรถอันเป็นที่ตั้งของบริษัทผู้ผลิตสินค้าที่มาจากข้าว และเมล็ดพันธุ์ท้องถิ่นที่ก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ซอสโชยุ หรือซุปมิโสะที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร ซึ่งริเริ่มจากธุรกิจครอบครัวมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1911 จนถึงปัจจุบันนี้ บริษัทยามาโตะโชยุมิโสะได้มีสินค้าส่งออกในหลายประเทศ และในทริปนี้ เราก็จะได้มาลิ้มรสอาหารของพวกเขากันครับ
ใครที่เคยได้ติดตาม Hanasaku Iroha คงได้ผ่านตากับการเสิร์ฟอาหารชุดญี่ปุ่นที่เรียก “เทย์โชขุ” (Teishoku) ซึ่งอาหารชุดนั้นมีตั้งแต่แบบทั่วไปที่สามารถลิ้มลองได้ตามร้านอาหารส่วนใหญ่ ไปจนถึงอาหารชุดที่มาจากวัตถุดิบท้องถิ่นและมีกรรมวิธีการปรุงแบบเฉพาะทาง โดย ณ ที่ยามาโตะ โคจิปาร์ค เราก็ได้มีโอกาสลิ้มรสพื้นบ้านญี่ปุ่นสไตล์คานาซาวะ ผ่านอาหารชุด “คันนะสึกิ” (Kannazuki) ชุดนี้ครับ
โดยชุดคันนะสึกิ จะประกอบด้วยอาหาร 8 ชนิด ที่ถูกเสิร์ฟพร้อมกับข้าวเกนไม (Genmai) หรือข้าวกล้องและซุปมิโสะสูตรของยามาโตะโคจิปาร์ค โดยในอาหาร 8 ชนิดนี้ จะเน้นที่การใช้ส่วนผสมของโชยุหรือมิโสะสูตรยามาโตะโคจิปาร์คในการปรุง เช่น ปลาซัมมะย่างกับโชยุหวาน สเต็กเต้าหู้หมักมิโสะ หรือสลัดเห็ดนาเมะทาเกะผสมกับซอสโชยุพอนสึ รวมไปถึงปลาบุริย่างซอสโชยุสูตรพิเศษ ที่ทุก ๆ เมนูนั้นไม่มีอันไหนที่จะแย่งรสเด่นซึ่งกันและกัน แต่จะกลมกลืนละมุนละไมไปจนเรารับประทานจนหมดได้โดยไม่รู้ตัว
แน่นอนว่าไม่เพียงแต่อาหารชุด แต่ ณ ยามาโตะโคจิปาร์ค ยังมีขนมขึ้นชื่ออย่าง “ไอศกรีมโชยุ” ที่มีรสชาติเฉพาะตัวที่ต่างกับไอศกรีมธรรมดาอย่างมาก ถ้าได้มีโอกาสมาเยือน ก็แนะนำว่าต้องลองสักครั้งครับ
จากจินตนาการสู่เทศกาลศักดิ์สิทธิ์ในโลกแห่งความเป็นจริง
ในท้ายเรื่องราวของ Hanasaku Iroha สาวเรียวกังหัวใจเกินร้อยนั้น จะกล่าวถึงงานเทศกาล “บงโบริมัตสึริ” (Bonbori Matsuri) ที่จะมีการตกแต่งถนนบนเนินเขาด้วยโคมไฟจำนวนมาก และจะมีขบวนแห่บูชาเทพเจ้า ที่จะนำคำขอพรบนป้ายที่ผู้ร่วมงานเขียน ไปรวบรวมกันที่ริมทะเลสาบแล้วเผาเพื่อส่งคำขอพรนั้นถึงเทพเจ้าที่อยู่บนฟ้า
ซึ่งอันที่จริงมันเป็นเพียงเทศกาลที่ปรากฏอยู่ในฉากหนึ่งของอนิเมชั่นเท่านั้น
ทว่า ณ ยูวากุออนเซ็น ดินแดนแห่งโรงแรมบ่อน้ำร้อนบนภูเขาทางใต้ของเมืองคานาซาวะ อันเป็นต้นแบบของอนิเมชั่น Hanasaku Iroha นั้น ได้พยายามที่จะสานต่อความเชื่อจากอนิเมชั่นที่เป็นเพียงจินตนาการ ให้กลายเป็นเทศกาลอันศักดิ์สิทธิ์ในโลกแห่งความเป็นจริงได้สำเร็จ !
และนี่ก็คือที่มาของเทศกาลบงโบริแห่งยูวากุออนเซ็นที่ถูกจัดขึ้นในเดือนตุลาคม นับตั้งแต่วันที่อนิเมชั่น Hanasaku Iroha ฉายจบลง แล้วก็ได้ถูกจัดอย่างต่อเนื่องทุกปี มาจนถึงปีนี้ ซึ่งก็เป็นปีที่ 7 แล้วครับ
จากเมืองที่เคยเป็น “โรงแรมบ่อน้ำร้อนของซามูไร” ผู้เคยครองแคว้นแห่งนี้เมื่อหลายร้อยปีก่อน ในวันนี้ ได้กลายเป็นหนึ่งในเมืองที่เป็นศูนย์รวมของนักท่องเที่ยว ไม่เพียงแต่แฟนอนิเมชั่น Hanasaku Iroha เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงนักท่องเที่ยวทั่วไปที่แห่แหนมาชมความสวยงามของเทศกาลบงโบริ หรือพักผ่อนบรรยากาศของโรงแรมบ่อน้ำร้อนอันเงียบสงบและอากาศป่าเขาที่สดชื่น โดยเฉพาะในเทศกาลบงโบริปีนี้ ก็มีผู้เข้าร่วมงานถึง 15,000 คนเลยทีเดียว ซึ่งพวกเราก็รู้สึกอิ่มเอิบใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของงานครั้งนี้เช่นกันครับ
และนี่ก็คือหนึ่งในความมหัศจรรย์ของการใช้จินตนาการที่ไร้พรมแดน ที่รังสรรค์ให้เมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง มีสีสันเบ่งบานขึ้นเฉกเช่นเดียวกับชื่อเรื่อง Hanasaku Iroha (สีสันของดอกไม้ที่เบ่งบาน) นั่นเอง
ครัวแห่งเมืองคานาซาวะ
หลังจากที่เราได้ประทับใจกับเทศกาลบงโบริแล้วนั้น ในเช้าวันถัดมา พวกเราก็ได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียน “ตลาดโอมิโช” (Omicho) ตลาดใจกลางเมืองคานาซาวะที่มีอายุเก่าแก่กว่า 300 ปี ที่ซึ่งได้ถูกขนานนามว่าเป็น “ครัวแห่งเมืองคานาซาวะ” ที่จะมีทั้งวัตถุดิบอาหารสดเปิดวางขายทุกเช้า และจะเนืองแน่นไปด้วยผู้คนทั้งชาวเมืองและนักท่องเที่ยว
การจะเดินเข้าไปเที่ยวชมในตลาดแห่งนี้ แล้วกลับออกมามือเปล่าโดยที่ไม่ได้ลิ้มลองอะไรเลยนั้น นับเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่งครับ
ในโอกาสนี้เราจึงมีโอกาสได้ลิ้มลองรสชาติ “อาหารไคเซ็น” ซึ่งแปลตรงตัวได้ว่าเป็นอาหารสดจากทะเล โดยตลาดแห่งนี้ก็คล้ายคลึงกับตลาดปลาในหลาย ๆ แห่งทั่วญี่ปุ่น ที่ช่วงเช้าจะมีวัตถุดิบจากทะเลมาส่ง และก็จะมีร้านอาหารหลายแห่งที่คัดวัตถุชั้นดีมาปรุงอาหารให้ได้ลิ้มรสกันแบบสด ๆ นั่นเอง ซึ่งเป้าหมายครั้งนี้ก็คือร้าน “อิคิอิคิเทย์” (Iki Iki Tei) หนึ่งในร้านอาหารไคเซ็นที่มีหลายสาขาทั่วญี่ปุ่น และมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่ง
เมนูในครั้งนี้คือเมนูประจำร้านที่ใช้ชื่อว่า “อิคิอิคิเทย์ด้ง” ที่เปรียบเสมือนไฮไลท์หลักของทางร้านเลยครับ ซึ่งประกอบไปด้วยวัตถุดิบหลากชนิดในจานเดียว ไม่ว่าจะเป็นปลาโทโร ปลาบุริ กุ้งสด ปลาหมึก และอื่น ๆ อีกมากมายที่มีรสชาติเฉพาะตัวสูง เช่น ซุปมิโสะเนื้อปลาน้ำลึกที่มีผิวสัมผัสเหมือนเยลลี่ เป็นต้น
แน่นอนว่าร้านที่ได้รับความนิยมสูงเช่นนี้ มีคิวลูกค้าจำนวนไม่น้อยครับ ใครคิดจะลองก็แนะนำว่าเผื่อเวลาไว้สักหน่อยนะครับ อย่างทางเราไปถึงหน้าร้านประมาณ 7 โมงเช้า กว่าจะถึงคิวเราก็ 8 โมงกว่าเลยทีเดียวครับ (ซึ่งระหว่างรอนั้นสามารถแจ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ก่อนแล้วเดินเที่ยวชิมอาหารร้านอื่น ๆ ฆ่าเวลาได้ เพราะเมื่อถึงคิว ทางร้านก็จะโทรแจ้งเราเองครับ ค่อนข้างอำนวยความสะดวกได้มากเลย)
โรงแรมแนะนำใกล้ตลาดโอมิโจ
การรวมพลังเพื่อท้องถิ่นสู่การท่องเที่ยวโฉมใหม่
Sakura Quest © P.A.Works
ผลงานอนิเมชั่นอีกหนึ่งเรื่องโดยสตูดิโอ P.A.Works และเป็นผลงานชิ้นล่าสุด ที่ต้องขอบอกว่าแม้จะมีภาพรวมต่างกับ Hanasaku Iroha อย่างสิ้นเชิง แต่ทั้งสองผลงานนี้ มีกลิ่นอายที่ไม่ได้ต่างกันเสียทีเดียวครับ
มีหญิงสาวคนหนึ่งนามโยชิโนะ ที่สัมภาษณ์งานในโตเกียวไม่ผ่านมากว่า 30 ที่ แม้ว่าจะเป็นคนที่ชอบบรรยากาศในเมืองอันศิวิไลซ์เพียงใด แต่เพื่องานแล้ว เธอจึงจำเป็นต้องรับงานใน “ชนบท” ที่เธอเกลียดมันเหลือเกิน และงานที่เธอต้องรับมือคือการเป็น “ราชินี” ตำแหน่งงานสมมติที่เปรียบเสมือนทูตแห่งการท่องเที่ยว ที่จำเป็นต้องฟื้นฟูให้เมืองชนบทอย่าง “มาโนะยามะ” ที่ซบเซามานาน กลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวอีกครั้ง !
เรื่องราวของ Sakura Quest นั้นเพิ่งฉายจบไปในเดือนกันยายน 2017 ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าเป็นเรื่องราวของ “การทำงาน” และการ “พิสูจน์ตัวเอง” ของตัวเอกท่ามกลางสถานการณ์ที่พวกเธอไม่เคยพานพบมาก่อนเช่นเดียวกับ Hanasaku Iroha แต่สำหรับ Sakura Quest นั้น ไม่ได้อยู่แต่เพียงอาคารโรงแรมเรียวกังแห่งเดียว แต่มันคือภารกิจชิ้นใหญ่ระดับชุมชน !
ผลงานอนิเมชั่นเรื่องนี้ได้สะท้อนภาพความพยายามหลาย ๆ อย่างที่เมืองในชนบทญี่ปุ่นกำลังขาดอยู่ เช่น พลังที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยว หรือการสร้างเอกลักษณ์ที่โดดเด่นชวนจับตามอง โดยมาโนะยามะ ก็เป็นเมืองที่ถูกสมมติขึ้นเพื่อแทนภาพนั้น อย่างไรก็ตาม ตัวเมืองนี้ก็มีต้นแบบมาจากเมือง “นันโตะ” ภูมิภาคทางใต้ของจังหวัดโทยามะซึ่งติดกับจังหวัดกิฟุ และที่สำคัญคือยังเป็นที่ตั้งของสตูดิโอ P.A.Works เองอีกด้วย
และนี่คือภาพของอาคารคาเฟ่ที่อยู่ด้านข้างสตูดิโอ ซึ่งตกแต่งสไตล์คันทรี่อย่างเรียบง่ายแต่โอ่อ่า ซึ่งเราจะได้เข้าไปรับประทานอาหารรวมถึงเข้าร่วมงานแถลงข่าวถัดไป ณ ที่นี้ครับ
แต่จากที่กล่าวมา ก็เรียกได้เต็มปากว่า Sakura Quest นี้ คือโปรเจคนำเสนอพื้นที่รอบสตูดิโออย่างเต็มที่เลยครับ
โดยแอเรียร้านค้าและคาเฟ่ซึ่งเป็นจุดต้อนรับนักท่องเที่ยวท่ามกลางทิวทัศน์หุบเขาอันสวยงามที่เรียกว่า Nanto City Creator Plaza นี้ ก็ตั้งอยู่ด้านข้างสตูดิโอ P.A.Works นั่นเองครับ โดยที่นอกจากจะสามารถซื้อของที่ระลึก พักแรมในโรงแรมที่สวยงามเพื่อเที่ยวชมธรรมชาติในเมืองนี้ แฟน ๆ อนิเมชั่น Sakura Quest ก็ยังสามารถมาลิ้มรสเมนูพิเศษที่คาเฟ่ TRiAN ได้อีกด้วย ก็เรียกได้ว่าพื้นที่นี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางสำหรับการมาเยือนเมืองนี้ ที่แม้จะขึ้นชื่อว่าชนบท แต่ไม่ได้ทุลักทุเลหรือดูไม่ทันสมัย กลับกัน ณ อาณาบริเวณนี้กลับดูโอ่อ่าและผสมผสานความทันสมัยกับความเรียบง่ายได้ลงตัวมากทีเดียว
ซึ่งในโอกาสที่เราได้มาเยือนนี้ ก็เป็นช่วงเวลาพอดีกับการจัดงานแถลงข่าวและเฉลิมฉลองการเป็น “เมืองพี่เมืองน้อง” ของ “นันโตะ” และ “มาโนะยามะ” อย่างเป็นทางการ ซึ่งอาจฟังดูแปลกที่เมืองในความเป็นจริง กับเมืองในอนิเมชั่นที่ได้ต้นแบบมาจากเมืองนั้นมาทำสัญญากันอย่างจริงจัง แต่นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของการร่วมแรงร่วมใจระหว่างความจริงและจินตนาการเข้าด้วยกันเท่านั้นครับ
เพราะพวกเขาได้ประกาศโครงการต่อไป ก็คือ SAKURAGAIKE QUEST ที่จะยกระดับดินแดนแห่งนี้ให้สวยงามขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง โดยโครงการนี้จะเป็นการเชิญชวนอาสาสมัครมาฟื้นฟูและปลูกต้นซากุระรอบทะเลสาบ ซึ่งก็เชื่อได้ว่า เมื่อโครงการนี้เริ่มขึ้น อีกไม่นานเราก็คงจะได้เห็นทะเลสาบในเมืองนันโตะแห่งนี้กลายเป็นจุดชมซากุระแห่งใหม่ที่สวยงามของประเทศญี่ปุ่นก็เป็นได้ครับ
รักคันไซ และมีความสุขกับการได้เห็นใบโมมิจิ
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง