Start planning your trip
เจาะลึกทุกสเต็ปศาลเจ้าแห่งความรัก ขอพรทั้งทีต้องเป๊ะ! ที่ศาลเจ้าฮิคาวะ ในคาวาโกเอะ
ศาลเจ้าฮิคาวะ (Hikawa Shrine) ในคาวาโกเอะ เป็นศาลเจ้าที่เขาว่าเด็ดนักเรื่องขอพรความรัก ขนาดเทพเจ้าที่นี่ยังเป็นคู่ตุนาหงันกันเลย! มาไหว้ทั้งที ต้องเจาะลึก รู้ให้จริง ให้เป๊ะ ตั้งแต่วิธีเดินเข้าศาลเจ้า วิธีล้างมือ วิธีไหว้ ความเป็นมา เครื่องรางเด็ดๆ
ปัญหาความรักไม่รู้ทำไง ไปให้เทพเจ้าช่วย!
ความรักเป็นปัญหาหนักอกหนักใจของเราๆ ทุกคนอยู่แล้วเนอะคะ จะรักเขาข้างเดียว หรือเนื้อคู่ไม่มาหาสักที บางคนมีแฟนแล้วกลับไม่ค่อยสวีทหวานกันเท่าไหร่ แล้วเอ๊ะ เมื่อไหร่จะแต่งงานนะ
สารพันปัญหาหัวใจที่บางครั้งเราก็ไม่รู้จะแก้อย่างไรดี
เวลาแบบนั้น เราก็อยากจะพึ่งสิ่งศักดิสิทธิ์อะไรบ้าง
วันนี้เราเลยจะขอพาเพื่อนๆ ไปยังศาลเจ้าที่ขึ้นชื่อเรื่องความรัก ในจังหวัดข้างเคียงโตเกียว ไปง่าย รวดเร็ว อย่าง "ไซตามะ" กันค่ะ
ที่เมืองคาวาโกเอะนี้ นอกจากจะเป็นเมืองท่องเที่ยวเพราะเป็นเมืองเก่าสวยๆ จนได้รับการขนานนามว่า Little Edo แล้ว ที่นี่ยังมีศาลเจ้าที่ชื่อ "ศาลเจ้าฮิคาวะ" ที่โด่งดังเรื่องการขอพรความรักค่ะ
ไหนๆ ก็ไหนๆ เราก็ได้ถือโอกาสไปเที่ยวด้วย แล้วจะขอพาเที่ยวศาลเจ้าฮิคาวะแบบเจาะลึกกันเลย!
9:30 ออกเดินทางจากสถานีอิเคะบุคุโระ
เรามาเริ่มเดินทางกันที่สถานีอิเคะบุคุโระบนสายยามาโนเตะของ JR ที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีค่ะ
จริงๆ แล้ว เราก็เคยแนะนำแผนเที่ยวคาวาโกเอะในหนึ่งวันมาแล้วที่บทความ "[ไซตามะ] ไหว้พระขอพร ทานของอร่อยเมืองเก่า และร่วมเทศกาลกระดิ่งลมผูกสัมพันธ์ที่คาวาโกเอะ"
ซึ่งในบทความนั้นเราได้ใช้ตั๋วฟรีพาสวันเดียวสำหรับเที่ยวคาวาโกเอะ "KAWAGOE DISCOUNT PASS" ไป
โดยนั่งรถไฟของสาย Tobu จากสถานีอิเคบุคุโระไปจนถึงคาวาโกเอะ ก็ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
ในครั้งนี้เราเลยจะพาเดินทางด้วยวิธีอื่นกันค่ะ นั่นก็คือการนั่งรถไฟของ JR ไป
สำหรับนักท่องเที่ยวไทยหลายคนที่ชอบถือ JR Pass หรือพาสอื่นๆ ของบริษัท JR นั้น การนั่งรถไฟ JR ไป ก็ถือว่าเพิ่มความคุ้มอีกระดับเลยล่ะ!
สำหรับการเดินทางโดยใช้สาย JR นั้น เราจะไปที่ชานชาลาหมายเลข 4 สายไซเคียว (Saikyo Line) กันค่ะ
สำหรับรถ ให้มองหารถคันที่ไป "Kawagoe" เลย แล้วอย่าลืมมองประเภทของรถด้วยว่า ควรจะเป็น Rapid หรอ Commuter Rapid ค่ะ
ถ้าไปขึ้น Local เราจะได้หวานเย็นยาวเลย กว่าจะถึงที่หมาย
ค่าเดินทาง 670 เยน แต่ถ้ามี JR Pass ก็ไม่ต้องจ่ายเพิ่มแล้วจ้า ใช้เวลาประมาณ 50 นาทีจะถึงที่หมาย
นอกจากนี้ การไปคาวาโกเอะยังสามารถนั่งรถไฟสาย Seibu-Shinjuku จากสถานีชินจูกุไปได้อีกด้วยนะคะ โดยไปลงที่สถานี Honkawagoe ได้ค่ะ
10:30 นั่งรถ Bonnet สไตล์เรโทรไปเที่ยวเมืองเก่ากัน!
พอมาถึงสถานีคาวาโกเอะ เราก็เดินออกมาตามทางออกฝั่งตะวันตก (West Exit) กันนะคะ เดินตรงออกมาเลย เราจะอยู่บนสะพานข้ามแยกพอดี เดินลงบันไดแรกทางซ้ายมือ ก่อนลงก็สังเกตสักนิดว่าจะมีป้ายใหญ่ๆ อยู่ข้างหน้าบันได มองหาป้ายรถบัสหมายเลข 2 นะ ถ้าลงมาถูกทางแล้ว ลงมาจะเจอป้ายรถบัสหมายเลข 2 เลยจ้า
วันนี้เราจะซื้อพาสแบบวันของรถบัสอีกเจ้านึงกันดูบ้างนะคะ โดยพาสนี้คือ "CO-EDO Loop Bus Daily Pass"
จะใช้ในการนั่งรถ CO-EDO Loop Bus ซึ่งจะมีด้วยกันสองสาย ส่วนนึงวิ่งด้วยรถบัสหน้าตาธรรมดาๆ แต่อีกส่วนนึงจะเป็นรถแบบเรโทรที่เรียกว่า "บองเน็ท" (Bonnet) ค่ะ วันนี้เราก็เล็งจะขึ้นรถหน้าตาเรโทรให้ได้บรรยากาศนี่ล่ะ!
ค่าโดยสารอยู่ที่รอบละ 200 เยน แต่ถ้าซื้อเป็นพาสก็ใช้ได้หนึ่งวัน นั่งกี่รอบก็ได้ ราคา 500 เยนค่ะ
เนื่องจากที่นี่มีรถสายอื่นด้วย วิธีการขึ้นก็คือ ให้ดูสัญลักษณ์ "CO-EDO" ที่ข้างรถค่ะ ส่วนที่เป็นรถแบบเรโทรนั้นมีแต่ของเจ้านี้เท่านั้น เจอแล้วโดดขึ้นได้เลย!
พาสนี้ยังมีส่วนลดหรือสิทธิพิเศษตามร้านค้าต่างๆ ที่ร่วมรายการด้วยค่ะ สามารถเช็คได้จากแผ่นพับที่อยู่ในรถบัสเลย
ส่วนวิธีการขึ้นลงรถนั้นก็แสนง่าย เพียงแค่โชว์บัตรขาลงก็พอค่ะ
11:00 เดินเล่นที่เมืองเก่า คุระโนะมาจิ (Kura no Machi)
นั่งรถจากหน้าสถานีคาวาโกเอะ ไปจนถึงป้าย คุระโนะมาจิ (Kura no Machi) ซึ่งเป็นย่านเมืองเก่าอันมีชื่อเสียงค่ะ
สองข้างทางจะเห็นอาคารบ้านเรือนสไตล์เก่าๆ ทรงโกดังอยู่มากมาย
สถานที่เที่ยวขึ้นชื่อที่นี่ก็คงจะไม่พ้นหอระฆังที่ใช้บอกเวลาตั้งแต่สมัยก่อน และตรอกขนมอย่าง คาชิยะ โยโคโจ (Kashiya Yokocho)
นอกจากนี้ก็ยังเหมาะแก่การใส่กิโมโนเดินชมเมือง และหาซื้อของฝากแบบญี่ปุ่นๆ ค่ะ
นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว จึงขอแนะนำให้หาอาหารทานแถวนี้ไปด้วยเลยค่ะ
แต่แอบเตือนไว้หน่อยว่า ให้เหลือที่ท้องเอาไว้บ้าง เพราะเรามีโปรแกรมจะพาไปร้านเด็ดๆ ด้วยนะ
(รายละเอียดการเที่ยวคุระโนะมาจิ สามารถหาอ่านได้จากบทความ "[ไซตามะ] ไหว้พระขอพร ทานของอร่อยเมืองเก่า และร่วมเทศกาลกระดิ่งลมผูกสัมพันธ์ที่คาวาโกเอะ")
โรงแรมแนะนำใกล้Koedo Kawagoe Ichibangai Shopping Street Kurazukuri Townscape
13:30 ขอพรความรัก ผูกดวงสมพงศ์ ที่ศาลเจ้าแห่งความรัก ฮิคาวะ (Hikawa Shrine)
เมื่ออิ่มกายแล้ว ก็ได้เวลาไปอิ่มใจกับจุดประสงค์ของวันนี้กันค่ะ!
วิธีการเดินทางจากเมืองเก่าไปยังศาลเจ้านั้น
หากนั่งรถบัสสาย Kura no Machi Route จะไปไม่ถึงค่ะ ต้องลงที่ป้าย City Hall (Shiyakusho) แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที
ถ้าอยากจะไปถึงเลย ก็ต้องเดินออกจากบริเวณเมืองเก่าเพื่อไปขึ้นรถบัสสาย Kita-in Route แทนค่ะ จะได้ลงที่หน้าศาลเจ้าเลยที่ป้าย Hikawa Shrine
หรือจริงๆ แล้วจากบริเวณเมืองเก่าก็สามารถเดินไปจนถึงศาลเจ้าได้ในเวลาประมาณ 10-15 นาทีค่ะ
ศาลเจ้าแห่งความรัก ศาลเจ้าฮิคาวะ
ด้านหน้าของศาลเจ้าจะมีซุ้มประตูโทริอิ ซึ่งทางชินโตเชื่อว่าเป็นเขตแดนกั้นระหว่างโลกของมนุษย์กับโลกของเทพ
ปกติเรามักจะเดินเข้าไปเลยโดยไม่ได้ทำอะไร แต่วันนี้ไหน เราก็จะมาเที่ยวแบบจริงจัง ลงลึกแล้ว เราก็มาเริ่มกันตั้งแต่การเดินเข้าเลยดีกว่า!
แทนที่จะเดินลอดผ่านไปตามปกติ ก็ให้เรายืนโค้งด้วยความเคารพหนึ่งครั้ง ก่อนจะเดินเข้าไปในเขตแดนศ้กดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้าค่ะ
โทริอิที่ทางเข้าออกนั้นมีด้วยกันสองด้าน จริงๆ แล้วด้านที่เป็นเสาหินเล็กกว่า ทางนั้นคือทางเข้าดั้งเดิมค่ะ สังเกตได้จากที่เดินเข้าไปแล้ว เราจะหันหน้าเข้าหาอาคาร "ไฮเด็น" ที่ใช้กราบไหว้สักการะเทพเลย รวมไปถึงการที่มีอ่างหินสำหรับล้างมืออยู่ข้างๆ ด้วย
เมื่อเดินเข้ามาในดินแดนเทพแล้ว มนุษย์อย่างเราก็ต้องทำความสะอาดเพื่อชำระสิ่งไม่ดีออกไปก่อนค่ะ
คิดว่าเพื่อนๆ หลายคนน่าจะเห็นมาเยอะแล้ว แต่อาจจะยังไม่แน่ใจว่าจะต้องทำอย่างไรดี
งั้นทำตามนี้เลย!
วิธีการชำระล้าง (ล้างมือ) ที่ศาลเจ้า
1. ใช้มือขวาจับกระบวย รองน้ำ แล้วราดลงล้างมือซ้าย
2. ย้ายไปจับกระบวยในมือซ้าย แล้วราดน้ำล้างมือขวา
3. กลับมาจับกระบวยในมือขวา เทน้ำลงในมือซ้าย เอามือซ้ายรองน้ำไว้
4. บ้วนปากด้วยน้ำจากมือซ้าย (ไม่ต้องดื่ม)
5. เทน้ำล้างมือซ้าย
6. ยกกระบวยขึ้นตั้งฉากกับพื้น เทน้ำที่เหลือลงพื้น แล้วค่อยวางกระบวยคืนที่เดิม
*ข้อควรระวัง* เนื่องจากเป็นของที่ใช้ร่วมกับคนอื่น จึงต้องระวังไม่ให้น้ำที่เราล้างไหลกลับไปในอ่างหิน และไม่ยกกระบวยขึ้นจรดปากตนเอง
เพียงเท่านี้เราก็เดินเข้ามาไหว้พระได้อย่างบริสุทธิ์ผุดผ่องแล้วค่ะ
เดินเข้ามาด้านในอีกนิดนึง อาคารตรงหน้าหรือ "ไฮเด็น" คืออาคารที่มนุษย์ใช้เป็นที่สักการะเทพเจ้า
ตามปกติแล้ว ศาลเจ้าของชินโตจะมี ไฮเด็น อยู่ด้านหน้า ส่วนด้านหลังจะมี "ฮงเด็น" ซึ่งเป็นอาคารที่เทพเจ้าประทับค่ะ
เรามาไหว้พระกันต่อเลยดีกว่า
วิธีการไหว้ขอพรเทพเจ้าในศาลเจ้าชินโต
1. หากมีกระดิ่งผูกอยู่ ให้สั่นกระดิ่งจนเกิดเสียงก่อน (ที่ศาลเจ้าฮิคาวะไม่มี จึงข้ามขั้นนี้ไป)
2. หยอดเหรียญลงในกล่องรับบริจาคด้านหน้า เหรียญที่คนญี่ปุ่นเชื่อว่าดีที่สุดคือ เหรียญ 5 เยน
3. โค้งเคารพเทพเจ้าให้ต่ำ (ให้ตัวขนานกับพื้น) 2 ครั้ง
4. ตบมือให้เกิดเสียงดัง 2 ครั้ง
5. พนมมืออธิษฐานในใจ
6. โค้งเคารพอีกครั้ง
เป็นไงคะ ถ้าอ่านแบบนี้มันก็ดูง่ายเนอะ แค่นี้เองเราก็สามารถขอพรกับเทพเจ้าได้อย่างถูกต้อง ท่านต้องเห็นใจเราแน่นอน!
งั้นเรามาเล่าถึงเรื่องราวของศาลเจ้าและเทพเจ้าหน่อยดีกว่า
ฮิคาวะจินจะ หรือ ศาลเจ้าฮิคาวะ (Hikawa Shrine) เชื่อกันว่าก่อตั้งมานานกว่า 1,500 ปีแล้วโดยสมเด็จพระจักรพรรดิ์คินเม และได้รับความศรัทธาจากชาวบ้านแถวนี้มาเป็นเวลายาวนาน
ก่อนที่ในยุคมุโรมาจิ เมื่อมีการสร้างปราสาทคาวาโกเอะขึ้นมา ศาลเจ้าแห่งนี้จึงได้รับการยอมรับและบูชาจากผู้ครองแคว้นในฐานะศาลเจ้าประจำเมืองค่ะ
ต้นไม้สามีภรรยา เป็นต้นไม่สองต้นที่ตั้งตระหง่านเคียงคู่กันมาเป็นเวลานาน
ถ้าได้ไปเดินวน (เดินเป็นรูปเลข 8) จะช่วยเสริมดวงให้โชคดี
จุดเด่นที่สำคัญที่ทำให้คนเชื่อกันว่าที่นี่คือศาลแห่งความรัก ก็เพราะเทพเจ้าที่สักการะในศาลเจ้านี้ทั้ง 5 องค์ ล้วนแล้วแต่เป็นเทพที่เป็นพ่อแม่ลูกกัน และยังเป็นเทพด้านการผูกสัมพันธ์อีกด้วยค่ะ
โดยเทพเจ้าหลักที่บูชาอยู่ที่นี่คือ "สุซาโนโอะ โนะ มิโคโตะ" (Susanoo no Mikoto) เป็นเทพเจ้าแห่งทะเลและพายุ ซึ่งเป็นเทพเก่าแก่และได้รับการเคารพจากชาวญี่ปุ่นว่ามีอิทธิฤทธิ์มาก
... แล้วมันเกี่ยวอะไรกับความรักล่ะ?
ก็เพราะว่าเทพอีกองค์ที่บูชาอยู่ด้วยกันคือ "คุชิอินาดะฮิเมะ โนะ มิโคโตะ" (Kushiinada hime no Mikoto) เทพีแห่งข้าว และเป็นภรรยาของเทพสุซาโนโอะ โนะ มิโคโตะนั่นเองค่ะ
ส่วนเทพองค์อื่นที่บูชาอยู่ที่นี่ยังมี เทพ "อาชินะซึจิ โนะ มิโคโตะ" (Ashinazuchi no Mikoto) และ "เทนะซึจิ โนะ มิโคโตะ" (Tenazuchi no Mikoto) เทพสามีภรรยาซึ่งเป็นพ่อแม่ของเทพีคุชิอินาดะฮิเมะ โนะ มิโคโตะ ค่ะ
ไม่เพียงแค่มีสามีภรรยาสองคู่อยู่เท่านั้นนะ! เทพอีกองค์ที่ได้รับการสักการะบูชาที่นี่คือ "โอนามุจิ โนะ มิโคโตะ" (Oonamuchi no Mikoto) ซึ่งเป็นลูกชายของเทพสุซาโนโอะ โนะ มิโคโตะกับคุชิอินาดะฮิเมะ โนะ มิโคโตะ
เทพโอนามุจิ โนะ มิโคโตะนี้ ถือเป็นเทพองค์สำคัญในการประชุมเทพที่อิซุโมะในทุกๆ ปี เพราะเหล่าทวยเทพองค์อื่นจะคอยเล่าเรื่องการผูกดวง ผูกสัมพันธ์ของมนุษย์ที่พบเจอมา และขอคำปรึกษากับเทพโอนามุจิ โนะ มิโคโตะเสมอ
จึงทำให้เทพองค์นี้กลายเป็นเทพแห่งความรัก ความสัมพันธ์นั่นเอง
เพราะฉะนั้น ถ้าจะถามว่าทำไมศาลเจ้าฮิคาวะถึงเป็นศาลเจ้าแห่งความรัก
เพื่อนๆ ก็ลองจินตนาการบ้านที่มีสามีภรรยาสองรุ่น เลิฟๆ หวานแหววกัน พ่วงด้วยลูกชายที่เป็นศิราณียอดฮิตของเพื่อนๆ เสมอ
แบบนี้จะไม่เชื่อมือเหรอ!
ตำนานรักเทพสุซาโนโอะ โนะ มิโคโตะและคุชิอินาดะฮิเมะ โนะ มิโคโตะ
เทพๆ เขาก็ไม่ได้หวานแหววกันอย่างเดียวนะ เพราะเทพสามีภรรยาที่บูชาอยู่ที่นี่ยังมีตำนานรักที่น่าประทับใจอยู่ด้วย
เรื่องก็มีอยู่ว่า ... ในยุคสมัยของเทพนั้นสุซาโนโอะ โนะ มิโคโตะถูกขับไล่ออกมาจากแดนสวรรค์เนื่องจากทำผิด ลงมายังญี่ปุ่นที่อิซุโมะ และได้พบกับชายหญิงชรานั่งร้องไห้อยู่ริมแม่น้ำพร้อมกับหญิงงามอีกหนึ่งคน สุซาโนโอะ โนะ มิโคโตะได้เข้าไปสอบถาม จึงได้รู้ว่าทั้งสองเป็นเทพที่อยู่บนโลกมนุษย์ ส่วนหญิงงามคือคุชิอินาดะฮิเมะ โนะ มิโคโตะ
สาเหตุที่ร้องไห้นั้นเพราะ แท้จริงแล้วทั้งสองมีลูกสาวถึง 8 องค์ แต่มีปีศาจงูยักษ์ "ยามาตะ โนะ โอโรจิ" (Yamata no Orochi) ซึ่งมี 8 หัว 8 หาง ขนาดใหญ่เท่ากับภูเขา 8 เขา มาจับบุตรสาวของพวกเขากินทุกปี และนี่ก็ใกล้จะถึงเวลาที่บุตรสาวคนสุดท้ายจะต้องถูกกินแล้ว
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เทพสุซาโนโอะ โนะ มิโคโตะจึงได้เสนอตัวกำราบปีศาจร้าย โดยมีเงื่อนไขว่าหากทำได้สำเร็จ จะขอเทพีคุชิอินาดะฮิเมะ โนะ มิโคโตะมาเป็นภรรยา
เทพสองสามีภรรยายินดียอมบุตรสาวตนเองให้ ทางสุซาโนโอะ โนะ มิโคโตะจึงได้ใช้ปัญญาและความกล้าหาญต่อสู้กับปีศาจงูยักษ์จนเอาชนะมาได้
ในที่สุดทั้งสองก็ได้แต่งงานกัน และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ... รวมถึงได้เทพโอนามุจิ โนะ มิโคโตะมาเป็นโซ่ทองคล้องใจอีกด้วย
เป็นตำนานรักที่ไม่ต่างจากนิทานเจ้าชายเจ้าหญิงแสนโรแมนติคเลยเนอะ!
เครื่องรางแห่งความรักที่ทั้งน่ารักและน่าเชื่อถือ
ไหว้พระเสร็จแล้วก็ได้เวลาหาเครื่องรางติดไม้ติดมือกลับไป รวมทั้งมาเสี่ยงเซียมซีหรือเขียนคำอธิษฐานใส่แผ่นป้ายขอพรกัน
เครื่องราง
เราจะขอแนะนำเครื่องรางแห่งความรักที่หน้าตาก็แสนจะน่ารัก จะซื้อไปพกพาเอง หรือซื้อไปฝากคนที่รักก็เหมาะทั้งนั้นค่ะ
พิเศษ! ที่จะแนะนำวันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องความรักหนุ่มสาวเท่านั้นนะ!
ราคาเครื่องรางนั้นส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 500 เยน มีถูกหรือแพงกว่านี้นิดหน่อยค่ะ
Utsukushi Mamori (อุทสึคุชิ มาโมริ)
เครื่องรางสีขาวปักสีชมพูฟ้าและทองดูอ่อนโยน คือเครื่องรางแห่งความงาม ที่จะช่วยให้งามทั้งกายและใจ
Deai Koi (เดไอโค่ย)
เครื่องรางสีดำ ปักสีชมพูรูปดอกซากุระสดใส คือสัญลักษณ์แห่งการพบเจอครั้งใหม่
Yukari Mamori (ยูคาริ มาโมริ)
เครื่องรางถุงสีชมพูแดงอันจิ๋วอยู่ในแพ็ค เป็นเครื่องรางที่จะช่วยเรื่องการผูกสัมพันธ์ ไม่จำกัดว่าต้องเป็นเรื่องชายหญิงเท่านั้น
Yorisoi Mamori (โยริโซ่ย มาโมริ)
ถุงเครื่องรางเล็กสองกันผูกไว้ด้วยกัน ใส่ไว้ในกล่อง เป็นเครื่องรางที่จะช่วยให้ได้อยู่เคียงกันตลอดไป
Akaempitsu (อาคะเอมปิทสึ)
ดินสอสีแดงที่มีความน่ารักตรงที่ มีภาพคนสองคนอยู่ที่ปลอกและปลายด้ามดินสอ เมื่อยิ่งใช้ดินสอให้สั้นลง ทั้งสองคนก็จะยิ่งเข้าใกล้กันเรื่อยๆ จนได้อยู่เคียงกันในที่สุด เป็นเครื่องรางน่ารักที่เรายิ่งใช้ "เนื้อคู่" ที่อยู่อีกข้างของด้ายแดงก็จะยิ่งใกล้เรามากขึ้นเท่านั้น
เซียมซีสุดน่ารัก
นอกจากเซียมซีที่ใส่กล่องไว้ให้หยิบเอง ที่นี่ยังใจดีมีเซียมซีภาษาต่างชาติ (มีภาษาอังกฤษ) ด้วย
แต่ที่อยากแนะนำก็คือ "เซียมซีตกปลา" โดยกระดาษเซียมซีจะเสียบอยู่ที่ปากของปลา แล้วเราก็ใช้ไม้ตกปลาที่วางไว้ตรงนั้น พยายามเกี่ยวเชือกเอาตัวปลาขึ้นมาให้ได้!
คำทำนายมีสองประเภท คือ ปลาสีแดงเป็นเรื่องทั่วๆ ไป และสีชมพูจะเป็นเรื่องความรักค่ะ
ค่าทำนายครั้งละ 300 เยน เอาปลากลับไปบ้านเป็นมงคลได้เลย!
ส่วนคำทำนาย ถ้าออกมาไม่ดี คนญี่ปุ่นเชื่อว่าอย่าเอากลับบ้าน แต่ให้ผูกเอาไว้ที่ศาลเจ้านะคะ
แผ่นป้ายเอมะสำหรับขอพร
"เอมะ" คือชื่อแผ่นป้ายไม้ที่เอาไว้เขียนขอพรกับเทพเจ้าค่ะ ที่นี่มีหลายแบบ หลายลายให้เลือก แต่วันนี้เราก็ต้องแนะนำให้ซื้อแบบแผ่นป้ายความรักอยู่แล้ว!
ความพิเศษคือเอมะของที่นี่ ซื้อมาเราจะได้มินิเอมะอันเล็กเอาไว้เพื่อพกติดตัวให้ระลึกถึงคำขอของเราค่ะ
ค่าแผ่นป้ายเอมะคือ 700 เยน
มีที่ให้เขียนพร้อมปากกาสีอยู่ใกล้ๆ กับที่ตกปลาเซียมซีค่ะ และลึกเข้าไปนิดจะมีซุ้มเอมะให้ผูกแผ่นป้ายของเรา ซึ่งมีมากมายตระการตาจนได้ชื่อว่าเป็น "อุโมงค์เอมะ" เลยล่ะค่ะ
หินแห่งความรัก "เอนมุซุบิทามะ" (Enmusubi Tama)
เครื่องรางแห่งความรักลับสุดยอดจากก้อนหินที่อยู่ในเขตแดนของเทพเจ้า! ที่เราจะแอบเล่าให้ฟังกัน เพราะเป็นเครื่องรางที่แจกทุกวันเพียงวันละ 20 ชิ้นเท่านั้นค่ะ!!
ถ้าอยากได้จะต้องมาต่อคิวตั้งแต่ 8 โมงเช้า และหมดในพริบตาด้วยล่ะ
บอกเลยว่าใครอยากได้ไว้ในครอบครอง จะต้องวางแผนให้ดีเลย
ใครสนใจลองดูเพิ่มเติมได้ที่บทความ "[ไซตามะ] ไหว้พระขอพร ทานของอร่อยเมืองเก่า และร่วมเทศกาลกระดิ่งลมผูกสัมพันธ์ที่คาวาโกเอะ" นะจ้ะ
โรงแรมแนะนำใกล้ศาลเจ้าคาวาโกเอะฮิคาวะ
14:30 เพิ่มพลังความรักด้วยขนมจากร้าน มุสุบิคาเฟ่ (Musubi Cafe)
เที่ยวมาพักใหญ่ๆ เหนื่อยกันแล้วหรือยังคะ? เราจะชวนเดินออกจากศาลเจ้ากันก่อน พอเดินออกมาจากโทริอิแล้ว ต้องหันกลับไปโค้งคำนับก่อนหนึ่งทีนะ
แล้วเราจะมาแวะร้านคาเฟ่ที่ไม่ได้มีแค่น่ารักหรืออร่อย นั่นก็คือร้าน "มุสุบิคาเฟ่" (Musubi Cafe) เป็นคาเฟ่ที่ดำเนินการโดยศาลเจ้าฮิคาวะ เพื่อเป็นที่พักผ่อนให้กับผู้มาสักการะ และยังช่วยให้ได้สัมผัสถึงพลังของ "ความสัมพันธ์" อันยิ่งใหญ่อีกค่ะ ร้านนั้นก็อยู่เพียงแค่อาคารด้านข้างซุ้มประตูโทริอิสีแดงอันใหญ่ ทางเข้าออกอีกทางของศาลเจ้าเท่านั้นเอง
เมื่อเดินเข้าไปในอาคาร จะเห็นร้านอยู่ทางด้านขวามือเลย
บรรยากาศภายในร้านนั้นเงียบสงบ เหมาะจะให้เรามานั่งพักจิบน้ำชา ทานขนม หลังจากไหว้พระขอพรกันเสร็จค่ะ
ในร้านมีทั้งโต๊ะนั่งกับเก้าอี้และเบาะนั่งพื้นแบบญี่ปุ่นให้เลือกตามความสะดวก
พักชิม มุสุบิโรล ขนมที่จะเสริมดวงให้คุณ
ทีนี่มีเมนูที่จะยิ่งช่วยเสริมดวงให้ค่ะ นั่นก็คือ "มุสุบิโรล" (Musubi Roll) เป็นโรลเค้กที่ใช้วัตถุดิบที่ทำให้รู้สึกได้ถึงความเป็นญี่ปุ่นอย่าง "เกาลัด" ค่ะ ราคาชิ้นละ 486 เยน แต่สามารถสั่งเป็นเซ็ทพร้อมเครื่องดื่ม ชา กาแฟ น้ำผลไม้ ได้ในราคา 900 เยน ถ้าสั่งมาเป็นชุด น้ำตาลก้อนที่มาด้วยจะเป็นน้ำตาลสีขาวแดง อันเป็นสีมงคลของญี่ปุ่นค่ะ (น้ำตาลมีขายในร้านด้วย)
ความพิเศษของขนมอย่างแรกอยู่ที่รูปร่างของโรลเค้กที่เป็นรูปเส้นม้วนเข้าด้านในนั้น ให้ความรู้สึกเหมือนสิ่งดีๆ กำลังเคลื่อนไหวเข้ามา
และความพิเศษอีกอย่างของร้านนี้ก็คือ วัตถุดิบหลายอย่างที่นำมาทำอาหารหรือเค้ก ได้นำไปผ่านพิธีกรรมจากศาลเจ้าก่อน
ทำให้สิ่งที่เราทานจากร้านนี มีพลังพิเศษแฝงอยู่ค่ะ!
หากได้แวะมาทานล่ะก็ จะต้องมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นแน่เลยล่ะ!?
สินค้าหลายอย่างในร้านนี้ก็เหมาะนำไปเป็นของฝาก เพราะทั้งหน้าตาจะดูดีแล้ว ล้วนแล้วแต่มีความหมายอันเป็นมงคลทั้งนั้น
เช่น "เอนิชิ" (Enishi) ขนมมาร์ชแมลโลว์สีขาวแดงจำนวน 8 ชิ้น ซึ่งเป็นทั้งสีและเลขมงคล ขนมนี้ทำขึ้นเลียนแบบหน้าตาของ หินแห่งความรัก "เอนมุซุบิทามะ" เครื่องรางหายากของทางศาลเจ้าค่ะ
และ "วะซัมบง" (Wasambon) คือชื่อของขนมญี่ปุ่น ทำจากน้ำตาล ลวดลายสวยงาม มักนิยมทานกับชาเขียวเข้มๆ ก็ถูกทำมาในสีแดงขาวเช่นกัน ห่อในกล่องสีขาวล้วน และมีเชือกสีแดงถักเป็นลายมงคลประดับอยู่
ถ้าสังเกตดู ในร้านนี้จะมีการใช้เชือกถักสีแดงอยู่เยอะค่ะ แม้แต่ในถุงใส่ของฝากด้วย
นั่นก็เพราะว่า "ด้ายแดง" และ "มุสุบิ" คือ คียเวิร์ดสำคัญของที่นี่และศาลเจ้าฮิคาวะ
"มุสุบิ" นั้นหมายถึง ความสัมพันธ์กันของสิ่งต่างๆ และการผูกโยง ชักนำ นำพาสิ่งต่างๆ มาสัมพันธ์กันโดยพลังบางอย่างที่มองไม่เห็น และไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นชายหญิง หรือแค่มนุษย์กับมนุษย์เท่านั้น
แต่อาจเป็น ... คนกับสัตว์เลี้ยงที่รัก ... หรือแม้แต่คนกับสิ่งของที่สำคัญก็ยังได้
โลโก้ของมุสุบิคาเฟ่เองก็ยังเป็นเชือกแดงถัก อันมีความหมายถึง "ความสัมพันธ์ที่เชื่อมทุกสิ่งเข้าด้วยกัน"
ฟังแล้วเป็นความเชื่อที่มีพลังยิ่งใหญ่มาก และเป็นปรัชญาที่แฝงมาถึงในคาเฟ่เลยทีเดียวค่ะ!
โรงแรมแนะนำใกล้มูซูบิ คาเฟ่
16:00 แวะช้อปส่งท้าย หรือกลับที่พัก
ไหว้พระและทานขนมเสริมพลังดวงแห่งความรักเสร็จแล้ว เรายังพอเหลือเวลาอีกนิดหน่อย
ใครอยากจะไปช้อปต่อ หรือใครเหนื่อยแล้ว ก็เลือกได้ตามใจเลยจ้า
ที่ด้านหน้าของศาลเจ้ามีป้ายรถบัสอยู่พอดี เราสามารถนั่งไปได้ทั้งเมืองเก่า คุระโนะมาจิ
หรือจะนั่งเลยไปจนถึงแถวหน้าสถานีรถไฟเพื่อกลับ หรือช้อปแถวนั้นต่อก็ได้ทั้งนั้น
ถ้าแวะมาที่คุระโนะมาจิอีกครั้ง ก็จะได้บรรยากาศยามเย็นหรือตอนกลางคืนที่สวยแปลกตาไปอีกแบบนะ
ไหว้พระเรื่องความรักแบบจัดเต็ม จัดเป๊ะ ขนาดนี้ หวังว่าเพื่อนๆ ทุกคนจะประสบกับความรักดีๆ กันทุกคนเลยนะคะ!
สรุปการเดินทาง
สถานีอิเคะบุคุโระ → สถานีคาวาโกเอะ → เมืองเก่าคุระโนะมาจิ → ศาลเจ้าฮิคาวะ→ มุสุบิคาเฟ่ → ตามอัธยาศัย → สถานีคาวาโกเอะ → สถานีอิเคะบุคุโระ
ค่าเดินทางทั้งหมด : ค่ารถไฟ 1,340 เยน ค่ารถบัส 500 เยน
ใช้จ่ายอื่นๆ : ค่าแผ่นป้ายขอพร 700 เยน ค่าเซียมซีปลา 300 เยน ค่าขนม 900 เยน ค่าอาหารและค่าช้อปปิ้งอื่น แล้วแต่บุคคล
รวมค่าใช้จ่ายใน 1 วัน/1 คนตามแผน : ประมาณ 3,740 เยน (ไม่รวมค่าอาหารและค่าช้อปปิ้ง)
Supported by Saitama Prefecture
สาวไทยในโตเกียว ลัลล้ากับการทำงาน ว่างๆ ก็แว่บไปเที่ยวและชิมของอร่อย สนใจวัฒนธรรมญี่ปุ่น รวมไปถึง Pop culture~♥
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง