ตามรอยอนิเมะชื่อดังจาก 8 แหล่งท่องเที่ยวในไซตามะ!
เมืองชิชิบุ, คาวาโกเอะ และคุกิในจ.ไซตามะซึ่งปรากฏเป็นฉากหลังของมังงะและอนิเมะนำสมัยนั้นนอกจากจะเป็นที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมโดยทั่วไปแล้วก็ยังมีสถานที่ซึ่งได้รับความสนใจในหมู่แฟนๆอนิเมะเป็นพิเศษด้วย ตามมาดูไฮไลท์ทั้ง 8 แห่งกันเลยดีกว่าค่ะ
“จ.ไซตามะ” แห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยอาคารบ้านเมืองเก่าแก่และแหล่งธรรมชาติมากมาย โดยนับเป็นจังหวัดที่เหมาะกับการท่องเที่ยวแบบไปเช้า-เย็นกลับจากโตเกียวสุดๆเลยก็ว่าได้
ที่นี่เต็มไปด้วยไฮไลท์น่าเที่ยวห้ามพลาดที่ควรมาเยือนให้ได้สักครั้งเพียบ! ไม่ว่าจะเป็นบริเวณโดยรอบ เมืองชิชิบุ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่อง Shiba Sakura no Oka (ชิบะซากุระโนะโอกะ) และ Ashigakubo Icicle (เสาน้ำแข็งอาชิกาคุโบะ), เมืองคาวาโกเอะ ซึ่งยังคงหลงเหลือบรรยากาศใน สมัยเอโดะ ให้ได้เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน และ เมืองไซตามะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Ōmiya Bonsai Village (หมู่บ้านโอมิยะบอนไซ)
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
ไกด์นำเที่ยวไซตามะแบบจัดเต็ม! วิธีการเดินทาง・สภาพอากาศ・อาหาร & ช้อปปิ้ง・35 แหล่งท่องเที่ยว
แหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตของจังหวัดไซตามะ 〜ชมสเน่ห์ของไซตามะ〜
ชิบะซากุระโนะโอกะในเมืองชิชิบุ
นอกจากนี้ จ.ไซตามะก็ยังขึ้นชื่อเรื่องเป็นฉากหลังของอนิเมะขึ้นชื่อมากมายในปัจจุบันอีกด้วย การ์ตูนเรื่อง Ano Hi Mita Hana no Namae o Bokutachi wa Mada Shiranai (ชื่อเรียกโดยทั่วไป:Anohana), The Anthem of the Heart ซึ่งสถานที่มากมายที่ปรากฏอยู่ในเรื่องตั้งอยู่ใน ชิชิบุ, Kamisama Hajimemashita ซีรีส์อนิเมะซึ่งมีฉากหลังเป็น คาวาโกเอะ และ Lucky Star』ซึ่งได้รับต้นแบบของศาลเจ้ามาจากศาลเจ้าวาชิโนะมิยะใน คุกิ นั้นล้วนมีแฟนๆชาวต่างชาติมากมายถึงขนาดทำให้มีผู้คนเดินทางมาเที่ยวญี่ปุ่นเพื่อตระเวนเที่ยวสถานที่จริงในการ์ตูนเหล่านี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ในครั้งนี้เราจะมาแนะนำมุมหนึ่งของเมืองในจ.ไซตามะโดยพาเพื่อนๆตระเวนเที่ยวไปในโลกแห่งนิทานซึ่งปรากฏอยู่ในอนิเมะเรื่องต่างๆกันค่ะ
เที่ยวเมือง “ชิชิบุ” แหล่งสร้างสรรค์ละครสุดกินใจ (Anohana : ดอกไม้ มิตรภาพ และความทรงจำ, The Anthem of the Heart : ดิ แอนเธม ออฟ เดอะ ฮาร์ท)
การเดินทางไปยัง “เมืองชิชิบุ” สามารถนั่งรถไฟด่วนพิเศษของ Seibu Railway จากสถานีอิเคะบุคุโระในโตเกียวมาถึงได้โดยใช้เวลาประมาณ 80 นาที สำหรับใครที่อยากตระเวนเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่ฉากหลังของอนิเมะภายในเมืองก็ขอแนะนำให้ใช้ บริการเช่าจักรยาน ของ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวชิชิบุ ด้านหน้า Seibu-Chichibu Station เลยจ้า... โดยเราสามารถเช่าจักรยานได้ในเวลาต่ำสุด 2 ชั่วโมง (300 เยน) จนถึงตลอดทั้งวัน (1,000 เยน) เลยทีเดียว ทำให้การตระเวนเที่ยวไฮไลท์ภายในเมืองกลายเป็นเรื่องสะดวกสบายสุดๆ
1. Hitsujiyama Park (สวนฮิตสึจิยามะ)
เพียงแค่เดินจาก Seibu-Chichibu Station ไปทางฝั่งตะวันออกก็จะถึง Hitsujiyama Park (สวนฮิตสึจิยามะ) ที่ตั้งอยู่บนเนินค่อนข้างสูงเล็กน้อยบริเวณขอบเมืองชิชิบุแล้ว “ชิบะซากุระโนะโอกะ” ไฮไลท์แหล่งรวมนักท่องเที่ยวมากมายจากทั่วญี่ปุ่นตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายนจนถึงต้นเดือนพฤษภาคมของทุกปีก็ตั้งอยู่ภายในสวนแห่งนี้นี่แหละ
ถ้าเกิดใครมุ่งหน้าจากฝั่ง Seibu-Chichibu Station มายังเนินแห่งนี้ก็จะพบกับ Bokusui Fall (น้ำตกโบคุซุย) บริเวณตีนเขาฮิตสึจิยามะโผล่ขึ้นมาให้สะดุดตากันเป็นอย่างแรก เนื่องจากเป็นสถานที่สุดโปรดของนักประพันธ์บทกลอนผู้หลงใหลการท่องเที่ยวใน สมัยไทโช อย่าง “โบคุซุย วากายามะ” ทำให้กลอนหลายต่อหลายบทถูกแต่งขึ้นที่นี่
ถ้าเกิดใครเป็นแฟนอนิเมะเรื่อง The Anthem of the Heart (ดิ แอนเธม ออฟ เดอะ ฮาร์ท) ก็น่าจะจำบันไดข้างน้ำตกโบคุซุยได้ใช่มั้ยเอ่ย? “จุน” ตัวละครเอกผู้เสียใจที่ตัวเองได้พูดจาทำร้ายจิตใจคนอื่นก็สูญเสียเสียงของตัวเองไปที่นี่นี่แหละ บันไดที่ถูกวาดขึ้นในอนิเมะนั้นดูเหมือนของจริงสุดๆ!
เมื่อเดินขึ้นบันไดไปจนถึงเนินด้านบนก็จะสามารถชมทัศนียภาพอันงดงามทั่วทั้งเมืองได้เลยทีเดียว นอกจากนี้ บริเวณใกล้เคียงก็ยังเป็นที่ตั้งของ Mt. Buko Museum (พิพิธภัณฑ์ภูเขาบุโกะ) และ Yamato Art Museum (พิพิธภัณฑ์ศิลปะยามาโตะ) อีกด้วย โดยเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการเรียนรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเมืองชิชิบุเป็นอย่างยิ่ง
2. Daiji-ji Temple (วัดไดจิจิ)
ต่อมาก็เดินลงไปทางฝั่งตะวันออกของภูเขาฮิตสึจิยามะเพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองโยโกเสะกันต่อเลย~ เมื่อเดินเลียบถนนไปทางตอนเหนือก็จะพบกับ Daiji-ji Temple (วัดไดจิจิ) ชิชิบุฟุดาโฉะจูบัน (※1) ตั้งอยู่ทางซ้ายมือ
※1:ฟุดาโฉะ……วัดที่รับป้ายเครื่องรางซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการมากราบไหว้สักการะของผู้เดินทางแสวงบุญ
วัดไดจิจิแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 1490
โบสถ์หลักของวัดไดจิจิ
ภายในโบสถ์ขึ้นชื่อเรื่องเต็มไปด้วยพระพุทธรูปตั้งประดิษฐานเอาไว้มากมาย
รูปปั้นจิโซภายในบริเวณวัด
โบสถ์หลักและประตูวัดไดจิจิสร้างขึ้นมาอย่างเรียบง่ายสไตล์เซน
ผู้เขียนเชื่อว่าหลายคนคงจำพื้นที่ภายในบริเวณวัดไดจิจิซึ่งปรากฏอยู่ในภาพยนตร์อนิเมชันเรื่อง The Anthem of the Heart (ดิ แอนเธม ออฟ เดอะ ฮาร์ท) กันได้เป็นอย่างดี ตัวโบสถ์หลักถูกวาดขึ้นมาอย่างละเอียดประณีตไปจนถึงรายละเอียดยิบย่อยเลยทีเดียว ตรงนี้เป็นฉากสำคัญซึ่งเป็นจุดพลิกผันของเรื่องเลยก็ว่าได้ เพราะว่าตัวละครเอกผู้สูญเสียเสียงของตัวเองได้รับคำแนะนำสำคัญจากเพื่อนภายในวัดว่า “ถ้าเกิดร้องเพลงก็จะสามารถเอ่ยสิ่งที่อยากพูดออกมาได้”
เราสามารถพบเห็นทั้งโปสเตอร์ของภาพยนตร์และแผ่นไม้อธิษฐานซึ่งวาดเป็นรูปตัวละครในเรื่องได้ภายในบริเวณวัดไดจิจิแห่งนี้เลย ที่นี่จึงนับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะกับการแวะมาใช้เวลาชิลล์ๆนั่งบนม้านั่งที่ปรากฏในภาพยนตร์และรำลึกถึงเรื่องราวที่เคยดูมาก่อนสุดๆ
แถมจากภายในวัดไดจิจิยังสามารถชมทัศนียภาพอันงดงามของ Mount Bukō (ภูเขาบุโกะ) ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมืองชิชิบุและเมืองโยโกเสะได้ด้วยนะเออ... โดยเป็นภูเขาหินปูนที่มีรูปร่างหน้าตาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ภูเขาบุโกะอันยิ่งใหญ่นับเป็นปัจจัยสำคัญของการรังสรรค์ทัศนียภาพอันงดงามบริเวณโดยรอบเมืองชิชิบุเลยก็ว่าได้ แม้กระทั่งในอนิเมะซึ่งมีฉากหลังเป็นเมืองชิชิบุเองทัศนียภาพแบบนี้ก็ยังมีปรากฏให้เห็นกันในหลายๆฉาก
3. Banba Shopping Street (ถนนช้อปปิ้งบัมบะ)
หลังจากเดินทางกลับไปยังเมืองชิชิบุแล้วก็ลองแวะไปยัง Banba Shopping Street (ถนนช้อปปิ้งบัมบะ) ซึ่งเชื่อมระหว่าง Ohanabatake Station และ Chichibu Station กันหน่อยดีกว่า ในอนิเมะเรื่อง The Anthem of the Heart (ดิ แอนเธม ออฟ เดอะ ฮาร์ท) มีการวาดถนนช้อปปิ้งบัมบะยามค่ำคืนให้เห็นกันก็จริง แต่ถ้าเกิดใครเดินทางมาเที่ยวในตอนกลางวันก็จะสามารถเดินสำรวจรอบๆพลางช้อปปิ้งขนมไทยากิหรือมันจูตามร้านค้าที่เรียงรายกันทั้งสองข้างทางได้อย่างอิสระ แถมบางร้านก็ยังจำหน่ายของฝากจากชิชิบุด้วย เราจึงสามารถสัมผัสกับผลงานศิลปหัตถกรรมสุดเจ๋งประจำท้องถิ่นได้ที่นี่เลย
เมื่อมุ่งหน้าต่อไปยังสถานีชิชิบุก็จะพบกับ Chichibu Shrine (ศาลเจ้าชิชิบุ) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมือง เนื่องจากวิหารหลักอันโอ่อ่าสง่างามของ ศาลเจ้าชิชิบุ สถานที่จัด งานเทศกาลชิชิบุ ขึ้นชื่อนั้นมีเสน่ห์น่าค้นหามาก จึงขอแนะนำว่าควรมาเยือนให้ได้สักครั้ง
เนื่องจากแฟนๆอนิเมะเรื่อง Anohana (ดอกไม้ มิตรภาพ และความทรงจำ) และ The Anthem of the Heart (ดิ แอนเธม ออฟ เดอะ ฮาร์ท) จะได้พบกับโปสเตอร์รูปเหล่าตัวละครสุดโปรดในเรื่องแปะอยู่ทั่วทุกแห่งภายในถนนช้อปปิ้งบัมบะ เพราะฉะนั้น ใครไม่มาเดินสำรวจที่นี่ไม่ได้แล้วล่ะค่ะ
4. Jorinji Temple (วัดโจรินจิ)
จิตโชซัง Jorinji Temple (วัดโจรินจิ) แห่งนี้ตั้งอยู่ภายในย่านที่อยู่อาศัยอันแสนเงียบสงบทางตอนเหนือของเมืองชิชิบุ ที่นี่มีฮอนซอน (※2) เป็นรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมปางยืน 11 พักตร์ซึ่งผ่านการไคกัง (※3) ในปี 1595 โดยได้รับการดูแลรักษาภายในวัดเป็นอย่างดีมาตั้งแต่ในอดีต
※2:ฮอนซอน……พระพุทธรูปศูนย์กลางทางความเชื่อซึ่งได้รับการเคารพนับถือมากที่สุดของแต่ละวัดหรือเรียกง่ายๆว่าพระประธาน
※3:ไคกัง……พิธีใส่วิญญาณเข้าไปในองค์พระพุทธรูปในพุทธศาสนา
รูปแกะสลักเจ้าแม่กวนอิมผู้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วญี่ปุ่นได้รับการแกะสลักแบบนูนกว่า 100 องค์บนระฆังทองแดงขนาดใหญ่ภายในบริเวณวัด โดยเป็นระฆังอันละเอียดประณีตที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ของจ.ไซตามะ
ฉากที่บรรดาเด็กๆในเรื่อง Anohana (ดอกไม้ มิตรภาพ และความทรงจำ) กำลังเล่นซ่อนหาอยู่ภายในบริเวณวัดโจรินจิแห่งนี้เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจสำคัญของภาพยนตร์เลยก็ว่าได้ รายละเอียดยิบย่อยของวัดโจรินจิซึ่งผ่านการรังสรรค์ขึ้นในจอภาพยนตร์อย่างสดใสมีชีวิตชีวาก็อ้างอิงมาจากดีไซน์และสถาปัตยกรรมของจริงนี่แหละ
5. สะพานชิชิบุเก่า
ส่วน “สะพานชิชิบุเก่า” แห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจาก Ōnohara Station ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองชิชิบุไปทางฝั่งตะวันตกประมาณเดินเท้า 12 นาที โดยเป็นสะพานข้ามแม่น้ำอาราคาว่าที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 1932 หลังการเปิดใช้สะพานชิชิบุแห่งใหม่ ที่นี่ก็กลายเป็นสะพานเดินเล่นกินลมชมวิวสำหรับคนเดินเท้าและจักรยานไปโดยปริยาย
สะพานชิชิบุแห่งใหม่เป็นสะพานขึงสำหรับรถยนต์ซึ่งสร้างขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่น่าประทับใจสุดๆ ที่นี่ปรากฏอยู่ในอนิเมะเรื่อง Anohana (ดอกไม้ มิตรภาพ และความทรงจำ) คู่กับสะพานชิชิบุเก่าในฐานะที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างเมืองและ “ฐานลับ” แหล่งรวมตัวละครในเรื่อง เนื่องจากข้างใต้ทางยกระดับก็สามารถไปได้เหมือนกัน เราจึงสามารถชมสะพานทั้งสองแห่งจากด้านล่างได้ด้วย
นอกจากนี้ก็ขอแนะนำให้ชมทัศนียภาพอันงดงามของแม่น้ำอาราคาว่าและเมืองที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามจากด้านบนสะพานชิชิบุเก่าเลยจ้า...
เมื่อตระเวนชมไฮไลท์บริเวณโดยรอบเมืองชิชิบุมาตลอดทั้งวันแล้วก็อย่าลืมสัมผัสเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของเมืองในตอนกลางคืนซะล่ะ เมื่อแหงนมองขึ้นไปชมท้องฟ้ายามค่ำคืนก็จะเห็นหมู่ดาวกระจัดกระจายอยู่บนท้องฟ้างดงามมาก
ในวินาทีที่แหงนมองขึ้นไปชมท้องฟ้ายามค่ำคืนนั้นรับรองว่าหลายคนจะต้องนึกถึงฉากสุดท้ายของอนิเมะเรื่อง Anohana (ดอกไม้ มิตรภาพ และความทรงจำ) ฉบับภาพยนตร์กันอย่างแน่นอน เหตุผลที่เมืองชิชิบุถูกเลือกให้เป็นฉากหลังของอนิเมะอาจเป็นเพราะสิ่งนี้ด้วยก็ได้นะเออ...
เที่ยวเมืองคาวาโกเอะอันทรงเสน่ห์เรื่องบรรยากาศสุดเก๋ไก๋สไตล์ย้อนยุค (Kamisama Hajimemashita : จิ้งจอกเย็นชากับสาวซ่าเทพจำเป็น)
เมืองคาวาโกเอะ หรือเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า “โคะเอโดะ (※4)” ซึ่งยังคงหลงเหลืออาคารบ้านเมืองเก่าแก่ให้ได้ชมกันอยู่จนถึงทุกวันนี้ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวมากมายทั่วโลก โดยไม่ได้มีไฮไลท์เพียงแค่ร่องรอยทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยเอโดะและวัดวาอารามสุดโดดเด่นเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ตั้งของร้านค้าสไตล์ย้อนยุคบนถนนช้อปปิ้งอีกด้วย
※4:โคะเอโดะ ……“小 (โคะ)” ในภาษาไทยหมายถึง “เล็ก / น้อย” ส่วนเอโดะเป็นชื่อเก่าของโตเกียว จึงหมายถึงเมืองที่ยังคงหลงเหลือวัฒนธรรมและอาคารบ้านเมืองเก่าแก่เหมือนกับเมืองเอโดะขนาดเล็กนั่นเอง
ถ้าเกิดใครลองมาตระเวนเดินชมร้านจำหน่ายของฝากที่นี่ก็จะพบกับสินค้าที่น่าสนใจเพียบอย่างแน่นอน สำหรับใครที่ชื่นชอบการ์ตูนเรื่อง Kamisama Hajimemashita (จิ้งจอกเย็นชากับสาวซ่าเทพจำเป็น) ซึ่งมีฉากหลังเป็นเมืองคาวาโกเอะแล้วมีโอกาสได้พบกับหน้ากากสุนัขจิ้งจอกแบบนี้ รับรองว่าจะต้องตื่นเต้นกันบ้างไม่มากก็น้อยชัวร์ป้าบบ!
เอาล่ะ เราออกไปเดินสำรวจเมืองคาวาโกเอะตามสถานที่ที่ปรากฏอยู่ในอนิเมะกันเลยดีกว่า!
6. Toki no Kane (โทคิ โนะ คาเนะ)
เมื่อเดินไปตาม Kanetsuki Dori (ถนนคาเนะสึกิ) ที่เรียงรายไปด้วยร้านค้าอันทรงเสน่ห์ ไม่ว่าใครก็ต้องหยุดจับจ้องไปที่ระฆัง Toki no Kane (โทคิ โนะ คาเนะ) สุดเอกลักษณ์กันบ้างแหละ ระฆังโดนไฟไหม้ไปหลายต่อหลายครั้งมาตั้งแต่ในสมัยเอโดะซึ่งในขณะนั้นเมืองคาวาโกเอะเป็นเมืองรอบปราสาทอันเจริญรุ่งเรืองมากจนต้องซ่อมแซมขึ้นใหม่หลายครั้ง ในปัจจุบัน ระฆังบนหอคอยสูง 16 เมตรนี้ก็ยังคงคอยบอกเวลา 4 รอบ / วันอยู่เหมือนเดิม (6 โมงเช้า, เที่ยงตรง, บ่าย 3 โมง และ 6 โมงเย็น) เสียงก้องกังวานของระฆังซึ่งเป็นที่หลงใหลกันในหมู่ชาวเมืองได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น 1 ใน “100 ทัศนียภาพทางเสียงของญี่ปุ่น” เลยทีเดียว
บรรยากาศเก่าแก่ของระฆังโทคิโนะคาเนะซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองคาวาโกเอะปรากฏให้เห็นในอนิเมะเรื่อง Kamisama Hajimemashita (จิ้งจอกเย็นชากับสาวซ่าเทพจำเป็น) บ่อยมาก เราจึงสามารถใช้ช่วงเวลาสุดตื่นเต้นราวกับหลุดเข้าไปสู่โลกแห่งอนิเมะในคาวาโกเอะได้อย่างจุใจ
7. Historic places in fujimi yagura (ร่องรอยทางประวัติศาสตร์ฟูจิมิยากุระ)
บริเวณห่างจากถนนคาเนะสึกิไปทางฝั่งตะวันออกประมาณเดินเท้าไม่กี่นาทีเป็นที่ตั้งของ Historic places in fujimi yagura (ร่องรอยทางประวัติศาสตร์ฟูจิมิยากุระ) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปราสาทคาวาโกเอะในสมัยก่อน เมื่อเดินขึ้นบันไดไปเรื่อยๆก็จะพบกับร่องรอยของหอคอยยากุระที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยเอโดะตั้งอยู่บนเนิน ว่ากันว่าเราสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้จากบนหอคอยยากุระเลยทีเดียว
จะว่าไปแล้ว “ศาลเจ้ามิคาเกะ” ซึ่งเป็นฉากหลังสำคัญของอนิเมะเรื่อง Kamisama Hajimemashita (จิ้งจอกเย็นชากับสาวซ่าเทพจำเป็น) นั้นสร้างขึ้นบนเนินห่างจากตัวเมืองก็จริง แต่บอกเลยว่าเนินที่สามารถชมทัศนียภาพอันงดงามของเมืองได้นั้นก็มีแค่เนินซึ่งเป็นที่ตั้งของร่องรอยทางประวัติศาสตร์ฟูจิมิยากุระแห่งนี้เท่านั้น
ความจริงแล้วด้านหลังของร่องรอยทางประวัติศาสตร์ฟูจิมิยากุระมีศาลเจ้าขนาดเล็กตั้งอยู่ด้วย นั่นก็คือ “ศาลเจ้ามิตาเกะ” นั่นเอง บางทีศาลเจ้าที่ตั้งแอบอยู่เงียบๆแห่งนี้อาจเป็นต้นแบบของ “ศาลเจ้ามิคาเกะ” ในอนิเมะก็ได้ใครจะไปรู้...
เมื่อเราลองเดินสำรวจไปทางด้านหลังถัดจากศาลเจ้ามิตาเกะก็ได้พบกับศาลเจ้าอินาริขนาดเล็กชื่อว่า “ศาลเจ้าฟูจิมิอินาริ” ด้วยล่ะค่ะ! พอเห็นศาลเจ้ามิตาเกะและศาลเจ้าฟูจิมิอินาริตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันแบบนี้แล้วก็ทำให้นึกถึง “นานามิ” เทพเจ้าแห่งผืนดินของศาลเจ้ามิคาเกะและ “โทโมเอะ” ผู้รับใช้เทพเจ้าซึ่งเรียกกันว่าผู้ปิดทองหลังพระ 2 ตัวละครเอกของเรื่อง Kamisama Hajimemashita (จิ้งจอกเย็นชากับสาวซ่าเทพจำเป็น) ขึ้นมาทันที รู้สึกตื่นเต้นจริงๆที่ได้รู้ว่าความสัมพันธ์ของตัวละครเอกทั้ง 2 ตัวได้รับแรงบันดาลใจมาจากศาลเจ้าทั้ง 2 แห่งนี้
โบสถ์หลักของวัดคิตะอิน
นอกจากที่นี่แล้วในคาวาโกเอะก็ยังเต็มไปด้วยไฮไลท์อื่นๆอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น Kita-in (วัดคิตะอิน) ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องสถาปัตยกรรมที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าและ Hikawa Shrine (ศาลเจ้าฮิกาวะ) ซึ่งเป็นศาลเจ้าแห่งความรักชื่อดัง เป็นต้น ไหนใครอยากมาลองใช้เวลาตลอดทั้งวันในการเดินเล่นชมอาคารบ้านเมืองดั้งเดิมตั้งแต่สมัยเอโดะพลางดื่มด่ำกับขนมมันเทศขึ้นชื่อประจำท้องถิ่นกันดูบ้างเอ่ย?
บริเวณโดยรอบสถานีคาวาโกเอะมีบรรยากาศสุดคึกคักแตกต่างจากแหล่งท่องเที่ยวอย่างเมืองสไตล์โกดัง เมืองคาวาโกเอะซึ่งมีทั้งด้านสมัยใหม่และด้านบรรยากาศสุดขลังน่าค้นหาบริเวณวัด-ศาลเจ้านั้นเป็นอะไรที่เหมาะกับการใช้เป็นฉากหลังของอนิเมะเรื่อง Kamisama Hajimemashita (จิ้งจอกเย็นชากับสาวซ่าเทพจำเป็น) ภายใต้ธีมโลกมนุษย์และโลกแห่งเทพเจ้าที่สุดแล้ว
เที่ยวเมืองคุกิย้อนประวัติศาสตร์กลับไปสู่สมัยโบราณ (Lucky Star : ลักกีสตาร์)
8. Washinomiya Shrine (ศาลเจ้าวาชิโนะมิยะ)
Washinomiya Shrine (ศาลเจ้าวาชิโนะมิยะ) ที่ตั้งอยู่ภายในเมืองคุกิ จ.ไซตามะแห่งนี้เป็นศาลเจ้าขึ้นชื่อในฐานะที่เป็นหนึ่งในศาลเจ้าไทฉะที่เก่าแก่ที่สุดใน ภูมิภาคคันโต เนื่องจากมีการค้นพบร่องรอยที่อยู่อาศัยยุคโบราณภายในบริเวณวัด ทำให้เชื่อกันว่าที่นี่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนานตั้งแต่ก่อนคริสตกาลเลยทีเดียว
เมื่อเดินลอดเสาโทริอิขนาดใหญ่เข้าไปในบริเวณศาลเจ้าวาชิโนะมิยะก็สามารถสัมผัสถึงความเงียบสงบของยุคโบราณได้ทันที
เวทีด้านหน้าวิหารหลักจะมีการจัดแสดงคางุระขึ้นก่อนทำพิธีชินโต โดยไฮไลท์เฉพาะของศาลเจ้าวาชิโนะมิยะแห่งนี้เลยก็คือการแสดง “วาชิโนะมิยะไซบาระคางุระ” ซึ่งยังคงหลงเหลือแบบแผนของสมัยโบราณให้ชมกัน 6 ครั้ง / ปีนั่นเอง
※5:คางุระ……การร่ายรำถวายเทพเจ้าในพิธีชินโต
มีตำนานเล่าต่อกันมาว่า “บ่อน้ำมิฮิคาริโนะอิเคะ” ที่ตั้งอยู่ภายในศาลเจ้าวาชิโนะมิยะอันแสนกว้างใหญ่นั้นเป็นบ่อน้ำที่อยู่อาศัยของเทพมังกรมาตั้งแต่ในสมัยโบราณ ที่นี่จึงนับเป็นสถานที่ลึกลับน่าพิศวงถึงขนาดชวนให้คิดว่าสามารถมองเห็นโลกในตำนานผ่านผิวน้ำที่สะท้อนแสงแดดอ่อนๆได้เลยทีเดียว
เนื่องจาก “ศาลเจ้าวาชิโนะมิยะ” เป็นต้นแบบของ “ศาลเจ้าทาคามิยะ” ซึ่งพ่อของสองพี่น้องฮีรากิทำงานเป็นสังฆราชอยู่ในอนิเมะยอดฮิตเรื่อง Lucky Star (ลักกีสตาร์) เราจึงจะได้เห็นสิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้องกับอนิเมะเรื่องนี้ทั่วทุกแห่งภายในศาลเจ้า โดยเฉพาะแผ่นไม้อธิษฐานรูปตัวละครในลักกีสตาร์ได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษ
บทส่งท้าย
เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย? นอกจากแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมหลักๆในจ.ไซตามะแล้วก็ยังเต็มไปด้วยไฮไลท์อื่นๆอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นสถานที่ฉากหลังสำคัญในภาพยนตร์หรืออนิเมะสมัยใหม่ ยังไงระหว่างท่องเที่ยวเพื่อนๆก็ลองแวะมาชมฉากต่างๆของอนิเมะในดวงใจของผู้คนมากมายที่เมืองชิชิบุ, คาวาโกเอะ และคุกิกันดูนะคะ ความทับซ้อนกันระหว่างเรื่องราวในอดีตที่เกี่ยวข้องกับสถานที่แต่ละแห่งและเรื่องราวซึ่งผ่านการสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยนักพัฒนารุ่นใหม่นับเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้
และสำหรับใครที่อยากรู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ของไซตามะ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จาก "รวมบทความพิเศษ จังหวัดไซตามะ" กันได้เลย
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
ไกด์นำเที่ยวไซตามะแบบจัดเต็ม! วิธีการเดินทาง・สภาพอากาศ・อาหาร & ช้อปปิ้ง・35 แหล่งท่องเที่ยว
แหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตของจังหวัดไซตามะ 〜ชมสเน่ห์ของไซตามะ〜
5 ศิลปหัตถกรรมดั้งเดิมของจ.ไซตามะ
7 ที่พักคัดพิเศษที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวในไซตามะ
อิ่มอร่อยหลากหลายรสชาติ! 6 ร้านราเม็งแนะนำในจ.ไซตามะ
Sponsored by 埼玉県
บัญชีส่งเสริมการขายของ MATCHA สำหรับการโฆษณาองค์กรและรัฐบาลท้องถิ่น เรามุ่งมั่นที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านของเราอย่างสนุกสนาน
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง