พาเที่ยวศาลเจ้ามิตสึมิเนะ ชมน้ำแข็งย้อยงดงามตระการตา Power Spot อันศักดิ์สิทธิ์ใกล้โตเกียว!

ศาลเจ้ามิตสึมิเนะ (Mitsumine Shrine) แห่งนี้เป็นหนึ่งใน แหล่ง Power Spot ที่ใหญ่ที่สุดใน ภูมิภาคคันโต (ครอบคลุม 6 จังหวัด บริเวณโดยรอบโตเกียว) เนื่องจากมีผู้ที่เดินทางไปสักการะหลายคนเล่าว่าหลังจากกลับมาแล้ว อยู่ดีๆ การงานก็ราบรื่น ไปได้สวยขึ้นมาในทันที! แถมบางคนก็มีโชคด้านการเงินดีขึ้นด้วย! 

ว่ากันว่าที่นี่ศักดิ์สิทธิ์เรื่องการขอพรด้านการงาน การเงิน และความรัก และในฤดูหนาวเราสามารถชม น้ำแข็งย้อยมิโซะสึจิ (Misotsuchi Icicles) แท่งน้ำแข็งย้อยธรรมชาติขนาดยักษ์แถวนั้นได้ด้วย หลายคนจึงเลือกเดินทางมาเที่ยวทั้ง 2 แห่งพร้อมกันเลย

ในครั้งนี้เราจะมาแนะนำแผนเที่ยวทั้งศาลเจ้ามิตสึมิเนะและน้ำแข็งย้อยมิโซะสึจิจากโตเกียวแบบไปเช้าเย็นกลับกันค่ะ! ^^

แผนเที่ยวจากโตเกียวไปแหล่ง Power Spot “ศาลเจ้ามิตสึมิเนะ” และชมน้ำแข็งย้อยมิโซะสึจิสุดงามในฤดูหนาว 1 วันเต็ม

7.30 น. ออกเดินทางจากสถานีอิเคะบุคุโระในโตเกียวด้วย “รถไฟด่วนพิเศษสาย Red Arrow”!

เริ่มต้นเดินทางจากสถานีอิเคะบุคุโระ (Ikebukuro) ด้วยรถไฟสาย Seibu Ikebukuro Line เราจะนั่ง “รถไฟด่วนพิเศษ Limited Express สาย Red Arrow” มุ่งหน้าไปยังสถานี Seibu-Chichibu ซึ่งเป็นสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดของศาลเจ้ามิตสึมิเนะ ถ้านั่งรถไฟ “Chichibu สาย 5 (Chichibu Go-gou)” รอบเวลา 7.30 น. จะเดินทางมาถึงเวลา 8.13 น.

สำหรับใครที่อยากตระเวนเที่ยวรอบโซนจิจิบุก็ขอแนะนำให้ใช้ “1 Day Pass (*1)” ตั๋วบุฟเฟ่ต์ขึ้น-ลงรถไฟสาย Seibu ทุกสายได้อย่างอิสระในราคา 1,000 เยน / วันเลยค่ะ สำหรับรายละเอียดสามารถเข้าไปดูได้จาก เว็บไซต์หลัก ของ Seibu Railway

*1 : 1 Day Pass ...... การใช้บริการรถไฟสาย Red Arrow จำเป็นต้องจ่ายค่าด่วนพิเศษเพิ่มต่างหาก

9.10 น. นั่งรถบัสมุ่งหน้าจาก Seibu-Chichibu Station ไปยังศาลเจ้ามิตสึมิเนะ

การเดินทางจากสถานี Seibu-Chichibu มาถึงศาลเจ้ามิตสึมิเนะโดยรถบัสด่วนที่มุ่งหน้าไปยังศาลเจ้ามิตสึมิเนะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที โดย 1 วันมีรถบัสวิ่งให้บริการทั้งหมด 5 เที่ยว เที่ยวแรกเริ่มวิ่งให้บริการเวลา 09.10 น. ส่วนเที่ยวต่อมาวิ่งให้บริการเวลา 10.05 น. จากหน้าต่างรถบัสเราสามารถเพลิดเพลินกับวิวสุดงามของเขื่อนขนาดยักษ์และหุบเขาอันสวยงามของแม่น้ำอาราคาวะได้ด้วยนะ

10.45 น. ลอดเสา “มิตสึโทริอิ” ที่หายากแม้ในญี่ปุ่นเข้าไปในศาลเจ้ามิตสึมิเนะ

ถ้านั่งรถบัสรอบ 09.10 น. ก็จะเดินทางมาถึงศาลเจ้ามิตสึมิเนะเวลา 10.45 น. เนื่องจากศาลเจ้าตั้งอยู่บนภูเขาสูงกว่า 1,100 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล จึงทำให้รู้สึกได้ถึงพลังทางธรรมชาติอันแรงกล้าที่แผ่ออกมาจากป่าบริเวณโดยรอบได้อย่างชัดเจน

สิ่งที่รอต้อนรับเป็นอย่างแรกเมื่อเดินทางมาถึงเลยก็คือเสา “มิตสึมิเนะโทริอิ” ที่ประกอบด้วยเสาโทริอิที่เรียงซ้อนกัน 3 ต้นนั่นเอง ภาพเสาโทริอิต้นเล็ก 2 ต้นที่ตั้งขนาบข้างเสาโทริอิขนาดใหญ่นับเป็นภาพแปลกตาที่หาชมได้ยากแม้ในญี่ปุ่นเอง

บนถนนศาลเจ้าด้านหน้ามีรูปปั้นหินที่ดูเผิน ๆ แล้วเหมือนกับ สิงโตสุนัข (โคะมะอินุ) ตั้งอยู่ด้วย

แต่ความจริงแล้วรูปปั้นนี้ไม่ใช่สุนัขแต่เป็นหมาป่านะจ๊ะ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่แถวศาลเจ้ามิตสึมิเนะเคารพบูชาหมาป่าในฐานะที่เป็นผู้รับใช้เทพเจ้า ที่คอยปกป้องดูแลผลิตผลทางการเกษตรจากหมูป่าในสมัยเอโดะ ถ้าเข้าไปดูใกล้ ๆ จะสามารถสัมผัสถึงพลังอันแรงกล้าของเทพผู้พิทักษ์ได้อย่างชัดเจน

สักการะบูชาศาลเจ้ามิตสึมิเนะที่เปี่ยมไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์แล้วตระเวนชมแหล่งพ Power Spot กันต่อเลย

เมื่อเดินบนถนนศาลเจ้าตรงเข้าไปเรื่อย ๆ ประมาณ 10 นาทีก็จะพบกับวิหารของศาลเจ้ามิตสึมิเนะที่มี ประวัติความเป็นมาอันยาวนานกว่า 1,900 ปี อุตส่าห์มาถึงตรงนี้แล้วก็สักการะกันสักหน่อย~

สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการสักการะบูชาสามารถเข้าไปดูได้จากบทความ “ยังไม่สายเกินไปใช่มั๊ย ที่จะถามเกี่ยวกับวิธีการนมัสการที่ถูกต้องของศาลเจ้า”

การประดับตกแต่งสีสันสดใสสวยงาม เหล่านี้แฝงไปด้วยความหมายอันลึกซึ้งที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อของชินโตทั้งสิ้น

เพื่อน ๆ ลองดูภาพด้านบนให้ดีนะ... สังเกตุเห็นไหมคะว่าบนพื้นหินมีรูปมังกรนูนขึ้นมาด้วยนะ!

“เทพมังกร” นี้อยู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนพื้นดินฝั่งซ้ายด้านหน้าวิหารเมื่อปี 2012  ถ้าโดนน้ำจะเห็นรูปร่างของมังกรชัดเจนขึ้นมา และว่ากันว่าถ้าใครเห็นจะได้โชคลาภ จึงบอกเลยว่าห้ามพลาดมาตามหากันด้วยประการทั้งปวง! โดยทางศาลเจ้ามีการเตรียมถังไม้ใส่น้ำเอาไว้ให้บริการใกล้ ๆ ด้วย

ทั้งสองฝั่งด้านหน้าวิหารเป็นที่ตั้งของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ 2 ต้นที่มีอายุยาวนานกว่า 800 ปี หลังจากสักการะบูชาศาลเจ้าเสร็จก็อย่าลืมแวะมาสัมผัสต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นี้กันด้วยเนอะ บางทีเราอาจได้สัมผัสห้วงความรู้สึกราวกับว่ามีพลังอัศจรรย์ไหลเข้าสู่ร่างกายก็ได้นะ...

เมื่อเดินจากวิหารหลักเข้าไปด้านในตามทางขึ้นเขาประมาณ 5 นาทีก็จะเห็นโบสถ์ที่ตั้งป้ายสัญลักษณ์รูปหัวใจทรงแผ่นป้ายขอพร เอมะ ขนาดใหญ่เอาไว้อยู่ เนื่องจากด้านหลังมีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ 2 ต้นเคียงกันอยู่คู่กันราวกับเป็นคู่รัก ทำให้ผู้คนเรียกตรงนี้ว่าเป็น แหล่ง Power Spot ด้านความรัก

ว่ากันว่าถ้าเขียนชื่อคนที่ชอบใส่กระดาษแล้วทำเป็น “โคโยริ” (*2) ถวายเป็นของเซ่นไหว้ให้กับโบสถ์แห่งนี้จะสมหวังเรื่องความรักด้วยนะเออ... ของแบบนี้ไม่ลองไม่รู้! ^o^

*2 : โคโยริ ...... เชือกที่ทำมาจากกระดาษฉีกเป็นเส้น ๆ บิดให้แน่นเป็นเส้นแล้วนำมารวมกัน

นอกจากนี้ ภายในบริเวณศาลเจ้าก็ยังเป็นที่ตั้งของ โยไฮเด็น (Youhaiden) จุดชมวิวสำหรับเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามของทิวเขาในจิจิบุอีกด้วย

เครื่องราง “คิ” แห่งศาลเจ้ามิตสึมิเนะที่นักกีฬาเหรียญเงินโอลิมปิค “อาซาดะ มาโอะ” ก็ยังมีติดตัวไว้!

สิ่งที่บอกเลยว่าใครที่อยากได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์ในชีวิตประจำวันนั้นห้ามพลาดซื้อ เครื่องราง “คิ” ที่ศาลเจ้ามิตสึมิเนะเก็บติดตัวไว้กันให้ได้ค่ะ ภายในถุงเครื่องรางบรรจุชิ้นส่วนของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ ทำให้เราสามารถสัมผัสถึงพลังแห่งศาลเจ้ามิตสึมิเนะได้ตลอดเวลาเลยทีเดียว ราคา 1,000 เยน / ชิ้น

เครื่องราง “คิ” นี้ปกติแล้วจะมีจำหน่ายเฉพาะสีแดง สีดำ สีเขียว และสีชมพู แต่เฉพาะในวันที่ 1 ของทุกเดือนจะมีจำหน่ายเครื่องรางสีพิเศษอย่าง สีขาว ด้วยนะจ๊ะ...

ว่ากันว่าเครื่องราง “คิ” สีขาวนั้นมีพลังอันแรงกล้ามากกว่าเครื่องรางปกติ แม้แต่ “อาซาดะ มาโอะ” (Asasda Mao) นักกีฬาสเก็ตน้ำแข็งเหรียญเงินจากการแข่งขันโอลิมปิกที่เมืองแวนคูเวอร์ปี 2010 ยังพกติดตัวเอาไว้เลยทีเดียว

ศาลเจ้ามิตสึมิเนะ

298-1 มิตสึมิเนะ เมืองจิจิบุ จังหวัดไซตามะ 369-1902

12.30 น. มื้อกลางวันอิ่มอร่อยกับ “วาราจิคัตสึด้ง” เมนูยอดนิยมประจำร้าน “โอชิมายะ”!

ส่วนมื้อกลางวันเราจะมาอิ่มอร่อยกับเมนูชั้นเลิศของจิจิบุกันค่ะ! โดยร้านอาหารยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวเป็นพิเศษก็จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก “โอชิมายะ” (Ooshimaya) ที่ตั้งอยู่ติดกับศาลเจ้ามิตสึมิเนะนั่นเอง

“โอชิมายะ” เป็นร้านอาหารที่สามารถดื่มด่ำกับเมนูสไตล์จิจิบุอันหลากหลายได้ เช่น “คุรุมิโซบะ” โซบะและน้ำซุปผสมวอลนัตบดที่ทำมาจากวัตถุดิบท้องถิ่น เป็นต้น และเมนูแนะนำของทางร้านคือ “วาราจิคัตสึด้ง” (ราคารวมภาษี 1,000 เยน) ถ้าใครได้ทานเมนูชุบแป้งทอดปริมาณเน้น ๆ ราดด้วยซอสหวาน ๆ เค็ม ๆ แบบนี้จะต้องอิ่มแปล้กันอย่างแสนอร่อยแน่นอน

ภายในร้านแสนกว้างขวางมีการจัดเตรียมที่นั่งสไตล์ญี่ปุ่นให้ลูกค้าได้เพลิดเพลินกับเพื่อน ๆ หรือครอบครัวได้อย่างชิลล์ ๆ ด้วยนะเออ...

โอชิมายะ

297-2 มิตสึมิเนะ เมืองจิจิบุ จังหวัดไซตามะ 369-1902

14.55 น. มุ่งหน้าไปชม “น้ำแข็งย้อยมิโซะสึจิ” วิวหิมะและน้ำแข็งที่สวยงามสุดๆ !

รถบัสออกเดินทางจากศาลเจ้ามิตสึมิเนะเวลา 14.30 น. ผ่านไปประมาณ 25 นาทีจะเริ่มเห็นทัศนียภาพของ น้ำแข็งย้อยมิโซะสึจิ ผ่านตามาเรื่อย ๆ แท่งน้ำแข็งย้อยขนาดยักษ์ที่เกิดจากความหนาวเย็นในฤดูหนาวนับเป็นวิวที่เหมาะที่จะเรียกว่า “ศิลปะแห่งน้ำแข็ง” จริง ๆ นะเนี่ย!

ในญี่ปุ่นเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถชมน้ำแข็งย้อยจากฝีมือมนุษย์ได้มากมาย แต่น้ำแข็งย้อยมิโซะสึจิแห่งนี้คือน้ำแข็งย้อยตามธรรมชาติที่หาชมได้ยากเลยทีเดียว

น้ำแข็งย้อยที่ว่านี้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่กลับมีขนาดใหญ่โต โดยมีความกว้างสูงสุดกว่า 30 เมตรและสูงถึง 8 เมตร บอกเลยว่าต้องมาชมความมหัศจรรย์ของน้ำแข็งฝีมือธรรมชาติที่นี่กันให้ได้ค่ะ ^^

“Wood Roof Okuchichibu Auto Camp Grounds” ที่ตั้งอยู่ใกล้กันมีจำหน่ายผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นประจำจิจิบุและเมนูอาหารที่สามารถลิ้มลองได้ในราคาสบายกระเป๋า ระหว่างรอรถบัสขากลับก็อย่าลืมแวะมาช้อปปิ้งที่นี่กันด้วยนะ

เสาน้ำแข็งสามสิบแท่ง

4066 Otaki เมือง Chichibu จังหวัดไซตามะ 369-1901

16.45 น. เพลิดเพลินกับออนเซ็นที่ “มัตสึริโนะยุ” ภายในสถานีรถไฟ

เอื้อเฟื้อภาพโดย : Seibu Railway Co.,Ltd.

ถ้านั่งรถบัสจากน้ำแข็งย้อยมิโซะสึจิรอบเวลา 15.55 น. ก็จะเดินทางมาถึงสถานี Seibu-Chichibu ในเวลา 16.45 น. รถบัสเที่ยวสุดท้ายที่ออกเดินทางจากน้ำแข็งย้อยมิโซะสึจิจะมาเวลา 16.55 น. ยังไงก็ระวังเรื่องเวลากันด้วยนะคะ ^^

ภายใน "มัตสึริโนะยุ" (Matsuri no Yu) ที่ตั้งอยู่ภายในสถานี Seibu-Chichibu มีทั้งออนเซ็นและของฝากจากจิจิบุให้เลือกช้อปปิ้งกันมากมาย การได้มาแช่ร่างกายอันหนาวเหน็บให้อบอุ่นสบายก่อนกลับบ้านนับเป็นประสบการณ์สไตล์ญี่ปุ่นอย่างแท้จริงเลยล่ะ!

แนะนำที่พักและเช่ารถเที่ยวสำหรับใครที่อยากเที่ยวอย่างจุใจมากยิ่งขึ้น!

เพียงแค่มีรถเช่าก็สามารถเพลิดเพลินกับการจัดแสดงไฟสุดงามของน้ำแข็งย้อยมิโซะสึจิได้ด้วย!

น้ำแข็งย้อยมิโซะสึจิแห่งนี้หลังเวลา 5 โมงเย็นจะมีการจัดแสดงไฟไลท์อัพสุดงามให้ได้ชมกันด้วยนะ เนื่องจากรถบัสเที่ยวสุดท้ายจะมีให้บริการในเวลา 16.55 น. สำหรับใครที่อยากชมไลท์อัพจึงต้งใช้บริการแท็กซี่หรือเช่ารถเที่ยวเองจะดีที่สุด

สำหรับใครที่อยากเช่ารถสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้จากบทความ “วิธีการเช่ารถที่ญี่ปุ่น และข้อควรรู้ต่าง ๆ”

แต่ เพราะว่าเป็นฤดูกาลที่มีอากาศหนาวเย็นมาก ๆ จึงควรระวังเรื่องถนนเป็นน้ำแข็งสำหรับใครที่เช่ารถเที่ยวเอง และสำหรับใครที่ไม่คุ้นเคยกับการขับรถบนถนนที่ปกคลุมไปด้วยหิมะก็อย่าฝืนขับรถเอง ควรใช้บริการแท็กซี่จะปลอดภัยกว่า

เข้าพักในที่พักของศาลเจ้ามิตสึมิเนะ แล้วไปชมทะเลหมอกชวนฝันกัน!

ภายในบริเวณศาลเจ้ามิตสึมิเนะเป็นที่ตั้งของที่พัก “โคอุนคาขุ” (Kouunkaku) ซึ่งเปิดให้เข้าพักค้างคืนได้ด้วย โดยขอแนะนำสำหรับใครที่อยากใช้เวลาเที่ยวอย่างชิลล์ ๆ เลยค่ะ ^^

เอื้อเฟื้อภาพโดย ：ศาลเจ้ามิตสึมิเนะ

จากอาคารโยไฮเด็นของศาลเจ้ามิตสึมิเนะ เราสามารถมองเห็นทะเลหมอกชวนฝันราวกับเป็นอีกโลกนึงในตอนเช้าตรู่ได้ สำหรับใครที่ค้างคืนกันที่นี่ก็ต้องรีบตื่นเช้า ๆ มาชมความงดงามทางธรรมชาตินี้กันสักหน่อย!

นอกจากนี้ ในโซนจิจิบุก็ยังเต็มไปด้วย ที่พัก และ อาหารการกิน อันทรงเสน่ห์อีกเพียบ! ยังไงก็ขอให้เพื่อน ๆ สนุกกับการท่องเที่ยวจิจิบุกันให้จุใจเลยนะคะ

และสำหรับใครที่อยากรู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ของไซตามะ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จาก "รวมบทความพิเศษ จังหวัดไซตามะ" กันได้เลย

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ :

7 ที่พักคัดพิเศษที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวในไซตามะ
ไกด์นำเที่ยวไซตามะแบบจัดเต็ม! วิธีการเดินทาง・สภาพอากาศ・อาหาร & ช้อปปิ้ง・35 แหล่งท่องเที่ยว
แหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตของจังหวัดไซตามะ ~ ชมสเน่ห์ของไซตามะ ~
"แหล่งท่องเที่ยวสุดเอกลักษณ์!" ที่มีเฉพาะในจังหวัดไซตามะเท่านั้น
"ของอร่อยจังหวัดไซตามะ" ที่ต้องมาทานให้ได้สักครั้ง
※ ตารางเวลาเดินรถบัสทั้งหมดภายในบทความนี้เป็นข้อมูล ณ ปี 2017 จึงควรเข้าไปเช็ค ตารางเวลา ควบคู่ไปด้วยเสมอ

Sponsored by จังหวัดไซตามะ