พาเที่ยวโตเกียว นิกโก้ และคาวาโกเอะ ด้วยตั๋วพาสสุดคุ้มนั่งไม่อั้นตลอด 3 วันเต็ม!

ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าโตเกียวเป็นเมืองที่ใครหลายคนอยากไปเที่ยวมากที่สุดเมื่อได้มาญี่ปุ่น
แต่เพื่อนๆ รู้มั้ยคะว่าห่างจากโตเกียวไปเพียงเล็กน้อยก็มีแหล่งชมวิวสุดงามของญี่ปุ่นเหมือนที่เห็นกันบ่อยๆ ตาม Social media หรือภาพถ่ายในหนังสือนำเที่ยวให้ได้ชมกันแล้วนะ!
ไม่ว่าจะเป็น "คาวาโกเอะ" เมืองโบราณสำหรับเดินเล่นชิลล์ๆ ศาลเจ้านิกโก้โทโชกูแสนสง่างาม หรือสวนดอกไม้อาชิคางะที่บานสะพรั่งไปด้วยดอกฟูจิ (วิสทีเรีย) จำนวนมหาศาล และอื่นๆ อีกมากมาย
อุตส่าห์ได้มาเที่ยวญี่ปุ่นทั้งทีจะอยู่แค่ในโตเกียวคงไม่คุ้ม ก็ต้องตระเวนชมแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อรอบนอกโตเกียวกันให้เต็มที่สักหน่อย

รับรองว่าถ้าใครถ่ายรูปทัศนียภาพอันงดงามของสถานที่เหล่านี้อัพลงโซเชียลจะต้องทำให้เพื่อนๆ ได้อิจฉากันอย่างแน่นอนค่ะ

...  หือ? ว่าไงนะ ... กังวลเรื่องค่าเดินทางกับตอนซื้อตั๋วเหรอ? เพียงแค่มีตั๋ว "Greater Tokyo Pass" ปัญหาเหล่านี้ก็ทำอะไรเราไม่ได้แล้ว!

ในครั้งนี้เราจะมาแนะนำข้อมูลเกี่ยวกับ "Greater Tokyo Pass" ตั๋วบุฟเฟ่ต์ขึ้น - ลงรถไฟเอกชน (ไม่รวม JR) ในภูมิภาคคันโตและตัวอย่างแผนเที่ยวที่รวมการตระเวนเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อด้วยตั๋ว "Greater Tokyo Pass" กันค่ะ!
ใครอยากเที่ยวสถานที่ยอดฮิตในโตเกียวและรอบๆ อย่างคุ้มค่าต้องอ่านเลยนะ! พลาดแล้วจะเสียใจ!

"Greater Tokyo Pass" ตั๋วฟรีพาส 3 วัน
สำหรับท่องเที่ยวรอบนอกโตเกียวแบบสุดคุ้ม!

"Greater Tokyo Pass" คือ ตั๋วพาสแบบบุฟเฟ่ต์สำหรับขึ้นรถไฟเอกชนในภูมิภาคคันโต 12 บริษัทและรถบัสธรรมดาของแต่ละบริษัทในโตเกียว คานากาว่า ชิบะ และไซตามะตลอด 3 วันเต็ม เพียงแค่มีตั๋วเพียงใบเดียว เราก็จะสามารถท่องเที่ยวทั่วคันโตได้อย่างจุใจโดยไม่ต้องเสียเวลาซื้อตั๋วขึ้นรถแต่ละเที่ยวให้ยุ่งยากเลยล่ะค่ะ ^^

ราคารวมภาษีแล้วสำหรับผู้ใหญ่ 7,200 เยน และเด็ก 3,600 เยน สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่และวิธีซื้อตั๋วสามารถดูได้จากบทความ "แนะนำพาสรถไฟใหม่ล่าสุด! "Greater Tokyo Pass" สุดคุ้มสุดสะดวกนั่งไม่อั้น 3 วัน"

ต่อไปเราจะมาแนะนำแผนเที่ยวตัวอย่างจากประตูสู่ญี่ปุ่นอย่างสนามบินนาริตะกันค่ะ!

แผนเที่ยวด้วยตั๋ว "Greater Tokyo Pass" วันที่ 1
มุ่งหน้าสู่โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree®︎)
และเมืองโบราณ คาวาโกเอะ (Kawagoe)

ตั๋ว "Greater Tokyo Pass" สามารถหาซื้อได้ทั้งที่สนามบินนาริตะ (Narita Airport) และสนามบินฮาเนดะ (Haneda Airport) เราจึงสามารถซื้อตั๋วมาใช้ท่องเที่ยวได้เลยทันทีที่ถึงสนามบิน

สถานที่ที่เราจะเดินทางไปเที่ยวกันเป็นแห่งแรกเลยก็คือโตเกียวสกายทรี®︎ แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อแห่งใหม่ประจำโตเกียวนั่นเอง

โดยนั่งรถไฟสาย Keisei จากสนามบินนาริตะมาลงที่สถานีโอชิอาเกะ (Oshiage Station) เราก็จะเห็นโตเกียวสกายทรี®︎ ตั้งอยู่ตรงหน้าเลย

"จุดชมวิวโตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree Observatory)" จุดถ่ายรูปชั้นเยี่ยมจากจุดชมวิวที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นบนโตเกียวสกายทรี®︎

บอกเลยว่าเพื่อนๆ ต้องลองขึ้นมาถ่ายภาพพาโนรามาสุดยิ่งใหญ่ไม่ว่าจะเป็นวิวอาคารบ้านเมืองโตเกียวที่ทอดยาวไกลสุดลูกหูลูกตาและวิวภูเขาไฟฟูจิที่จะโผล่มาให้เห็นในวันที่อากาศแจ่มใสที่นี่กันดูให้ได้ค่ะ! แล้วก็อย่าลืมเซลฟี่โดยมีวิวเมืองโตเกียวเป็นฉากหลังกลับไปเป็นที่ระลึกกันด้วยนะ!

ร้านศิลปะลูกกวาด "อาซากุสะอาเมะไซขุอาเมะชิน (Asakusa amezaiku ameshin)" ใน โตเกียวโซะระมาชิ (TOKYO Solamachi) ภายในโตเกียวสกายทรี®︎

ร้านเครื่องประดับและลูกกวาดญี่ปุ่น "นิปปอนอาเมะโปรเจค (Nippon Ame Project) by nanaco plus+" ในโตเกียวโซะระมาชิ (TOKYO Solamachi) ภายในโตเกียวสกายทรี®︎

หลังจากขึ้นไปชมวิวกันแล้วก็อย่าลืมแวะ "โตเกียวโซะระมาชิ (TOKYO Solamachi)" แหล่งช้อปปิ้งที่ตั้งอยู่ภายในโตเกียวสกายทรี®︎กันนะคะ บอกเลยว่าที่นี่เป็นแหล่งรวมร้านค้ามากมายกว่า 321 ร้าน อย่างร้านขายของจิปาถะสุดน่ารัก ร้านขายยา น่ามาช้อปปิ้งของฝากสุดๆ

ต่อไปก็นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro มุ่งหน้าไปยังสถานีอิเคะบุคุโระ (Ikebukuro Station) แล้วเปลี่ยนรถไฟเป็นสาย Tobu มาลงที่สถานีคาวาโกเอะ (Kawagoe Station)

ภายในเมืองคาวาโกเอะของจังหวัดไซตามะซึ่งตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของโตเกียวแห่งนี้เราจะได้เพลิดเพลินกับการเดินเล่นชมลิตเติ้ลเอโดะ ที่ยังคงหลงเหลืออาคารบ้านเมืองยุคเอโดะให้ได้เห็นกันอยู่จนถึงปัจจุบัน รวมไปถึงศาลเจ้าคาวาโกเอะฮิคาวะ (Kawagoe Hikawa Shrine) ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการขอพรเรื่องความรักด้วย

ในคาวาโกเอะมีร้านเช่าชุดกิโมโนให้ได้ใช้บริการกันด้วย สำหรับใครที่สนใจก็บอกเลยว่าห้ามพลาดจ้า
ถ้าใครได้มาเซลฟี่ในชุดกิโมโนท่ามกลางอาคารบ้านเมืองสไตล์เอโดะน้อย รับรองว่าจะได้รูปบรรยากาศสวยๆ กลับไปกันอย่างแน่นอน หรือว่าจะอัพลงโซเชียลให้เพื่อนๆ ร้องว้าวกันก็ได้นะ!

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวในคาวาโกเอะสามารถเข้าไปดูได้จากบทความ “[ไซตามะ] ไหว้พระขอพร ทานของอร่อยเมืองเก่า และร่วมเทศกาลกระดิ่งลมผูกสัมพันธ์ที่คาวาโกเอะ”

แผนเที่ยวด้วยตั๋ว "Greater Tokyo Pass" วันที่ 2
นิกโก้ มรดกโลก & ทุ่งดอกวิสทีเรียสุดอลังการ!

ส่วนวันที่ 2 นี้เราจะมุ่งหน้าไปยังนิกโก้ (Nikko) ในจังหวัดโทจิกิกันค่ะ! เพียงแค่นั่งรถไฟสาย Tobu Skytree หรือสาย Tobu Nikko (*1) จากสถานีอาซากุสะ (Asakusa Station) ประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาทีก็ถึงแล้ว

ทุกคนจะต้องตกตะลึงในความงดงามแฝงความขลังของวัดและศาลเจ้าในนิกโก้ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ไม่ว่าจะเป็นศาลเจ้านิกโก้โทโชกู (Nikko Toshogu) และสะพานชินเคียว (Shinkyo) สีแดงสดที่สร้างจากไม้อันงดงามกันอย่างแน่นอน! ที่นี่ก็เป็นแหล่งถ่ายรูปสุดเจ๋งน่าอัพลงโซเชียลไม่แพ้กัน

*1 ... มีวิธีการเดินทางไปยังสถานีนิกโก้ (Nikko Station) แบบไม่ต้องเปลี่ยนขบวนโดยการนั่งรถไฟ Limited Express "Kegon" SPACIA จากสถานีอาซากุสะสาย Tobu ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แต่จำเป็นต้องเสียค่ารถด่วนพิเศษเพิ่มเติมอีก 1,030 เยน

รถบัสโทบุ (Tobu Bus) ที่วิ่งให้บริการจากสถานีโทบุนิกโก้ (Tobu Nikko Station) ไม่สามารถใช้ตั๋ว "Greater Tokyo Pass" ได้ แต่ที่สถานีมีจำหน่ายตั๋วฟรีพาสหลายแบบตามแหล่งท่องเที่ยวที่ต้องการไป เช่น "World Heritage Tour Ticket" ตั๋วแสนสะดวกเหมาะสำหรับท่องเที่ยววัด 1 แห่งและศาลเจ้า 2 แห่งที่ดังๆ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้จากลิงค์ด้านล่างนี้เลย

เว็บไซต์ทางการของรถบัสโทบุ : http://www.tobu-bus.com/en/nikko/

อีกสถานที่ที่สามารถเดินเท้าไปจากศาลเจ้านิกโก้โทโชกูได้ด้วยเวลาประมาณ 8 นาทีคือ "โรงแรมนิกโก้คานายะ (Nikko Kanaya Hotel)" ที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนานกว่า 150 ปีแห่งนี้ ทั้งประตูทางเข้าและบาร์ที่มีบรรยากาศสุดคลาสสิคเป็นอะไรที่ควรค่าแก่การมาชมให้ได้สักครั้ง!

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับศาลเจ้านิกโก้โทโชกูและโรงแรมนิกโก้คานายะสามารถเข้าไปดูได้จากบทความ “ท่องวิถีซามูไร - ตามรอยซามูไรจากโตเกียวถึงฟุกุชิม่าใน 2 วัน (นิกโก้ - หมู่บ้านเก่าโออุจิจุกุ - ปราสาทสึรุกะ)”

หลังจากตระเวนเที่ยวสถานที่เก่าแก่กันจนจุใจแล้วก็มุ่งหน้าไปยัง "สวนดอกไม้อาชิคางะ (Ashikaga Flower Park)" ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องดอกฟูจิ (วิสทีเรีย) กันต่อเลย! (*2)

ช่วงเวลาการชมดอกฟูจิภายในสวนอยู่ระหว่างกลางเดือนเมษายน - กลางเดือนพฤษภาคม ทัศนียภาพของดอกฟูจิสีม่วงอ่อนและสีชมพูที่บานสะพรั่งเป็นอะไรที่น่าประทับใจสุดๆ ถ้าอัพรูปวิวชวนฝันแบบนี้ลงโซเชียล รับรองว่ามีคนกดไลค์เพียบ!

*2 ... วิธีการเดินทางไปยัง “สวนดอกไม้อาชิคางะ” ก่อนอื่นให้นั่งรถไฟจากสถานีโทบุนิกโก้ไปยังสถานีโทจิกิ (Tochigi Station) แล้วเปลี่ยนขบวนเป็นรถไฟสาย JR มาลงที่สถานีสวนดอกไม้อาชิคางะ (Ashikaga Flower Park Station : เปิดให้บริการในเดือนเมษายน 2018) การใช้บริการรถไฟ JR จำเป็นต้องเสียค่าเดินทางแยกต่างหาก 410 เยน แต่ในวันเสาร์ - อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์จะมีรถชัทเทิลบัสวิ่งให้บริการจากสถานีอาชิคางาชิ (Ashikagashi Station) สาย Tobu ที่ใช้พาสของเราได้ไปยัง “สวนดอกไม้อาชิคางะ” ด้วย

สำหรับใครที่มีเวลาเหลือก็ขอแนะนำให้ลองแวะไปเที่ยวบริเวณโดยรอบคินุกาวะออนเซ็น (Kinugawa Onsen) ไม่ว่าจะเป็น "อุทยานแห่งชาตินิกโก้ (Nikko National Park)" แหล่งชมธรรมชาติอันงดงาม หรือ "เอโดะวันเดอร์แลนด์ นิกโก้เอโดะมูระ (Edo Wonderland Nikko Edomura)" หมู่บ้านจำลองอาคารบ้านเมืองยุคเอโดะและ "โทบุเวิลด์สแควร์ (Tobu World Square)" ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องโมเดลจำลองสถาปัตยกรรมชื่อดังจากทั่วโลกกันดูค่ะ! ^^

หลังจากท่องเที่ยวในวันที่ 2 กันจนเต็มอิ่มแล้วก็ถึงเวลานั่งรถไฟสาย Tobu Isesaki กลับไปยังสถานีอาซากุสะ ค้างคืนภายในตัวเมืองเพื่อเตรียมตัวเที่ยวต่อในวันที่ 3 กันเลย

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสวนดอกไม้อาชิคางะสามารถเข้าไปดูได้จากบทความ "ชวนไปเก็บสตรอเบอร์รี่ แวะช้อปปิ้งเอาท์เล็ท แล้วไปชมไฟประดับสุดอลังการที่สวนดอกไม้อาชิคางะ ไปง่ายๆ ใกล้โตเกียว!"

แผนเที่ยวด้วยตั๋ว "Greater Tokyo Pass" วันที่ 3
ทะเลสาบอาชิ (Lake Ashi) ในฮาโกเนะที่มีทัศนียภาพงดงามราวกับภาพวาด

จาก “24 จุดถ่ายรูปวิวภูเขาไฟฟูจิ (โตเกียว คานากาว่า ยามานาชิ ชิสึโอกะ)”

จุดมุ่งหมายของเราในวันที่ 3 ก็จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจากฮาโกเนะ (Hakone) แหล่งออนเซ็นยอดนิยมชั้นนำประจำคันโตนั่นเอง! ส่วนวิธีการเดินทางก็นั่งรถไฟสาย Odakyu กับ Hakone Tozan Railway (*3) มาจากสถานีชินจุกุ (Shinjuku Station) และนั่งรถบัสฮาโกเนะโทซัง (Hakone Tozan Bus) (*4) มาประมาณ 2 ชั่วโมงก็จะถึงแหล่งถ่ายรูปยอดนิยมอย่างทะเลสาบอาชิแห่งนี้แล้วล่ะค่ะ ^^

ทะเลสาบอาชิเป็นแหล่งถ่ายรูปที่คอมโบระหว่างวิวภูเขาไฟฟูจิ เรือโจรสลัด และทะเลสาบใสแจ๋วได้ในภาพเดียว ภาพสุดงามราวกับภาพวาดแบบนี้จะกลายเป็นความทรงจำดีๆ ของทริปเที่ยวญี่ปุ่นที่ไม่ว่าจะหยิบมาดูเมื่อไหร่ก็ฟิน!

*3 ... Hakone Tozan Railway ไม่สามารถใช้ตั๋ว "Greater Tokyo Pass" ได้ จึงจำเป็นต้องจ่ายค่าโดยสารแยกต่างหาก 310 เยน
*4 ... รถบัสฮาโกเนะโทซังไม่สามารถใช้ตั๋ว "Greater Tokyo Pass" ได้ เส้นทางจากสถานีฮาโกเนะ-ยุโมโตะ (Hakone-Yumoto Station) มาถึงป้ายรถบัสโมโตะฮาโกเนะ-โค (Moto Hakone-ko) จำเป็นต้องจ่ายค่าโดยสารแยกต่างหาก 960 เยน

"Greater Tokyo Pass" ตั๋วเอาใจนักท่องเที่ยวที่ยิ่งใช้ ... ยิ่งคุ้ม!

แหล่งท่องเที่ยวที่สามารถเดินทางไปได้ด้วย "Greater Tokyo Pass" มีเยอะแยะมากมายเลยนะเนี่ย! แถมยังไม่จำเป็นต้องเสียเวลาซื้อตั๋วขึ้นรถหลายรอบอีกต่างหาก ทำให้เราสามารถนั่งรถไฟท่องเที่ยวได้อย่างชิลล์สุดๆ

ยังไงเพื่อนๆ ก็ลองนำแผนเที่ยวที่แนะนำกันไปในครั้งนี้ไปประยุกต์ใช้โดยเพิ่มเติมสถานที่ที่ตัวเองอยากไปหรือปรับเปลี่ยนสถานที่ให้เข้ากับความต้องการของตัวเองกันดูนะคะ ยิ่งเที่ยวเยอะมากเท่าไหร่ก็ยิ่งใช้ตั๋ว "Greater Tokyo Pass" ได้อย่างคุ้มค่ามากเท่านั้นนะจ๊ะ

สำหรับวิธีซื้อและใช้งานตั๋ว "Greater Tokyo Pass" สามารถเข้าไปดูได้จากบทความ "แนะนำพาสรถไฟใหม่ล่าสุด! "Greater Tokyo Pass" สุดคุ้มสุดสะดวกนั่งไม่อั้น 3 วัน"

เว็บไซต์ทางการของ TOBU JAPAN TRIP (รายละเอียดเกี่ยวกับ Greater Tokyo Pass) : http://www.tobujapantrip.com/th/

เว็บไซต์ทางการของ Greater Tokyo Pass : https://greater-tokyo-pass.jp/tha/index.html

Photos are courtesy of TOBU Railway Co., LTD.
Sponsored by TOBU Railway Co., LTD.