Start planning your trip
ไกด์นำเที่ยวโตเกียวแบบจัดเต็ม! สภาพอากาศ・ข้อมูลโซนต่างๆ・แหล่งท่องเที่ยว・ของฝาก・โรงแรมที่พัก
บทความแนะนำ “โตเกียว” เมืองหลวงของญี่ปุ่นที่ยังคงหลงเหลือบรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม แต่ก็ยังเต็มไปด้วยร้านค้าสุดเก๋ไก๋และทันสมัยมากมาย แถมอัดแน่นไปด้วยวัฒนธรรมญี่ปุ่นเพียบเลยอีกต่างหาก
โตเกียว
“โตเกียว” เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นแห่งนี้เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งเรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการปกครองของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้
โดยเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเยือนมากที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีการจัดเตรียมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการสำหรับนักท่องเที่ยวเอาไว้อย่างครบครันกว่าแห่งอื่นๆ เนื่องจากเราสามารถหาซื้อสิ่งของจำเป็นทุกอย่างตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบได้ที่นี่ แถมยังมีระบบคมนาคมอันแสนสะดวกสบายอักต่างหาก เราจึงสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกรวดเร็ว แน่นอนว่าภายในโตเกียวเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวเพียบเลยล่ะค่ะ
ในครั้งนี้เราจะมาแนะนำโตเกียวกันแบบครอบจักรวาลตั้งแต่สภาพอากาศในโตเกียว, วิธีการเดินทางมาจากสนามบินนาริตะ-สนามบินฮาเนดะ, ข้อมูลการเดินทางท่องเที่ยวภายในเมือง, เอกลักษณ์ของแต่ละโซน ไปจนถึงแหล่งท่องเที่ยวแนะนำกันค่ะ ^^
สารบัญ:
1.สภาพอากาศในโตเกียว
2.วิธีการเดินทางไปยังโตเกียว
3.ข้อมูลการเดินทางท่องเที่ยวภายในโตเกียว
4.ข้อมูลโซนต่างๆในโตเกียว
5.35 แหล่งท่องเที่ยวแนะนำในโตเกียว
6.โรงแรมที่พักในโตเกียว
7ร้านอาหารในโตเกียว
8.10 แหล่งท่องเที่ยวที่สามารถเดินทางแบบไปเช้า-เย็นกลับจากโตเกียวได้
9.แหล่งช้อปปิ้งของฝากจากโตเกียว
10.ข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อการท่องเที่ยว
สภาพอากาศในโตเกียว
สภาพอากาศในโตเกียวมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนไปตามฤดูกาลทั้ง 4 ประกอบด้วยฤดูใบไม้ผลิ, ฤดูร้อน, ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว
ฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูกาลที่ส่วนใหญ่แล้วจะมีอากาศแจ่มใส แต่บางครั้งก็มีฝนตกลงมาอย่างกะทันหัน ทำให้รวมๆแล้วมีสภาพอากาศไม่แน่นอน ส่วนฤดูร้อนมีทั้งอุณหภูมิและความชื้นสูง ช่วง ฤดูฝน ในเดือนมิถุนายนจะมีฝนตกติดต่อกันหลายวัน เนื่องจากเป็นฤดูกาลที่มีฝนตกหนักพร้อมกับฝนฟ้าคะนอง จึงควรระวังให้ดี
ฤดูใบไม้ร่วงมีสภาพอากาศแจ่มใสเย็นสบายก็จริง แต่ช่วงที่สภาพอากาศแปรปรวนและมีพายุไต้ฝุ่นพัดผ่านอาจทำให้เกิดพายุฝนได้ ส่วนฤดูหนาวไม่ค่อยฝนตก และมีอากาศแจ่มใส แต่มักจะมีอากาศแห้งๆ บางครั้งก็มีหิมะตกด้วย จึงอาจส่งผลกระทบต่อระบบคมนาคมได้
ต่อไปเราจะมาพูดถึงอุณหภูมิสูงสุด-ต่ำสุดและเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่เหมาะสมในแต่ละเดือนกันค่ะ ^^
เดือนมกราคา (อุณหภูมิ 1.8~10.4℃)
เดือนมกราคมจำเป็นต้องเตรียมเสื้อผ้าและอุปกรณ์กันหนาวอย่างดาวน์แจ็คเก็ต, เสื้อโค้ท, ผ้าพันคอ และถุงมือมาให้พร้อม
เดือนกุมภาพันธ์ (อุณหภูมิ 1.9~10.4℃)
เดือนกุมภาพันธ์ก็ยังจำเป็นต้องเตรียมเสื้อผ้าและอุปกรณ์กันหนาวอย่างดาวน์แจ็คเก็ต, เสื้อโค้ท, ผ้าพันคอ และถุงมือมาให้พร้อมเช่นเดียวกัน
เดือนมีนาคม (อุณหภูมิ 5.8~15.5℃)
เดือนมีนาคมก็ยังจำเป็นต้องใช้เสื้อโค้ทอยู่นะจ๊ะ...
เดือนเมษายน (อุณหภูมิ 10.1~19.4℃)
เดือนเมษายนสวมแค่เสื้อคลุมบางๆอย่างคาร์ดิแกนหรือแจ็คเก็ตก็เพียงพอแล้ว
เดือนพฤษภาคม (อุณหภูมิ 16.6~26.4℃)
เดือนพฤษภาคมในตอนกลางวันสวมเสื้อแขนสั้นบางๆก็อยู่ได้อย่างสบายๆ ส่วนตอนเช้าและตอนเย็นจำเป็นต้องสวมเสื้อคาร์ดิแกนบางๆหรือเสื้อแขนยาวทับ
เดือนมิถุนายน (อุณหภูมิ 18.6~26.4℃)
เดือนมิถุนายนสวมแค่เสื้อแขนสั้นหรือเสื้อแขนยาวก็เพียงพอแล้ว เนื่องจากอากาศมีความชื้นสูง จึงขอแนะนำให้เตรียมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดีมาด้วยดีที่จะดีที่สุด
เดือนกรกฎาคม (อุณหภูมิ 23.2~30.1℃)
เดือนกรกฎาคมสวมแค่เสื้อแขนสั้นสบายๆก็ได้ แต่จำเป็นต้องเตรียมอุปกรณ์ป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตมาด้วย
เดือนสิงหาคม (อุณหภูมิ 23.9~30.5℃)
เดือนสิงหาคมก็สวมแค่เสื้อแขนสั้นและเตรียมอุปกรณ์ป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตมาด้วยเหมือนเดิม
เดือนกันยายน (อุณหภูมิ 19.8~26.4℃)
เดือนกันยายนในตอนกลางวันสวมแค่เสื้อแขนสั้นก็เพียงพอแล้ว ส่วนตอนกลางคืนจำเป็นต้องสวมเสื้อคลุมบางๆอย่างคาร์ดิแกนหรือแจ็คเก็ตทับ
เดือนตุลาคม (อุณหภูมิ 14.8~22.7℃)
เดือนตุลาคมจำเป็นต้องเตรียมเสื้อคลุมอย่างคาร์ดิแกน, แจ็คเก็ต หรือเสื้อโค้ทบางๆมาด้วย
เดือนพฤศจิกายน (อุณหภูมิ 10.7~17.8℃)
เดือนพฤศจิกายนขอแนะนำให้สวมเสื้อผ้าอุ่นๆอย่างแจ็คเก็ต, สเวตเตอร์ หรือเสื้อโค้ท
เดือนธันวาคม (อุณหภูมิ 5.8~13.4℃)
เดือนธันวาคมจำเป็นต้องเตรียมเสื้อผ้าและอุปกรณ์กันหนาวอย่างดาวน์แจ็คเก็ต, เสื้อโค้ท, ผ้าพันคอ และถุงมือมาให้พร้อม
※ แหล่งอ้างอิง : ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา ปี 2015
สำหรับรายละเอียดสามารถเข้าไปดูได้จากบทความ「 มาญี่ปุ่นไม่รู้ไม่ได้! ว่ากันด้วยอุณหภูมิในโตเกียวและการแต่งกายตลอดทั้งปี 」
วิธีการเดินทางไปยังโตเกียว
สนามบินในโตเกียวมีทั้งหมด 2 แห่งด้วยกันประกอบด้วย สนามบินนาริตะ และ สนามบินฮาเนดะ โดยทั้งคู่เรียกได้ว่าเป็นประตูจากต่างประเทศสู่ญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ เพราะว่ามีการรองรับเที่ยวบินระหว่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบนั่นเอง เดี๋ยวเรามาแนะนำวิธีการเดินทางหลักๆจากสนามบินทั้ง 2 แห่งไปยังสถานีโตเกียวและสถานีชินจุกุรวมถึงระยะเวลาในการเดินทางและค่าโดยสารกันดีกว่า~
วิธีการเดินทางจากสนามบินนาริตะไปยังสถานีโตเกียว
การเดินทางจากสนามบินนาริตะมาถึงโตเกียวขอแนะนำให้ใช้บริการ Keisei Electric Railway จะสะดวกที่สุด เพราะว่าเราสามารถเดินทางมาถึงโตเกียวได้ในราคาถูก แถมยังไม่ต้องเปลี่ยนรถให้วุ่นวายอีกต่างหาก
Keisei Skyliner ของ Keisei Electric Railway : วิธีการเดินทางที่สะดวกรวดเร็วที่สุด
ระยะเวลาในการเดินทาง:ประมาณ 50 นาที
ค่าโดยสาร:2,630 เยน
สถานีตั้งต้น:Narita Airport Terminal 1 Station และ Narita Airport Terminal 2・3 Station
Narita Sky Access Line Limited Express ของ Keisei Electric Railway : เดินทางมาถึงโตเกียวใน 1 ชั่วโมง + ค่าโดยสารราคาถูก
ระยะเวลาในการเดินทาง:ประมาณ 68 นาที
ค่าโดยสาร:1,450 เยน
สถานีตั้งต้น:Narita Airport Terminal 1 Station และ Narita Airport Terminal 2・3 Station
เปลี่ยนรถ:เปลี่ยนขบวนไปยัง JR YAMANOTE LINE ที่ Shimbashi
Keisei Highway Bus Tokyo Shuttle : วิธีการเดินทางที่ราคาถูกที่สุด
ระยะเวลาในการเดินทาง:ประมาณ 1 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร)
ค่าโดยสาร:จองล่วงหน้า 900 เยน, ซื้อตั๋วในวันเดินทาง 1,000 เยน, ใช้บัตรโดยสารในวันเดินทาง (SUICA และ PASMO) 950 เยน
จุดขึ้นรถบัส:Narita Airport Terminal 1 ใช้จุดขึ้นรถบัสหมายเลข 31, Narita Airport Terminal 2 ใช้จุดขึ้นรถบัสหมายเลข 2 และ 19 ส่วน Narita Airport Terminal 3 ใช้จุดขึ้นรถบัสหมายเลข 1
สำหรับรายละเอียดสามารถเข้าไปดูได้จากบทความ「สถานีโตเกียว→สนามบินนาริตะไม่ถึง 1,000 เยน! คู่มือใช้บริการ Keisei Bus「Tokyo Shuttle」」
วิธีการเดินทางจากสนามบินนาริตะไปยังสถานีชินจุกุ
Keisei Skyliner ของ Keisei Electric Railway : วิธีการเดินทางที่สะดวกรวดเร็วที่สุด
ระยะเวลาในการเดินทาง:58 นาที
ค่าโดยสาร:2,670 เยน
สถานีตั้งต้น:Narita Airport Terminal 1 Station และ Narita Airport Terminal 2・3 Station
เปลี่ยนรถ:เปลี่ยนขบวนไปยัง JR YAMANOTE LINE ที่ Nippori
Narita Sky Access Line Limited Express ของ Keisei Electric Railway : ค่าโดยสารราคาถูก
ระยะเวลาในการเดินทาง:72 นาที
ค่าโดยสาร:1,440 เยน
สถานีตั้งต้น:Narita Airport Terminal 1 Station และ Narita Airport Terminal 2・3 Station
Airport Limousine Bus
ระยะเวลาในการเดินทาง:ประมาณ 85 นาที
ค่าโดยสาร:3,100 เยน
จุดขึ้นรถบัส:Narita Airport Terminal 1 ใช้จุดขึ้นรถบัสหมายเลข 2 และ 11 บนชั้น 1F, Narita Airport Terminal 2 ใช้จุดขึ้นรถบัสหมายเลข 6 และ 16 ส่วน Narita Airport Terminal 3 ใช้จุดขึ้นรถบัสหมายเลข 4
วิธีการเดินทางจากสนามบินฮาเนดะไปยังสถานีโตเกียว
Keikyu
ระยะเวลาในการเดินทาง:ประมาณ 30 นาที
ค่าโดยสาร:575 เยน
สถานีตั้งต้น:Haneda Airport Domestic Terminal Station / Haneda Airport International Terminal Station
เปลี่ยนรถ:เปลี่ยนขบวนไปยัง JR YAMANOTE LINE ที่ Shinagawa Station
Tokyo Monorail
ระยะเวลาในการเดินทาง:ประมาณ 35 นาที
ค่าโดยสาร:647 เยน
สถานีตั้งต้น:Haneda Airport Terminal 1 Station, Haneda Airport Terminal 2 Station และ Haneda Airport International Terminal Station
เปลี่ยนรถ:เปลี่ยนขบวนไปยัง JR YAMANOTE LINE ที่ Hamamatsuchō Station
Limousine Bus
ระยะเวลาในการเดินทาง:25~45 นาที (ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร)
ค่าโดยสาร:930 เยน
จุดขึ้นรถบัส:Terminal 1 ใช้จุดขึ้นรถบัสหมายเลข 1 บนชั้น 1F, Terminal 2 ใช้จุดขึ้นรถบัสหมายเลข 4 บนชั้น 1F ส่วน International Terminal ใช้จุดขึ้นรถบัสหมายเลข 1 บนชั้น 1F
วิธีการเดินทางจากสนามบินฮาเนดะไปยังสถานีชินจุกุ
Airport Rapid / Limited Express + JR YAMANOTE LINE
ระยะเวลาในการเดินทาง:ประมาณ 30 นาที
ราคา:601 เยน
สถานีตั้งต้น:Haneda Airport Domestic Terminal Station / Haneda Airport International Terminal Station
เปลี่ยนรถ:เปลี่ยนขบวนไปยัง JR YAMANOTE LINE ที่ Shinagawa Station
Limousine Bus
ระยะเวลาในการเดินทาง:ประมาณ 35 – 75 นาที (ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร)
ค่าโดยสาร:1,230 เยน (รถบัสกลางคืนและรถบัสเช้าราคา 2,000 เยน)
จุดขึ้นรถบัส:Haneda Airport Terminal 1 ・2 ใช้จุดขึ้นรถบัสหมายเลข 5 บนชั้น 1F, International Terminal ใช้จุดขึ้นรถบัสหมายเลข 3 บนชั้น 1F
วิธีการเดินทางอาจเปลี่ยนแปลงไปตามความเหมาะสมขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการเน้นอะไร เช่น มีหรือไม่มีการเปลี่ยนรถ, ความถี่ของการเดินรถ, ระยะเวลาในการเดินทาง หรือราคา เป็นต้น นอกจากนี้ เนื่องจากถ้าเกิดซื้อตั๋วล่วงหน้าอาจได้รับส่วนลดพิเศษด้วย จึงควรศึกษาข้อมูลเอาไว้ก่อนล่วงหน้าจะดีที่สุด
ส่วนวิธีการเดินทางไปยังสถานีอื่นๆสามารถเข้าไปดูได้จากบทความดังต่อไปนี้...
อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
วิธีการเดินทางจากสนามบินนาริตะเข้าเมือง (ชินจุกุ・ชิบุย่า・อาซากุสะ・อุเอโนะ)
สถานีโตเกียว→สนามบินนาริตะไม่ถึง 1,000 เยน! คู่มือใช้บริการ Keisei Bus「Tokyo Shuttle」
วิธีการเดินทางไปชินจุกุจากสนามบินฮาเนดะ・นาริตะ, สถานีชิบุยะ・โตเกียว・อุเอโนะ・อาซากุสะ
ข้อมูลการเดินทางท่องเที่ยวภายในโตเกียว
ภายในโตเกียวมีการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะขึ้นมาอย่างครอบคลุมและสะดวกสบาย เราจึงสามารถนั่งรถไฟหรือรถไฟใต้ดินไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆได้อย่างชิลล์ๆ นอกจากนี้ บางครั้งการเลือกใช้บริการรถบัสหรือรถแท็กซี่ก็ทำให้การเดินทางสะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย
อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
เที่ยวโตเกียวด้วยตั๋วบุฟเฟ่ต์ขึ้นรถไฟใต้ดินไม่จำกัดจุดหมายปลายทาง!
สรุปวิธีไปชิบุย่าจาก「ฮาเนดะ・นาริตะ・โตเกียว・ชินจูกุ」
ข้อมูลโซนต่างๆในโตเกียว
แต่ละโซนในโตเกียวมีบรรยากาศและเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป โดยมีทั้งโซนที่สามารถสัมผัสถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่และแฟชั่นทันสมัย รวมถึงโซนเมืองเก่าที่ยังคงหลงเหลือบรรยากาศดั้งเดิมเอาไว้ด้วย เอาล่ะ เดี๋ยวเรามาดูกันเลยดีกว่าว่าแต่ละโซนในโตเกียวเป็นยังไงบ้าง...
โซนอาซากุสะ・สกายทรี
อาซากุสะ คือ แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่สามารถสัมผัสบรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่นเก่าได้ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม, ประวัติศาสตร์ และขนบธรรมเนียมดั้งเดิม บน「ถนนนากามิเสะ」ด้านหน้า วัดเซ็นโซจิ เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านจำหน่ายขนมญี่ปุ่นดั้งเดิมมากมาย ทำให้เราสามารถช้อปปิ้งของฝากสไตล์ญี่ปุ่นได้อย่างจุใจ แถมพนักงานร้านก็ยังมีนิสัยเป็นกันเอง ใจกว้างสไตล์เอโดะอีกต่างหาก เราจึงจะได้เพลิดเพลินกับการพูดคุยตอนช้อปปิ้งอย่างสนุกสนาน
นอกจากนี้「สกายทรี」หอคอยสัญลักษณ์แห่งเทคโนโลยีอันทันสมัยที่ดูขัดกับย่านอาซากุสะซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งวัฒนธรรมดั้งเดิมก็ตั้งอยู่ในโซนเดียวกัน อาซากุสะจึงเรียกได้ว่าเป็นย่านที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมดั้งเดิมและเทคโนโลยีอันทันสมัยอย่างลงตัวเลยก็ว่าได้
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับอาซากุสะสามารถเข้าไปดูได้จากบทความ「ไกด์นำเที่ยวอาซากุสะแบบจัดเต็ม! 47 แหล่งท่องเที่ยว & ช้อปปิ้งขึ้นชื่อ」
อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
ที่เที่ยวฟรี ๆ มาแล้วจ้า!รวมแหล่งเที่ยวที่อาซากุสะ 10 แห่ง
ประสบการณ์จำลอง เดินในอากาศ ไป “โตเกียวสกายทรี”ที่โอชิอะเกะกัน!
โซนอุเอโนะ・อากิฮาบาระ
“อุเอโนะ” คือ โซนที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมไม่ว่าจะเป็นสถานที่ชมศิลปะดั้งเดิมอย่างพิพิธภัณฑ์ศิลปะ (เช่น Ueno Royal Museum (พิพิธภัณฑ์หลวงอุเอโนะ), National Museum of Western Art (พิพิธภัณฑ์ศิลปะตะวันตกแห่งชาติ)), National Museum of Nature and Science (พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์แห่งชาติ), Ueno Zoo (สวนสัตว์อุเอโนะ), International Library of Children's Literature (หอสมุดเด็กนานาชาติ) และ Shitamachi Museum (พิพิธภัณฑ์ชิตะมาจิ)เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังมีแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่สามารถเพลิดเพลินกับความงดงามตามฤดูกาลทั้ง 4 ไม่ว่าจะเป็นซากุระ, ดอกบัว และใบไม้เปลี่ยนสีอย่าง「Ueno Park (สวนอุเอโนะ)」อีกด้วย
สำหรับรายละเอียดสามารถเข้าไปดูได้จากบทความ「 ไกด์นำเที่ยว “สวนอุเอโนะ” แบบจัดเต็ม! สวนสัตว์ พิพิธภัณฑ์ วัด และไฮไลท์ต่างๆภายในสวน 」
“อากิฮาบาระ” คือ เมืองขึ้นชื่อเรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้าในสมัยก่อน โดยในปัจจุบันกลายเป็นสวรรค์แห่ง “โอตาคุ” แหล่งรวมวัฒนธรรมป๊อปคัลเจอร์อย่างอนิเมะและไอดอลที่โด่งดังไปทั่วโลก แน่นอนว่าที่นี่เต็มไปด้วยเมดคาเฟ่, ฮอลจัดการแสดงสดของเหล่าไอดอล และร้านคอสเพลย์มากมาย แถมยังเป็นที่ตั้งของ “ศูนย์อนิเมะโตเกียว” แหล่งท่องเที่ยวสำหรับคออนิเมะอีกต่างหาก
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับอากิฮาบาระสามารถเข้าไปดูได้จากบทความ「44 แหล่งโอตาคุในอากิฮาบาระ & วิธีการเดินทางและข้อมูลโซนต่างๆ【ฉบับพิเศษ】」
อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
หากมาเยือนอุเอโนะแล้วละก็จะต้องไปให้ได้! 10 แหล่งท่องเที่ยวที่อยากแนะนำ
10 แหล่งช้อปปิ้งแนะนำในอากิฮาบาระ
โซนกินซ่า・มารุโนะอุจิ・ซึกิจิ
กินซ่า คือ ย่านร้านค้าสำหรับผู้ใหญ่ขึ้นชื่อที่เรียงรายไปด้วยร้านค้าแบรนด์หรู, ร้านกินดื่ม และร้านอาหารมากมาย เนื่องจากมารุโนะอุจิเป็นย่านสำนักงานซึ่งเป็นที่ตั้งของ “Tokyo Station” ประตูสู่โตเกียว ทำให้มีผู้คนสัญจรไป-มาเป็นจำนวนมากและเต็มไปด้วยร้านกินดื่มสุดเก๋ไก๋มากมาย โดยเฉพาะอาคาร Marunouchi Building ขนาดยักษ์นั้นมักจะคึกคักไปด้วยผู้คนมากมายอยู่เสมอ
ซึกิจิ คือ ย่านขึ้นชื่อเรื่อง “ตลาดซึกิจิ” ตลาดเก่าแก่ขนาดยักษ์ที่มีปริมาณการกระจายสินค้ามากที่สุดในโลก แถมยังมีการจัดงานประมูลปลาในตอนเช้าตรู่อันแสนคึกคักน่าประทับใจอีกต่างหาก เนื่องจากเราสามารถหาซื้อของอร่อยจากทั่วญี่ปุ่นได้ที่นี่และร้านอาหารโดยเฉพาะร้านซูชินั้นทั้งอร่อยและมีราคาถูก ที่นี่จึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อมาตั้งแต่ช่วงหลังปี 1990 เป็นต้นมา
อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
ชิวๆไปกับเมืองสำหรับผู้ใหญ่!แหล่งช็อปปิ้ง7แห่ง ย่านกินซ่า
ตึกสถานีมารุโนะอุจิ สมบัติล้ำค่าทางวัฒนธรรมของประเทศ ตั้งอยู่ที่สถานีรถไฟใจกลางญี่ปุ่น
โซนรปปงหงิ
รปปงหงิ คือ ย่านสุดงดงามชั้นนำในโตเกียว โดยเต็มไปด้วยตึกสูงมากมายและอบอวลไปด้วยบรรยกาศสไตล์เมืองใหญ่ ที่นี่เป็นทั้งย่านธุรกิจและย่านชุมชนที่เรียงรายไปด้วยไนท์คลับเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ก็ยังเป็นที่ตั้งของแหล่งช้อปปิ้งอย่าง “รปปงหงิฮิลส์” และ “โตเกียวมิดทาวน์” ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ รวมถึงร้านอาหารและทัศนียภาพอันงดงามระดับเทพอีกด้วย จากจุดชมวิวบน “รปปงหงิฮิลส์” เราสามารถมองเห็นวิวโตเกียวทาวเวอร์และโตเกียวสกายทรีได้อย่างชัดเจน
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับรปปงหงิสามารถเข้าไปดูได้จากบทความ「【ฉบับพิเศษ】ไกด์นำเที่ยวรปปงหงิแบบจัดเต็ม! วิธีการเดินทาง ศิลปะ วิวกลางคืน อาหาร และไฮไลท์อื่นๆ」
อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
โซนโอไดบะ
โอไดบะ คือ แหล่งท่องเที่ยวอเนกประสงค์ที่คู่เดทมาได้พาครอบครัวมาก็ดี โดยเต็มไปด้วยแหล่งช้อปปิ้งและแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ทำให้เราสามารถเพลิดเพลินได้อย่างจุใจโดยไม่ต้องเดินไกลและใช้เวลาไม่นาน
นอกจากนี้ก็ยังเป็นที่ตั้งของศูนย์รวมความบันเทิงมากมายอีกด้วยไม่ว่าจะเป็น「มิไรคัง」แหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์อันทันสมัย, 「วีนัสฟอร์ต」แหล่งช้อปปิ้งที่ตกแต่งภายในสวยงามราวกับพิพิธภัณฑ์ศิลปะ, 「สวนริมทะเลโอไดบะ」สวนสาธารณะสำหรับชมวิวทะเล และ「โอเอโดะออนเซ็นโมโนกาตาริ」แหล่งเพลิดเพลินกับออนเซ็นแสนสบาย
อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
โซนชิบุย่า ・ฮาราจูกุ・เอบิสึ・โอโมเตะซันโด
สำหรับใครที่สนใจเรื่องแฟชั่นทันสมัยก็ขอแนะนำให้มาเที่ยวโซน ชิบุย่า ・ฮาราจูกุ・เอบิสึ・โอโมเตะซันโด เลยจ้า... เพราะว่าเราสามารถช้อปปิ้งสินค้าแฟชั่นสุดเก๋ไก๋ดูดีมีสไตล์และสินค้าแบรนด์หรูได้ที่นี่เลย ชิบุย่าเป็นย่านที่มีผู้คนสัญจรไป-มามากมาย โดยขึ้นชื่อเรื่อง「ห้าแยกชิบุย่า」
ส่วนฮาราจูกุเป็นย่านต้นกำเนิดวัฒนธรรม KAWAII ที่โด่งดังไปทั่วโลก “ถนนทาเคชิตะ” เป็นแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมในหมู่วัยรุ่นที่สามารถเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งและแฟชั่นล่าสุดได้อย่างเต็มอิ่ม ชิบุย่าและฮาราจูกุเป็นย่านวัยรุ่น แต่ในทางกลับกันเอบิสึและโอโมเตะซันโดนั้นเป็นย่านสำหรับผู้ใหญ่ โดยเราสามารถใช้เวลาชิลล์ๆไปกับการทานอาหารที่ศูนย์การค้าแหล่งรวมคาเฟ่สุดเก๋ไก๋อย่าง “เอบิสึการ์เด้นเพลส” และช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์หรูสำหรับผู้ใหญ่ที่「โอโมเตะซันโดฮิลส์」ได้เลย
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับชิบุย่าสามารถเข้าไปดูได้จากบทความ「ไกด์นำเที่ยวชิบุย่าแบบจัดเต็ม! 19 แหล่งช้อปปิ้งและแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อ」
อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
11 แหล่งช้อปปิ้งในชิบุย่าสุดอินเทรนด์
ไกด์พาเที่ยวฮาราจูกุตั้งแต่วิธีการเดินทางไปจนถึงร้านค้าแฟชั่นแนะนำ
คาจิโดคิ・ยูระกุโช・รปปงงิ・เอบิซุ! “มาร์เช่” กลางเมืองที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในโตเกียวทั้ง 4 แห่ง
เเหล่งกำเนิดเทรนของญี่ปุ่น!ช้อปปิ้งที่「โอโมเตะซันโดะ ฮิลล์」
โซนชินจุกุ・อิเคะบุคุโระ
ชินจุกุ คือ ย่านที่เรียงรายไปด้วยร้านอาหารและร้านค้าสำหรับกลุ่มลูกค้าทุกเพศทุกวัย แน่นอนว่าที่นี่เต็มไปด้วยโรงแรมที่พักและศูนย์รวมความบันเทิงเพียบ! เนื่องจากมีระบบคมนาคมอันสะดวกสบาย เราจึงสามารถใช้เป็นสถานที่ตั้งต้นของการท่องเที่ยวได้สบายๆ ถึงแม้ว่าจะมีภาพลักษณ์เป็นโซนเมืองใหญ่แสนวุ่นวายก็จริง แต่ก็มีมุมที่สามารถเพลิดเพลินกับการเดินเล่นชิลล์ๆท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบอย่าง「สวนชินจุกุเกียวเอ็น」กับเขาเหมือนกัน
อิเคะบุคุโระ ย่านอันแสนคึกคักพอๆกับชินจุกุแห่งนี้เป็นโซนแข่งขันระหว่างร้านขายส่งเครื่องใช้ไฟฟ้าอันดุเดือดไม่ว่าจะเป็นบิ๊กคาเมร่าและยามาดะเด็งกิ เนื่องจากเต็มไปด้วยร้านค้าราคาสบายกระเป๋าที่นักเรียน-นักศึกษาก็สามารถช้อปปิ้งได้และร้านอาหารแสนอร่อยราคาถูกมากมาย เราจึงสามารถแวะมาเดินเล่นได้แบบชนหน้าแข้งไม่ร่วงกันอย่างแน่นอน แถมที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของศูนย์รวมความบันเทิงมากมายอีกต่างหาก บอกเลยว่าเดินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อเอ้า!
อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
7เรื่องควรทำถ้ามาชินจูกุ แหล่งรวมวัฒนธรรมที่แตกต่าง
รวม 7 แหล่งช็อปปิ้งที่อิเคะบุคุโระ ย่านช็อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียว
35 แหล่งท่องเที่ยวแนะนำในโตเกียว
ในโตเกียวเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยว, โรงแรมที่พัก, ร้านอาหาร และร้านจำหน่ายของฝากแนะนำมากมาย งั้นเดี๋ยวเรามาดูกันเลยดีว่าว่าแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวและแหล่งท่องเที่ยวสุดเจ๋งที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักในโตเกียวจะมีที่ไหนกันบ้าง~
1. Tsukiji fish market (ตลาดปลาซึกิจิ)
「Tsukiji fish market (ตลาดปลาซึกิจิ)」คือ ตลาดปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเราสามารถเดินเยี่ยมชมได้อย่างอิสระ บอกเลยว่างานประมูลปลาสุดคึกคักตอนเช้าตรู่เป็นอะไรที่น่าประทับใจสุดๆ แต่การเยี่ยมชมการประมูลปลามากุโระยอดนิยมนั้นจำเป็นต้องลงทะเบียนล่วงหน้า
ตลาดปลาซึกิจิแหล่งรวมอาหารสดใหม่มากมายแห่งนี้มีไฮไลท์อยู่ที่ร้านอาหารทั้งหมดทั้งอร่อยและมีราคาถูกดีต่อใจนักท่องเที่ยวอย่างเราๆจริงๆค่ะ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
สนุกสนานไปกับการเรียนทำอาหารญี่ปุ่นที่ซึคิจิ「TSUKIJI COOKING」
ได้ทั้งซื้ออาหารและเดินชมตลาด ไปทัวร์ตลาดซึคิจิกับ「TSUKIJI COOKING」
ต้องลองซักครั้ง! ทัวร์พาชมตลาดซึกิจิพร้อมกิจกรรมปั้นซูชิ
2. Hamarikyu Gardens (สวนฮามาริคิว)
「Hamarikyu Gardens (สวนฮามาริคิว)」คือ สวนสาธารณะเก่าแก่ใจกลางเมืองที่เรียงรายไปด้วยตึกสูงมากมาย ภายในพื้นที่อันแสนกว้างใหญ่แห่งนี้เป็นที่ตั้งของบ่อน้ำทะเลแห่งเดียวในโตเกียว, โรงน้ำชาสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม และต้นสนสุดสง่างาม ทำให้เราสามารถดื่มด่ำกับทัศนียภาพสไตล์ญี่ปุ่นได้อย่างจุใจ การได้ลิ้มลองขนมญี่ปุ่นและน้ำชาพลางชมสวนดั้งเดิมและกลุ่มตึกสูงสมัยใหม่เป็นอะไรที่ฟินเว่อร์ เนื่องจากมีอุปกรณ์ไกด์เสียงเป็นภาษาญี่ปุ่น, ภาษาอังกฤษ, ภาษาฝรั่งเศส, ภาษาจีน และภาษาเกาหลี ทำให้นักท่องเที่ยวไม่ว่าชาติไหนก็สามารถเข้าใจได้เหมือนกัน
3. Kasai Seaside Park (สวนริมทะเลคาไซ)
「 Kasai Seaside Park (สวนริมทะเลคาไซ)」คือ สวนริมชายฝั่งทะเลที่มีทัศนียภาพอันแสนงดงามถึงขนาดได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 ชายฝั่งของญี่ปุ่นเลยทีเดียว โดยเราสามารถเดินเล่นชมวิวทะเล เล่นน้ำทะเล หรือว่าจะเก็บหอย ปู กุ้งตอนน้ำลงก็ได้ ที่นี่ตั้งอยู่ติดกับ Kasai Rinkai Park (สวนคาไซริงไค), Tokyo Sea Life Park (พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโตเกียวซีไลฟ์ปาร์ค) และ Diamond and Flower Ferris Wheel (ชิงช้าสวรรค์ไดมอนด์แอนด์ฟลาวเวอร์) เราจึงสามารถเพลิดเพลินกับความบันเทิงได้เกือบทุกรูปแบบ
ที่อยู่:6 Chome Rinkaichō, Edogawa-ku, Tōkyō-to
เว็บไซต์หลัก:https://www.tokyo-park.or.jp/park/format/index027.html
4. Sensō-ji (วัดเซ็นโซจิ) ย่านอาซากุสะ 3>
สำหรับใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศของเมืองเก่าดั้งเดิมของญี่ปุ่นก็ขอแนะนำให้มาเที่ยวย่าน「อาซากุสะ」เลยค่ะ เมื่อเอ่ยถึงสัญลักษณ์ของอาซากุสะแล้วก็จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก「Sensō-ji (วัดเซ็นโซจิ)」อย่างแน่นอน โคมไฟสีแดงขนาดใหญ่หน้าประตูคามินาริมงนับเป็นจุดถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวต้องหยุดถ่ายรูปกันทุกคน โดยเราจะได้เพลิดเพลินกับอาหารรสเลิศตามร้านอาหารในบริเวณโดยรอบและช้อปปิ้งภายในถนนร้านค้า “นากามิเสะ” ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งสินค้าศิลปหัตถกรรม, ข้าวของเครื่องใช้ และสินค้ากระจุกกระจิกสไตล์ญี่ปุ่นที่ไม่สามารถหาซื้อได้จากที่ไหนในโลก
5. Hanayashiki (สวนสนุกฮานายาชิกิ)
「Hanayashiki (สวนสนุกฮานายาชิกิ)」คือ สวนสนุกที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ในย่านอาซากุสะ โดยเป็นสวนสนุกบรรยากาศดั้งเดิมแตกต่างจากสวนสนุกขนาดใหญ่ทั่วไปที่เด็กเล็กก็สามารถเพลิดเพลินได้ รถไฟเหาะความเร็วสูงสุด 42 กิโลเมตร / ชั่วโมง ถึงแม้จะไม่ได้เร็วอะไรนัก แต่เราจะได้สัมผัสประสบการณ์สุดหวาดเสียวราวกับว่าจะชนกับอาคารข้างเคียงเลยทีเดียว
ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 1,000 เยน เด็กและผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป 500 เยน เด็กเล็กต่ำกว่าประถมเข้าชมฟรี อื้อหือ~ ราคาเป็นมิตรเห็นแล้วปลื้มจ้า...
6. Ryōgoku Kokugikan (เรียวโกกุ โคคุกิคัง)
「Ryōgoku Kokugikan (เรียวโกกุ โคคุกิคัง)」คือ สนามกีฬาซูโม่ระดับชาติของญี่ปุ่น นอกจากนี้ก็ยังใช้ในการแข่งขันกีฬาต่อสู้อื่นๆนอกจากซูโม่ด้วยเช่นมวยสากล บนชั้น 1F เป็นที่ตั้งของ “พิพิธภัณฑ์ซูโม่” ซึ่งจัดแสดงอันดับนักซูโม่และข้อมูลที่เกี่ยวกับซูโม่ เช่น ผ้าคาดเอวของนักซูโม่ เป็นต้น โดยนับเป็นสถานที่ห้ามพลาดสำหรับใครที่อยากศึกษาประวัติศาสตร์ของซูโม่เลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ ตามร้านค้าก็ยังมีจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับซูโม่ที่ไม่สามารถหาซื้อได้จากที่ไหนในโลกอีกด้วย ถ้าเกิดใครกำลังมองหาของฝากเฉพาะของญี่ปุ่นก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลย
7. Tokyo Skytree (โตเกียวสกายทรี)
「Tokyo Skytree (โตเกียวสกายทรี)」คือ หอคอยสื่อสารขึ้นชื่อเรื่องจุดชมวิว โดยเป็นสถาปัตยกรรมที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น จากจุดชมวิวติดกระจก 360 องศาบนระดับความสูง 350 เมตรสามารถชมวิวอาคารบ้านเมืองของโตเกียวได้อย่างชัดเจน สำหรับใครที่อยากชมวิวจากบนที่สูงขึ้นไปอีกก็ขอเชิญไปยังระเบียงชมวิวบนดาดฟ้าซึjงเป็นท่อกระจกสูง 100 เมตรจากจุดชมวิวด้านล่างเลยค่ะ เราจะได้สัมผัสอารมณ์ราวกับเดินเล่นอยู่กลางอากาศกันเลยทีเดียว
แต่สิ่งที่สามารถเพลิดเพลินได้จากโตเกียวสกายทรีไม่ได้มีแค่ทัศนียภาพอันงดงามเท่านั้นนะจ๊ะ... หลังจากเที่ยวโตเกียวสกายทรีกันจนเต็มอิ่มแล้วก็แวะไปยัง “โตเกียวสกายทรีทาวน์” ที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันบ้างดีกว่า โดยเรียงรายไปด้วยหอดูดาว, พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ, ร้านอาหาร และร้านค้าทุกรูปแบบมากกว่า 300 ร้าน บอกเลยว่าเพียงแค่เดินชมก็หมดเวลาไปเยอะแล้ว
8. SUMIDA AQUARIUM (พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำซุมิดะ)
「SUMIDA AQUARIUM (พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำซุมิดะ)」คือ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ตั้งอยู่ภายในโตเกียวสกายทรีทาวน์ โดยมีเสน่ห์อยู่ที่ไม่ได้มีไว้สำหรับชมเท่านั้น แต่ยังมีโซนเรียนรู้ผ่านการเล่นและสัมผัสจริงๆอีกด้วย ที่นี่ใส่ใจต่อสิ่งมีชีวิตที่ถูกนำมาจัดแสดงเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นเปลี่ยนแสงไปตามกลางวันและกลางคืน รวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมให้ใกล้เคียงกับธรรมชาติจริงที่สุดด้วย ถึงแม้จะมีขนาดเล็กเพียง 2 ชั้นเท่านั้น แต่โครงสร้างและการตกแต่งภายในดูงดงามราวกับเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะเลยทีเดียว ทำให้เราสงบจิตสงบใจและสามารถเที่ยวชมได้อย่างไม่มีเบื่อ
9. Mukōjima-Hyakkaen Garden (สวนมุโคจิมะฮยัคกะเอ็น)
「Mukōjima-Hyakkaen Garden (สวนมุโคจิมะฮยัคกะเอ็น)」คือ สวนสาธารณะซึ่งเป็นที่รู้จักคุ้นเคยกันดีมาตั้งแต่สมัยที่ญี่ปุ่นยังมีโชกุนอยู่ ไฮไลท์อันดับ 1 ของสวนแห่งนี้เลยก็คืออุโมงค์ดอกวนารมย์ยาวกว่า 30 เมตรที่บานสะพรั่งเลียบรั้วไผ่นั่นเอง ดอกวนารมย์จะบานสะพรั่งเต็มที่ในเดือนกันยายน นอกจากนี้ก็ยังมีไฮไลท์อยู่ที่ดอกบ๊วยในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ, ดอกอายาเมะในช่วงต้นฤดูร้อน และดอกเบญจมาศในฤดูใบไม้ร่วงอีกด้วย เรียกได้ว่าเหมาหมดทุกฤดูกาลกันเลยทีเดียว
10. Rikugi-en (สวนริคุกิเอ็น)
「Rikugi-en (สวนริคุกิเอ็น)」คือ สวนสาธารณะบรรยากาศเงียบสงบที่ประกอบด้วยภูเขาและบ่อน้ำ ในฤดูใบไม้ผลิต้นซากุระแบบย้อยสูง 15 เมตร กว้าง 20 เมตรซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำสวนจะบานสะพรั่งไปด้วยดอกซากุระ ส่วนในฤดูใบไม้ร่วงภายในสวนจะถูกแต่งแต้มไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสีสีสันสดใสของต้นเมเปิ้ลและต้นแปะก๊วยกว่า 1,000 ต้น
11. Kanda Shrine (ศาลเจ้าคันดะ)
「Kanda Shrine (ศาลเจ้าคันดะ)」คือ ศาลเจ้าเก่าแก่ซึ่งเป็นที่รู้จักคุ้นเคยกันในหมู่คนญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยก่อน โดยเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า “คันดะเมียวจิน” เมื่อเอ่ยถึงศาลเจ้าคันดะแล้วก็จะต้องนึกถึง “งานเทศกาลคันดะ” ซึ่งติด 1 “ใน 3 งานเทศกาลใหญ่ของญี่ปุ่น“และ “3 งานเทศกาลใหญ่ของเอโดะ“อย่างแน่นอน งานนี้จะจัดขึ้นในเดือนพฤษภาคมเป็นเวลา 6 วัน ทำให้คึกคักไปด้วยผู้คนจำนวนมหาศาล บรรยากาศการเดินขบวนพาเหรดและการแห่เกี้ยวภายในเมืองเป็นอะไรที่ดูยิ่งใหญ่น่าประทับใจจริงๆค่ะ
12. Koishikawa Kōrakuen Garden (สวนโคอิชิคาวะโคราคุเอ็น)
「Koishikawa Kōrakuen Garden (สวนโคอิชิคาวะโคราคุเอ็น)」คือ สวนญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ด้านหลังแหล่งท่องเที่ยวสุดคึกคักอย่าง “สวนสนุกโคราคุเอ็น” และ “โตเกียวโดม” โดยมีไฮไลท์อยู่ที่ดอกซากุระ, ดอกฟูจิ, ดอกอายาเมะ, ดอกกุหลาบพันปี, ดอกฮิกันบานะ และใบไม้เปลี่ยนสีให้ชมกันยาวๆตั้งแต่ช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิจนถึงปลายฤดูใบไม้ร่วงเลยทีเดียว และสิ่งที่ลืมไม่ได้ของสวนโคอิชิคาวะโคราคุเอ็นเลยก็คือ “สะพานเอ็งเก็ตสึเคียว” นั่นเอง โดยเป็นสะพานสุดแปลกที่ตั้งอยู่ใกล้กับนาข้าว เนื่องจากเงาของสะพานหินที่สะท้อนลงบนผิวน้ำดูเหมือนกับพระจันทร์เต็มดวง จึงเรียกกันว่า “สะพานเอ็งเก็ตสึเคียว” หรือสะพานพระจันทร์เต็มดวงนั่นเอง ที่นี่นับเป็นสวนสาธารณะที่เหมาะสำหรับการแวะมาพักผ่อนหย่อนใจหลีกหนีความวุ่นวายจากตัวเมืองเลยล่ะค่ะ
ที่อยู่:1chome Koraku, Bunkyo, Tokyo
เว็บไซต์หลัก:https://www.tokyo-park.or.jp/park/format/index030.html
13. Tokyo Tower (โตเกียวทาวเวอร์)
photo by Pixta
「Tokyo Tower (โตเกียวทาวเวอร์)」หอคอยสื่อสารโครงเหล็กแบบ Free Standing ที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น โดยเราสามารถชมวิวโตเกียวสกายทรีได้ด้วย ที่นี่เคยเป็นสัญลักษณ์ของโตเกียวมาเป็นเวลายาวนาน จากบนจุดชมวิวพิเศษสูงกว่า 223.55 เมตรสามารถชมวิวอาคารบ้านเมืองภายในโตเกียวและจังหวัดข้างเคียงได้ แถมในวันที่อากาศแจ่มใสก็ยังมองเห็นไปถึงภูเขาไฟฟูจิอีกต่างหาก “One Piece Tower Tokyo” ธีมปาร์คจากอนิเมะชื่อดังเรื่อง ONE PIECE ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนกันอย่างไม่ขาดสาย
14. Ameyoko Shopping Street (ตลาดอะเมโยโกะ) ย่านอุเอโนะ
「Ameyoko Shopping Street (ตลาดอะเมโยโกะ)」ที่ตั้งอยู่ใน “ย่านอุเอโนะ” เมืองเก่าแห่งโตเกียวแห่งนี้เป็นถนนร้านค้าที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยเป็นที่รู้จักคุ้นเคยกันในหมู่ชาวบ้านมาตั้งแต่ในอดีต เนื่องจากมีจำหน่ายสินค้ามากมายและราคาถูก ทำให้ที่นี่คึกคักไปด้วยผู้คนมากมายอยู่เสมอ ที่มาของชื่อตลาดมาจากในช่วงขาดแคลนอาหารสมัยสงครามโลกครั้งที่สองได้มีการจำหน่ายสิ่งของดำรงชีพของทหารอเมริกันและเต็มไปด้วยร้านจำหน่าย “ลูกกวาด (อาเมะ)” มากมายในโยโกะโจ (ตรอก) แห่งนี้ จึงเรียกกันว่า “อะเมโยโกะ” นับแต่นั้นเป็นต้นมานั่นเอง แถมถนนร้านค้าสุดคึกคักแห่งนี้ก็ยังมีเสน่ห์อยู่ที่สามารถต่อรองราคาได้ด้วยนะเออ... เราจึงจะได้เพลิดเพลินกับการพูดคุยต่อรองราคากับผู้คนท้องถิ่นกันอย่างจุใจ
15. Ueno Zoo (สวนสัตว์อุเอโนะ)
「Ueno Zoo (สวนสัตว์อุเอโนะ)」คือ สวนสัตว์ที่ตั้งอยู่ในสวนอุเอโนะ โดยเป็นสวนสัตว์ที่ประสบความสำเร็จในการเพาะเลี้ยงแพนด้าเป็นแห่งแรกในญี่ปุ่น ภายในสวนแบ่งออกเป็นสวนฝั่งตะวันออกที่จัดแสดงสัตว์ในญี่ปุ่นและเอเชียเป็นหลัก และสวนฝั่งตะวันตกที่จัดแสดงสัตว์ในแอฟริกา โดยเฉพาะ “สวนสัตว์เด็ก” ที่สามารถเล่นและให้อาหารแกะ, ม้า หรือกระต่ายได้นั้นได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษ
16. Ueno Park (สวนอุเอโนะ)
「Ueno Park (สวนอุเอโนะ)」คือ สวนสาธารณะซึ่งเป็นที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อมากมายไม่ว่าจะเป็น “สวนสัตว์อุเอโนะ”, “พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติตะวันตก”, “พิพิธภัณฑ์หลวงอุเอโนะ” และ “พิพิธภัณฑ์ชิตะมาจิ” นอกจากนี้ก็ยังมีวัด-ศาลเจ้า, พระพุทธรูป และรูปปั้นบุคคลสำคัญอีกต่างหาก โดยในช่วงฤดูกาลพิเศษมักจะคึกคักไปด้วยผู้คนมากมายอยู่เสมอ เช่น ฤดูชมซากุระในฤดูใบไม้ผลิ, ฤดูชมดอกบัวในฤดูร้อน และฤดูชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง ที่นี่จึงนับเป็นสวนสาธารณะอเนกประสงค์สำหรับผู้คนที่ต้องการพักผ่อนหย่อนใจ, เยี่ยมชมสถาปัตยกรรม และดื่มด่ำกับธรรมชาติในแห่งเดียวเลยค่ะ
17. Tokyo National Museum (พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว)
「Tokyo National Museum (พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว)」คือ พิพิธภัณฑ์ที่สามารถชมมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของญี่ปุ่นและประเทศซีกโลกตะวันออกภายในสวนอุเอโนะได้ โดยมีการจัดแสดงตั้งแต่โบราณวัตถุก่อนคริสตกาล, ตุ๊กตาดินเผา, ชุดเกราะและหมวกสมัยเซ็งโกกุ, ดาบคาตานะ ไปจนถึงภาพวาดอุคิโยเอะรวมมากกว่า 110,000 ชิ้น บอกเลยว่าใครที่สนใจในศิลปะญี่ปุ่นเดินชมได้ทั้งวันไม่มีเบื่อแน่นอน
18. Edo-Tokyo Museum (พิพิธภัณฑ์เอโดะโตเกียว)
「Edo-Tokyo Museum (พิพิธภัณฑ์เอโดะโตเกียว)」แห่งนี้ตั้งอยู่ในเรียวโกกุซึ่งเป็นที่ตั้งของ “โคคุกิคัง” สถานที่จัดการแข่งขันซูโม่ครั้งใหญ่ ภายใน “โซนเอโดะ” ที่สามารถสัมผัสถึงวัฒนธรรมและอาคารบ้านเมืองในสมัยที่โตเกียวยังถูกเรียกว่า เอโดะ ได้นั้นมีเอกลักษณ์อยู่ที่โครงสร้างไม่ชวนให้เบื่อให้อารมณ์ความรู้สึกราวกับว่าย้อนยุคกลับไปสู่สมัยเอโดะเลยทีเดียว
แต่ “โซนโตเกียว” มีการจัดแสดงบรรยากาศช่วงสงครามโลกครั้งที่สองซึ่งเป็นช่วงที่วัฒนธรรมตะวันตกแผยแพร่เข้ามาในประเทศญี่ปุ่นหลังสมัยเอโดะ เราจึงจะได้ศึกษาว่าญี่ปุ่นเริ่มเปลี่ยนแปลงกลายเป็นญี่ปุ่นสมัยใหม่ได้ยังไง
19. Mitsuo Aida Museum (พิพิธภัณฑ์ศิลปะมิตสึโอะไอดะ)
「Mitsuo Aida Museum (พิพิธภัณฑ์ศิลปะมิตสึโอะไอดะ)」คือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่จัดแสดงผลงานของนักกวี Mitsuo Aida ทั้งเนื้อหาอันตราตรึงใจและความงดงามของรูปแบบตัวอักษรอันเป็นเอกลักษณ์นั้นดึงดูดผู้คนให้หลงใหลกันมานักต่อนัก เนื่องจากผลงานมีคำแปลภาษาอังกฤษอธิบายเอาไว้ให้ด้วย ดังนั้น ถึงแม้จะอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออกก็สามารถดำดิ่งเข้าสู่โลกแห่งมิตสึโอะ ไอดะได้อย่างแน่นอน สินค้าที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากผลงานของมิตสึโอะ ไอดะเหมาะกับการซื้อกลับไปเป็นของฝากสุดๆ
20. Tokyo Character Street (โตเกียวคาแรคเตอร์สตรีท)
ตัวการ์ตูนของสตูดิโอจิบลิ, โปเกม่อน, ซานริโอ และนิตยสารโชเน็นจัมป์ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ถึงแม้ว่าจะอยากตระเวนกว้านซื้อสินค้าตัวการ์ตูนตามท้องถิ่นต้นกำเนิดของตัวการ์ตูนแต่ละตัวขนาดไหน แต่การเดินทางไปยังร้านค้าทางการแต่ละแห่งเป็นอะไรที่เสียเวลาและยุ่งยากเอามากๆ
「Tokyo Character Street (โตเกียวคาแรคเตอร์สตรีท)」คือ แหล่งรวมตัวการ์ตูนยอดนิยมทั่วญี่ปุ่นที่สามารถหาซื้อสินค้าหายากซึ่งไม่สามารถหาซื้อได้จากที่ไหนในโลก แถมยังมีการจัดเตรียมจุดถ่ายรูปที่ระลึกเอาไว้อีกต่างหาก ที่นี่จึงนับเป็นสวรรค์ของเหล่าแฟนๆตัวการ์ตูนเลยทีเดียว นอกจากนี้ก็ยังสามารถเดินทางมาถึงได้อย่างสะดวกสบายอีกด้วย เพียงแค่เดินจากทางออกชั้นใต้ดินของสถานีโตเกียว ประตูฝั่งยาเอสึตามสัญลักษณ์บนพื้นไปเรื่อยๆก็ถึงแล้ว เย้~
21. Tokyo Metropolitan Government Building observation room (จุดชมวิวศาลาว่าการนครโตเกียว)
จุดชมวิวบนชั้น 45F ของ「Tokyo Metropolitan Government Building (ศาลาว่าการนครโตเกียว)」นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดเจ๋งที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักเลยก็ว่าได้ โดยเราสามารถชมวิวอาคารบ้านเมืองของโตเกียวแบบ 360 องศาจากบนจุดชมวิวได้ แถมยังสามารถมองเห็นไปถึง “โตเกียวสกายทรี”, “โตเกียวทาวเวอร์” และ “ภูเขาไฟฟูจิ” ในวันที่อากาศแจ่มใสได้อีกด้วย จุดชมวิวแบ่งออกเป็นฝั่งเหนือและฝั่งใต้ จุดชมวิวฝั่งใต้เปิดทำการระหว่างเวลา 9.30 – 17.30 น. ส่วนจุดชมวิวฝั่งเหนือเปิดทำการระหว่างเวลา 9.30 – 22.30 น. นอกจากนี้ ที่นี่ก็ยังมีเสน่ห์อยู่ที่เต็มไปด้วยคาเฟ่และร้านอาหารมากมายอีกต่างหาก เนื่องจากสามารถเข้าชมได้ฟรี เราจึงสามารถแวะมาชมวิวโตเกียวระหว่างเที่ยวได้อย่างสบายๆ
22. Kabuki-za (คาบูกิสะ) ย่านกินซ่า
「คาบูกิ」คือ ศิลปะการแสดงดั้งเดิมของประเทศญี่ปุ่นก็จริง แต่สถานที่ที่สามารถชมการแสดงคาบูกิได้นั้นมีอยู่เพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น โดย「Kabuki-za (คาบูกิสะ) ย่านกินซ่า」ก็เป็นหนึ่งในโรงละครคาบูกิเช่นเดียวกัน เราสามารถเข้าชมการแสดงคาบูกิได้ในราคา 1,000 เยน เนื่องจากมีอุปกรณ์แสดงไกด์ซับไตเติ้ลให้เช่ายืมด้วย ดังนั้น ถึงแม้จะไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นก็สบายใจหายห่วง การแสดงคาบูกินั้นจะใช้ภาษาโบราณและมีเทคนิคการพูดอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ขนาดคนญี่ปุ่นเองก็อาจไม่เข้าใจเหมือนกัน สำหรับใครที่อยากเพลิดเพลินกับการแสดงคาบูกิมากยิ่งขึ้นก็ขอแนะนำให้เตรียมหนังสือคู่มือ “ซุจิกาคิ” ที่สามารถซื้อได้ในราคา 1,300 เยนเลยค่ะ ^^
23. Oedo Onsen Monogatari (โอเอโดะออนเซ็นโมโนกาตาริ) ย่านโอไดบะ
「Oedo Onsen Monogatari (โอเอโดะออนเซ็นโมโนกาตาริ)」ที่ตั้งอยู่ในโอไดบะแห่งนี้เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่เราจะได้ใส่ชุดยูกาตะเดินเล่นภายในอาคาร เนื่องจากน้ำร้อนของโรงอาบน้ำขนาดใหญ่เป็นออนเซ็นธรรมชาติ จึงมีสรรพคุณช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการท่องเที่ยวโอไดบะได้อย่างชะงัดนัก บ่อน้ำร้อนที่สร้างจากไม้และภาพกระเบื้องได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพ “ฟุกาคุซันจูรกเค” ของโฮคุไซให้บรรยากาศความเป็นญี่ปุ่นกันแบบสุดๆ ออนเซ็นกลางแจ้งสำหรับลงแช่พลางดื่มด่ำกับอากาศภายนอกก็สบายไม่แพ้กัน นอกจากนี้ก็ยังมีโซนพักผ่อนบรรยากาศสไตล์งานเทศกาลให้เพลิดเพลินกันอีกต่างหาก
24. Odaiba Seaside Park (สวนริมทะเลโอไดบะ)
「Odaiba Seaside Park (สวนริมทะเลโอไดบะ)」ที่สามารถเดินทางจากโตเกียวมาถึงได้อย่างสะดวกสบายแห่งนี้ตั้งอยู่ในโอไดบะซึ่งเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ดังนั้น หลังจากเหนื่อยล้าจากการช้อปปิ้งหรือท่องเที่ยวในโตเกียวแล้วจึงสามารถแวะมาผ่อนคลายหลีกหนีความวุ่นวายจากตัวเมืองได้ที่นี่เลย ทางเดินริมชายฝั่งยาว 800 เมตร แถมจากบนจุดชมวิวเรายังสามารถชมวิวกลุ่มตึกสูงด้านหน้าอ่าวโตเกียวและเพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดทั้งวันได้อีกด้วย
25. Rainbow Bridge (สะพานเรนโบว์บริดจ์) ชิบะอุระ
「Rainbow Bridge (สะพานเรนโบว์บริดจ์)」คือ สะพานขนาดใหญ่ที่เชื่อมระหว่างเกาะเทียมอย่างโอไดบะและโตเกียว โดยขึ้นชื่อในฐานะที่เป็นฉากหลังในภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง เราสามารถชมเรือที่สัญจรไป-มาในอ่าวโตเกียวและชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ซึ่งนับเป็นจุดถ่ายรูปขึ้นชื่อของโอไดบะได้ด้วย สะพานยาว 798 เมตรแห่งนี้บอกเลยว่าสามารถเดินเท้าข้ามได้นะจ๊ะ... ใครอยากจะเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันยิ่งใหญ่แบบเปิดโล่งโปร่งสบายในตอนกลางวันหรือใครจะอยากดื่มด่ำกับทัศนียภาพยามค่ำคืนอันแสนโรแมนติกที่ถูกไลท์อัพอย่างสวยงามก็ตามใจชอบ
26. Tokyo Imperial Palace (พระราชวังอิมพีเรียลโตเกียว)
「Tokyo Imperial Palace (พระราชวังอิมพีเรียลโตเกียว)」คือ ที่อยู่อาศัยของจักรพรรดิและราชวงศ์ ดูเผินๆแล้วอาจมองว่าเป็นสถานที่ที่ไม่สามารถเข้าไปชมได้ง่ายๆ แต่บอกเลยว่าเพียงแค่ดำเนินการตามขั้นตอนก็สามารถเข้าไปชมด้านในได้แล้วล่ะค่ะ แต่เนื่องจากมีการจำกัดจำนวนคนและช่วงเวลาจำหน่ายตั๋ว สำหรับใครที่อยากเข้าไปชมด้านในจึงขอแนะนำให้จองล่วงหน้าเอาไว้จะดีที่สุด ถึงแม้จะไม่ได้เข้าไปชมด้านในเพียงแค่ได้ชมสวนพระราชวังด้านนอกก็คุ้มค่าแล้วล่ะค่ะ สถาปัตยกรรมขึ้นชื่อและต้นไม้ที่ปลูกเอาไว้ในบริเวณโดยรอบ 5 กิโลเมตรดูแล้วเจริญหูเจริญตามาก แถมที่นี่ก็ยังเป็นเส้นทางยอดนิยมในหมู่นักวิ่งจ๊อกกิ้งในโตเกียวอีกด้วยนะเออ...
27. Ghibli Museum (พิพิธภัณฑ์จิบลิ)
photo by Pixta
“สตูดิโอจิบลิ” คือ บริษัทผลิตภาพยนตร์อนิเมชั่นขึ้นชื่อระดับโลก「Ghibli Museum (พิพิธภัณฑ์จิบลิ)」แห่งนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของแฟนๆสตูดิโอจิบลิเลยก็ว่าได้ เพราะว่าที่นี่มีการจัดแสดงข้อมูลผลงานฝีมือของ Hayao Miyazaki, พบปะกับตัวการ์ตูนอนิเมะ และชมผลงานอนิเมะออริจินอลที่ไม่สามารถหาชมได้จากที่ไหนในโลก การเข้าชมพิพิธภัณฑ์จำเป็นต้องซื้อตั๋วก่อน โดยเป็นระบบจองล่วงหน้าแบบกำหนดวันที่ชัดเจนทั้งหมด เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม จึงขอแนะนำให้รีบจองล่วงหน้าให้เร็วที่สุด
28. Jindai-ji Temple (วัดจินไดจิ) มิตากะ
「Jindai-ji Temple (วัดจินไดจิ)」คือ วัดที่ตั้งอยู่ในเมืองโชฟุ จ.โตเกียว โดยคึกคักไปด้วยผู้คนมากมายที่เดินทางมาขอพรเรื่องคู่และแก้ชง ที่นี่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนานกว่า 1,300 ปี บริเวณโดยรอบของวัดจินไดจิที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติเรียงรายไปด้วยร้านค้าสไตล์ย้อนยุค โดยมีเมนูขึ้นชื่อเป็น “โซบะ” การได้ลิ้มลองโซบะข้างนอกเป็นอะไรที่สุดยอดมากก เนื่องจากมีจำหน่ายทั้งในรูปแบบขนมและขนมปังที่ทำมาจากโซบะสำหรับคนที่ไม่ค่อยชอบทานโซบะด้วย ทำให้มันกลายเป็นของฝากยอดนิยมไปโดยปริยาย “เหล้าอามาซาเกะ” ที่กลั่นมาจากข้าวขึ้นชื่อเรื่องดื่มแล้วสุขภาพร่างกายแข็งแรงและช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
29. Roppongi Hills (รปปงหงิฮิลส์)
「Roppongi Hills (รปปงหงิฮิลส์)」คือ แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อประจำรปปงหงิที่ประกอบด้วยย่านสำนักงานและย่านชุมชนในแห่งเดียวคล้ายกับโตเกียวมิดทาวน์ ทั้งแหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และทัศนียภาพอันงดงามจากบนจุดชมวิวเป็นอะไรที่หรูหราน่าประทับใจ โดยเฉพาะดินเนอร์พลางชมทัศนียภาพยามค่ำคืนของ “โตเกียวสกายทรี” และ “โตเกียวมิดทาวน์” คือโรแมนติกสุดๆ จึงนับเป็นแหล่งท่องเที่ยวแนะนำสำหรับใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศสุดหรูในโตเกียว
30. Sanrio Puroland (ซานริโอพูโรแลนด์)
“ซานริโอ” คือ บริษัทต้นกำเนิดตัวการ์ตูนยอดฮิตมากมายไม่ว่าจะเป็นฮัลโหลคิตตี้หรือมายเมโลดี้「Sanrio Puroland (ซานริโอพูโรแลนด์)」คือ ธีมปาร์คที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตัวการ์ตูนสุดน่ารักของซานริโอนั่นเอง แน่นอนว่าเราสามารถหาซื้อสินค้าเกี่ยวกับซานริโอ แถมยังสนุกสนานไปกับเครื่องเล่น, การแสดง และตัวการ์ตูนของซานริโอได้อย่างจุใจตลอดทั้งวันอีกด้วย บอกเลยว่าเป็นดินแดนในฝันของสาวกซานริโอเลยล่ะค่ะ
ที่อยู่:Tokyo-to, Tama-shi, Ochiai 1-31
เว็บไซต์หลัก:https://www.puroland.jp/?target=couple
31. Shibuya Crossing (ห้าแยกชิบุย่า)
「Shibuya Crossing (ห้าแยกชิบุย่า)」นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชั้นแนวหน้าของโตเกียวเลยก็ว่าได้ โดยขึ้นชื่อเรื่องมีจำนวนผู้คนที่สัญจรไป-มามากที่สุดในโลก ว่ากันว่าบางครั้งห้าแยกขนาดยักษ์แห่งนี้ก็มีคนข้ามกว่า 3,000 คนในครั้งเดียวเลยล่ะค่ะ สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติคงเป็นเรื่องที่น่าตกใจไม่น้อยที่มีผู้คนมากมายเดินสวนกันมาจากทุกทิศทางขนาดนั้นแต่กลับไม่ชนกันเลย จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกลับไปกันเพียบ! สำหรับใครที่อยากชมวิวบรรยากาศการข้ามห้าแยกชิบุย่ากันแบบชัดๆก็ขอแนะนำให้ขึ้นไปชมจากบนคาเฟ่หรือร้านอาหารในบริเวณใกล้เคียงเลยค่ะ
32. SHIBUYA109
“ชิบุย่า” นับเป็นย่านส่งผ่านเทรนด์แฟชั่นอันทันสมัยเลยก็ว่าได้「SHIBUYA109」แห่งนี้เป็นสวรรค์แหล่งรวมสาวญี่ปุ่นผู้หลงใหลในแฟชั่น โดยตัวอาคารเป็นแลนด์มาร์คประจำชิบุย่า ภายในอาคารเต็มไปด้วยร้านค้ามากกว่า 120 ร้านเรียงรายกันอย่างแน่นเอี๊ยด เนื่องจากมีพนักงานสุดสไตล์ลิชคอยให้คำแนะนำเรื่องแฟชั่น ดังนั้น ถึงแม้จะเป็นคนไม่ทันแฟชั่นก็สบายใจหายห่วงจ้า...
33. Meiji Shrine (ศาลเจ้าเมจิ) ฮาราจูกุ
「Meiji Shrine (ศาลเจ้าเมจิ)」คือ ศาลเจ้าใกล้ฮาราจูกุที่รายล้อมไปด้วยป่าไม้อันเขียวขจี เสาโทริอิไม้ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นดูขลังและทรงพลังมากค่ะ โดยขึ้นชื่อเรื่องพิธีโดเฮียวอิริของเหล่านักซูโม่ในช่วงต้นปี ในเดือนกุมภาพันธ์จะมีการจัดงานเทศกาล “คิเก็นไซ” ขบวนพาเหรดที่มีผู้คนเข้าร่วมกว่า 5,000 คนและเกี้ยวกว่า 14 หลังเป็นภาพที่น่าประทับใจสุดๆ ว่ากันว่ามีผู้คนเดินทางมาชมกันอย่างคึกคักกว่าหลายหมื่นคนเลยทีเดียว ผู้คนท้องถิ่นนิยมเดินทางมาที่นี่เพื่อไหว้พระและขอพรให้มีความสุขให้บรรยากาศสงบเงียบทั้งกายและใจ
34. Takeshita Street (ถนนทาเคชิตะ)
「Takeshita Street (ถนนทาเคชิตะ)」ยาว 360 เมตรที่ตั้งอยู่ด้านหน้าสถานีฮาราจูกุแห่งนี้เป็นถนนสายหลักของฮาราจูกุที่คึกคักไปด้วยวัยรุ่นมากมาย ที่นี่เป็นแหล่งต้นกำเนิดวัฒนธรรมคาวาอี้และเป็นแหล่งสัมผัสกับเทรนด์อันทันสมัยตั้งแต่แฟชั่นยันสินค้าจิปาถะ จึงทำให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งรวมผู้คนมากมายจากทั้งในและต่างประเทศไปโดยปริยาย แถมยังเต็มไปด้วยร้านอาหารราคาไม่แพงเหมาะกับนักเรียน-นักศึกษาและร้านอาหารว่างเหมาะสำหรับการเดินไป-กินไปอีกด้วย
34. Yoyogi Park (สวนโยโยงิ)
「Yoyogi Park (สวนโยโยงิ)」แห่งนี้เป็นที่รู้จักคุ้นเคยกันในหมู่ผู้คนท้องถิ่นในฐานะที่เป็นโอเอซิสใจกลางเมืองขนาดใหญ่ โดยมีทั้งป่าไม้และบ่อน้ำซึ่งประกอบด้วย 2 เขต คือ “เขตป่า” ที่สามารถผ่อนคลายท่ามกลามธรรมชาติได้และ “เขตลานกว้าง” ซึ่งเป็นที่ตั้งของลู่วิ่งและเวทีกลางแจ้ง ที่นี่เป็นสวนสาธารณะอเนกประสงค์ที่ไม่ได้เพียงแค่สนุกสนานกับกีฬาและการแสดงสดได้เท่านั้น แต่ยังสามารถดื่มด่ำกับดอกไม้อันงดงามตามฤดูกาลทั้ง 4 ได้อีกด้วย เช่น ดอกซากุระ, ดอกนาโนะฮานะ และดอกกุหลาบ
35.Tokyo Disney Resort (โตเกียวดิสนีย์รีสอร์ท)
「Tokyo Disney Resort (โตเกียวดิสนีย์รีสอร์ท)」ซึ่งประกอบด้วยสวนสนุก 2 แห่งอย่าง「Tokyo Disneyland (โตเกียวดิสนีย์แลนด์)」และ「Tokyo DisneySea (โตเกียวดิสนีย์ซี)」ที่ตั้งอยู่ในเมืองอุรายาสึ จ.ชิบะไม่ไกลจากโตเกียวแห่งนี้เป็นดินแดนแห่งความฝันที่สามารถดื่มด่ำกับเครื่องเล่น, การแสดง และสัมผัสกับตัวการ์ตูนดิสนีย์ที่ชื่นชอบได้อย่างจุใจ บอกเลยว่าถึงแม้จะไม่ใช่แฟนดิสนีย์ก็สามารถเพลิดเพลินได้เหมือนกันเลยล่ะค่ะ
โรงแรมที่พักในโตเกียว
“โตเกียว” เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีผู้คนจากทั้งในและต่างประเทศเดินทางมาเยือนกันเป็นจำนวนมาก โดยเต็มไปด้วยโรงแรมที่พักมากมายจนเลือกกันไม่หวาดไม่ไหว ต่อไปเราจะมาแนะนำโรงแรมที่พักในแต่ละโซนของโตเกียวสำหรับใครที่เลือกไม่ถูกกันค่ะ ^^
โรงแรมที่พักในชินจุกุ
・Washington Hotel
ที่อยู่:3 Chome-2-9 Nishishinjuku, Shinjuku-ku, Tōkyō-to
วิธีการเดินทาง:เดินจาก JR Shinjuku Station ประตูฝั่งใต้ประมาณ 8 นาที โดยสามารถใช้ทางเดินใต้ดินที่เชื่อมต่อกับโรงแรมได้เลย (ทางเชื่อมใต้ดินเปิดให้ใช้บริการระหว่างเวลา 06:00~22:45 น.)
ราคา:11,980~25,380 เยน (ขึ้นอยู่กับช่วงเวลา)
・Kadoya Hotel
ที่อยู่:1 Chome-23-1 Nishishinjuku, Shinjuku-ku, Tōkyō-to
วิธีการเดินทาง:เดินจาก JR Shinjuku Station ประตูฝั่งตะวันตกประมาณ 3 นาที
ราคา:9,980~20,400 เยน (ขึ้นอยู่กับช่วงเวลา)
・Hilton Tokyo
ที่อยู่:1F, 6 Chome-6-2 Nishishinjuku, Shinjuku-ku, Tōkyō-to
วิธีการเดินทาง:นั่งรถบัสรับ-ส่งฟรีจากสถานีรถบัสหมายเลข 21 ของ JR Shinjuku Station ประตูฝั่งตะวันตก 8 นาที
ราคา:26,920~69,730 เยน (ขึ้นอยู่กับช่วงเวลา)
・Sun Members Tokyo Shinjuku
ที่อยู่ :3 Chome-5-13 Nishishinjuku, Shinjuku-ku, Tōkyō-to
วิธีการเดินทาง :เดินจาก JR Shinjuku Station ประตูฝั่งใต้ประมาณ 10 นาที
ราคา:9,532~23,220 เยน
・Hotel Sunroute Plaza Shinjuku
ที่อยู่:2 Chome-3-1 Yoyogi, Shibuya-ku, Tōkyō-to
วิธีการเดินทาง :เดินจาก JR Shinjuku Station ประตูฝั่งใต้ประมาณ 3 นาที
ราคา:14,703~25,248 เยน
・Capsule Hotel Anshin Oyado Shinjuku
ที่อยู่ :4 Chome-2-10 Shinjuku, Shinjuku-ku, Tōkyō-to
วิธีการเดินทาง :เดินจาก JR Shinjuku Station ประตูฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 2 นาที, เดินจาก Shinjuku-sanchōme Station ทางออก E5 ประมาณ 5 นาที
ราคา:4,352〜10,323 เยน
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับโรงแรมที่พักในชินจุกุสามารถเข้าไปดูได้จากบทความ「มาเลือกโรงแรมให้อยู่สบาย..เข้ากับสไตล์การเที่ยวกันเถอะ!5โรงแรมย่านสถานีชินจุกุ」และ「4 โรงแรมแนะนำใกล้สถานีชินจูกุประตูฝั่งใต้แสนสะดวก」
โรงแรมที่พักในอาซากุสะ
・Khaosan World Asakusa RYOKAN & HOSTEL
ที่อยู่:3-15-1 Nishiasakusa, Taito, Tokyo
วิธีการเดินทาง:เดินจาก Tsukuba Express「Asakusa Station」1 นาที, เดินจาก Subway Ginza Line「Tawaramachi Station」7 นาที, เดินจาก Toei Asakusa Line「Asakusa Station」12 นาที
ราคา:2,200~3,400 เยน / ท่าน *ขึ้นอยู่กับประเภทของห้อง
・Tokyo Hikari Guesthouse
ที่อยู่:2 Chome-1-29 Kuramae, Taitō-ku, Tōkyō-to
วิธีการเดินทาง:เดินจาก Toei Asakusa Line「Kuramae Station」ทางออก A0 หรือ A1 ประมาณ 1 นาที
ช่วงราคา:2,800~12,000 เยน *ขึ้นอยู่กับประเภทของห้อง
・Sakura Hostel Asakusa
ที่อยู่:2 Chome-24-2 Asakusa, Taitō-ku, Tōkyō-to
วิธีการเดินทาง:เดินจาก Toei Subway「Asakusa Station」11 นาที,เดินจาก Tsukuba Express「Asakusa Station」4 นาที
ราคา:3,000~25,000 เยน *ขึ้นอยู่กับประเภทของห้อง
・Sukeroku No Yado Sadachiyo
ที่อยู่:2 Chome-20-1 Asakusa, Taitō-ku, Tōkyō-to
วิธีการเดินทาง:เดินจาก Tawaramachi Station 8 นาที, เดินจาก Asakusa Station 10 นาที, เดินจาก TX Asakusa Station 3 นาที
ราคา:8,200~22,800 เยน (ขึ้นอยู่กับจำนวนคนและแพ็คเกจ)
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับโรงแรมในอาซากุสะสามารถเข้าไปดูได้จากบทความ「9 โรงแรมที่พักแนะนำย่านอาซากุสะ」
โรงแรมที่พักในอุเอโนะ
・Hotel Dormy Inn Ueno
ที่อยู่:6 Chome-7-22 Ueno, Taitō-ku, Tōkyō-to
วิธีการเดินทาง:เดินจาก JR Okachimachi Station ทางออกฝั่งเหนือประมาณ 5 นาที, เดินจาก JR Ueno Station ทางออกฝั่งฮิโรโคจิประมาณ 7 นาที, เดินจากTokyo metro Ginza Line Uenohirokoji Station ทางออก A8 ประมาณ 1นาที, เดินจาก Toei Oedo Line Ueno Okachimachi Station ทางออก A8 ประมาณ 1 นาที และเดินจาก Tokyo metro Hibiya Line Naka-Okachimachi Station ทางออก A8 ประมาณ 1 นาที
ราคา:7,990~22,000 เยน (ขึ้นอยู่กับช่วงเวลา)
・ヴィラフォンテーヌ上野
ที่อยู่:2 Chome-4-4 Kojima, Taitō-ku, Tōkyō-to
วิธีการเดินทาง:เดินจาก Okachimachi Station ประตูฝั่งเหนือ 10 นาที, เดินจาก Shin-Okachimachi Station ทางออก A2 ประมาณ 5 นาที
ราคา:8,619~15,007 เยน (ขึ้นอยู่กับประเภทของห้องและช่วงเวลา)
・Oak Hotel
ที่อยู่:6 Chome-1-2 Higashiueno, Taito, Tokyo
วิธีการเดินทาง:เดินจาก Subway Ginza Line Inari-machi Station ประมาณ 2 นาที, เดินจาก JR YAMANOTE LINE Ueno Station ประมาณ 10 นาที
ราคา:3,039~9,725 เยน
・Candeo Hotels Ueno Koen
ที่อยู่:1 Chome-2-13 Negishi, Taitō-ku, Tōkyō-to
วิธีการเดินทาง:เดินจาก JR Uguisudani Station 3 นาที
ราคา:10,000~28,000 เยน
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับโรงแรมที่พักที่ได้แนะนำกันไปในข้างต้นและข้อมูลโซนอื่นๆในโตเกียว (ชิบุย่าและรปปงหงิ) สามารถเข้าไปดูได้จากบทความ「โรงแรมยอดนิยมและราคาถูกในโตเกียว (ชินจุกุ,ชิบุย่า,รปปงหงิ,อาซากุสะ,อุเอโนะ)」หรือว่าใครอยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับโรงแรมที่พักในญี่ปุ่นก็ขอแนะนำให้เข้าไปอ่านบทความ「ประเภทของโรงแรมที่พักในญี่ปุ่นน่ารู้」เลยจ้า...
ร้านอาหารในโตเกียว
“โตเกียว” เป็นแหล่งรวมของอร่อยจากทั่วโลกเลยก็ว่าได้ แต่อุตส่าห์เดินทางมาเที่ยวถึงประเทศญี่ปุ่นแล้วก็ควรลิ้มลองอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับกันสักหน่อยจริงมั้ย? อาหารญี่ปุ่นยอดนิยมในหมู่ชาวต่างชาติเป็นพิเศษเลยก็คือซูชิและราเม็งนั่นเอง เดี๋ยวเรามาแนะนำร้านซูชิและราเม็งกันหน่อยดีกว่าค่ะ ^^
Tsukiji Tama Sushi (ซึกิจิทามะซูชิ)
เมื่อเอ่ยถึงอาหารญี่ปุ่นแล้วหลายคนจะต้องนึกถึง “ซูชิ” กันอย่างแน่นอน Tsukiji Tama Sushi (ซึกิจิทามะซูชิ) ที่เปิดกิจการใน “ตลาดซึกิจิ” ตลาดปลาสดใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นแห่งนี้เป็นร้านซูชิเก่าแก่อายุมากกว่า 90 ปีที่สามารถลิ้มลองซูชิจากวัตถุดิบสดใหม่ได้ในรูปแบบบุฟเฟ่ต์ โดยมีไฮไลท์อยู่ที่บุฟเฟ่ต์ไม่จำกัดเวลานี่แหละ แต่มีข้อควรระวังคือต้องมาทานกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป
ราคาสำหรับผู้หญิง 2 ท่าน 7,000 เยน, ชาย-หญิง 1 คู่ 8,000 เยน และผู้ชาย 2 ท่าน 9,000 เยน ในกรณีที่มาทานกันเป็นจำนวนคี่จะบวกราคาเพิ่มดังนี้ ผู้ชาย 1 ท่านเพิ่ม 4,500 เยน, ผู้หญิง 1 ท่านเพิ่ม 3,500 เยน ส่วนเด็กเล็กอายุ 3 – 12 ขวบราคา 2,000 เยน / ท่าน
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับร้านสามารถเข้าไปดูได้จากบทความ「บุฟเฟ่ต์ซูชิชั้นเลิศ!「ซึคิจิทามะซูชิ」ร้านซูชิเก่าแก่กว่า 91 ปี」
Ichiran (อิจิรัน) : นอกจากสาขาอาซากุสะและอิเคะบุคุโระ
ถ้าเกิดใครอยากลิ้มลองราเม็งญี่ปุ่นสูตรต้นตำรับก็ขอแนะนำเป็น「Ichiran (อิจิรัน)」ร้านทงคตสึราเม็งรสชาติกลมกล่อมยอดนิยมที่ขยายสาขาไปไกลถึงต่างประเทศเลยค่ะ เนื่องจากได้รับความนิยมไปทั่วญี่ปุ่นและเอเชีย จึงรองรับทั้งเมนูภาษาอังกฤษ, ภาษาจีน และภาษาเกาหลี โดยเราสามารถซื้อตั๋วอาหารได้จากตู้จำหน่ายตั๋วอาหารที่แสดงเมนูเป็นภาษาทั้ง 4 ภาษาพร้อมรูปภาพประกอบ ดังนั้น ถึงแม้จะไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นก็สบ๊าย~
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับอิจิรันสามารถเข้าไปดูได้จากบทความ「「อิจิรัน」ราเม็งทงโคทสึดั้งเดิมที่โด่งดังในญี่ปุ่นและทั่วเอเซีย!」ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับร้านสาขาอื่นๆนอกจากอิเคะบุคุโระสามารถเข้าไปดูได้จาก เว็บไซต์หลัก
แหล่งท่องเที่ยวที่สามารถเดินทางแบบไปเช้า-เย็นกลับจากโตเกียวได้
เนื่องจากโตเกียวตั้งอยู่ตรงใจกลางประเทศญี่ปุ่น จึงนับเป็นแหล่งท่องเที่ยวแสนสะดวกที่สามารถเดินทางต่อไปยังจังหวัดต่างๆหรือไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบาย สำหรับใครที่วางแผนพักในโตเกียวเป็นระยะเวลานานก็ยิ่งเหมาะกับการเดินทางไปท่องเที่ยวบริเวณจังหวัดข้างเคียงสุดๆ ต่อไปเราจะมาแนะนำ 10 แหล่งท่องเที่ยวที่สามารถเดินทางแบบไป-เช้าเย็นกลับจากโตเกียวได้โดยใช้เวลาไม่นานกันค่ะ ^^
แหล่งท่องเที่ยวที่สามารถเดินทางมาจากโตเกียวได้ภายใน 1 ชั่วโมง
1. Kamakura (คามาคุระ)
「Kamakura (คามาคุระ)」ที่สามารถนั่งรถไฟ JR Shonan Shinjuku Line จากชินจุกุมาถึงได้โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องพระพุทธรูปไดบุทสึ โดยเราสามารถสัมผัสถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานจากอาคารบ้านเมืองเก่าแก่ได้ที่นี่เลย แถมยังสามารถผ่อนคลายไปกับวิวชายฝั่งจากนอกหน้าต่างรถไฟได้อีกต่างหาก
2. Yokohama (โยโกฮาม่า)
「Yokohama (โยโกฮาม่า)」เมืองสุดเก๋ไก๋สไตล์ต่างประเทศแห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมเรื่องการเดินไป-กินไปและการช้อปปิ้ง โดยเราสามารถนั่งรถไฟ JR Shonan Shinjuku Line จากชินจุกุมาถึงได้อย่างสะดวกรวดเร็วโดยใช้เวลาประมาณ 35 นาที
3. Kawagoe (คาวาโกเอะ)
「Kawagoe (คาวาโกเอะ)」หรือที่เรียกกันว่า “โคะเอโดะ (เอโดะน้อย)” แห่งนี้เป็นเมืองที่ยังคงหลงเหลือบรรยากาศใน สมัยเอโดะ และสถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์เอาไว้มากมาย เช่น คฤหาสน์นักรบ เป็นต้น โดยเราสามารถนั่งรถไฟ Tobu Tojo Line จากสถานีอิเคะบุคุโระมาถึงได้โดยใช้เวลาเพียง 35 นาทีเท่านั้น เอาล่ะ มาสัมผัสบรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่นย้อนยุคด้วยกันที่นี่กันเถอะ!
4. Tokyo Disney Resort (โตเกียวดิสนีย์รีสอร์ท)
「Tokyo Disney Resort (โตเกียวดิสนีย์รีสอร์ท)」แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อระดับโลกแห่งนี้เป็นรีสอร์ทขนาดยักษ์ซึ่งประกอบด้วยสวนสนุก 2 แห่ง คือ「โตเกียวดิสนีย์แลนด์」และ「โตเกียวดิสนีย์ซี」เราจะเพลิดเพลินกับสวนสนุกแห่งใดแห่งหนึ่งอย่างเต็มที่หรือว่าจะเล่นมันทั้ง 2 แห่งเลยก็ได้ เราสามารถท่องโลกแห่งความฝันโดยเดินทางจากสถานีโตเกียวมาถึงได้โดยใช้เวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น
5. Mount Takao (ภูเขาทาคาโอะ)
Mount Takao (ภูเขาทาคาโอะ) คือ ภูเขาสูง 600 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลที่ตั้งอยู่ในเมืองฮาชิโอจิ จ.โตเกียว โดยขึ้นชื่อในฐานะที่เป็นภูเขาที่มีผู้คนเดินทางมาปีนเขามากที่สุดในโลกตั้งแต่นักปีนเขามืออาชีพไปจนถึงนักปีนเขามือใหม่เลยทีเดียว แถมยังมีกระเช้าให้บริการอีกด้วย สาเหตุความนิยมอีกอย่างหนึ่งก็คือการเดินทางอันแสนสะดวกสบายที่สามารถนั่งรถไฟ Keiō Line จากชินจุกุมาถึงได้โดยใช้เวลาเพียง 50 นาทีเท่านั้นนี่แหละ สำหรับใครที่อยากดื่มด่ำกับธรรมชาติและหลีกหนีความวุ่นวายจากในตัวเมืองก็ขอแนะนำให้มาเที่ยวที่นี่เลยจ้า...
แหล่งท่องเที่ยวที่สามารถเดินทางมาจากโตเกียวได้ภายใน 1 ชั่วโมงครึ่ง – 3 ชั่วโมง
6. Nikko (นิกโก้)
「Nikko (นิกโก้)」จ.โทจิกิซึ่งเป็นที่ตั้งของมรดกโลกอย่างศาลเจ้านิกโก้โทโชงูแห่งนี้สามารถนั่ง Limited Express SPACIA จากอาซากุสะมาถึงได้โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง นอกจากศาลเจ้านิกโก้โทโชงูแล้วก็ยังเต็มไปด้วยไฮไลท์อีกมากมายไม่ว่าจะเป็นเจดีย์ห้าชั้น, ลิงไม่มอง・ลิงไม่ฟัง・ลิงไม่พูด และเนมูริเนโกะ (แมวหลับ) เป็นต้น
7. Mount Fuji (ภูเขาไฟฟูจิ)
「Mount Fuji (ภูเขาไฟฟูจิ)」คือ ภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก นอกจากนี้ก็ยังขึ้นชื่อในฐานะที่เป็นสัญลักษณ์แห่งประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย ทัศนียภาพที่มีหิมะปกคลุมบนยอดเขาและสันเขาอันสวยงามเสมอกันเป็นอะไรที่งดงามน่าประทับใจสุดๆ นอกจากจะมีรถบัสสายตรงวิ่งให้บริการมาจากชินจุกุแล้วก็ยังสามารถมาเปลี่ยนรถที่ทะเลสาบคาวากุจิเพื่อเดินทางต่อมาถึงภูเขาไฟฟูจิได้ในเวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมงอีกด้วย
8. Hakone (ฮาโกเนะ)
「Hakone (ฮาโกเนะ)」แหล่งท่องเที่ยวที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องออนเซ็นสุดๆ โดยเราสามารถนั่ง ODAKYU ROMANCE CAR มาถึงได้โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที ที่นี่มีไฮไลท์อยู่ที่ความงดงามของใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงเลยจ้า... การได้แช่ออนเซ็นพลางชมใบไม้เปลี่ยนสีเป็นอะไรที่ฟินมาก บอกเลยว่าเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม!
9. Chichibu (ชิชิบุ)
Chichibu (ชิชิบุ) ที่ตั้งอยู่ในจ.ไซตามะแห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติเหมาะกับการทำกิจกรรมเอ้าท์ดอร์เป็นอย่างมาก โดยได้รับความนิยมในหมู่ครอบครัวเพราะว่าสามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมมากมายได้ไม่ว่าจะเป็นกีฬาร่มร่อนหรือสโนว์ชู นอกจากนี้ ในฤดูร้อนก็ยังมีการจัด Chichibu Festival (งานเทศกาลชิชิบุ) ด้วย ทำให้คึกคักไปด้วยผู้คนเป็นจำนวนมาก เราสามารถนั่งรถไฟ Red Arrow จากสถานีอิเคะบุคุโระมาถึงได้โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง 20 นาที ไหนใครอยากลองแวะมาเพลิดเพลินกับกิจกรรมกลางแจ้งกันแบบสุดเหวี่ยงท่ามกลางธรรมชาติของญี่ปุ่นดูบ้างเอ่ย?
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับชิชิบุและไซตามะสามารถเข้าไปดูได้จากบทความ「ไกด์นำเที่ยวไซตามะแบบจัดเต็ม! วิธีการเดินทาง・สภาพอากาศ・อาหาร & ช้อปปิ้ง・35 แหล่งท่องเที่ยว」
10. Hatsushima (เกาะฮัตสึชิมะ)
「Hatsushima (เกาะฮัตสึชิมะ)」คือ เกาะย่อยที่ตั้งอยู่ใกล้โตเกียวมากที่สุด โดยเราสามารถนั่ง Tokaido Shinkansen จากสถานีโตเกียวมาถึงอาตามิได้โดยใช้เวลา 40 นาทีและนั่งรถบัสจากสถานีอาตามิไปยังท่าเรืออาตามิต่ออีก 10 นาที สุดท้ายก็นั่งเรือเฟอร์รี่จากท่าเรืออาตามิมาถึงเกาะฮัตสึชิมะโดยใช้เวลา 25 นาที รวมประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เนื่องจากเกาะฮัตสึชิมะซึ่งมีเสน่ห์อยู่ที่สามารถดื่มด่ำกับอาคารบ้านเมืองญี่ปุ่นและบรรยากาศของเกาะทางใต้ได้ในแห่งเดียวนี้ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่ออะไร จึงขอแนะนำสำหรับใครที่อยากลองไปเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวสุดลึกลับที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักเลยค่ะ ^^
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่แต่ละแห่งและวิธีการเดินทางสามารถเข้าไปดูได้จากบทความ「10 แหล่งท่องเที่ยวแบบไปเช้า-เย็นกลับจากโตเกียวได้ใกล้นิดเดียว」
แหล่งช้อปปิ้งของฝากจากโตเกียว
“โตเกียว” นับเป็นแหล่งรวมของทุกอย่างตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบเลยก็ว่าได้ ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนอาจสับสนไม่รู้ว่าจะหาซื้อของฝากที่ไหนดี แต่ไม่ต้องกังวลไปจ้า... เพราะว่าเราจะมาแนะนำแหล่งช้อปปิ้งของฝากชั้นแนวหน้าในโตเกียวกัน~
1. Matsumoto Kiyoshi (มัทสึโมโตะ คิโยชิ)
「Matsumoto Kiyoshi (มัทสึโมโตะ คิโยชิ)」คือ ร้านขายยาที่สามารถหาซื้อของใช้ในชีวิตประจำวัน เครื่องสำอาง และยาญี่ปุ่นคุณภาพดีได้ในราคาถูกกว่าร้านอื่นๆ โดยมีจุดสังเกตอยู่ที่ป้ายสีเหลืองแบบนี้เลย เรียกได้ว่าเป็นร้านค้ายอดนิยมในหมู่ผู้คนทุกเพศทุกวัยที่สามารถพบได้ตามบริเวณสถานีรถไฟขนาดใหญ่เกือบทุกแห่งในโตเกียวเลยล่ะค่ะ สำหรับใครที่กำลังมองหาของฝากราคาถูกก็บอกเลยว่าห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง!
2. Don Quijote (ดองกี้โฮเต้)
「Don Quijote (ดองกี้โฮเต้)」คือ ร้านค้าลดราคาที่จำหน่ายสินค้าทุกประเภทตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ โดยเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เสน่ห์ของที่นี่อยู่ที่การตั้งโชว์สินค้าเอาไว้อย่างเบียดเสียดแน่นเอี๊ยด ทำให้ผู้คนมากมายสนุกสนานกับการช้อปปิ้งราวกับกำลังหาสมบัติเลยทีเดียว ถ้าเกิดใครกำลังมองหาสินค้าอะไรบางอย่างอยู่รับรองว่าจะต้องพบกับสิ่งที่ตามหากันอย่างแน่นอนจ้า...
3. Kiddy Land (คิดดี้แลนด์)
วัฒนธรรมย่อยของญี่ปุ่นได้รับความนิยมถึงขนาดได้รับการยอมรับในระดับโลกเลยก็ว่าได้ เป็นเหตุให้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมาตามหาสินค้าตัวการ์ตูนและอนิเมะญี่ปุ่นกันเยอะแยะมากมาย โดยแหล่งรวมสินค้าตัวการ์ตูนยอดนิยมอย่างครบครันก็คือ「Kiddy Land (คิดดี้แลนด์)」แห่งนี้นั่นเอง ที่นี่เต็มไปด้วยสินค้าสุดน่ารักเหมาะกับการซื้อกลับไปเป็นที่ระลึกสุดๆ
4. Ameyoko Shopping Street (ตลาดอะเมโยโกะ)
「Ameyoko Shopping Street (ตลาดอะเมโยโกะ)」ที่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีอุเอโนะแห่งนี้เป็นถนนร้านค้าที่คึกคักไปด้วยผู้คนท้องถิ่น ร้านค้าส่วนใหญ่จำหน่ายอาหารการกินเป็นหลักก็จริง แต่ก็มีเสน่ห์อยู่ที่สามารถหาซื้อเครื่องสำอางและสินค้าจิปาถะได้ในราคาถูกเช่นเดียวกัน การได้ต่อราคาสินค้ากับพนักงานร้านนับเป็นหนึ่งในความสนุกของการมาช้อปปิ้งที่นี่เลยล่ะค่ะ
5. สนามบิน
สนามบินฮาเนดะ และสนามบินนาริตะเป็นแหล่งช้อปปิ้งของฝากจากญี่ปุ่นแบบรวดเร็วฉับไว เนื่องจากเป็นที่ตั้งของร้านค้ารวมสินค้าสไตล์ญี่ปุ่น เราจึงสามารถหาซื้อสินค้าเฉพาะของญี่ปุ่นได้อย่างง่ายดาย แถมยังมีเสน่ห์อยู่ที่คนไม่มีเวลาหาซื้อของฝากก็สามารถช้อปปิ้งระหว่างรอขึ้นเครื่องบินได้นี่แหละ
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับแหล่งช้อปปิ้งของฝากจากโตเกียวสามารถเข้าไปดูได้จากบทความ「10 แหล่งหาซื้อของฝากราคาถูกใกล้สถานีรถไฟในโตเกียว」
อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
จากสนามบินนาริตะแค่ 40 นาที! ไปช็อปปิ้งที่「มิตซุยเอาท์เล็ทปาร์คมาคุฮาริ」
ชิซุอิ พรีเมี่ยม เอาท์เล็ท เอาท์เล็ทไม่ไกลจากสนามบินนาริตะ!
วิธีใช้เวลาทั้งคืนในอาคารระหว่างประเทศของสนามบินฮาเนดะ
ข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อการท่องเที่ยว
ข้อควรรู้ยามฉุกเฉิน
สำหรับใครที่กำลังมองหาที่แลกเงินเยนหรือเงินสกุลต่างประเทศก็สามารถใช้บริการแลกเงินตราต่างประเทศของธนาคารหรือตู้ ATM ตามเซเว่นอีเลฟเว่นได้เลยจ้า...
ในกรณีที่เงินสดหมดให้รีบหาตู้ ATM ที่มีสัญลักษณ์ PLUS เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถกดเงินสดระหว่างประเทศได้อย่างง่ายดายแล้วล่ะค่ะ ^^
สำหรับใครที่อยากรู้วลีแสนสะดวกสำหรับใช้ตอนเข้าพักตามโรงแรมในญี่ปุ่นสามารถเข้าไปอ่านได้จากบทความดังต่อไปนี้
นอกจากนี้ ในญี่ปุ่นก็ยังมีบริการ「Japan Connected-free Wi-Fi」แสนสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วยนะเออ... ยังไงก็ลองดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นเอาไว้ล่วงหน้ากันได้เลย
เอ่อ...แล้วค่าอาหารที่ใช้ระหว่างเที่ยวญี่ปุ่นตกประมาณเท่าไหร่ต่อวันกันน้า? งั้นคำนวณเอาไว้ล่วงหน้าจะดีที่สุด
ข้อมูลพร้อมแล้ว ก็ไปเที่ยวโตเกียวกัน
"โตเกียว" เป็นเมืองสุดยอดแห่งการเติมเต็มความปรารถนาทุกรูปแบบของผู้คนทุกเพศทุกวัยไม่ว่าจะเป็นความบันเทิง, อาหาร, ช้อปปิ้ง และอื่นๆอีกมากมาย แน่นอนว่าเราไม่สามารถแนะนำทุกอย่างของโตเกียวได้หมดภายในบทความเดียว แต่ว่าข้อมูลน่าสนใจที่ได้หยิบยกขึ้นมาพูดถึงในบทความนี้ล้วนเป็นไฮไลท์คัดสรรห้ามพลาดทั้งนั้น ยังไงเพื่อนๆก็ลองศึกษาเอาไว้เป็นข้อมูลสำหรับวางแผนมาเที่ยวโตเกียวกันนะคะ ^^
旅行が趣味の22歳です。日本の魅力をお届けします。
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง