Unseen Japan สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งฤดูหนาวของเมืองมัตสึโมโตะ 2 วัน 1 คืน

สัมผัสกลิ่นอายแห่งโตเกียวโบราณที่ พิพิธภัณฑ์เอโดะ-โตเกียว (Edo-Tokyo Museum)

บริการนี้รวมโฆษณาที่ได้รับการสนับสนุน
article thumbnail image

พิพิธภัณฑ์เอโดะ-โตเกียว ที่สถานีเรียวโกคุ เป็นสถานที่ที่ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสวัฒนธรรมของเอโดะและโตเกียว มีของจัดแสดงที่เปิดให้ผู้เข้าชมมีประสบการณ์ร่วมมากมาย เรียกได้ว่าเดินทั้งวันก็ไม่หมด บทความนี้จะขอนำเที่ยวเอโดะโซนในคอนเซปท์ "เดิน" "ดู" "สัมผัส" ค่ะ

บทความโดย

นี่คือบัญชีของกองบรรณาธิการ MATCHA เราจะเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวอยากรู้ รวมถึงเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ของญี่ปุ่นที่ยังไม่มีใครรู้จัก

more

พิพิธภัณฑ์เอโดะ-โตเกียวที่เต็มไปด้วยลูกเล่นแพรวพราว!

昔の東京を体感しよう!「江戸東京博物館」完全ガイド

Photo by Pixta
เรียวโกคุ (Ryogoku) อยู่ห่างจากสถานี อากิฮาบาระแค่ 2 สถานี ที่นี่มีสถานที่สำคัญคือ สนามกีฬาแห่งชาติเรียวโกคุ (Ryogoku Kokugikan) เป็นสถานที่จัดแข่งขันซูโม่ระดับชาติ ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเหล่านักซูโม่เลย และข้างๆ กันนั้นก็คือ พิพิธภัณฑ์เอโดะ-โตเกียว

พิพิธภัณฑ์เอโดะ-โตเกียว (Edo-Tokyo Museum) จะพาทุกคนย้อนเวลากลับไปสู่เมืองโตเกียวในยุคเอโดะค่ะ เมื่อใช้คำว่าพิพิธภัณฑ์ก็อาจนึกถึงภาพลักษณ์ที่ดูเป็นทางการ แต่พิพิธภัณฑ์เอโดะ-โตเกียวแห่งนี้เป็นมีลูกเล่นน่าสนใจมากมายที่จะทำให้ผู้เข้าชมลืมภาพลักษณ์ของพิพิธภัณฑ์แบบเก่าไปเลยล่ะค่ะ

บทความนี้เป็นไกด์บุ๊คฉบับสมบูรณ์เพื่อให้ทุกท่านสนุกสนานไปกับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เราจะพาไป เดิน ดู และ สัมผัส กับเอโดะโซน (Edo Zone) ซึ่งเป็นห้องจัดแสดงนิทรรศการถาวรของที่นี่ค่ะ!

สารบัญ

1. "เดิน" ในเอโดะขนาดเท่าของจริง

เดินทางข้ามเวลาด้วยสะพาน "นิฮมบาชิ" ประตูสู่เอโดะ

江戸博

เมื่อก้าวเข้าไปในห้องจัดแสดงนิทรรศการถาวร สิ่งที่จะได้เห็นเป็นอย่างแรกก็คือสะพานไม้สุดอลังการ นี่คือแบบจำลองสภาพดั้งเดิมของ สะพานนิฮมบาชิ (Nihombashi) ซึ่งสร้างขึ้นในยุคเอโดะนั่นเอง สะพานนิฮมบาชิเป็นจุดเริ่มต้นของถนนที่มีชื่อว่าโกะไคโด ซึ่งเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของถนนที่เชื่อมทั่วทั้งญี่ปุ่นเข้าไว้ด้วยกัน สะพานนิฮมบาชิจึงเป็นสะพานสำคัญที่เรียกได้ว่าเป็นหัวใจของการคมนาคมในยุคเอโดะเลยทีเดียว

แบบจำลองนี้สร้างขึ้นโดยอิงจากบันทึกในตอนที่มีการสร้างสะพานขึ้นใหม่ในช่วงปลายยุคเอโดะ ครึ่งหนึ่งของสะพานทางทิศเหนือความยาวรวม 51 เมตรได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ที่นี่ ส่วนที่ "นิฮมบาชิ" ซึ่งเป็นสถานที่ขึ้นชื่อในปัจจุบันนั้นมีสะพานหินรุ่นที่ 20 ซึ่งสร้างในปี 1911 ตั้งอยู่

ระหว่างที่เดินไปบนสะพาน มองลงไปจะเห็นอาคารจำลองส่วนหน้าของโรงละครคาบุกิ "นาคามุระสะ" นี่คือสถานที่ที่สร้างความสนุกสนานให้กับผู้คนในเมืองเอโดะค่ะ บางวันจะมีการแสดงย้อนยุคที่ด้านหน้าแบบจำลองนี้ด้วย

สอดส่องความเป็นอยู่ของชาวเมือง

江戸博

ที่นี่มีบ้านขนาดเท่าของจริงที่จะทำให้เราเข้าใจวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในยุคเอโดะค่ะ ที่เห็นในภาพนี้คือ Munewari Nagaya เป็นบ้านพักรวมในสมัยนั้น อาคารหนึ่งหลังจะถูกกั้นแบ่งด้วยผนังเป็นห้องเล็กๆ ให้แต่ละครอบครัวเข้าไปอาศัยอยู่

江戸博

เมื่อลองมองเข้าไปด้านในก็ต้องตกใจกับความคับแคบค่ะ ผู้คนในสมัยนั้นอาศัยอยู่ในห้องที่มีเสื่อทาทามิเพียง 4 เสื่อครึ่งเท่านั้น (ประมาณ 7.45 ตารางเมตร)

ด้วยเหตุนี้ ผู้พักอาศัยจึงต้องคิดวิธีการเก็บของอย่างรอบคอบ ยกตัวอย่างเช่นเวลากินข้าว แต่ละคนจะกินข้าวบนโต๊ะสำรับ (*1) เมื่อกินเสร็จแล้วก็จะปิดฝาโต๊ะแล้วนำโต๊ะสำรับไปวางซ้อนกันเป็นการประหยัดพื้นที่ใช้สอย

*1 : โต๊ะสำรับ ... โต๊ะเตี้ยขนาดเล็กสำหรับวางจานชามและอาหารสำหรับ 1 คน สมัยก่อนจะมีลักษณะเป็นกล่องไม้มีฝา เวลาทานข้าวก็พลิกฝากล่องขึ้นมาเป็นเหมือนโต๊ะเตี้ยไว้วางถ้วยชาม ทานเสร็จก็ล้างถ้วยชามแล้วเก็บใส่กล่องปิดฝา นำไปวางซ้อนกันได้เพื่อประหยัดพื้นที่

江戸博

นี่คือบ้านของช่างฝีมือที่สร้างเครื่องเรือนและของใช้ขึ้นจากการต่อไม้ ภาษาญี่ปุ่นจะเรียกงานต่อไม้ว่า ซาชิโมโน (Sashimono)

อาคารบ้านเรือนในสมัยนั้นสร้างขึ้นจากไม้จึงเกิดไฟไหม้อยู่บ่อยครั้ง ช่างไม้เป็นอาชีพที่มีคนต้องการตัวมากทีเดียว ตอนสร้างบ้านก็ออกแบบล่วงหน้าไว้ให้ทุบถล่มง่าย เพื่อหยุดไฟลามเวลาเกิดเพลิงไหม้ค่ะ

ซูชิที่ใหญ่เป็น 2 เท่าของปัจจุบัน!?

江戸博

นี่คือร้านขายซูชิข้างทางค่ะ ปัจจุบัน ซูชิมีภาพลักษณ์เป็นอาหารชั้นสูง แต่ในยุคเอโดะนั้นถือว่าเป็นฟาสต์ฟู้ดประเภทหนึ่งที่มักจะวางขายตามร้านข้างทางเพื่อช่วยให้คนอิ่มท้องได้อย่างง่ายๆ แบบนี้แหละค่ะ

江戸博

ว่ากันว่านี่เป็นขนาดจริงของซูชิในสมัยนั้นค่ะ พอลองเข้าไปดูใกล้ๆ แล้วเห็นเลยว่าซูชิสมัยเอโดะใหญ่กว่าซูชิในปัจจุบันตั้ง 2 เท่า!

เนื่องจากยุคเอโดะยังไม่มีตู้เย็น จึงมีภูมิปัญญาในการถนอมอาหารโดยการเอาปลาดิบซาชิมิไปแช่ในโชยุ กลายเป็น ซูชิตำรับเอโดะ ซูชิสไตล์ดั้งเดิมที่ยังหาทานได้ในปัจจุบันค่ะ

江戸博

ส่วนนี่คือร้านขายภาพพิมพ์สี (Nishiki-e) (หนึ่งในวิธีการทำภาพพิมพ์อุคิโยะเอะ) ภาพที่เป็นที่นิยมในสมัยนั้นได้แก่ ภาพนักแสดง (ภาพวาดนักแสดงคาบุกิ) ภาพสาวงาม หรือไม่ก็ภาพนักซูโม่ค่ะ

江戸博

ส่วนนี้แสดงขั้นตอนการพิมพ์ภาพพิมพ์สีค่ะ จะเห็นได้ว่ากว่าจะออกมาเป็นภาพพิมพ์แสนสวยนั้นต้องผ่านกระบวนการหลากหลายขั้นตอนเลยทีเดียว

2. "ดู" เอโดะทุกซอกทุกมุม

แบบจำลองขนาดเล็กที่ดูเท่าไรก็ไม่เบื่อ

江戸博

สิ่งที่น่าดูมากๆ ในพิพิธภัณฑ์เอโดะ-โตเกียวแห่งนี้คือแบบจำลองขนาดเล็กค่ะ ภายในห้องจัดแสดงนิทรรศการมีแบบจำลองขนาดเล็กที่ทำขึ้นอย่างประณีต โดยจำลองสภาพบ้านเมืองในยุคเอโดะให้ผู้เข้าชมสามารถมองดูสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนในยุคนั้นได้

ภาพด้านบนคือถนนหนทางย่านนิฮมบาชิในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 17 ซึ่งถูกย่อส่วนลงมาด้วยสัดส่วน 1/30 ตุ๊กตาแต่ละตัวมีสีหน้าต่างกัน แบบจำลองบ้านเรือนหรือเสื้อผ้าก็เต็มไปด้วยรายละเอียด จะดูกี่ทีก็ไม่เบื่อเลยค่ะ

เฉพาะในแบบจำลองฉากนี้ก็มีตุ๊กตาถึง 800 ตัวแล้วค่ะ และยังทำด้วยมือทีละตัวอีกด้วย!

江戸博

นอกจากนี้เรายังสามารถสอดส่องไปถึงรายละเอียดในจุดเล็กๆ น้อยๆ ด้วยกล้องส่องทางไกลที่ตั้งอยู่ข้างๆ ได้ค่ะ

江戸博

พอลองมองผ่านกล้องส่องทางไกลแล้วก็รู้สึกเหมือนตัวเองได้เข้าไปยืนอยู่ในฉากนั้นเลย

江戸博

นี่คือแบบจำลองสัดส่วน 1/10 ที่แสดงภาพภายในร้านขายกิโมโนชื่อ มิตสึอิ เอจิโกยะ ในปัจจุบันร้านเอจิโกยะก็ได้กลายเป็น มิตสึโกชิ ห้างสรรพสินค้าที่มีสาขาใหญ่อยู่ที่นิฮมบาชิค่ะ จากในภาพเราเรียกกันว่า ซะอุริ แปลตรงตัวก็คือนั่งขายค่ะ สมัยเอโดะเราจะขึ้นไปนั่งในตัวร้าน แล้วพนักงานจะนำผ้านำสินค้าที่เราสนใจมาให้ดูถึงที่ ไม่เหมือนกับห้างสรรพสินค้าสมัยนี้ที่มีของวางเรียงรายบนชั้นให้เราเดินดูเองได้ค่ะ

ภายในห้องจัดแสดงนิทรรศการมีแบบจำลองขนาดเล็กอยู่ทั่วทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นแบบจำลองคฤหาสน์ไดเมียวหรือภาพในงานเทศกาล อยากให้ทุกท่านลองสอดส่องไปถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ กันดูนะคะ

คืนชีพโลกแห่งคาบุกิ

江戸博

ที่นี่ยังมีแบบจำลองขนาดเท่าของจริงที่จำลองฉากการแสดงคาบุกิเรื่อง สึเกโรคุ อันเป็นตัวแทนของละครคาบุกิ แบบจำลองนี้สร้างขึ้นโดยมีอิจิคาวะ ดันจูโร่รุ่นที่ 12 นักแสดงคาบุกิผู้มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นผู้ให้คำแนะนำเรื่องท่าทางของสึเกโรคุ ตัวเอกของละครเรื่องนี้ค่ะ

江戸

ไม่ว่าจะเป็นฉาก อุปกรณ์ประกอบฉาก หรือเสื้อผ้านักแสดงที่ปรากฏในแบบจำลองนี้ ต่างก็ใช้ช่างฝีมือตัวจริงที่มีประสบการณ์ทำเวทีของละครคาบุกิ แม้แต่วิกผมที่อยู่บนศีรษะของตุ๊กตาก็ได้ช่างฝีมือที่รับผิดชอบวิกผมในการแสดงละครคาบุกิจริงๆ มาถักเปลี่ยนให้ใหม่ทุกปี

江戸博

เมื่อกดปุ่มบนเครื่องด้านหน้าก็จะมีดนตรีและบทพูดจากเรื่องสึเกโรคุให้ได้ฟังกันค่ะ ทำให้เราได้เข้าใจถึงบรรยากาศในการแสดงละครคาบุกิของจริงรวมถึงความงดงามในจังหวะจะโคนของคำพูดที่เปล่งออกมาด้วย

江戸博

ตั้งแต่ช่วงปลายยุคเอโดะเป็นต้นมา บนเวทีคาบุกิจะมีการติดตั้งกลไกต่างๆ เอาไว้มากมาย ส่วนจัดแสดงนี้เป็นการจำลองเวทีการแสดงเรื่อง Tokaido Yotsuya Kaidan ขึ้นมาเพื่อให้ผู้เข้าชมได้เห็นถึงกลไกและเทคนิคที่ทำให้นักแสดงสามารถหายตัวจากบนเวทีได้ภายในเสี้ยววินาทีค่ะ

3. "สัมผัส" เอโดะของจริง

เมื่อได้เดินดูบรรยากาศในยุคเอโดะที่ถูกสร้างขึ้นใหม่แล้ว ผู้เข้าชมอาจเริ่มสงสัยว่า "ถ้าได้เข้าไปอยู่ในนั้นจริงๆ จะรู้สึกอย่างไร?" "ของที่ว่านั้นจะหนักแค่ไหน?" เพื่อเป็นการตอบคำถามเหล่านั้น จึงมีการจัดพื้นที่ให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสสิ่งของในยุคเอโดะด้วยตัวเองอยู่ทั่วพิพิธภัณฑ์เลยละค่ะ

江戸博

นี่คือเสลี่ยงขนาดเท่าของจริงที่ไดเมียวใช้นั่งเวลาเดินทาง ไดเมียวจะเข้าไปนั่งข้างในและให้คน 4 คนแบกเสลี่ยงไปค่ะ เราสามารถเข้าไปนั่งข้างในได้ด้วย อย่าลืมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกด้วยนะคะ

江戸博

นี่คือ เสาธงนักดับเพลิง เป็นสัญลักษณ์ที่ใช้ในสถานที่เกิดเพลิงไหม้ค่ะ ในยุคเอโดะมีกลุ่มนักดับเพลิงที่ก่อตั้งขึ้นโดยชาวเมือง เสาธงนี้จึงถูกนำมาใช้เพื่อแจ้งให้ทราบว่ากลุ่มใดมีหน้าที่ดับเพลิงในสถานที่เกิดเพลิงไหม้นั้นๆ

เสาธงมีน้ำหนักถึง 15 กิโลกรัม ยกไม่ไหวเลยค่ะ แต่ถ้าหมุนเสาไปรอบๆ บะเร็น ซึ่งเป็นกระดาษหรือแผ่นหนังยาวที่ประดับอยู่บนเสาก็จะแผ่ออกไปรอบๆ อย่างสวยงามค่ะ

江戸博

ในเมืองเอโดะจะมีพ่อค้าแม่ค้าหาบเร่ขายของด้วยการนำสินค้าจำพวกปลาหรือผักใส่ไว้ในตะกร้าแบบนี้ค่ะ เหมือนเมืองไทยสมัยก่อนเลย ลองไปยกดูได้นะคะ

ของที่อยู่ในตะกร้าจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ลองดูนะคะว่าข้างในใส่อะไรไว้ ตอนที่เราไปมานี่เป็นเดือนเมษายน ในตะกร้าเลยเป็นปลาที่จับได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิค่ะ

4. ไม่ใช่แค่ยุคเอโดะเท่านั้น!

江戸博

เราได้แนะนำนิทรรศการที่พิพิธภัณฑ์เอโดะ-โตเกียวในคอนเซปท์ "เดิน - ดู - สัมผัส" ไปเรียบร้อยแล้ว แต่อันที่จริงแล้ว สิ่งที่เราได้แนะนำไปนั้นเป็นเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของนิทรรศการเท่านั้นเอง

พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือคือ โตเกียวโซน (Tokyo Zone) เป็นการจัดแสดงเรื่องราวตั้งแต่สิ้นสุดยุคเอโดะจนกระทั่งถึงปัจจุบันค่ะ

ที่นี่มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย เช่นแบบจำลองอาคารในยุคเมจิที่ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมยุโรป ผู้เข้าชมจึงสามารถเรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่นได้อย่างกว้างขวางค่ะ

5. ให้บริการในหลายภาษา

江戸博

สำหรับผู้ที่ต้องการทราบเนื้อหาของสิ่งที่นำมาจัดแสดงให้ละเอียดยิ่งขึ้น ก็สามารถใช้เครื่องอธิบายแบบเสียงตามที่เห็นในภาพเพื่อฟังคำบรรยายเกี่ยวกับแบบจำลองหรือสิ่งที่จัดแสดงในแต่ละจุดของนิทรรศการถาวรได้ค่ะ

ในการใช้เครื่องอธิบายแบบเสียงนี้จะต้องวางเงินมัดจำ 1,000 เยน แต่เมื่อนำเครื่องไปคืนก็จะได้เงินคืน สามารถขอรับเครื่องนี้ได้ที่ทางเข้านิทรรศการถาวรชั้น 6

นอกจากนี้ หากเดินชมนิทรรศการไปพร้อมกับอาสาสมัครไกด์นำเที่ยว ก็จะสามารถสนุกไปกับสิ่งที่นำมาจัดแสดงได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น การนำเที่ยวนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย และยังมีอาสาสมัครหลายภาษาด้วยค่ะ ที่หน้าทางเข้าห้องจัดแสดงนิทรรศการถาวรจะมีป้ายประกาศแสดงภาษาที่ให้บริการในวันนั้นๆ ลองตรวจสอบดูนะคะ

การเดินชมนิทรรศการกับอาสาสมัครไกด์นำเที่ยวจะใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง - 2 ชั่วโมง และสามารถใช้บริการได้ตั้งแต่เวลา 10:00 - 15:00

6. ทานอาหารอย่างสบายๆ

江戸博

เอาล่ะค่ะ หลังจากที่ได้ชมงานจัดแสดงกันอย่างจุใจก็คงจะหิวกันแล้ว ภายในอาคารจัดแสดงมีร้านอาหารและคาเฟ่ที่เราสามารถใช้เวลาอย่างผ่อนคลายได้ด้วย นอกจากร้านอาหาร Sakura Saryo ที่ชั้น 7 แล้วก็ยังมีร้าน Ginza Yoshoku Mikasa Kaikan และ Café Mikasa ที่เพิ่งเปิดให้บริการในเดือนเมษายนปี 2018 ค่ะ

江戸博

เอื้อเฟื้อภาพโดย : พิพิธภัณฑ์เอโดะ-โตเกียว

อาหารขึ้นชื่อของร้าน Mikasa Kaikan ที่ชั้น 1 คือ ชิกเก้นโดเรีย (Chicken Doria) ราคารวมภาษี 1,450 เยน ร้านนี้จะเน้นอาหารฝรั่งเป็นหลักค่ะ

江戸博

เอื้อเฟื้อภาพโดย : พิพิธภัณฑ์เอโดะ-โตเกียว

หากอยากทานอาหารญี่ปุ่นขอแนะนำให้ไปที่ร้าน Sakura Saryo ค่ะ โทโนะซามะเบนโตที่เห็นในภาพ (ราคารวมภาษี 2,800 เยน) อัดแน่นไปด้วยอาหารญี่ปุ่นอย่างซาชิมิและเทมปุระให้ได้ลิ้มลองกัน ว่ากันว่าร้าน Sakura Saryo ที่ชั้น 7 นั้นมีความสูงใกล้เคียงกับหอสังเกตการณ์ของปราสาทเอโดะ มาทานอาหารที่นี่แล้วก็พักผ่อนสบายๆ ไปพลางครุ่นคิดถึงเรื่องราวในยุคเอโดะได้ค่ะ

7. เลือกซื้อของฝากเป็นสินค้าสไตล์ญี่ปุ่น

江戸

ภายในอาคารจัดแสดงมีร้านขายของที่ระลึกอยู่ 2 ร้าน สินค้าขายดีก็เช่นผ้าเช็ดมือหรือผ้าเช็ดหน้าลายญี่ปุ่น สินค้าที่วางขายมีราคาเริ่มต้นต่ำไม่ถึง 1,000 เยน ลองหาลายที่ชอบแล้วซื้อไปเป็นของฝากกันดูนะคะ

นอกจากนี้ในร้านยังมีสินค้าออริจินัลของพิพิธภัณฑ์อย่าง ขนมคัสเทลล่า (ราคารวมภาษี 324 เยน) ไส้อังโกะและไส้ครีมคัสตาร์ดด้วย

8. บัตรเข้าชมและการเดินทาง

江戸東京博物館エントランス

เมื่อออกจากสถานีเรียวโกคุ (Ryokoku) จะมีป้ายบอกทางไปยังพิพิธภัณฑ์เอโดะ-โตเกียวแบบนี้ค่ะ

ในการชมนิทรรศการถาวร ให้ขึ้นบันไดไปซื้อบัตรเข้าชมได้ที่เคาน์เตอร์ขายบัตร ชั้น 3 (หรือจะซื้อที่ชั้น 1 ก็ได้) สำหรับราคาบัตรและเวลาทำการลองดูที่ข้อมูลท้ายบทความนะคะ

พิพิธภัณฑ์เอโดะ-โตเกียวเป็นอาคาร 7 ชั้น ที่ชั้น 1 เป็นนิทรรศการพิเศษ (ปิดปรับปรุงถึงเดือนมีนาคม 2019) ส่วนชั้น 5 - 6 เป็นชั้นจัดแสดงนิทรรศการถาวรค่ะ

江戸

บันไดเลื่อนนี้คือทางเข้าสู่ยุคเอโดะ! เมื่อขึ้นไปถึงชั้น 6 แล้วก็เริ่มการผจญภัยแสนสนุกที่เอโดะโซนได้เลย!

ไปสัมผัสความเป็นเอโดะกัน!

江戸博

พิพิธภัณฑ์เอโดะ-โตเกียวนั้นได้ลบภาพลักษณ์ "สถานที่สำหรับเดินชมสิ่งของในตู้กระจกอย่างเงียบๆ" ของพิพิธภัณฑ์ไปเลย โดยเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมสามารถเรียนรู้วัฒนธรรมของเอโดะและโตเกียวผ่านการมีประสบการณ์ร่วม

ที่สวนสนุกซึ่งอัดแน่นไปด้วยความรู้แห่งนี้ พอรู้สึกตัวอีกทีเวลาก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วค่ะ อยากให้ทุกท่านลองมาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เอโดะ-โตเกียวแห่งนี้กันให้ได้นะคะ


ผู้เขียนบทความต้นฉบับ : Kaede Ayaka

* บทความนี้เรียบเรียงใหม่จากบทความที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2015

บทความโดย

MATCHA

นี่คือบัญชีของกองบรรณาธิการ MATCHA เราจะเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวอยากรู้ รวมถึงเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ของญี่ปุ่นที่ยังไม่มีใครรู้จัก

more
เนื้อหาในบทความนี้อ้างอิงจากการเก็บข้อมูลในช่วงเวลาที่เขียนบทความ อาจมีการเปลี่ยนแปลงของรายละเอียดสินค้า บริการ ราคาในภายหลังได้ กรุณาตรวจสอบกับสถานที่นั้นอีกครั้งก่อนการไปใช้บริการ
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง