Start planning your trip
คู่มือแนะนำ Wi-Fi ฟรีในญี่ปุ่นโดยละเอียด ทั้งจุดให้บริการและแอปที่ใช้ได้
ปัจจุบัน ญี่ปุ่นมีพื้นที่ซึ่งใช้ Wi-Fi ฟรีได้เพิ่มขึ้น บทความนี้ขอแนะนำข้อดีและข้อด้อยของ Wi-Fi ฟรี จุดที่สามารถใช้งานได้อย่างสนามบิน แอปใช้ Wi-Fi ฟรี Pocket Wi-Fi และซิมที่ใช้ร่วมกับ Wi-Fi ฟรีได้
บริการ Wi-Fi ฟรีในญี่ปุ่น
ปัจจุบันมีบริการ Wi-Fi ฟรีในญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น สามารถใช้งานได้ในหลายแห่ง บทความนี้ขอแนะนำบริการ Wi-Fi ฟรีในญี่ปุ่น จุดให้บริการ Wi-Fi ฟรี และแอปที่ใช้ได้
แต่ช้าก่อนการเที่ยวญี่ปุ่นแบบเลิศๆ ได้ Wi-Fi ฟรีเพียงอย่างเดียวคงไม่พอ บทความนี้ขอแนะนำ Pocket Wi-Fi และซิมการ์ดสุดคุ้มแนะนำที่ใช้ร่วมกับ Wi-Fi ฟรีได้
สารบัญ
1. ข้อดีและข้อด้อยของ Wi-Fi ฟรี
2. จุดให้บริการ Wi-Fi ฟรี
3. แอป Wi-Fi ฟรี
4. วิธีใช้เน็ตสุดคุ้ม นอกจาก Wi-Fi ฟรี
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
ข้อดีและข้อด้อยของ Wi-Fi ฟรี
หน้าลงทะเบียนใช้งาน Wi-Fi ของ McDonald
ข้อดีที่สุดของ Wi-Fi ฟรีคือสามารถใช้เน็ตได้ฟรี หากเป็นจุดบริการที่เน็ตแรงเร็ว จะดาวน์โหลดข้อมูลใหญ่ๆ ได้
ปัจจุบันญี่ปุ่นมี Wi-Fi ฟรีให้บริการหลายจุด ทั้งระบบขนส่งสาธารณะต่างๆ อย่างสนามบินและสถานีรถไฟ รวมทั้งคาเฟ่และที่พัก
แต่อีกด้าน Wi-Fi ฟรีโดยพื้นฐานมักไม่สามารถใช้บริการตามท้องถนนได้ ดังนั้นเมื่อหลงทาง การค้นหาเส้นทางบน Google Maps อาจเป็นเรื่องยาก
แถมเมื่อเทียบกับเน็ตส่วนตัวอย่างซิมการ์ด และ Pocket Wi-Fi แล้ว Wi-Fi ฟรีก็มีความปลอดภัยน้อยกว่า การแลกเปลี่ยนข้อมูลต่างๆ อย่างข้อมูลบัตรเครดิตค่อนข้างอันตราย
ดังนั้น โดยทั่วไปขอแนะนำให้ใช้ Wi-Fi ฟรีเพื่อค้นหาข้อมูลที่ไม่ต้องใช้ข้อมูลส่วนตัวของเรา เช่น ค้นหาข้อมูลที่เที่ยวและเส้นทาง
จุดให้บริการ Wi-Fi ฟรีหลักๆ
ปัจจุบันญ๊่ปุ่นมีบริการ Wi-Fi ฟรีในหลายพื้นที่
สนามบินและสถานีรถไฟ
Photo by Pixta
ปัจจุบันสนามบินและสถานีรถไฟหลักๆ ในญี่ปุ่นมีบริการ Wi-Fi ฟรี ช่วยให้สะดวกในการค้นหาข้อมูลจุดหมายปลายต่อไปหรือตรวจสอบตารางรถไฟ
อีกด้านหนึ่ง เนื่องจากมีผู้เชื่อมต่อ Wi-Fi ฟรีที่สนามบินและสถานีรถไฟจำนวนมาก เน็ตจึงมักช้ามาก
อีกอย่างสนามบินและสถานีรถไฟส่วนใหญ่ไม่มีรหัสผ่านสำหรับ Wi-Fi ฟรี จึงเป็นอันตรายต่อการแชร์หรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
ที่พัก
ปัจจุบันที่พักหลายแห่งในญี่ปุ่นมีบริการ Wi-Fi ฟรี
หนึ่งในความประทับใจสำหรับผู้เขียนคือที่พักถือเป็นจุดให้บริการ Wi-Fi ฟรีที่มีสัญญาณเชื่อมต่อที่เสถียรที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ก่อนหน้านี้ ตอนที่ผู้เขียนเข้าพักที่โรงแรมเฟรนไซด์ยอดฮิตของญี่ปุ่นอย่าง APA Hotel และ Super Hotel แล้วดูคลิปวิดีโอที่ใช้ปริมาณเน็ตมากได้สบายๆ
บริการ Wi-Fi ฟรีในที่พัก มีข้อดีคือค่อนข้างปลอดภัย เนื่องจากมีจำนวนผู้ใช้บริการจำกัด
ปัจจุบันที่พักส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น รวมถึงบีสซิเนสโฮเต็ลหรือโรงแรมราคาประหยัด โรงแรมหรู และเกสต์เฮาส์ราคาประหยัด ล้วนมีบริการ Wi-Fi ฟรี แต่ต้องระวังหน่อยว่าเรียวกังเก่าแก่บางแห่งยังไม่มีบริการ Wi-Fi ฟรีนะ
สตาร์บัคส์ (Starbucks) และคาเฟ่อื่นๆ
ในญี่ปุ่น ถ้าพูดถึงคาเฟ่ดังๆ ที่มีบริการ Wi-Fi ฟรีก็ต้องเป็นร้านสตาร์บัคส์ ถ้าไปโตเกียว มักเห็นพนักงานบริษัทแวะมาจิบกาแฟและใช้ Wi-Fi ฟรีที่สตาร์บัคส์กัน
บริการ Wi-Fi ฟรีของร้านสตาร์บัคส์มีหน้าเพจหลายภาษาและใช้งานง่าย
นอกจากร้านสตาร์บัคส์แล้ว ร้านกาแฟอื่นอีกหลายแห่งในญี่ปุ่นก็มีบริการ Wi-Fi ฟรีเช่นกัน อย่าง TULLY’S COFFEE และ KOMEDA’s Coffee
ข้อพึงระวังคือร้านสตาร์บัคส์ที่อยู่ในชอปปิงมอลล์อาจไม่มีบริการ Wi-Fi ฟรี แต่ก็มีบริการ Wi-Fi ฟรีของชอปปิงมอลล์นั้นๆ ให้บริการ ถึงจะไม่สะดวกเท่าของสตาร์บัคส์ก็ตาม
แมคโดนัลด์ (McDonald's)
Photo by Pixta
นอกจากร้านสตาร์บัคส์แล้ว แมคโดนัลด์ก็เป็นร้านอาหารอีกแห่งในญี่ปุ่นที่มีบริการ Wi-Fi ฟรีที่ใช้งานง่าย และหน้าเพจก็มีหลายภาษาเช่นกัน
ปัจจุบัน (ณ ปี 2024) ญี่ปุ่นมีร้านแมคโดนัลด์ราว 3,000 แห่ง ที่เปิดให้บริการในชนบทและตามถนนหนทางต่างๆ จึงสะดวกมาก
เช่นเดียวกับร้านสตาร์บัคส์ มีร้านแมคโดนัลด์บางแห่งในชอปปิงมอลล์ไม่มีบริการ Wi-Fi ฟรี
ชอปปิงมอลล์
แกรนด์ฟรอนท์โอซาก้า (GRAND FRONT OSAKA) ในโอซาก้า
ปัจจุบันมีจุดให้บริการ Wi-Fi ฟรีในชอปปิงมอลล์และห้างสรรพสินค้าต่างๆ อย่าง AEON Mall เพิ่มมากขึ้น
แต่บริการ Wi-Fi ฟรีในชอปปิงมอลล์ต่างๆ อาจใช้งานไม่ง่ายนัก เช่น เน็ตช้า หรือต้องลงทะเบียนก่อน
หน่วยงานท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่
อาคารศาลาว่าการกรุงโตเกียว (Tokyo Metropolitan Government Building)
องค์กรท่องเที่ยวและหน่วยงานท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่ยังมีบริการ Wi-Fi ฟรี อย่างในโตเกียวมี TOKYO FREE Wi-Fi (ให้บริการใน 5 ภาษา) และในโอซาก้ามี Osaka FREE Wi-Fi (ให้บริการใน 6 ภาษา)
บริการ Wi-Fi ฟรีไม่ได้มีแค่ในเมืองใหญ่ๆ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงจังหวัดคากาวะ (Kagawa) ที่ผู้เขียนอาศัยอยู่นี้ก็มีบริการที่เรียกว่า KAGAWA-WiFi ด้วย
ทว่าบริการ Wi-Fi ฟรีขององค์กรท่องเที่ยวและหน่วยงานท้องถิ่นเหล่านี้ก็มีปัญหาเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากการใช้ไม่ต้องเข้ารหัส ดังนั้นขอให้ระมัดระวัง งดแชร์หรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลให้มากที่สุด
อื่นๆ
รูปของสะดวกซื้อเป็นเพียงภาพตัวอย่างประกอบบทความเท่านั้น Photo by Pixta
ร้านสะดวกซื้อบางแห่งมีบริการ Wi-Fi ฟรี
LAWSON หนึ่งในแฟรนไซส์ร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ของญี่ปุ่นก็มีบริการ Wi-Fi ฟรีที่ใช้งานได้โดยไม่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้า ส่วน FamilyMart ก็มีบริการ d Wi-Fi ซึ่งใช้งานได้โดยสมัครเป็นสมาชิก d POINT CLUB ของ docomo ก่อน
แอป Wi-Fi ฟรีในญี่ปุ่น
ในญี่ปุ่นมีแอป Wi-Fi ฟรีหลายตัว
โดยพื้นฐาน เมื่อใช้บริการ Wi-Fi ฟรี ต้องกรอกข้อมูลส่วนบุคคลต่างๆ เช่น อีเมลแอดเดรสทุกครั้ง แต่หากลงทะเบียนกับแอป จะลดความยุ่งยากได้
อีกทั้งแอปเหล่านี้ยังมีแผนที่แสดงจุดบริการ Wi-Fi ฟรี ด้วย จึงค้นหาจุดบริการได้รวดเร็วว่าสามารถใช้ Wi-Fi ฟรีได้ที่ไหนบ้าง
Japan Wi-Fi auto-connect
จากเว็บไซต์ทางการของ Japan Wi-Fi auto-connect
Japan Wi-Fi auto-connect จัดทำโดย NTT บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ของญี่ปุ่น ให้บริการใน 5 ภาษา สามารถใช้ได้ทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ ใช้งานได้กว่า 50,000 จุดทั่วญี่ปุ่น
Town WiFi
タウンWiFiの公式HPより
จากเว็บไซต์ทางการของ Town WiFi
Town WiFi แอปที่จัดทำโดย GMO Internet Group บริษัทผู้ดำเนินธุรกิจด้านอินเตอร์เน็ต มีจุดให้บริการเชื่อมต่อเน็ตมากกว่า 150,000 แห่งทั่วญี่ปุ่น
Town WiFi ร่วมกับผู้ดำเนินธุรกิจต่างๆ ให้บริการและเผยแพร่โฆษณาภายในแอปพลิเคชั่น สามารถชอปปิงแบบสุดคุ้มได้โดยใช้คะแนนสะสมของ Ponta, PayPay และอื่นๆ เป็นส่วนลด
แต่แอปนี้ให้บริการเป็นภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น (เว็บไซต์ทางการเป็นภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษ)
วิธีใช้เน็ตแบบสุดคุ้ม นอกจาก Wi-Fi ฟรี
ตามที่กล่าวข้างต้น บริการ Wi-Fi ฟรีก็มีข้อด้อยอยู่ ดังนั้นเมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่น ขอแนะนำให้เตรียม Pocket Wi-Fi หรือซิมการ์ด (รวมถึง eSIM) ไปด้วย
จากนี้ขอแนะนำบริการราคาย่อมเยาสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดเงินให้ได้มากที่สุด
Pocket Wi-Fi
Photo by Pixta
Pocket Wi-Fi เชื่อมต่ออุปกรณ์หลายเครื่องในคราวเดียวได้ง่ายๆ สามารถใช้ปริมาณเน็ตได้ เหมาะกับการมาเที่ยวเป็นกลุ่มหรือมาติดต่องาน
ญี่ปุ่นมีบริการ Pocket Wi-Fi หลากหลาย แต่บริการที่คุ้มสุดๆ คือ NINJA WiFi สามารถใช้ปริมาณเน็ตได้สูงสุดวันละ 3GB ค่าบริการอยู่ที่วันละ 770 เยน แถมมีส่วนลด 20% สำหรับผู้อ่าน MATCHA ด้วย
บริษัทอื่นๆ เช่น Klook ก็มีบริการ Pocket Wi-Fi เช่นกัน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
ซิมการ์ดและ eSIM
Photo by Pixta
ซิมการ์ดใช้ปริมาณเน็ตได้น้อยกว่า Pocket Wi-Fi แต่ถูกกว่าและพกพาง่ายกว่า
นอกจากยังมีบริษัทให้บริการซิมการ์ดมากมาย ซื้อหาซิมการ์ดได้ที่ร้านค้าออนไลน์อย่าง Amazon ร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่นๆ ปัจจุบัน (ณ เดือนเมษายน 2024) มีค่าบริการสำหรับปริมาณเน็ตวันละราว 1 GB ใช้งานได้ 3 วัน จะอยู่ที่ประมาณ 1,000 - 2,000 เยน
หากเที่ยวญี่ปุ่นราว 1 สัปดาห์ ใช้งานวันละ 1 - 2GB บริการของ mobal คุ้มสุดๆ แล้ว สำหรับผู้ที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ Sakura Mobile ยิ่งเหมาะสุด แถมได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าว่ามีบริการเป็นเลิศด้วย
นอกจากนี้ยังหาซื้อซิมการ์ดผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ อย่าง Klook ด้วย
ปัจจุบันการใช้ eSIM ซึ่งใช้งานได้โดยไม่ต้องใส่การ์ดก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
มาใช้ประโยชน์จาก Wi-Fi ฟรีให้คุ้มสุดๆ กัน
หากใช้ประโยชน์จาก Wi-Fi ฟรี จะช่วยให้ประหยัดเงินค่าเน็ตเมื่อเที่ยวญี่ปุ่นได้
ลองนำเนื้อหาในบทความนี้ไปอ้างอิงเพื่อใช้ประโยชน์จาก Wi-Fi ฟรีของญี่ปุ่นให้คุ้ม แล้วไปสนุกกับการเที่ยวญี่ปุ่นกัน
Main image by Pixta
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง