Start planning your trip

เมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่นหรือพักอยู่ญี่ปุ่นในระยะกลางถึงยาว หลายคนอาจคิดหนักว่าเรื่องเน็ตจะทำอย่างไรดี บทความนี้ เราจะพูดถึงข้อมูลเกี่ยวกับเน็ตในญี่ปุ่น จุดสำคัญในการเช่า Pocket WiFi Router และบริการ Pocket WiFi ดีที่สุดเหมาะกับแต่ละความต้องการ
Photo by Pixta
ใช้ Google Maps หาจุดหมายที่จะไปบ้าง สมัครบริการที่จำเป็นในการดำเนินชีวิตบ้าง... ไม่ว่าไปเที่ยวหรือพักอยู่ญี่ปุ่นในระยะกลางถึงระยะยาว ปัจจุบัน อินเทอร์เน็ตคือสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้เลย
กรณีพักอยู่ญี่ปุ่นเป็นเวลานาน ควรทำสัญญากับผู้ให้บริการเน็ตในญี่ปุ่นและติดตั้งเน็ตบ้านแบบต่อสาย แต่ถ้ามาเที่ยวระยะสั้นหรือพักอยู่นานเป็นปี ขอแนะนำ Pocket Wi-Fi Router ที่พกพาได้สะดวกจะดีกว่า
แต่หลายท่านอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับเน็ตในญี่ปุ่น บทความนี้จะมาแนะนำเรื่อง Wi-Fi ฟรีในญี่ปุ่น วิธีเชื่อมต่อเน็ตในญี่ปุ่น และ Pocket Wi-Fi Router
สำหรับ Pocket Wi-Fi Router ขอแนะนำ 5 ตัวเลือกที่ดีที่สุดในแต่ละประเภท โดยเปรียบเทียบราคาและปริมาณเน็ต ท่านที่วางแผนจะไปเที่ยวญี่ปุ่นหรือท่านที่วางแผนจะอยู่ญี่ปุ่นระยะหนึ่งเพื่อเรียนหรือทำงาน เข้าไปเช็คดูกันเลย!
ส่วนลด 20% พิเศษสำหรับผู้อ่าน MATCHA! เช่า NINJA Wi-Fi ได้ที่นี่
ปัจจุบัน ญี่ปุ่นมีอาคารสถานที่ต่างๆ ที่ให้บริการ Wi-Fi ฟรีเพิ่มขึ้น เช่น ที่พัก คาเฟ่ และชอปปิงมอลล์
ในบรรดา WiFi ฟรีต่างๆ Japan Connected-free WiFi โด่งดังที่สุด มีแอปที่รองรับ 16 ภาษา ในญี่ปุ่นมีจุด WiFi กว่า 50,000 จุดให้ใช้ ว่ากันว่ามีความปลอดภัยค่อนข้างสูงเพราะเชื่อมต่อกับ Wi-Fi ของบริษัทและรัฐบาลท้องถิ่นเท่านั้น
แต่ระหว่างเดินทาง ก็มีบางครั้งที่อยากอัปโหลดรูปที่ถ่ายลงโซเชียลทันทีเพื่อแบ่งปันความประทับใจกับผู้อื่นด้วย หรือบางทีก็ต้องการใช้ Google Maps แบบเรียลไทม์ในตอนที่กำลังเดินอยู่
กรณีเช่นนี้ WiFi ฟรีที่สามารถใช้ได้เฉพาะในบริเวณที่มีจุด WiFi ฟรี คงไม่สะดวกนัก
แถม WiFi ฟรี ยังต้องแชร์เครือข่ายกับผู้คนมากมายไม่ระบุจำนวนด้วย ดังนั้น จึงเป็นการดีที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงการป้อนข้อมูลสำคัญ เช่น ข้อมูลบัตรเครดิต
ถ้าจะใช้เน็ตในญี่ปุ่นต้องทำอย่างไร? นอกจากเน็ตบ้านแบบต่อสายแล้ว ก็ยังมีอีก 3 ตัวเลือก ได้แก่ Pocket Wi-Fi Router, ซิมการ์ด และโรมมิ่ง
แต่ละตัวเลือกก็มีลักษณะที่แตกต่างกัน
Photo by Pixta
Pocket Wi-Fi Router เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กกว่าสมาร์ตโฟนเล็กน้อย จุดเด่นคือใช้งานง่าย แค่เปิดเครื่อง ป้อนรหัสผ่านไปยังอุปกรณ์ที่ต้องการเชื่อมต่อ ก็ใช้งานได้ทันที
นอกจากปริมาณเน็ตที่ใช้งานทั่วไปได้มากแล้ว ยังสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์หลายเครื่องได้ด้วย ดังนั้นจึงเหมาะกับผู้ที่เดินทางเป็นกลุ่ม หรือผู้ที่ใช้ทั้งคอมพิวเตอร์และสมาร์ตโฟน
ทว่า Pocket Wi-Fi Router โดยทั่วไปเป็นบริการแบบเช่า จำเป็นต้องส่งเครื่องคืนก่อนออกจากญี่ปุ่น จึงอาจมีความยุ่งยากเล็กน้อย
Photo by Pixta
เป็นซิมการ์ดที่ใช้เน็ตได้โดยใส่ลงในสมาร์ตโฟนแบบปลดล็อคซิมแล้ว (Unlocked Phone) จุดเด่นคือราคาถูก แต่ปริมาณเน็ตที่ใช้ได้น้อยกว่า Pocket Wi-Fi Router เล็กน้อย
อย่างในกรณีของ Japan Travel SIM ซิมการ์ดแบบเติมเงินที่ให้บริการโดย IIJmio สามารถซื้อซิมการ์ดขนาด 1.5 GB ในราคา 1,864 เยน (ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2022) ได้ใน Amazon เมื่อเทียบกับ Pocket Wi-Fi Router ในราคาตั้งแต่วันละ 300 ถึง 1,000 เยน ก็จะเห็นว่าราคาถูกกว่า
ทว่ายังมีข้อด้อยอย่างเช่นจำเป็นต้องปลดล็อกการใช้ซิมสมาร์ตโฟนล่วงหน้า การเปลี่ยนซิมการ์ดยุ่งยาก และการตั้งค่าเริ่มต้นค่อนข้างเข้าใจยากอยู่บ้าง
โรมมิ่งช่วยให้สามารถใช้บริการของบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งเราทำสัญญาอยู่ได้แม้ในต่างประเทศ จุดเด่นคือใช้งานง่าย แต่ราคาแพง
แถมความสามารถในการโทรศัพท์และรับส่งข้อความยังขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ แต่ก็มีข้อจำกัดหลายประการ เช่น ไม่สามารถรับส่งข้อมูลอื่นๆ ได้
บทความนี้ได้สรุปจุดเด่นและจุดด้อยของ Pocket Wi-Fi Router, ซิมการ์ด และการโรมมิ่งไว้ดังนี้
Pocket Wi-Fi Router | SIM | Roaming | |
จุดเด่น |
・ สามารถใช้ข้อมูลจำนวนมากได้ ・ เชื่อมต่ออุปกรณ์หลายเครื่องพร้อมกัน |
・ ราคาถูก ・ มีความหลากหลาย |
・ ขั้นตอนการใช้งานง่าย |
จุดด้อย | ・ ราคาสูงกว่าซิมการ์ด (วันละ 300 ถึง 1,000 เยน) |
・ ต้องปลดล็อคซิม ・ ปริมาณข้อมูลที่สามารถใช้ได้น้อย ・ การตั้งค่าเริ่มต้นนั้นเข้าใจยาก ・ การเปลี่ยนซิมการ์ดยุ่งยาก |
・ ค่าใช้จ่ายสูง ・ มีข้อจำกัดต่างๆ |
จากการเปรียบเทียบนี้ นักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่พักอาศัยในญี่ปุ่นจะมี 2 ตัวเลือกที่เหมาะ ได้แก่ Pocket Wi-Fi Router และซิมการ์ด ดังนั้น ลองมาดูกันว่าแบบไหนที่เหมาะกับความต้องการของเรา
บทความนี้ เราจะมาพิจารณาจุดสำคัญในการเลือก Pocket Wi-Fi Router และบริการต่างๆ ที่มีกัน
Photo by Pixta
Pocket Wi-Fi Router โดยทั่วไปจะให้บริการดังต่อไปนี้
1. การจองล่วงหน้าทางอินเทอร์เน็ต
2. รับอุปกรณ์ที่สนามบิน ที่ทำการไปรษณีย์ โรงแรม และอื่นๆ ในญี่ปุ่น
3. คืนเครื่องก่อนออกจากญี่ปุ่น
ทว่าแต่ละบริษัทมีจุดเด่นที่ต่างกัน สิ่งที่ควรคำนึงถึงเมื่อเช่า Pocket WiFi เป็นครั้งแรก มีดังนี้
บริษัทหลายแห่งเสนอทั้งแพ็กเกจการใช้เน็ตแบบไม่จำกัด (*) และแพ็กเกจการใช้เน็ตได้สูงสุดวันละ 1 GB ค่าบริการจะต่างกันขึ้นอยู่กับปริมาณเน็ตที่สามารถใช้ได้
นอกจากนี้ ยังมีบางบริษัทที่มอบส่วนลดเมื่อใช้บริการระยะยาว ในขณะที่บางบริษัทไม่มีส่วนลดนี้ แบบแรกเหมาะกับการเช่าระยะยาวและแบบหลังเหมาะกับการเช่าระยะสั้น หากมีส่วนลดระยะยาว มักอยู่ที่ราวเดือนละ 10,000 เยน
* แม้จะเป็นเน็ตแบบไม่จำกัด แต่หากใช้ปริมาณเน็ตวันละ 3 GB ขึ้นไป อาจมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น ทำให้ความเร็วของเน็ตลดลง
เรื่องที่ควรทราบ! ปริมาณเน็ตมาตรฐานในญี่ปุ่น (สำหรับ 1 GB)
ส่งอีเมล: 2,090 ฉบับ (ฉบับละประมาณ 500 KB)
รับชมวิดีโอ: คุณภาพปานกลางได้ราว 4 ชั่วโมง 16 นาที
Google Map: ค้นหาได้ราว 1,432 ครั้ง (ครั้งละ 10 นาที)
อ้างอิง: https://www.wifi-rental.com/media/service/00025/
ก่อนเดินทางก็วุ่นวายกับการเตรียมตัว จนอาจลืมจอง Pocket Wi-Fi Router กระทั่งเหลือเวลาก่อนเดินทางไปญี่ปุ่นวันเดียว
หลายบริษัทกำหนดให้ต้องสมัครล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วันก่อนรับเครื่อง แต่มีบริการบางแห่ง เช่น Ninja-Wifi ที่สามารถสมัครได้หนึ่งวันก่อนรับเครื่อง กรณีที่เร่งรีบก็เลือกใช้บริการเหล่านี้กันได้
สำหรับสถานที่รับเครื่องมีหลายวิธี (1) ส่งทางไปรษณีย์ไปยังที่พักในญี่ปุ่น (โรงแรม บ้านเพื่อน และอื่นๆ) และ (2) รับเครื่อง ณ ที่ทำการไปรษณีย์ในสนามบินหลัก
แต่ Ninja-Wifi และ Sakura Mobile ซึ่งจะแนะนำในภายหลัง สามารถรับเครื่องได้ที่เคาน์เตอร์ในสนามบินหลักและสามารถรับได้โดยตรงจากเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ยังมีสนามบินหลายแห่งที่สามารถรับเครื่องได้ ดังนั้นหากกังวลกับการเช่า Pocket Wi-Fi Router ครั้งแรก แนะนำให้ใช้บริการนี้เลย
ส่วนการคืนเครื่องโดยทั่วไปก็มีหลายวิธี (1) ใส่ในถุงที่ใช้สำหรับคืนซึ่งได้มาตอนได้รับเครื่อง ปิดผนึกให้เรียบร้อยแล้วส่งคืนทางไปรษณีย์ และ (2) คืนที่เคาน์เตอร์สนามบิน
หาก Pocket Wi-Fi Router สูญหายหรือเสียหายอันเนื่องมาจากการประมาทเลินเล่อ จะมีการเรียกเก็บเงินชดใช้ค่าเสียหาย อย่างของ Japan Wireless กรณีเราเตอร์และซิมการ์ดในเราเตอร์สูญหายหรือเกิดความเสียหาย จะมีการเรียกเก็บเงินชดใช้ค่าเสียหาย 40,000 เยน
แต่ละบริษัทยังจัดให้มีการทำประกันภัยที่ช่วยลดจำนวนเงินที่ต้องชดใช้ในกรณีดังกล่าวได้ สำหรับท่านที่กังวลเกี่ยวกับการเดินทางไปญี่ปุ่นครั้งแรก ขอแนะนำให้ทำประกันไว้ด้วยดีกว่า
มีบริการ Pocket Wi-Fi Router ให้เช่ามากมายในญี่ปุ่น
ขอแนะนำบริการ 5 แบบต่อไปนี้ ซึ่งทั้งหมดมีเว็บไซต์ภาษาอังกฤษ (บางเว็บไซต์มีหน้าทั้งภาษาจีนตัวเต็มและตัวย่อ) ดังนั้นจึงสามารถสมัครเป็นภาษาต่างประเทศได้อย่างสบายใจ
ตัวเลือกที่ดีที่สุดเหมาะกับแต่ละความต้องการ
Picture courtesy of NINJA Wi-Fi
NINJA Wi-Fi เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการเที่ยวญี่ปุ่นช่วงสั้นๆ 1 - 3 สัปดาห์ จุดเด่นคือมีความน่าเชื่อถือสูง เนื่องจาก Vision Co., Ltd. ผู้ให้บริการเป็นบริษัทเก่าแก่ที่ได้พัฒนาบริการด้านการสื่อสารระหว่างประเทศมาตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1995
มีบริการ 3 แพ็กเกจ ได้แก่ แพ็กเกจใช้เน็ตได้สูงสุดวันละ 1 GB ในราคา 770 เยน, แพ็กเกจใช้เน็ตได้สูงสุดวันละ 5 GB ในราคา 1,100 เยน และแพ็กเกจใช้เน็ตได้สูงสุดวันละ 10 GBในราคา 1,320 เยน นอกจากสามารถใช้เน็ตได้มากแล้ว ยังใช้งานในระยะสั้นๆ ค่อนข้างคุ้มทีเดียวด้วย
นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นคือมีจำนวนเคาน์เตอร์รับเครื่องมากที่สุดในญี่ปุ่น และยังสามารถสมัครล่วงหน้าแค่หนึ่งวันก่อนรับเครื่อง ทำให้สะดวกมาก
อย่างเช่นหากสมัครในวันก่อนเดินทางภายใน 15:00 น. (เวลาในญี่ปุ่น) วันรุ่งขึ้นก็สามารถรับเครื่องได้ที่สนามบิน (Narita Airport Terminal 1, Narita Airport Terminal 2, Haneda International Terminal, Kansai International Airport Terminal 1, Naha Airport) นอกจากนี้ หากสมัครล่วงหน้า 2 - 4 วันยังสามารถรับได้ที่สนามบิน 11 แห่งในญี่ปุ่นด้วย
สมัครตอนนี้จะได้รับคูปองส่วนลด 20% พิเศษสำหรับผู้อ่าน MATCHA เท่านั้น ยิ่งคุ้มเข้าไปอีก เพียงแสดงคูปองจากลิงค์ด้านล่างในตอนสมัคร!
จุดเด่นอีกอย่างของ Ninja Wi-Fi คือมีแพ็กเกจให้เลือกมากมาย เช่น แพ็กเกจเช่าไวไฟพร้อมประกันสุขภาพในขณะที่อยู่ในญี่ปุ่น และแพ็กเกจเช่าอุปกรณ์แปลภาษาอย่าง POCKETALK ร่วมกับไวไฟได้ Ninja Wi-Fi ถือเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับการเดินทางมาญี่ปุ่นครั้งแรกเลย!
ส่วนลด 20% พิเศษสำหรับผู้อ่าน MATCHA! เช่า NINJA Wi-Fi ได้ที่นี่
Photo by Japan Wireless Business Wi-Fi
Japan Wireless ให้บริการโดย Inbound Platform Corp. ซึ่งมีบริการต่างๆ เช่น บริการรถตั้งแคมป์และข้อมูลทางการแพทย์สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ปริมาณเน็ตไม่จำกัด ค่าบริการเช่า Pocket Wi-Fi Router ต่างกันตามช่วงเวลาและระยะเวลาในการเช่า กรณีช่วงเวลาสั้นๆ ค่าเช่าระยะเวลา 1 วันประมาณ 1,400 เยน และค่าเช่าระยะเวลา 2 วัน 1,900 เยน (ณ เดือนตุลาคม 2022)
แต่สำหรับแพ็กเกจเหมาจ่ายเดือนละ 5,580 เยนสำหรับการเช่า 6 เดือนขึ้นไป และเดือนละ 4,980 เยนสำหรับการเช่า 1 ปี ซึ่งคุ้มมากๆ สำหรับผู้ที่พักอยู่ญี่ปุ่นเป็นเวลานาน อย่างผู้ที่มาศึกษาต่อที่ญี่ปุ่น Wi-Fi เป็นตัวเลือกที่เหมาะมากๆ
นอกจากนี้ยังมีการให้บริการที่รวดเร็วสุดๆ คือหากสมัครก่อนหนึ่งวัน วันรุ่งขึ้นก็รับเครื่องได้เลย (หากจำเป็นกรุณาติดต่อโดยตรง)
Japan Wireless ไม่มีเคาน์เตอร์ให้บริการเฉพาะ สามารถรับเครื่องได้ที่เคาน์เตอร์ QL Liner ในสนามบินนาริตะ (Narita Airport) และที่ทำการไปรษณีย์ในสนามบินต่างๆ อย่างสนามบินนาริตะเทอร์มินอล 1 และ 2, สนามบินนานาชาติคันไซ (Kansai International Airport), สนามบินนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ (Chubu Centrair International Airport), สนามบินฟุกุโอกะ (Fukuoka Airport) รวมทั้งส่งไปรษณีย์ไปที่โรงแรมและบ้านในญี่ปุ่นด้วย
Photo by Sakura Mobile
Sakura Mobile ให้บริการต่างๆ เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติและชาวต่างชาติที่พำนักในญี่ปุ่น มีบริการตั้งแต่จำหน่ายซิมการ์ดไปจนถึงเน็ตบ้านแบบต่อสาย
แพ็กเกจเช่า Pocket WiFi เหมือนกับ Japan Wireless คือมีปริมาณเน็ตไม่จำกัด ค่าบริการต่างกันตามช่วงเวลาและระยะเวลาในการเช่า หากเช่าเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ อาจมีค่าบริการมากกว่าวันละ 1,000 เยน แต่ถ้าเช่าเป็นเวลานาน ค่าบริการจะลดลงเหลือวันละ 299 เยนเอง
ที่สำคัญต้องทำการสมัครล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน การรับเครื่องมีเคาน์เตอร์ให้บริการ 4 แห่ง ได้แก่ สนามบินนาริตะเทอร์มินอล 1, 2 และ 3 และสนามบินนานาชาติคันไซ นอกจากนี้ยังมีสำนักงานให้บริการในชินจูกุซึ่งสามารถรับได้โดยตรงได้เลย ท่านที่ต้องการความสบายใจที่จะรับเครื่องกับจากเจ้าหน้าที่โดยตรง นี่คือตัวเลือกหนึ่งที่เหมาะ
นอกจากนี้ยังสามารถรับได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ของสนามบินนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์และสนามบินชินชิโตเซะหรือสนามบินนิวชิโตเซะ (New Chitose Airport) รวมถึงโรงแรมและที่ทำการไปรษณีย์ต่างๆ ในญี่ปุ่น
Photo by Japan Wifi Rental
หากพักอยู่ญี่ปุ่นช่วงสั้นๆ และอยากได้ค่าใช่จ่ายถูกๆ ขอแนะนำ Japan WiFi Rental จุดเด่นสุดคือ "เน็ตเดือนละ 50 GB วันละ 430 เยน" ซึ่งเป็นราคาที่ถูกสุดๆ นอกจากนี้ยังมีส่วนลดสำหรับการเช่าระยะยาว สามารถเช่าได้ในราคาถูกมากเพียงเดือนละ 6,450 เยนเท่านั้น
ส่วนสถานที่รับเครื่องนั้นจำกัดเฉพาะที่ทำการไปรษณีย์ในสนามบิน โรงแรม และบ้านเพื่อนเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีที่ทำการไปรษณีย์ในสนามบินเพียง 5 แห่งด้วย ได้แก่ สนามบินนาริตะเทอร์มินอล 1 และ 2, สนามบินฮาเนดะ, สนามบินชินชิโตเซะ และสนามบินนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ ในจุดนี้ความสะดวกสบายอาจน้อยไปหน่อย
Photo by econnectjapan
หากต้องการเน็ตราคาถูก econnectjapan ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกเช่นกัน มีแพ็กเกจเน็ตสูงสุดเดือนละ 50 GB ในราคาตั้งแต่ 7,200 เยนขึ้นไป นอกจากนี้ หากจองล่วงหน้า 3 สัปดาห์ก่อนวันเช่า ยังจะได้รับส่วนลด 15% ด้วย
ส่วนสถานที่รับเครื่องนั้นเหมือนกับ Japan WiFi Rental คือจำกัดเฉพาะที่ทำการไปรษณีย์ในสนามบิน โรงแรม และบ้านเพื่อนเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีที่ทำการไปรษณีย์ในสนามบินเพียง 5 แห่งด้วย ได้แก่ สนามบินนาริตะเทอร์มินอล 1 และ 2, สนามบินฮาเนดะ, สนามบินชินชิโตเซะ และสนามบินนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์
ญี่ปุ่นมีสถานที่เที่ยวและกิจกรรมเยี่ยมๆ มากมาย ระหว่างอยู่ที่ญี่ปุ่นอยากให้ลองท้าทายกับกิจกรรมต่างๆ และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ดีๆ กัน ดังนั้น จึงต้องใช้เงินให้คุ้มค่ามากที่สุด
ลองใช้ข้อมูลในบทความนี้ไปเลือก Pocket Wi-Fi Router ที่เหมาะสมที่สุดกันดูนะ!