Start planning your trip
ข้อมูลเน็ตญี่ปุ่นและ 5 Pocket Wi-Fi Router แนะนำที่เหมาะกับแต่ละความต้องการ
เมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่นหรือพักอยู่ญี่ปุ่นในระยะกลางถึงยาว หลายคนอาจคิดหนักว่าเรื่องเน็ตจะทำอย่างไรดี บทความนี้ เราจะพูดถึงข้อมูลเกี่ยวกับเน็ตในญี่ปุ่น จุดสำคัญในการเช่า Pocket WiFi Router และบริการ Pocket WiFi ดีที่สุดเหมาะกับแต่ละความต้องการ
อินเทอร์เน็ตคือสิ่งที่ขาดไม่ได้ในไปเที่ยวญี่ปุ่นหรือพักอยู่ญี่ปุ่นเป็นเวลานาน
Photo by Pixta
ใช้ Google Maps หาจุดหมายที่จะไปบ้าง สมัครบริการที่จำเป็นในการดำเนินชีวิตบ้าง... ไม่ว่าไปเที่ยวหรือพักอยู่ญี่ปุ่นในระยะกลางถึงระยะยาว ปัจจุบัน อินเทอร์เน็ตคือสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้เลย
กรณีพักอยู่ญี่ปุ่นเป็นเวลานาน ควรทำสัญญากับผู้ให้บริการเน็ตในญี่ปุ่นและติดตั้งเน็ตบ้านแบบต่อสาย แต่ถ้ามาเที่ยวระยะสั้นหรือพักอยู่นานเป็นปี ขอแนะนำ Pocket Wi-Fi Router ที่พกพาได้สะดวกจะดีกว่า
แต่หลายท่านอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับเน็ตในญี่ปุ่น บทความนี้จะมาแนะนำเรื่อง Wi-Fi ฟรีในญี่ปุ่น วิธีเชื่อมต่อเน็ตในญี่ปุ่น และ Pocket Wi-Fi Router
สำหรับ Pocket Wi-Fi Router ขอแนะนำ 5 ตัวเลือกที่ดีที่สุดในแต่ละประเภท โดยเปรียบเทียบราคาและปริมาณเน็ต ท่านที่วางแผนจะไปเที่ยวญี่ปุ่นหรือท่านที่วางแผนจะอยู่ญี่ปุ่นระยะหนึ่งเพื่อเรียนหรือทำงาน เข้าไปเช็คดูกันเลย!
ส่วนลด 20% พิเศษสำหรับผู้อ่าน MATCHA! เช่า NINJA Wi-Fi ได้ที่นี่
สารบัญ
- 1. ข้อมูลเกี่ยวกับ Wi-Fi ฟรีในญี่ปุ่น
- 2. ความแตกต่างระหว่าง Pocket Wi-Fi Router, ซิมการ์ด และโรมมิ่ง
- 3. วิธีเช่า Pocket WiFi และจุดสำคัญในการเลือก
- 4. 5 Pocket WiFi ตัวเลือกที่ดีที่สุด
ข้อมูลเกี่ยวกับ Wi-Fi ฟรีในญี่ปุ่น
ปัจจุบัน ญี่ปุ่นมีอาคารสถานที่ต่างๆ ที่ให้บริการ Wi-Fi ฟรีเพิ่มขึ้น เช่น ที่พัก คาเฟ่ และชอปปิงมอลล์
ในบรรดา WiFi ฟรีต่างๆ Japan Connected-free WiFi โด่งดังที่สุด มีแอปที่รองรับ 16 ภาษา ในญี่ปุ่นมีจุด WiFi กว่า 50,000 จุดให้ใช้ ว่ากันว่ามีความปลอดภัยค่อนข้างสูงเพราะเชื่อมต่อกับ Wi-Fi ของบริษัทและรัฐบาลท้องถิ่นเท่านั้น
แต่ระหว่างเดินทาง ก็มีบางครั้งที่อยากอัปโหลดรูปที่ถ่ายลงโซเชียลทันทีเพื่อแบ่งปันความประทับใจกับผู้อื่นด้วย หรือบางทีก็ต้องการใช้ Google Maps แบบเรียลไทม์ในตอนที่กำลังเดินอยู่
กรณีเช่นนี้ WiFi ฟรีที่สามารถใช้ได้เฉพาะในบริเวณที่มีจุด WiFi ฟรี คงไม่สะดวกนัก
แถม WiFi ฟรี ยังต้องแชร์เครือข่ายกับผู้คนมากมายไม่ระบุจำนวนด้วย ดังนั้น จึงเป็นการดีที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงการป้อนข้อมูลสำคัญ เช่น ข้อมูลบัตรเครดิต
ความแตกต่างระหว่าง Pocket Wi-Fi Router, ซิมการ์ด และโรมมิ่ง
ถ้าจะใช้เน็ตในญี่ปุ่นต้องทำอย่างไร? นอกจากเน็ตบ้านแบบต่อสายแล้ว ก็ยังมีอีก 3 ตัวเลือก ได้แก่ Pocket Wi-Fi Router, ซิมการ์ด และโรมมิ่ง
แต่ละตัวเลือกก็มีลักษณะที่แตกต่างกัน
Pocket Wi-Fi Router
Photo by Pixta
Pocket Wi-Fi Router เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กกว่าสมาร์ตโฟนเล็กน้อย จุดเด่นคือใช้งานง่าย แค่เปิดเครื่อง ป้อนรหัสผ่านไปยังอุปกรณ์ที่ต้องการเชื่อมต่อ ก็ใช้งานได้ทันที
นอกจากปริมาณเน็ตที่ใช้งานทั่วไปได้มากแล้ว ยังสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์หลายเครื่องได้ด้วย ดังนั้นจึงเหมาะกับผู้ที่เดินทางเป็นกลุ่ม หรือผู้ที่ใช้ทั้งคอมพิวเตอร์และสมาร์ตโฟน
ทว่า Pocket Wi-Fi Router โดยทั่วไปเป็นบริการแบบเช่า จำเป็นต้องส่งเครื่องคืนก่อนออกจากญี่ปุ่น จึงอาจมีความยุ่งยากเล็กน้อย
ซิมการ์ด
Photo by Pixta
เป็นซิมการ์ดที่ใช้เน็ตได้โดยใส่ลงในสมาร์ตโฟนแบบปลดล็อคซิมแล้ว (Unlocked Phone) จุดเด่นคือราคาถูก แต่ปริมาณเน็ตที่ใช้ได้น้อยกว่า Pocket Wi-Fi Router เล็กน้อย
อย่างในกรณีของ Japan Travel SIM ซิมการ์ดแบบเติมเงินที่ให้บริการโดย IIJmio สามารถซื้อซิมการ์ดขนาด 1.5 GB ในราคา 1,864 เยน (ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2022) ได้ใน Amazon เมื่อเทียบกับ Pocket Wi-Fi Router ในราคาตั้งแต่วันละ 300 ถึง 1,000 เยน ก็จะเห็นว่าราคาถูกกว่า
ทว่ายังมีข้อด้อยอย่างเช่นจำเป็นต้องปลดล็อกการใช้ซิมสมาร์ตโฟนล่วงหน้า การเปลี่ยนซิมการ์ดยุ่งยาก และการตั้งค่าเริ่มต้นค่อนข้างเข้าใจยากอยู่บ้าง
โรมมิ่ง (Roaming)
โรมมิ่งช่วยให้สามารถใช้บริการของบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งเราทำสัญญาอยู่ได้แม้ในต่างประเทศ จุดเด่นคือใช้งานง่าย แต่ราคาแพง
แถมความสามารถในการโทรศัพท์และรับส่งข้อความยังขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ แต่ก็มีข้อจำกัดหลายประการ เช่น ไม่สามารถรับส่งข้อมูลอื่นๆ ได้
Pocket Wi-Fi Router และซิมการ์ดยอดฮิต
บทความนี้ได้สรุปจุดเด่นและจุดด้อยของ Pocket Wi-Fi Router, ซิมการ์ด และการโรมมิ่งไว้ดังนี้
Pocket Wi-Fi Router | SIM | Roaming | |
จุดเด่น |
・ สามารถใช้ข้อมูลจำนวนมากได้ ・ เชื่อมต่ออุปกรณ์หลายเครื่องพร้อมกัน |
・ ราคาถูก ・ มีความหลากหลาย |
・ ขั้นตอนการใช้งานง่าย |
จุดด้อย | ・ ราคาสูงกว่าซิมการ์ด (วันละ 300 ถึง 1,000 เยน) |
・ ต้องปลดล็อคซิม ・ ปริมาณข้อมูลที่สามารถใช้ได้น้อย ・ การตั้งค่าเริ่มต้นนั้นเข้าใจยาก ・ การเปลี่ยนซิมการ์ดยุ่งยาก |
・ ค่าใช้จ่ายสูง ・ มีข้อจำกัดต่างๆ |
จากการเปรียบเทียบนี้ นักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่พักอาศัยในญี่ปุ่นจะมี 2 ตัวเลือกที่เหมาะ ได้แก่ Pocket Wi-Fi Router และซิมการ์ด ดังนั้น ลองมาดูกันว่าแบบไหนที่เหมาะกับความต้องการของเรา
บทความนี้ เราจะมาพิจารณาจุดสำคัญในการเลือก Pocket Wi-Fi Router และบริการต่างๆ ที่มีกัน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
วิธีเช่า Pocket WiFi และจุดสำคัญในการเลือก
Photo by Pixta
Pocket Wi-Fi Router โดยทั่วไปจะให้บริการดังต่อไปนี้
1. การจองล่วงหน้าทางอินเทอร์เน็ต
2. รับอุปกรณ์ที่สนามบิน ที่ทำการไปรษณีย์ โรงแรม และอื่นๆ ในญี่ปุ่น
3. คืนเครื่องก่อนออกจากญี่ปุ่น
ทว่าแต่ละบริษัทมีจุดเด่นที่ต่างกัน สิ่งที่ควรคำนึงถึงเมื่อเช่า Pocket WiFi เป็นครั้งแรก มีดังนี้
1. ปริมาณเน็ต ระยะเวลาในการเช่า และค่าบริการ
บริษัทหลายแห่งเสนอทั้งแพ็กเกจการใช้เน็ตแบบไม่จำกัด (*) และแพ็กเกจการใช้เน็ตได้สูงสุดวันละ 1 GB ค่าบริการจะต่างกันขึ้นอยู่กับปริมาณเน็ตที่สามารถใช้ได้
นอกจากนี้ ยังมีบางบริษัทที่มอบส่วนลดเมื่อใช้บริการระยะยาว ในขณะที่บางบริษัทไม่มีส่วนลดนี้ แบบแรกเหมาะกับการเช่าระยะยาวและแบบหลังเหมาะกับการเช่าระยะสั้น หากมีส่วนลดระยะยาว มักอยู่ที่ราวเดือนละ 10,000 เยน
* แม้จะเป็นเน็ตแบบไม่จำกัด แต่หากใช้ปริมาณเน็ตวันละ 3 GB ขึ้นไป อาจมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น ทำให้ความเร็วของเน็ตลดลง
เรื่องที่ควรทราบ! ปริมาณเน็ตมาตรฐานในญี่ปุ่น (สำหรับ 1 GB)
ส่งอีเมล: 2,090 ฉบับ (ฉบับละประมาณ 500 KB)
รับชมวิดีโอ: คุณภาพปานกลางได้ราว 4 ชั่วโมง 16 นาที
Google Map: ค้นหาได้ราว 1,432 ครั้ง (ครั้งละ 10 นาที)
อ้างอิง: https://www.wifi-rental.com/media/service/00025/
2. ระยะเวลาตั้งแต่สมัครจนได้รับเครื่อง
ก่อนเดินทางก็วุ่นวายกับการเตรียมตัว จนอาจลืมจอง Pocket Wi-Fi Router กระทั่งเหลือเวลาก่อนเดินทางไปญี่ปุ่นวันเดียว
หลายบริษัทกำหนดให้ต้องสมัครล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วันก่อนรับเครื่อง แต่มีบริการบางแห่ง เช่น Ninja-Wifi ที่สามารถสมัครได้หนึ่งวันก่อนรับเครื่อง กรณีที่เร่งรีบก็เลือกใช้บริการเหล่านี้กันได้
3. รับหรือคืนเครื่องที่สนามบิน
สำหรับสถานที่รับเครื่องมีหลายวิธี (1) ส่งทางไปรษณีย์ไปยังที่พักในญี่ปุ่น (โรงแรม บ้านเพื่อน และอื่นๆ) และ (2) รับเครื่อง ณ ที่ทำการไปรษณีย์ในสนามบินหลัก
แต่ Ninja-Wifi และ Sakura Mobile ซึ่งจะแนะนำในภายหลัง สามารถรับเครื่องได้ที่เคาน์เตอร์ในสนามบินหลักและสามารถรับได้โดยตรงจากเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ยังมีสนามบินหลายแห่งที่สามารถรับเครื่องได้ ดังนั้นหากกังวลกับการเช่า Pocket Wi-Fi Router ครั้งแรก แนะนำให้ใช้บริการนี้เลย
ส่วนการคืนเครื่องโดยทั่วไปก็มีหลายวิธี (1) ใส่ในถุงที่ใช้สำหรับคืนซึ่งได้มาตอนได้รับเครื่อง ปิดผนึกให้เรียบร้อยแล้วส่งคืนทางไปรษณีย์ และ (2) คืนที่เคาน์เตอร์สนามบิน
4. เน็ตพร้อมประกันภัย
หาก Pocket Wi-Fi Router สูญหายหรือเสียหายอันเนื่องมาจากการประมาทเลินเล่อ จะมีการเรียกเก็บเงินชดใช้ค่าเสียหาย อย่างของ Japan Wireless กรณีเราเตอร์และซิมการ์ดในเราเตอร์สูญหายหรือเกิดความเสียหาย จะมีการเรียกเก็บเงินชดใช้ค่าเสียหาย 40,000 เยน
แต่ละบริษัทยังจัดให้มีการทำประกันภัยที่ช่วยลดจำนวนเงินที่ต้องชดใช้ในกรณีดังกล่าวได้ สำหรับท่านที่กังวลเกี่ยวกับการเดินทางไปญี่ปุ่นครั้งแรก ขอแนะนำให้ทำประกันไว้ด้วยดีกว่า
5 Pocket WiFi ตัวเลือกที่ดีที่สุด
มีบริการ Pocket Wi-Fi Router ให้เช่ามากมายในญี่ปุ่น
ขอแนะนำบริการ 5 แบบต่อไปนี้ ซึ่งทั้งหมดมีเว็บไซต์ภาษาอังกฤษ (บางเว็บไซต์มีหน้าทั้งภาษาจีนตัวเต็มและตัวย่อ) ดังนั้นจึงสามารถสมัครเป็นภาษาต่างประเทศได้อย่างสบายใจ
ตัวเลือกที่ดีที่สุดเหมาะกับแต่ละความต้องการ
1. NINJA Wi-Fi ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการเที่ยวญี่ปุ่น 1 - 3 สัปดาห์
Picture courtesy of NINJA Wi-Fi
NINJA Wi-Fi เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการเที่ยวญี่ปุ่นช่วงสั้นๆ 1 - 3 สัปดาห์ จุดเด่นคือมีความน่าเชื่อถือสูง เนื่องจาก Vision Co., Ltd. ผู้ให้บริการเป็นบริษัทเก่าแก่ที่ได้พัฒนาบริการด้านการสื่อสารระหว่างประเทศมาตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1995
มีบริการ 3 แพ็กเกจ ได้แก่ แพ็กเกจใช้เน็ตได้สูงสุดวันละ 1 GB ในราคา 770 เยน, แพ็กเกจใช้เน็ตได้สูงสุดวันละ 5 GB ในราคา 1,100 เยน และแพ็กเกจใช้เน็ตได้สูงสุดวันละ 10 GBในราคา 1,320 เยน นอกจากสามารถใช้เน็ตได้มากแล้ว ยังใช้งานในระยะสั้นๆ ค่อนข้างคุ้มทีเดียวด้วย
นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นคือมีจำนวนเคาน์เตอร์รับเครื่องมากที่สุดในญี่ปุ่น และยังสามารถสมัครล่วงหน้าแค่หนึ่งวันก่อนรับเครื่อง ทำให้สะดวกมาก
อย่างเช่นหากสมัครในวันก่อนเดินทางภายใน 15:00 น. (เวลาในญี่ปุ่น) วันรุ่งขึ้นก็สามารถรับเครื่องได้ที่สนามบิน (Narita Airport Terminal 1, Narita Airport Terminal 2, Haneda International Terminal, Kansai International Airport Terminal 1, Naha Airport) นอกจากนี้ หากสมัครล่วงหน้า 2 - 4 วันยังสามารถรับได้ที่สนามบิน 11 แห่งในญี่ปุ่นด้วย
สมัครตอนนี้จะได้รับคูปองส่วนลด 20% พิเศษสำหรับผู้อ่าน MATCHA เท่านั้น ยิ่งคุ้มเข้าไปอีก เพียงแสดงคูปองจากลิงค์ด้านล่างในตอนสมัคร!
จุดเด่นอีกอย่างของ Ninja Wi-Fi คือมีแพ็กเกจให้เลือกมากมาย เช่น แพ็กเกจเช่าไวไฟพร้อมประกันสุขภาพในขณะที่อยู่ในญี่ปุ่น และแพ็กเกจเช่าอุปกรณ์แปลภาษาอย่าง POCKETALK ร่วมกับไวไฟได้ Ninja Wi-Fi ถือเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับการเดินทางมาญี่ปุ่นครั้งแรกเลย!
ส่วนลด 20% พิเศษสำหรับผู้อ่าน MATCHA! เช่า NINJA Wi-Fi ได้ที่นี่
2. Japan Wireless ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการพักอยู่ญี่ปุ่นระยะยาว
Photo by Japan Wireless Business Wi-Fi
Japan Wireless ให้บริการโดย Inbound Platform Corp. ซึ่งมีบริการต่างๆ เช่น บริการรถตั้งแคมป์และข้อมูลทางการแพทย์สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ปริมาณเน็ตไม่จำกัด ค่าบริการเช่า Pocket Wi-Fi Router ต่างกันตามช่วงเวลาและระยะเวลาในการเช่า กรณีช่วงเวลาสั้นๆ ค่าเช่าระยะเวลา 1 วันประมาณ 1,400 เยน และค่าเช่าระยะเวลา 2 วัน 1,900 เยน (ณ เดือนตุลาคม 2022)
แต่สำหรับแพ็กเกจเหมาจ่ายเดือนละ 5,580 เยนสำหรับการเช่า 6 เดือนขึ้นไป และเดือนละ 4,980 เยนสำหรับการเช่า 1 ปี ซึ่งคุ้มมากๆ สำหรับผู้ที่พักอยู่ญี่ปุ่นเป็นเวลานาน อย่างผู้ที่มาศึกษาต่อที่ญี่ปุ่น Wi-Fi เป็นตัวเลือกที่เหมาะมากๆ
นอกจากนี้ยังมีการให้บริการที่รวดเร็วสุดๆ คือหากสมัครก่อนหนึ่งวัน วันรุ่งขึ้นก็รับเครื่องได้เลย (หากจำเป็นกรุณาติดต่อโดยตรง)
Japan Wireless ไม่มีเคาน์เตอร์ให้บริการเฉพาะ สามารถรับเครื่องได้ที่เคาน์เตอร์ QL Liner ในสนามบินนาริตะ (Narita Airport) และที่ทำการไปรษณีย์ในสนามบินต่างๆ อย่างสนามบินนาริตะเทอร์มินอล 1 และ 2, สนามบินนานาชาติคันไซ (Kansai International Airport), สนามบินนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ (Chubu Centrair International Airport), สนามบินฟุกุโอกะ (Fukuoka Airport) รวมทั้งส่งไปรษณีย์ไปที่โรงแรมและบ้านในญี่ปุ่นด้วย
3. Sakura Mobile อีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับการพักอยู่ญี่ปุ่นระยะยาว หมดกังวล เพราะสามารถรับเครื่องที่เคาน์เตอร์หรือสำนักงานในโตเกียว
Photo by Sakura Mobile
Sakura Mobile ให้บริการต่างๆ เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติและชาวต่างชาติที่พำนักในญี่ปุ่น มีบริการตั้งแต่จำหน่ายซิมการ์ดไปจนถึงเน็ตบ้านแบบต่อสาย
แพ็กเกจเช่า Pocket WiFi เหมือนกับ Japan Wireless คือมีปริมาณเน็ตไม่จำกัด ค่าบริการต่างกันตามช่วงเวลาและระยะเวลาในการเช่า หากเช่าเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ อาจมีค่าบริการมากกว่าวันละ 1,000 เยน แต่ถ้าเช่าเป็นเวลานาน ค่าบริการจะลดลงเหลือวันละ 299 เยนเอง
ที่สำคัญต้องทำการสมัครล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน การรับเครื่องมีเคาน์เตอร์ให้บริการ 4 แห่ง ได้แก่ สนามบินนาริตะเทอร์มินอล 1, 2 และ 3 และสนามบินนานาชาติคันไซ นอกจากนี้ยังมีสำนักงานให้บริการในชินจูกุซึ่งสามารถรับได้โดยตรงได้เลย ท่านที่ต้องการความสบายใจที่จะรับเครื่องกับจากเจ้าหน้าที่โดยตรง นี่คือตัวเลือกหนึ่งที่เหมาะ
นอกจากนี้ยังสามารถรับได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ของสนามบินนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์และสนามบินชินชิโตเซะหรือสนามบินนิวชิโตเซะ (New Chitose Airport) รวมถึงโรงแรมและที่ทำการไปรษณีย์ต่างๆ ในญี่ปุ่น
4. Japan WiFi Rental Pocket WiFi ทางเลือกที่ดีที่สุด หากต้องการเช่าระยะเวลาสั้นๆ ในราคาถูก
Photo by Japan Wifi Rental
หากพักอยู่ญี่ปุ่นช่วงสั้นๆ และอยากได้ค่าใช่จ่ายถูกๆ ขอแนะนำ Japan WiFi Rental จุดเด่นสุดคือ "เน็ตเดือนละ 50 GB วันละ 430 เยน" ซึ่งเป็นราคาที่ถูกสุดๆ นอกจากนี้ยังมีส่วนลดสำหรับการเช่าระยะยาว สามารถเช่าได้ในราคาถูกมากเพียงเดือนละ 6,450 เยนเท่านั้น
ส่วนสถานที่รับเครื่องนั้นจำกัดเฉพาะที่ทำการไปรษณีย์ในสนามบิน โรงแรม และบ้านเพื่อนเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีที่ทำการไปรษณีย์ในสนามบินเพียง 5 แห่งด้วย ได้แก่ สนามบินนาริตะเทอร์มินอล 1 และ 2, สนามบินฮาเนดะ, สนามบินชินชิโตเซะ และสนามบินนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ ในจุดนี้ความสะดวกสบายอาจน้อยไปหน่อย
5. econnectjapan อีกหนึ่งตัวเลือก หากต้องการเช่าระยะเวลาสั้นๆ ในราคาถูก
Photo by econnectjapan
หากต้องการเน็ตราคาถูก econnectjapan ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกเช่นกัน มีแพ็กเกจเน็ตสูงสุดเดือนละ 50 GB ในราคาตั้งแต่ 7,200 เยนขึ้นไป นอกจากนี้ หากจองล่วงหน้า 3 สัปดาห์ก่อนวันเช่า ยังจะได้รับส่วนลด 15% ด้วย
ส่วนสถานที่รับเครื่องนั้นเหมือนกับ Japan WiFi Rental คือจำกัดเฉพาะที่ทำการไปรษณีย์ในสนามบิน โรงแรม และบ้านเพื่อนเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีที่ทำการไปรษณีย์ในสนามบินเพียง 5 แห่งด้วย ได้แก่ สนามบินนาริตะเทอร์มินอล 1 และ 2, สนามบินฮาเนดะ, สนามบินชินชิโตเซะ และสนามบินนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์
เลือก Wi-Fi อย่างชาญฉลาดแล้วสนุกในญี่ปุ่นกันให้เต็มที่เลย!
ญี่ปุ่นมีสถานที่เที่ยวและกิจกรรมเยี่ยมๆ มากมาย ระหว่างอยู่ที่ญี่ปุ่นอยากให้ลองท้าทายกับกิจกรรมต่างๆ และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ดีๆ กัน ดังนั้น จึงต้องใช้เงินให้คุ้มค่ามากที่สุด
ลองใช้ข้อมูลในบทความนี้ไปเลือก Pocket Wi-Fi Router ที่เหมาะสมที่สุดกันดูนะ!
Written by
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง