Start planning your trip
หนึ่งวันหรรษา พาไปเที่ยวน้ำตกกลางภูผาในโตเกียวที่ Akigawa Valley (Tokyo)
พบกับกิจกรรมสนุกๆ ท่ามกลางธรรมชาติในเขตโตเกียว ไม่ว่าจะเป็น เดินป่า แคมป์ปิ้ง ตกปลา และเล่นน้ำตกในฤดูร้อน ที่หุบเขาอาคิกาวะ (Akigawa Valley)
ณ วันหยุดสุดสัปดาห์หนึ่งในช่วงฤดูร้อนของญี่ปุ่นที่พระอาทิตย์กำลังเจิดจ้า
เรากำลังถามตัวเองว่า จะขึ้นรถบัสไปเที่ยวทะเลสาบในต่างจังหวัดสักสองสามวันแก้ร้อนดีมั้ยนะ? หรือจะออกไปเดินรับลมเย็นๆ จากเครื่องปรับอากาศในห้างสรรพสินค้าแถวชิบูย่าดีล่ะ? แล้วจู่ๆ ก็ได้พบแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติแบบ Unseen โดยบังเอิญ ซึ่งห่างจากโตเกียวเพียงหนึ่งชั่วโมงโดยรถไฟเท่านั้นเองค่ะ ชื่อของสถานที่แห่งนี้คือ ...
หุบเขาอาคิกาวะ (Akigawa Valley)
หุบเขาอาคิกาวะ ชื่อภาษาญี่ปุ่นจะเรียกว่า Akigawa Keikoku (อาคิกาวะ เคโคคุ 秋川渓谷) ค่ะ
เพียงภาพแรกที่เราได้เห็นสะพานไม้ที่ทอดยาวไปในแมกไม้เขียวขจีกับธารน้ำตกใสจนมองเห็นก้อนหินที่อยู่เบื้องล่าง แค่เท่านี้ก็ทำให้เรารู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูกแล้วค่ะ
หุบเขาอาคิกาวะ (Akigawa Valley) มีความยาวกว่า 20 กิโลเมตร มีแม่น้ำอาคิกาวะไหลผ่าน เป็นหุบเขาที่ยังคงมีธรรมชาติที่สมบูรณ์ มีสัตว์ป่าน้อยใหญ่และต้นไม้นานาพันธุ์ แม้ว่าจะยังไม่เป็นที่รู้จักในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่าไหร่นัก (รีวิวภาษาอังกฤษน้อยมากเลยค่ะ) แต่รู้จักกันดีในหมู่คนญี่ปุ่น เพราะเป็นสถานที่ที่ครอบครัว เพื่อนฝูง หรือแม้กระทั่งคู่รัก สามารถพากันมาทำกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ ได้มากมายไม่ว่าจะเป็นการปีนเขา แคมป์ปิ้ง ตกปลา หรือแม้กระทั่งมาแช่ออนเซ็นกลางหุบเขาค่ะ
ลงรถบัสที่ป้ายชื่อ Juuriki (จูริกิ 十里木) จากนั้นเดินตามทางบนแผนที่ที่แปะไว้ตรงป้ายรถ สักราวๆ ห้านาที เราจะเจอกับป้ายบอกทางไปยัง Akigawa Keikoku Seoto-no-Yu Spa และสะพานข้ามธารน้ำตกที่ทอดยาวไปสู่อีกด้านของเขา ให้เราเดินตรงไปยังสะพานนั้นเลยค่ะ
นี่คือภาพสะพานที่มีชื่อว่า Ishibune-bashi (อิชิบูเนบาชิ) ที่รอต้อนรับแขกผู้มาเยือนเข้าสู่ป่าอันเขียวขจีแห่งช่องเขาอาคิกาวะค่ะ สะพานนี้ถือเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยค่ะ ไม่ว่าใครมาเยือนก็จะต้องเก็บรูปคู่กับสะพานนี้กันทุกคน แล้วยิ่งช่วงซากุระกับใบไม้เปลี่ยนสีนะคะ วิวนี้ถือว่าสุดยอด
ต่อจากนั้นเราก็เดินข้ามสะพานมา แล้วเดินขึ้นเขาเล็กน้อยพอให้เหงื่อซึม (ถึงช่วงเที่ยงแดดจะร้อนเปรี้ยงๆ แต่ร่มเงาต้นไม้ก็ทำให้แสงส่องเข้ามาไม่ถึงตัวเรานะคะ นับว่ายังโอเคอยู่) เราก็จะมาถึงบริเวณที่เล่นน้ำตกและแคมป์ปิ้งกันแล้วค่ะ
แม้ว่าจะเพิ่งเข้าฤดูร้อน (เดือนกรกฎาคม) แต่สายน้ำค่อนข้างเชี่ยวและบางจุดค่อนข้างลึกนะคะ มีบางที่ที่สามารถกระโดดผาหินสูงราวๆ ตึกสองชั้นลงน้ำได้ด้วย ทั้งเด็กและวัยรุ่นพากันมายืนต่อคิวเพื่อเล่นโดดผากันเต็มเลยค่ะ ได้ยินเสียงหัวเราะครึกครื้นมาแต่ไกล (ตั้งแต่ตอนเดินข้ามสะพานแดงแน่ะ) แต่ยังไงเค้าก็มีการระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยกันนะคะ เด็กๆ ที่เล่นน้ำอยู่จะมีผู้ใหญ่คอยดูแลอยู่ใกล้ๆ เสมอ มองไปอีกทางหนึ่งเราจะเห็นกลุ่มวัยรุ่นและผู้ใหญ่จะมีการนำเรือยางหรือห่วงยางมาสไลด์เล่นไปตามกระแสน้ำด้วยล่ะ น่าสนุกจังเลยนะ
สำหรับการตั้งแคมป์นั้น ส่วนใหญ่จะนำรถยนต์ส่วนตัวมากันเนื่องจากต้องมีการขนอุปกรณ์ทำอาหาร อุปกรณ์เล่นน้ำ หรืออุปกรณ์ตกปลาค่ะ โดยที่ตั้งแคมป์จะมีบริเวณที่เป็นส่วนของรีสอร์ท (ซึ่งอนุญาตให้เฉพาะผู้มาเข้าพักเท่านั้น) กับบริเวณที่เป็นส่วนสาธารณะค่ะ สังเกตได้จากส่วนที่เป็นของรีสอร์ทจะมีการปรับแต่งพื้นที่ให้สวยงามและนั่งสะดวกมากกว่า
การตกปลาหรือจับปลาในธารน้ำตกเป็นอีกกิจกรรมแสนสนุกที่ได้รับความนิยมจากทุกเพศทุกวัยค่ะ คนที่มาตกปลาจะแต่งตัวเต็มยศพร้อมอุปกรณ์ตกปลาอันโดดเด่นคือ เบ็ดตกปลาอันโค้งยาว สวิงช้อนปลา และถังหรือถุงสำหรับใส่ปลาที่ตกได้นั่นเองค่ะ เด็กตัวน้อยๆ ก็จะถือสวิงรอช้อนปลาที่กระโดดขึ้นมาเหนือน้ำหรือไม่ก็อยู่บริเวณน้ำตื้น สนุกสนานกันใหญ่เชียวค่ะ โดยส่วนใหญ่ปลาที่พบเจอที่แม่น้ำบริเวณนี้จะเป็นปลา อายุ (Ayu) ค่ะ
เมื่อเราเล่นน้ำกันจนเหนื่อยแล้ว เราก็ได้เวลาขึ้นมาทานบาร์บีคิวบนฝั่ง ซึ่งคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะนำอาหารมากันเองนะคะ เช่น ไส้กรอก เบคอน เนื้อสัตว์ ขนมปัง ผักต่างๆ ข้าวโพด ส่วนปลาที่เอามาย่างนั้นก็ไม่ได้มาจากที่ไหนไกล ก็เอามาจากที่ตกได้จากแม่น้ำนั่นเองค่ะ! รับประกันความสดแน่นอน ฮ่าๆๆ จากนั้นก็มาหามุมสงบพร้อมกางเสื่อที่พกมาด้วย (ผืนเดียวกับที่เอาไปใช้ตอนเทศกาลฮานามิ ชมดอกไม้นั่นล่ะค่ะ) แล้วนอนกลางวันสักงีบ
ความสนุกของการมาเที่ยวในวันนี้ยังไม่หมดแค่ที่เล่ามานี่นะคะ บนยอดเขาที่เราข้ามสะพานตอนแรกมา จะมีออนเซ็นชื่อว่า Akigawa Keikoku Seoto-no-Yu Spa เปิดให้บริการแช่น้ำร้อนอยู่ค่ะ (มีค่าบริการ) และยังมีร้านขายสินค้าที่ระลึกตั้งอยู่ด้วย ห้องน้ำก็มีไว้บริการตามมาตรฐานของญี่ปุ่นค่ะ เป็นการมาเที่ยวที่สะดวกดีจริงๆ
ส่วนใครที่เมื่อยเหลือเกิน แล้วอยากแช่เท้าให้ผ่อนคลาย สามารถมานั่งแช่ที่บ่อน้ำร้อนแช่เท้าด้านหน้าโซนนี้ได้นะคะ
วิธีการเดินทาง
จากตัวเมืองโตเกียว ขึ้นรถไฟมาลงที่สถานี Musashi Itsukaichi (มุซาชิ อิตสึกะอิจิ) ของ JR สาย Itsukaichi (อิตสึกะอิจิ) ใช้เวลาประมาณ 45-60 นาทีแล้วแต่ต้นทางค่ะ จากนั้นให้ขึ้นรถบัสหมายเลข 1 ไปลงป้าย Juuriki แล้วเดินมาตามถนนบนแผนที่ที่อยู่บริเวณป้ายรถราวๆ ห้านาที จะเจอสะพานไม้สีแดง
หรือถ้าเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล จะมีที่จอดรถอยู่บริเวณ Akigawa Keikoku Seoto-no-Yu Spa
เป็นอย่างไรบ้างคะกับหนึ่งวันหรรษาที่ Akigawa Valley ถ้าใครสนใจเดินชมธรรมชาติ ที่นี่ก็มีเส้นทางเดินเขาที่ใช้เวลาเดินตั้งแต่ 2 – 6 ชั่วโมงค่ะ โดยเส้นทางยอดนิยมจะเริ่มเดินจากสถานี Musashi Itsukaichi แล้วเดินเลียบแม่น้ำไปเรื่อยๆ ทั้งนี้สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมของ Akigawa Valley ได้ที่เว็บไซต์การท่องเที่ยวของเมืองค่ะ (ภาษาญี่ปุ่น)
หน้าร้อนนี้ลองมาเที่ยวท่ามกลางธรรมชาติใกล้โตเกียวกันดูนะคะ!
เพราะญี่ปุ่นมีอะไรให้น่าค้นหามากมายไม่รู้จบ ♥มาเรียนรู้ไปพร้อมๆกันนะคะ♥
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง