Start planning your trip
Craftmanship x Technology จิตวิญญาณแห่งการสร้างสรรค์รองเท้า ASICS JAPAN COLLECTION โดย ASICS
ASICS JAPAN COLLECTION รองเท้าคอลเลคชั่นใหม่จาก ASICS ที่นำเอารองเท้ารุ่นเด่น 7 รุ่นมาแต่งตัวใหม่ด้วยหนังวัวโกเบและหนังวัวฮิเมจิคุณภาพดี MATCHA ขอพาไปชมโรงงาน SANIN ASICS สถานที่ผลิตรองเท้า ASICS JAPAN COLLECTION และสถาบันวิจัย ISS ผู้อยู่เบื้องหลังเทคโนโลยีเด่นๆ ของ ASICS
Craftmanship x Technology
รองเท้าซีรีย์ ASICS JAPAN COLLECTION โดย ASICS
ถ้าลองปราดมองไปรอบตัว เชื่อว่าต้องมีสินค้าแบรนด์ญี่ปุ่นให้เห็นไม่มากก็น้อย แต่ครั้งนี้จะมาพูดถึงแบรนด์ญี่ปุ่นที่ไม่ต้องมองไปไหนไกล เพราะอยู่แทบเท้าของเรานี่เอง นั่นคือ ASICS (เอซิกส์)
ชื่อ ASICS อาจไม่คุ้นหูหลายคน แต่ถ้าบอกว่านี่คือบริษัทที่ผลิตรองเท้าสปอร์ตแฟชั่นสุดเท่อย่าง โอนิซึกะ ไทเกอร์ (Onitsuka Tiger) เชื่อว่าคงร้องอ๋อกันทุกคน ส่วนแบรนด์ ASICS จะเน้นไปที่รองเท้าลำลองและกีฬา โดยเฉพาะรองเท้าวิ่งที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีมากมาย
METARUN SPS หนึ่งในคอลเลคชั่น ASICS JAPAN COLLECTION
ในครั้งนี้ทาง ASICS ได้ออกรองเท้าคอลเลคชั่นใหม่ในชื่อ ASICS JAPAN COLLECTION ทางฝ่ายบรรณาธิการของ MATCHA เลยได้มีโอกาสไปชมขั้นตอนการทำรองเท้าถึงโรงงาน SANIN ASICS จังหวัดทตโตริ และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การกีฬาเอซิกส์ เมืองโกเบ
เมื่อไปแล้วทำให้ได้เห็นว่ารองเท้าแต่ละคู่นี้อัดแน่นไปด้วย "ความพิถีพิถัน" ในแบบฉบับของคนญี่ปุ่นจริงๆ ลองไปดูเบื้องหลังและแนวคิดในการทำงานที่ทำให้คำว่าเมดอินเจแปนและแบรนด์ ASICS กลายเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลกกันดีกว่า
โรงงาน SANIN ASICS
ต้นกำเนิดรองเท้าคุณภาพเมดอินเจแปน
โรงงาน SANIN ASICS Industry Corporation (ซันอินเอซิกส์) ตั้งอยู่ในเมืองซาไกมินาโตะ (Sakaiminato) ทางตอนเหนือของจังหวัดทตโตริ (Tottori) เป็นฐานการผลิตส่วนตัวเพียงแห่งเดียวในประเทศญี่ปุ่น และเป็นสถานที่ผลิตรองเท้าซีรีย์ ASICS JAPAN COLLECTION ในครั้งนี้ด้วย
รองเท้าหนึ่งคู่จะถูกประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนหลากชิ้นหลายขั้นตอน ไปดูกันว่ามีขั้นตอนอะไรบ้าง
ตัดชิ้นส่วน
ขั้นตอนการทำรองเท้าของที่โรงงานจะเริ่มจากการตัดชิ้นส่วนหนังด้วยบล็อกมีด
การเลือกใช้หนังเนื้อแข็งหรือเนื้อนิ่มขึ้นอยู่กับดีไซน์ของรองเท้า หนังธรรมชาติอาจจะมีร่องรอยหรือตำหนิตามจุดต่างๆ ของผืนหนังซึ่งไม่สามารถนำมาใช้ได้ ต้องเลือกตัดเฉพาะส่วนที่สวยไร้รอยทีละชิ้น เพราะงั้นจึงไม่สามารถซ้อนหนังหลายๆ ชั้นแล้วตัดพร้อมกันในครั้งเดียวได้
รองเท้าบางรุ่นอาจมีชิ้นส่วนมากถึง 20 ชิ้น ในหนึ่งรุ่นก็ยังมีหลายขนาด แต่ละขนาดก็ใช้บล็อกมีดคนละเล่ม รวมแล้วในโรงงานจึงมีบล็อกมีดมากกว่า 1,000 เล่ม
บล็อกมีดของชิ้นส่วน ASICS Stripe ลายแถบข้างรองเท้าอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์
เย็บประกอบชิ้นส่วนต่างๆ
เข็มจักรแทงขึ้นลงไปตามขอบของชิ้นส่วนเพื่อเย็บรวมเป็นชิ้นเดียว นี่คือขั้นตอนการเย็บประกอบชิ้นส่วนต่างๆ ที่ตัดมา
ชิ้นส่วนหนังถูกหมุนไปมาตามการควบคุมมือของช่างอย่างคล่องแคล่วทำให้เรารู้สึกว่าขั้นตอนนี้ดูง่ายดายเสียจริง แต่ที่จริงแล้วการเย็บหนังนั้นไม่ง่ายเลยเพราะมีความหนา ยิ่งมีหลายชิ้นส่วนที่ทับซ้อนกันยิ่งยากเพราะฝีเข็มของจักรมักจะขยับเมื่อเย็บในบริเวณต่างระดับ ช่างต้องฝึกอย่างน้อย 2 -3 ปีกว่าจะชำนาญได้อย่างนี้
จากชิ้นส่วนแบนๆ หลายชิ้นถูกเย็บประกอบจนกลายเป็นรูปทรงรองเท้าแบบที่เราคุ้นเคย นี่คือส่วนที่เรียกว่าหนังหน้า หรือ อัปเปอร์
หนังหน้ารองเท้าจะถูกนำไปสวมเข้ากับหุ่นรองเท้า (สีเหลืองในภาพ) เพื่อประกบเข้ากับพื้นชั้นกลาง
ขั้นตอนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญเพราะถ้าสวมหนังหน้าเบี้ยว รองเท้าที่เสร็จออกมาก็จะเบี้ยวตามไปด้วย กลายเป็นสินค้าเสียทันที เพราะฉะนั้นถึงจะมีเครื่องจักรช่วย แต่ในทุกขั้นตอนก็ยังต้องผ่านมือของช่างเพื่อความเรียบร้อย
ก่อนจะทากาวเพื่อนำพื้นรองเท้ามาประกบ จะต้องทำการขัดผิวหน้าของหนังส่วนที่จะโดนกาวด้วยเพราะหนังบางชนิดมีผิวมันทำให้กาวไม่ยึดตัว ถ้าขัดหนังสูงเกินไปก็จะเห็นเป็นรอยขัดโผล่เหนือพื้นรองเท้า ถ้าขัดหนังต่ำไป พอติดพื้นกาวจะลอกแล้วเกิดเป็นร่องเปิด
พื้นรองเท้าเองก็ต้องทากาวเช่นกัน จากนั้นก็นำไปผ่านความร้อนเพื่อให้กาวแห้งอยู่ตัว
หลังกาวได้ที่ต้องรีบประกบหนังหน้าเข้ากับพื้น ขั้นตอนนี้จะเชื่อมโยงกันตั้งแต่การขัดหนังและการทากาว เวลาประกบถ้าพื้นต่ำกว่าตำแหน่งกาวก็จะเห็นรอยกาวโผล่ออกมา ถ้าพื้นสูงกว่าต่ำแหน่งกาวก็จะเกิดเป็นรอยย่นตามขอบพื้น ถือเป็นหนึ่งในขั้นตอนที่ต้องใช้ความระมัดระวังมาก
เมื่อประกบเสร็จก็นำไปเข้าเครื่องอัดเพื่อให้หนังหน้ากับพื้นแนบสนิทที่สุด
เสร็จออกมาเป็นรองเท้าหนึ่งคู่ จากนี้ก็จะถูกส่งไปตรวจความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนบรรจุลงกล่อง
รองเท้าคู่สีดำในภาพนี้คือรุ่น GEL-KAYANO 25 SPS ส่วนสีขาวคือรุ่น METARUN SPS หนังแท้ช่วยเพิ่มความเรียบหรูและยังทนทานด้วย เป็นสองใน 7 รุ่นของรองเท้าคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุด ASICS JAPAN COLLECTION
โคดาวาริ ความพิถีพิถันแบบญี่ปุ่น
หลังจากชมไลน์ผลิตรองเท้าทุกขั้นตอนแล้ว เรายังได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้บริหารและผู้อำนวยการฝ่ายผลิตด้วย
"ไม่มีสินค้าเสียเลย" ฟังแล้วเราก็ตกใจ
"วันนึง 2 - 3 คู่ก็ไม่มีเหรอ" เรายังถามซ้ำ แต่คำตอบก็ยังเหมือนเดิมคือ "ไม่มีเลย"
ต้องทำยังไงนะถึงสามารถผลิตงานให้มีคุณภาพโดยไม่มีสินค้าเสียได้เลย
คุณโนเซะ ประธานบริหารยังบอกต่อว่า "ช่างมากประสบการณ์ทั้งหลายต่างทำงานด้วยความภูมิใจในฝีมือของตัวเอง เพราะงั้นงานที่ผ่านมือตัวเองไปต้องเป็นงานที่มีคุณภาพ"
จากทางซ้าย คุณโนเซะ (ประธานบริหาร) คุณโอคาดะ (กรรมการบริหาร) และ คุณนิชิโทมิ (กรรมการบริหาร)
"ช่างทุกคนรู้และเข้าใจว่ารองเท้านี้ใครจะเป็นคนสวมและสวมเพื่อใช้ทำอะไร อย่างในการแข่งกรีฑาหรือบาสเก็ตบอลต้องมีการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างไร ไม่ต้องถึงขนาดทำวิจัยหรืออะไรมากมาย แต่เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราสามารถเห็นได้ในชีวิตประจำวัน จากรายการกีฬาตามโทรทัศน์ หรือจากประสบการณ์การร่วมชมรมกีฬาต่างๆ ในวัยเรียน เมื่อได้ภาพว่าคนสวมต้องการอะไรจากรองเท้าเราจะรู้ว่าควรผลิตออกมายังไงดี"
ภาพของช่างนั่งทำงานเดิมซ้ำๆ ตลอดเวลาเป็นภาพจำอย่างหนึ่งของผู้เขียนก่อนจะได้มาชมโรงงานแห่งนี้ แต่ที่นี่ช่างหนึ่งคนจะสามารถทำงานได้หลากหลาย
ช่างที่ชำนาญมากจะสามารถทำทุกขั้นตอนได้ด้วยตัวคนเดียวตั้งแต่เริ่มจนเสร็จออกมาเป็นคู่ นอกจากนี้เวลาที่ต้องทำรองเท้าตัวอย่าง ช่างจะสามารถแนะนำนักออกแบบได้เลยว่าควรจะปรับส่วนไหนเพื่อให้สามารถผลิตได้ง่ายขึ้นหรือเพื่อรองเท้าจะได้ดูสวยขึ้น
การที่ช่างรู้ทุกขั้นตอนการผลิตยังทำให้รู้ว่าคนถัดไปที่รับชิ้นงานต่อจากเราจะทำอะไร เพราะฉะนั้นเราควรทำยังไงให้คนถัดไปทำงานได้ง่ายที่สุด ไม่ใช่แค่เรื่องคุณภาพของงานเท่านั้นแต่นี่ยังทำให้เกิดทีมเวิร์คที่ดีด้วย
การทำรองเท้าตัวอย่างก็ต้องใช้ความสามารถของช่างเช่นกันเพื่อทดสอบความเรียบร้อยของดีไซน์และความเป็นไปได้ในการผลิต มีการฟีดแบ็กไปมาและทำต้นแบบใหม่หลายครั้งกว่าจะได้รูปแบบและขั้นตอนที่สมบูรณ์เพื่อการผลิตจริง
บางครั้งอาจต้องทำรองเท้าตัวอย่างถึง 4 ครั้งซึ่งกินเวลากว่า 4 เดือน แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ปัญหาของจำนวนครั้ง แต่อยู่ที่ว่าจะสามารถทำให้คุณภาพของงานดีขึ้นได้มากแค่ไหน
สุดท้ายเราถามว่าสิ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญมากที่สุดคืออะไร
"ผมคิดว่าคือการรวมใจเป็นหนึ่ง มีความคิดและเป้าหมายเดียวกัน ทำยังไงถึงจะผลิตรองเท้าที่ผู้สวมพึงพอใจมากที่สุด ถ้าเป้าหมายของแต่ละคนต่างกัน งานที่ออกมาย่อมต่างกันแน่นอน ผู้ก่อตั้งบริษัทได้เขียนคำหนึ่งเอาไว้นั่นคือ 'อิไตโดชิน' แปลว่า 'กายต่างแต่ใจเดียว' ผมคิดว่านี่คือคำตอบที่ดีที่สุดของคำถามนี้เลย" คุณโอคาดะกล่าว
"ผู้ก่อตั้งคิดเสมอว่าการที่ตัวเองจะมีความสุขได้ ต้องทำให้คนรอบข้างมีความสุขด้วย ผมรู้สึกว่าการสร้างสรรค์สิ่งของก็ไม่ต่างกัน ถ้าเราอยากสร้างสิ่งของที่ดีเลิศ สิ่งจำเป็นคือคนรอบข้างที่พร้อมจะมุ่งไปสู่เป้าหมายเดียวกันกับเรา
ตอนนี้โรงงานแห่งนี้ก็มีอายุร่วม 50 ปีแล้ว เราก็หวังและพยายามที่จะสืบทอดแนวความคิดและเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้งต่อไปครับ" คุณโนเซะกล่าวเสริม
เมื่อเดินออกมายังส่วนรับรองของโรงงานเราก็เห็นภาพของผู้ก่อตั้ง คุณโอนิซึกะ คิฮาจิโร และอักษรลายมือที่มีคำว่า "อิไตโดชิน (異体同心) กายต่างแต่ใจเดียว" ยิ่งได้ฟังเรื่องราวจากผู้บริหารทั้งสามท่านเมื่อครู่ ยิ่งทำให้เรารู้สึกได้ว่านี่แหละคือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ ASICS ได้รับการยอบรับจากทั่วโลกเช่นนี้
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การกีฬาเอซิกส์
ดึงศักยภาพด้วยเทคโนโลยีชั้นแนวหน้า
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การกีฬาเอซิกส์ (ASICS Institute of Sport Science) ชื่อย่อ ISS ตั้งอยู่ที่เมืองโกเบ (Kobe) ในจังหวัดเฮียวโกะ (Hyogo) มีหน้าที่ในการวิจัยและศึกษาข้อมูลเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์
ถ้าเปรียบโรงงาน SANIN ASICS เป็นทีมเบื้องหน้า เน้นความพิถีพิถันในการผลิตรองเท้าออกมาเป็นคู่ให้เราใส่ สถาบัน ISS ก็เป็นเหมือนทีมเบื้องหลัง เน้นการใช้เทคโนโลยีมาช่วยเก็บข้อมูลก่อนจะนำมาวิเคราะห์และทดสอบโดยนักวิจัย ค้นคว้าลองผิดลองถูกก่อนจะส่งไม้ต่อให้กับโรงงาน
การวิจัยของ ISS ครอบคลุมตั้งแต่การศึกษาเกี่ยวกับร่างกายและการเคลื่อนไหวของคน การพัฒนาวัสดุสำหรับทำรองเท้า การคำนวณและทดสอบต้นแบบด้วยคอมพิวเตอร์ การทดสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงการร่วมพัฒนากระบวนการผลิตของโรงงาน
คุณอิชิคาวะ เจ้าหน้าที่ของสถาบันได้พาพวกเราเดินชมพร้อมอธิบายขั้นตอนการทำงานในแผนกต่างๆ จนทั่ว ต้องยอมรับว่าประเทศญี่ปุ่นก็ยังคงโดดเด่นในเรื่องของเทคโนโลยีไม่เปลี่ยน ไม่ว่าจะระบบโมชั่นแคปเจอร์อย่างที่เราเห็นใช้กันในการสร้างภาพยนตร์อนิเมชั่น ก็ถูกนำมาใช้วิเคราะห์การเคลื่อนไหวของร่างกายขณะวิ่ง หรือระบบซิมูเลชั่นคำนวณประสิทธิภาพของการออกแบบส่วนประกอบต่างๆ ของรองเท้า ช่วยลดภาระและเวลาที่จะต้องเสียไปกับการทำต้นแบบนับครั้งไม่ถ้วน
ฟังแล้วอาจจะรู้สึกว่าเป็นงานที่สบาย แค่ดูข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่นั่นแหละที่ยากเพราะการบ้านของทุกคนที่นี่คือการพัฒนาสิ่งที่ถูกพัฒนามาแล้วให้ดีขึ้นไปอีก แม้จะแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ก็สำคัญ โดยเริ่มจากการตั้งคำถามว่าจะทำรองเท้าให้ใคร เพื่อใช้ทำอะไร และจะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร
"อย่างวัสดุของพื้นรองเท้านี้เราก็ตั้งคำถามว่าต้องทำยังไงให้แข็งแรงทนทานขึ้นอีก ทำยังไงให้เบาขึ้นอีก ลองผสมวัตถุดิบต่างๆ ผลิตออกมาเป็นรองเท้าตัวอย่างแล้วก็ทดสอบ ทดลองไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ผลอย่างที่ต้องการ"
คุณอิชิคาวะบอกว่าแค่การพัฒนาวัสดุก็ต้องใช้ความร่วมมือจากหลายๆ ฝ่าย
"ฝ่ายผสมวัตถุดิบ ฝ่ายออกแบบและวิจัยรูปทรง ฝ่ายทดสอบคุณสมบัติ เป็นงานที่ต้องอาศัยทีมเวิร์ค ทุกคนมีเป้าหมายร่วมกันคือสร้างรองเท้าที่ดีที่สุด"
"ทุกคนร่วมใจกันสร้างสิ่งที่ดีที่สุด" เป็นหนึ่งในประโยคที่เราได้ยินบ่อยมากในช่วงเวลาสั้นๆ นี้
"ทุกคน" ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงสถาบันวิจัยแห่งนี้เท่านั้น เริ่มตั้งแต่การออกแบบรูปทรง การพัฒนาวัสดุ ทำต้นแบบ ไปจนถึงทดสอบประสิทธิภาพของรองเท้าที่สถาบันวิจัย จากนั้นก็ส่งต่อให้โรงงานผลิต พอจะวางจำหน่ายก็เป็นหน้าที่ของทีมโปรโมชั่นและพนักงานขาย
"ทั้งบริษัทรวมกันเป็นหนึ่งเพื่อสร้างรองเท้าอัดแน่นไปด้วยความรัก ความตั้งใจและความพิถีพิถันจนกระทั่งส่งไปถึงมือลูกค้า" คุณอิชิคาวะบอก
โอกาสที่เรื่องราวเกี่ยวกับคนทำงานเบื้องหลังจะมาถึงคนซื้ออย่างเราๆ นั้นมีน้อยมาก พอได้มาเห็นสถานที่ทำงานจริง เห็นความใส่ใจพิถีพิถันแม้จะเป็นส่วนที่ลูกค้ามองไม่เห็นอย่างนี้แล้วก็ไม่แปลกใจว่าทำไมรองเท้าของ ASICS ถึงได้รับการยอมรับจากผู้ใช้ทั่วโลกเช่นนี้
ความพิถีพิถันสไตล์ญี่ปุ่นผสานเทคโนโลยีของ ASICS
รองเท้าคอลเลคชั่น ASICS JAPAN COLLECTION
เมื่อความพิถีพิถันในแบบญี่ปุ่นและเทคโนโลยีของ ASICS มาผสานกันจึงเกิดเป็นรองเท้าคอลเลคชั่น ASICS JAPAN COLLECTION นำรองเท้ารุ่นเด่น 7 รุ่นของ ASICS มาแต่งองค์ทรงเครื่องใหม่ด้วยหนังคุณภาพดีของญี่ปุ่น เริ่มวางจำหน่ายวันที่ 1 ตุลาคม 2019
รองเท้ารุ่นสีดำทำจากหนังวัวโกเบฟอกสีดำ ผิวเนียนละเอียด นุ่มสวมสบายพร้อมเส้นสายสวยงามตามสไตล์รองเท้าต้นแบบ ใช้สวมใส่ในชีวิตประจำวันได้ ประกอบด้วยรุ่น
・GEL-KAYANO 25 SPS (ราคา 27,000 เยน)
・GEL-KINSEI OG (ราคา 32,000 เยน)
・GEL-PTG LO (ราคา 24,000 เยน)
รองเท้ารุ่นสีขาวทำจากหนังวัวฮิเมจิ สีของหนังจะออกสีขาวงาช้างยิ่งใช้ยิ่งสวย มีความนุ่มและยืดหยุ่น คงรูปแบบของรองเท้าต้นแบบไว้แล้วเสริมด้วยเทคนิคการเจาะรูและยิงลายหนัง ประกอบด้วยรุ่น
・GEL-KAYANO 5 OG (ราคา 27,000 เยน)
・METARUN SPS (ราคา 36,000 เยน)
・GEL-PTG MT (ราคา 26,000 เยน)
・GEL-KAYANO 5 360 (ราคา 30,000 เยน)
*ราคาไม่รวมภาษี
ไปสัมผัส ASICS JAPAN COLLECTION กันที่ ASICS ญี่ปุ่น
รองเท้าทุกรุ่นในซีรีย์ ASICS JAPAN COLLECTION มาพร้อมเทคโนโลยีของ ASICS ไม่ต่างจากรุ่นต้นแบบ (เช่น เทคโนโลยี GEL™ ที่ช่วยดูดซับแรงกระแทก) ไม่ใช่แค่ใส่วิ่งเท่านั้น จะจับมามิกซ์แอนด์แมตช์ไว้ใส่เดินเที่ยวก็ยังได้ จะให้ดีต้องลองมาสัมผัสของจริงด้วยตัวเองที่ร้าน ASICS สาขาในญี่ปุ่นเลย
Pictures courtesy of ASICS Corporation
Sponsored by ASICS Corporation
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง