Start planning your trip
เที่ยวนีงาตะที่ ยาฮิโกะ ภูเขาแห่งเทพ และโอจิยะ เมืองแห่งปลาคาร์ปนิชิกิ
เที่ยวจังหวัดนีงาตะ (Niigata) กันที่เมืองยาฮิโกะ (Yahiko) เมืองออนเซ็นและศาลเจ้าใหญ่แห่งดินแดนเอจิโกะ ขึ้นเขาชมวิวทะเลญี่ปุ่น แช่ออนเซ็นในเรียวกังบรรยากาศเรโทร จากนั้นไปเมืองโอจิยะ (Ojiya) ถิ่นกำเนิดของปลาคาร์ปนิชิกิ
เที่ยว 4 เมือง 4 สไตล์ในนีงาตะ
ตอนที่ 2 ของการเดินทางเที่ยว 4 เมือง 4 สไตล์ในจังหวัดนีงาตะ เรามากันที่เมืองยาฮิโกะ (Yahiko) ถ้ายังไม่ได้อ่านตอนที่ 1 ลองไปอ่านกันได้จากบทความ เยือนเมืองช่างฝีมือโลหะ ตีแก้วทองแดงด้วยตัวเองที่เมืองสึบาเมะซันโจ นีงาตะ
สารบัญ
■ เมืองยาฮิโกะ เมืองออนเซ็นและภูเขาแห่งเทพ
・ สวนยาฮิโกะ สวนสวย 4 ฤดู
・ ศาลเจ้ายาฮิโกะ ที่สถิตเทพท่ามกลางป่าเขา
・ ยาฮิโกะยามะโรปเวย์ ชมวิวพาโนรามา
・ มิโนยะ ออนเซ็นเรียวกังสไตล์ญี่ปุ่น
■ เมืองโอจิยะ เมืองแห่งปลาคาร์ปนิชิกิ
・ นิชิกิโก้ย โนะซาโตะ
ยาฮิโกะ เมืองออนเซ็นและภูเขาแห่งเทพ |
ยาฮิโกะเป็นเมืองออนเซ็นเล็กๆ ที่อยู่ติดกับเมืองสึบาเมะ
การเดินจากสถานีสึบาเมะซันโจ (Tsubamesanjo) สามารถนั่งรถไฟสายยาฮิโกะ (Yahiko Line) แล้วมาลงที่สถานียาฮิโกะ (Yahiko) ได้ มีทั้งขบวนที่วิ่งตรงโดยไม่ต้องเปลี่ยนขบวน ใช้เวลาประมาณ 30 นาที บางขบวนจะต้องเปลี่ยนรถหนึ่งครั้งที่สถานีโยชิดะ (Yoshida) ขึ้นอยู่กับปลายทางของขบวน
จากบนรถไฟที่นั่งไปสถานียาฮิโกะจะมองเห็นเสาประตูโทริอิหลังใหญ่ตั้งตระหง่าน นี่คือโอโทริอิของศาลเจ้ายาฮิโกะ สร้างขึ้นในปี 1982 ถือเป็นโทริอิแบบเรียวบุ (มีเสาค้ำด้านละสองเสา) ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น สูง 30.16 เมตร ถ้านั่งรถยนต์ก็จะได้เห็นความอลังการแบบใกล้ชิดเพราะถนนจะลอดผ่านโทริอิเข้าไปเลย
ถึงแล้วสถานียาฮิโกะ ถ้าไม่บอกว่าเป็นสถานีรถไฟก็ต้องนึกว่าเป็นศาลเจ้าแน่ๆ เพราะมีแม้กระทั่งบ่อน้ำชำระมืออยู่ด้านหน้า
สวนยาฮิโกะ สวนสวย 4 ฤดู
เมื่อออกจากสถานีก็เจอกับสวนยาฮิโกะ (Yahiko Park)
ดูความกว้างของสวนได้ สถานีรถไฟยาฮิโกะอยู่ทางซ้ายล่างของแผนที่ พื้นที่สวนครอบคลุมถึงทางเดินบนเนินเขา เดินให้ทั่วก็เหมือนได้ออกกำลังกายย่อมๆ เลยทีเดียว
ทางเดินขึ้นเขาทำทางให้อย่างเรียบร้อย ถึงจะมาตอนหน้าร้อน แต่พออยู่ใต้ร่มเงาต้นไม้ก็รู้สึกเย็นขึ้นมาทันที
สะพานคังเก็ตสึเคียว (Kangetsu-kyo Bridge) สีแดงเด่นท่ามกลางใบไม้สีเขียว
บริเวณนี้เรียกว่าโมมิจิดานิ หรือหุบเขาต้นโมมิจิ (ต้นเมเปิล) ในฤดูใบไม้ร่วงราวเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ใบของต้นโมมิจิบริเวณนี้จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแดงสวยงามอลังการ
ภายในสวนมีทั้งบ่อน้ำ น้ำตก ธารน้ำ เนินเขาตามสไตล์สวนญี่ปุ่น แต่ที่แปลกคือมีอุโมงค์ด้วย ถือเป็นจุดถ่ายรูปสวยๆ อีกหนึ่งจุด
ในฤดูใบไม้ผลิราวเดือนเมษายน-พฤษภาคมมีดอกซากุระสวยๆ หลายสายพันธุ์ให้ชม ส่วนฤดูร้อนถึงส่วนใหญ่จะเป็นใบไม้เขียว แต่ก็ถือว่าได้มาเดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์กันไปในตัว
เดินเล่นในสวนเสร็จจากนี้จะไปยังศาลเจ้ายาฮิโกะกัน
อ่านเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ Enjoy Niigata
จุดน่าแวะระหว่างทาง
จากสวนยาฮิโกะจะมีทางออกหลายทาง ถ้าไม่แน่ใจหรือกลัวหลงก็เดินกลับมาทางเดิมตรงสถานียาฮิโกะก่อนก็ได้ แล้วเดินตามถนนที่อยู่หน้าสถานี
Omotenashi Hiroba
เดินจากสถานีมาได้แป๊บเดียวจะเจอกับโอโมเทนาชิ ฮิโรบะ (Omotenash Hiroba) ดูเหมือนบ้านญี่ปุ่นหลายหลังล้อมรอบลานกว้าง
มีร้านคาเฟ่ ร้านอุด้ง ร้านอาหาร และร้านค้าจำหน่ายผลิตผลทางการเกษตรของเมือง
ให้สมกับที่เป็นเมืองออนเซ็น ตรงทางเดินด้านหน้าเลยมีอาชิยุ (ออนเซ็นแช่เท้า) ให้แช่ด้วย ถ้ามาช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีหรือฤดูหนาวคงสบายน่าดู หรือจะไปแช่มืออย่างเดียวตรงอ่างเทะยุก็ได้
ข้าวอบอาหารทะเล คามะเมชิ ยาฮิโกะ
เดินพ้นจากโอโมเทะนาชิ ฮิโรบะปุ๊บจะมีซอยให้เลี้ยวขวา เดินเข้าไปแค่ไม่กี่สิบก้าวจะมีร้านอาหารชื่อ คามะเมชิ ยาฮิโกะ (Kamamaeshi Yahiko)
เมนูเด่นที่เป็นชื่อของร้านด้วยก็คือ คามะเมชิ ข้าวอบที่หุงและเสิร์ฟมาในหม้อแบบญี่ปุ่นที่เรียกว่าคามะ โดยมีเครื่องเป็นอาหารทะเลให้เลือกเยอะมาก ที่สำคัญมีเมนูที่เป็นรูปภาพพร้อมเขียนภาษาไทยให้ด้วย!
ที่สั่งมาครั้งนี้ รูปแรกคือข้าวอบสารพัดอาหารทะเล Tokujo Kamameshi ราคาไม่รวมภาษี 2,000 เยน รูปที่สองคือข้าวอบปู Kani Kamameshi ราคาไม่รวมภาษี 1,750 เยน
สั่งไปแล้วอาจจะต้องรอหน่อยนึงนะเพราะเค้าจะอบทีละหม้อให้ใหม่เลย เปิดฝามาก็มีควันลอยพร้อมกลิ่นหอมฉุย เครื่องที่ใส่มาก็อบพร้อมกับข้าวเพราะงั้นจะสุกหมดทุกอย่างแล้ว ใครที่ไม่ชอบปลาดิบก็กินได้แน่นอน ยกเว้นไข่ปลาอิคุระที่จะตักใส่หลังอบเสร็จ ไม่งั้นเดี๋ยวไข่สุกหมด
เวลาทานให้ใช้ทัพพีไม้คลุกข้าวกับเครื่องให้เข้ากัน แล้วตักใส่ชามเปล่าที่ให้มา ทานพร้อมผักเคียงและซุป
ขนมมันจู
ใครอยากได้ของหวาน พอเดินกลับมาตรงถนนไม่นานจะเห็นร้านที่มีไอน้ำลอยออกมาอยู่ทางซ้ายมือ นี่เป็นร้านขายขนมมันจู ขนมนึ่งที่ดูเหมือนซาลาเปาลูกเล็กๆ ส่วนข้างในเป็นไส้ถั่วแดง อบใหม่ทุกวัน
เดินมาอีกไม่ถึง 5 นาทีก็เห็นเสาประตูโทริอิสีแดงของศาลเจ้ายาฮิโกะอยู่ตรงสุดถนน ก่อนจะไปถึงโทริอิ ด้านซ้ายนี่คือเรียวกังที่เราจะมาพักกันคืนนี้ อยู่หน้าศาลเจ้าเลยสะดวกมาก เอากระเป๋าไปฝากก่อนแล้วไปที่ศาลเจ้ากัน
ร้านค้าหน้าศาลเจ้า
ก่อนเดินลอดโทริอิ หันไปทางซ้ายจะมีร้านค้าร้านขนมอยู่หลายร้าน ของหวานก็มี เครื่องดื่มก็มี ถ้าอยากลองอะไรที่แบบญี่ปุ่นๆ ขอแนะนำโทโคโระเท็นกับโอเด้ง
โทโคโระเท็นเป็นวุ้นใสๆ ที่ทำมาจากสาหร่ายทะเล ตอนแรกจะมาเป็นแท่งสี่เหลี่ยมใหญ่ๆ ก็เอาไปใส่หลอดที่มีลวดขึงเป็นตารางอยู่ข้างล่าง พอดันจากข้างบนแท่งวุ้นก็จะโดนหั่นเป็นเส้นเล็กๆ ออกมา ตัววุ้นจะแช่เย็นไว้ เวลากินก็เหยาะโชยุผสมน้ำส้มสายชู ยิ่งกินตอนหน้าร้อนยิ่งเย็นเปรี้ยวชื่นใจ
อันข้างๆ กันคือทามะคอนยัค วุ้นคอนยัคทรงกลมหนึ่งในเครื่องโอเด้ง รสซุปหวานๆ เค็มๆ ของโอเด้งซึมเข้าไปถึงข้างใน แตะมัสตาร์ดเพิ่มรสเผ็ดนิดๆ ก็อร่อย
ศาลเจ้ายาฮิโกะ ที่สถิตเทพท่ามกลางป่าเขา
ได้เวลาเข้าไปสักการะเทพแห่งเมืองยาฮิโกะกันแล้ว ก่อนเดินลอดเสาประตูอิจิโนะโทริอิก็โค้งคำนับหนึ่งครั้ง และลอดเสาประตูโดยเดินให้ชิดริมฝั่งใดฝั่งหนึ่ง เพราะเชื่อกันว่าตรงกลางคือทางผ่านของเทพ
ทามะโนะฮาชิ (Tama no hashi) สะพานทรงโค้งทอดผ่านทางน้ำอยู่ด้านซ้ายมือหลังผ่านโทริอิเข้ามา เป็นสะพานสำหรับเทพเจ้าข้ามเท่านั้น ตัวสะพานไม้สีแดงท่ามกลางสีเขียวของต้นไม้และแสงรำไรดูขลังมาก
ภายในศาลเจ้าที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,400 ปีร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่
ประตูซุยชินมง ก่อนเข้าไปบริเวณวิหารสักการะ
ไฮเด็น วิหารสักการะหลังปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่ในปี 1915 เพราะวิหารหลังเดิมเสียหายจากอัคคีภัย วิธีไหว้สักการะของศาลเจ้ายาฮิโกะจะต่างจากที่อื่นหน่อย วิธีคือ 2 คำนับ 4 ปรบมือ 1 คำนับ
ฮนเด็นด้านในเป็นที่สถิตย์ของเทพอาเมโนะคาโกะยามะ โนะ มิโคโตะ เหลนของเทพอามาเทราซุ โอมิคามิ ต้นกำเนิดเชื้อสายพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น ตามตำนานกล่าวว่าเทพอาเมโนะคาโกะยามะ โนะ มิโคโตะ ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการประมง การทำเกลือ สาเก และกสิกรรมให้กับผู้คนในดินแดนเอจิโกะ (จังหวัดนีงาตะในปัจจุบัน) โดยเสด็จมาประทับ ณ ภูเขายาฮิโกะยามะ ที่อยู่เบื้องหลังศาลเจ้ายาฮิโกะนี้
ตรงจุดจำหน่ายเครื่องรางมีพวกโอมาโมริเครื่องรางต่างๆ เช่น เครื่องรางป้องกันอุบัติเหตุ เครื่องรางความรัก เครื่องรางสำหรับความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ในรูปข้างบนคือสมุดโกะชุอินโจลายวิหารสักการะ สำหรับเก็บตราประทับโกะชุอินประจำศาลเจ้า
ภายในพื้นที่กว้างขวางมีศาลเล็กที่แยกมาจากศาลเจ้าอื่นๆ อีกหลายแห่ง รวมถึงสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นอีกหลายหลัง เช่น หอกลองโคะโร วิหารบุเด็นสำหรับแสดงรำถวายเทพ
ก้อนหินทำนาย โอโมคารุ โนะอิชิ ให้ตั้งคำขอแล้วยกหินก้อนใดก้อนหนึ่ง ว่ากันว่าถ้าเบาแสดงว่าคำอธิษฐานนั้นจะเป็นจริง
อีกฟากของศาลเจ้ามีสวนกวางเล็กๆ และคอกไก่ เลี้ยงไก่พันธุ์พื้นเมืองหลายชนิด หนึ่งในนั้นคือโทมารุ สายพันธุ์ไก่ดำที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์ทางธรรมชาติของจังหวัดนีงาตะ
อ่านเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ Enjoy Niigata
ยาฮิโกะยามะโรปเวย์ ชมวิวพาโนรามาบนยอดเขา
หันหลังให้กับวิหารไฮเด็นแล้วเดินออกประตูทางขวาไปจะเจอจุดขึ้นรถชัตเทิลบัสรับส่งฟรีระหว่างศาลเจ้ายาฮิโกะและสถานีขึ้นโรปเวย์
รถจะออกทุกๆ เวลา 5, 20, 35 และ 50 นาทีของแต่ละชั่วโมง ใช้เวลานั่งประมาณ 5 นาทีเท่านั้น หรือจะเดินไปทางขวาตามทางเองก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
อาคารสถานีขึ้นโรปเวย์ ซื้อตั๋วขึ้นโรปเวย์ได้ที่เคาน์เตอร์ด้านใน ราคาตามตารางนี้
ไป-กลับ | เที่ยวเดียว | |
ผู้ใหญ่ | 1,500 | 800 |
เด็ก | 750 | 400 |
* ผู้ทุพพลภาพ คิดครึ่งราคา
* ผู้ทุพพลภาพทางสมองที่มีสมุดประจำตัวและผู้ติดตามอีก 1 คน คิดครึ่งราคา
ที่ราบเอจิโกะอันกว้างใหญ่ ที่เห็นอยู่ใกล้ตัวที่สุดคือตัวเมืองยาฮิโกะ ที่ไกลออกไปสุดนู่นคือสึบาเมะซันโจ
ใช้เวลาแค่ 5 นาทีเราก็ขึ้นมาบนเขายาฮิโกะเรียบร้อย ด้านหลังที่เห็นเป็นเงาจางๆ คือเกาะซาโดะในทะเลญี่ปุ่น อีกหนึ่งที่เที่ยวน่าสนใจของนีงาตะ ถ้าวันที่ฟ้าโปร่งจะเห็นถึงความใหญ่ของเกาะชัดแจ๋ว
แล้วเห็นเสาสูงๆ ที่มีวงล้อรอบๆ นั่นกันมั๊ย สำหรับคนที่อยากได้วิวสวยๆ แบบ 360 องศาและไม่กลัวความสูง! ขอแนะนำให้ขึ้นพาโนรามาทาวเวอร์ (Panorama tower) หอชมวิว 2 ชั้นแบบหมุนรอบทิศ ระหว่างหมุนก็จะค่อยๆ เลื่อนขึ้นไปด้านบนจนสุดที่ความสูงร่วม 600 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ถ้ามาช่วงฤดูหนาวก็อาจมีโอกาสได้ดูพระอาทิตย์ตกลับขอบฟ้าฝั่งทะเลญี่ปุ่นด้วย
ข้างกันคือห้องอาหารและร้านขายของ มีทั้งโซบะ ข้าวปั้นโอนิกิริ ไส้กรอก ซอฟต์ครีม กดซื้อตั๋วจากตู้แล้วค่อยเอาไปให้พนักงาน
เดือนกรกฎาคมนี่อากาศร้อนๆ ได้กินน้ำแข็งไสหน่อยก็ชื่นใจ
อ่านเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ Enjoy Niigata
โอคุโนะมิยะ ศาลชั้นในของศาลเจ้ายาฮิโกะ
เดินเลยตึกห้องอาหารเข้าไปจะมีทางเดินไปยังโอคุโนะมิยะ ศาลชั้นในของศาลเจ้ายาฮิโกะ ประมาณ 700 เมตร
ทางเดินมีทั้งจุดที่ปูทางไว้ให้แล้วก็จุดที่เป็นทางเดินธรรมชาติ มีขึ้นบันไดบ้างเล็กน้อย
เดินประมาณ 20 นาทีจนออกมาเจอกับเสาประตูโทริอิอีกหลัง
ด้านบนสุดนี้คือโกะชินเบียว ที่สถิตย์ของเทพอิยาฮิโกะ โนะ โอคามิ (เทพอาเมโนะคาโกะยามะ โนะ มิโคโตะ) และ เทพสึมาโดะ โนะ โอคามิ (เทพอุมาชิโฮะยะฮิเมะ โนะ มิโคโตะ)
วิวชายฝั่งทะเลญี่ปุ่นของจังหวัดนีงาตะ
ชมวิวกันจนพอแล้วก็เดินกลับไปสถานีโรปเวย์เพื่อลงไปข้างล่าง รถชัตเทิลบัสจะมารอรับกลับไปส่งจุดเดิมข้างศาลเจ้า เสร็จแล้วก็ไปแช่ออนเซ็นในเรียวกังกันดีกว่า
แช่ออนเซ็นในเรียวกังเก่าแก่ มิโนยะ
เดินออกจากศาลเจ้ายาฮิโกะมาไม่เกิน 1 นาทีก็ถึงที่พักแล้ว ชิกิโนะยาโดะ มิโนยะ (Minoya)
ก่อนเข้าข้างในมีบ่ออาชิยุ น้ำออนซ็นอุ่นๆ ให้นั่งแช่เท้าได้
ล๊อบบี้โอ่โถง ด้านในมีร้ายขายของฝาก เน้นผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่น ก่อนถึงร้านมีชุดยูคาตะสารพัดลายไว้ให้แขกผู้หญิงเลือกยืมใส่ได้ฟรี ใส่แล้วไปถ่ายรูปในเรียวกังหรือจะไปถ่ายในเมืองก็ได้
โรมันคัง ห้องพักสไตล์เรโทร
ห้องพักวันนี้เป็นห้องที่อยู่ในโซนโรมันคัง
มุมนั่งเล่น ใช้เป็นฉากถ่ายรูปได้
พูดถึงเรโทร คนญี่ปุ่นจะนึกไปถึงยุคไทโช (ค.ศ. 1912-1926) เป็นยุคที่วัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาแพร่หลายในญี่ปุ่น เกิดการผสมผสานกันระหว่างความเป็นญี่ปุ่นและตะวันตกอย่างลงตัว มีคำเรียกช่วงเวลานี้ว่า ไทโชโรมัน
อย่างชุดกิโมโนตรงชั้น 1 ที่เป็นลายดอกไม้ใหญ่สีสันสดใสหรือลายกราฟฟิกก็เป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของไทโชโรมันเหมือนกัน
การตบแต่งห้องพักและทางเดินในโซนโรมันคังเลยดูสวยคลาสสิกแบบเก๋ๆ
คนชอบแนวนี้ต้องถูกใจแน่ๆ เลย
อาหารเย็นมาทานกันที่ห้องอาหารฮานะซันโด ตรงชั้น 4
เซ็ตอาหารญี่ปุ่นอลังการสุดๆ สีสันสดใส ยาฮิโกะอยู่ใกล้ทะเลอย่างนี้ไม่ต้องห่วงเรื่องความสดของอาหารทะเล เห็นเป็นจานเล็กจานน้อยเหมือนจะดูไม่เยอะ พอกินจริงๆ นี่อิ่มมากเลยนะ ที่ไม่อยู่ในรูปคือข้าวกับซุปมิโซะใส่กุ้ง เสร็จแล้วยังมีผลไม้กับไอศกรีมอีกนะ อิ่มมากจนลืมถ่ายรูป
กลับมาห้องก็มีฟูกฟุตงปูไว้ให้พร้อม มานอนเก็บแรงไว้เที่ยวต่อพรุ่งนี้กัน
เช้ามาก็ไปแช่ออนเซ็นอีกรอบก่อนมาที่ห้องอาหาร Open Terrace Shiki บนชั้น 7 ครั้งที่ไปนี้ได้อาหารจัดเป็นเซ็ตให้เรียบร้อย มีเครื่องดื่มเป็นชา กาแฟ น้ำผลไม้
ขนมหวานมีซาซาดังโกะของดังของนีงาตะ
นอกจากอาหารอร่อยก็มีวิวสวยๆ ของภูเขายาฮิโกะให้ดูไปด้วย
อ่านเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ Enjoy Niigata
เดินทางต่อไปเมืองโอจิยะ
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ ก็มาเก็บข้าวของแล้วเช็คเอาท์ เดินจากเรียวกังประมาณ 10 นาทีมาขึ้นรถไฟที่สถานียาฮิโกะเหมือนเดิม
ปลายทางสถานีสึบาเมะซันโจ (Tsubamesanjo) รอบนี้ก็เหมือนขามา คือจะมีรถไฟขบวนที่วิ่งตรงไปถึงสถานีสึบาเมะซันโจเลย กับขบวนที่ต้องมาเปลี่ยนรถที่สถานีโยชิดะ (Yoshida) ก่อน 1 ครั้ง ถ้าไม่แน่ใจก็ถามจากพนักงานสถานีตั้งแต่ที่สถานียาฮิโกะก่อนได้
จากสถานีสึบาเมะซันโจ จะนั่งรถไฟไปสถานีโอจิยะ (Ojiya) ซึ่งรถไฟชินคันเซ็นไม่จอด เลยต้องมีการต่อรถด้วย และรถไฟที่จอดสถานีโอจิยะเป็นสายโลคอลที่รอบรถจะน้อย ขอแนะนำให้วางแผนเรื่องรอบรถไว้ล่วงหน้า
สำหรับคนใช้พาส นั่งชินคันเซ็นได้ฟรี
นั่งชินคันเซ็นไปลงสถานีนากาโอกะ (Nagaoka) แล้วเปลี่ยนเป็นรถไฟสายโจเอ็ตสึ (Joetsu Line) ลงสถานีโอจิยะ
สำหรับคนที่ไม่มีพาส นั่งรถไฟขบวนธรรมดา
นั่งรถไฟสายยาฮิโกะ (Yahiko) ลงสถานีฮิกาชิซันโจ (Higashi-Sanjo) เปลี่ยนเป็นรถไฟสายชินเอ็ตสึ (Shin-etsu Line) ลงสถานีนากาโอกะ (Nagaoka) เปลี่ยนเป็นรถไฟสายโจเอ็ตสึ (Joetsu Line) ลงสถานีโอจิยะ
สำหรับคนที่ไม่มีพาส ตอนนั่งมาจากสถานียาฮิโกะก็ไม่ต้องลงที่สถานีสึบาเมะซันโจ ให้นั่งไปลงที่สถานีฮิกาชิซันโจได้เลย
โอจิยะ เมืองแห่งปลาคาร์ปนิชิกิ |
สถานีชินคันเซ็นที่ใกล้ที่สุดสำหรับเปลี่ยนมาสถานีโอจิยะ ถ้านั่งมาจากโตเกียวให้เปลี่ยนที่สถานีอุราซะ (Urasa) ถ้านั่งมาจากนีงาตะให้เปลี่ยนที่สถานีนากาโอกะ (Nagaoka)
ออกจากสถานีก็เจอกับปลาคาร์ปยักษ์!
จริงๆ แล้วคือทางเข้าของอุโมงค์ข้ามแยกใต้ดินที่ทำเป็นรูปปลาคาร์ป น่ารักมาก มีทั้งหมด 3 ตัว เทียบขนาดพอๆ กับรถบัสเลย
นิชิกิโก้ย โนะซาโตะ อยู่ห่างจากสถานีโอจิยะประมาณ 2 กิโลเมตร ถ้าเดินก็ประมาณ 25 นาที แต่แนะนำให้นั่งแท็กซี่ไปเลยดีกว่า เร็วกว่าเยอะ ไม่เกิน 5 นาที
นิชิกิโก้ย โนะซาโตะ บ้านเกิดปลาคาร์ปนิชิกิ
ทางเข้ามีรูปปั้นปลาคาร์ปนิชิกิตัวโตเป็นสัญลักษณ์ ค่าเข้าชมตามด้านล่าง
เด็กประถม - ม.ต้น | 310 |
ผู้ใหญ่ | 520 |
เด็กเล็กก่อนวัยเรียน | ฟรี |
ปลาคาร์ปในภาษาญี่ปุ่นจะเรียกว่า โค่ย เดิมทีโค่ยเป็นปลาสีเข้มเกือบดำ เลี้ยงสำหรับบริโภคกันมากในแถบเมืองโอจิยะ แต่ราว 200 ปีก่อนเกิดการกลายพันธุ์มีสีอื่นแทรกขึ้นมา ชาวเมืองจึงทำการผสมพันธุ์ปลาใหม่ไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นโค่ยที่มีสีสันสดใสหลากหลาย และเรียกชื่อโค่ยที่มีสีเหล่านี้รวมๆ กันว่า นิชิกิโก้ย (นิชิกิ แปลว่า สีสันสดใสสวยงาม ผสมกับคำว่า โค่ย โดยอ่านออกเสียงเป็น โก้ย เพราะเป็นการเอาคำนามมาชนกัน)
ด้านในมีส่วนจัดแสดงเรื่องราวต้นกำเนิดของปลาคาร์ปนิชิกิ สินค้าของฝากที่ระลึก สามารถให้อาหารปลาคาร์ปได้ด้วย ใส่เป็นโคน โคนละ 100 เยน
ก่อนจะเดินไปดูปลาตัวใหญ่ ตรงตู้ปลามีปลาคาร์ปตัวเล็กๆ ด้วย ปกติเห็นแต่ปลาตอนโตแล้ว พอมาเห็นแบบนี้เลยรู้สึกแปลก แบบว่าไม่น่าเชื่อว่าปลาคาร์ปจะตัวเล็กเท่านิ้วก้อยอย่างนี้
บ่อในร่มมีปลาคาร์ปทั้งหมดประมาณ 80 ตัว
เจ้าหน้าที่บอกว่าปลาคาร์ปตัวที่ใหญ่ที่สุดยาวประมาณ 1 เมตร หนักตั้ง 19 กิโลกรัม!
อาหารปลาก็เอามาโรยให้ตรงบ่อนี้ได้ จับปลาได้ด้วย ลูบหัวก็ได้ เดี๋ยวนะนี่ปลาคาร์ปนะไม่ใช่แมว แล้วก็ดูขนาดตัวปลาเทียบกับแขนจะเห็นถึงความใหญ่
อาหารปลาแบ่งมาให้ปลาตรงบ่อด้านนอกด้วยนะ
ด้านนอกนี้เป็นสวนแบบญี่ปุ่น ยิ่งมีปลาคาร์ปว่ายไปมายิ่งดูเข้ากัน
แต่ละฤดูก็มีดอกไม้สวยๆ บานผลัดเปลี่ยนกันไป แต่ปลาคาร์ปจะอยู่ตรงบ่อนอกเฉพาะช่วงอากาศยังอบอุ่นระหว่างปลายเดือนเมษายน-พฤศจิกายนเท่านั้น พอเข้าหน้าหนาวแถวนี้ก็มีหิมะตกเยอะอยู่เหมือนกัน เลยย้ายปลาไปด้านใน แต่ก็จะได้ดูวิวสวนญี่ปุ่นกับหิมะขาวสวยๆ แทน
ปลาคาร์ปนิชิกิมีชื่อเรียกต่างกันออกไปอีกตามสีและลักษณะลวดลาย ยิ่งตอนว่ายอยู่ในน้ำหลายๆ ตัวยิ่งสวยถึงขนาดได้รับฉายาว่า 泳ぐ宝石 แปลว่า อัญมณีว่ายน้ำได้ เลยทีเดียว
มาชมความงามของปลาคาร์ปนิชิกิแบบใกล้ชิดกันถึงถิ่นกำเนิดได้ตลอดปีที่นิชิกิโก้ย โนะซาโตะ
อ่านเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ Enjoy Niigata
จุดน่าแวะระหว่างทาง
เครปผลไม้สด โฮชิโนะยะ
ก่อนกลับไปที่สถานีโอจิยะ เดินจากนิชิกิโก้ย โนะซาโตะมาแค่ประมาณ 3 นาทีมีร้านขายเครปผลไม้สดอร่อยๆ ด้วย
ร้านโฮชิโนะยะ (Hoshino-ya) มีเมนูเครปแบบครีมสด ครีมสดช็อกโกแลต ให้เลือกจับคู่กับผลไม้สดและไอศกรีมรวมๆ แล้วกว่า 100 เมนู! ยังไม่รวมพวกพาร์เฟต์กับแพนเค้กอีก แค่ดูเมนูก็ตาลายแล้ว
วิธีสั่งให้จดหมายเลขเมนูที่อยู่ในกรอบสีเหลืองและจำนวนลงบนกระดาษใบสั่ง สั่งเครปก็กรอกในช่องเครป ครั้งนี้เลือกเมนูที่ 207 แล้วก็ใส่จำนวน 1 อันตามหลัง ถ้าสั่งอย่างอื่นด้วยก็กรอกในช่องไปเรื่อยๆ
มาแล้วเครปมะม่วงผลไม้รวม Mango Fruits Mix ราคาไม่รวมภาษี 621 เยน ผลไม้มาเต็มๆ ตั้งแต่ข้างบนจนถึงข้างล่าง เมนูเครปมีทั้งหวานทั้งคาว ถ้าคาวจะเป็นพวกสลัดก็น่ากินเหมือนกันนะ อย่างไส้ยากิโซบะ ไส้ไก่ทอดคาราอาเกะ ไส้ทูน่ามายองเนสพาสต้า
เที่ยว 4 เมือง 4 สไตล์ในนีงาตะ
ตอนที่ 2 นี้เราไปเที่ยว 2 เมือง คือ ยาฮิโกะ เมืองเล็กๆ ที่มีทั้งศาลเจ้าเก่าแก่ จุดชมวิวสวยจากมุมสูง แช่ออนเซ็นในเรียวกัง จากนั้นก็นั่งรถไฟมาต่อกันที่ โอจิยะ เมืองต้นกำเนิดนิชิกิโก้ย ปลาคาร์ปสารพัดสีแสนสวย
ถัดไปเราจะไปปิดท้ายตอนที่ 3 กันที่โทคามาจิ เมืองแห่งศิลปะ คลิกที่รูปด้านล่างเพื่ออ่านตอนต่อไปกันเลย
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง