Start planning your trip
ขอ 2 วันไปเที่ยวเกาะขุมทรัพย์ท่านโชกุน! เกาะซาโดะ (Sado) ในนีงาตะ (Niigata)
จากโตเกียว 2 วัน ไปเที่ยวเกาะขุมทรัพย์ของรัฐบาลโชกุนโทคุกาวะในจังหวัดนีงาตะกัน! เกาะซาโดะมีเหมืองทอง พร้อมด้วยวัฒนธรรมมีเอกลักษณ์อย่างเรือถังทาไรบุเนะที่ปรากฏในอนิเมะ Spirited Away ของ Studio Ghibli และยังมีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ วิวที่งดงามอีกด้วย
เกาะซาโดะ (Sado Island) เกาะขุมทรัพย์ของรัฐบาลโชกุนโทคุกาวะ
ใครชอบดูหนัง ดูการ์ตูนญี่ปุ่นต้องรู้จัก "ท่านโชกุน" กันแน่นอน!
คำว่าโชกุนนั้นหมายถึงผู้นำเหล่าซามูไรซึ่งปกครองญี่ปุ่นมาเป็นเวลายาวนาน ผลัดกันแย่งชิงอำนาจโดยหลายตระกูล ตั้งแต่สมัยคามาคุระ (ค.ศ. 1185) จนถึงจบยุคเอโดะ (ค.ศ. 1868) โดยตระกูลโชกุนที่ยิ่งใหญ่และโด่งดังที่สุดก็คือ "โทคุกาวะ (Tokugawa)" ซึ่งครองอำนาจยาวนานมากกว่า 200 ปี จนกระทั่งหมดยุคสมัยของซามูไร เข้าสู่การปฏิรูปประเทศญี่ปุ่นสู่สมัยใหม่
ทองคำแท่งมูลค่าหลายล้านเยน! ... ซึ่งจริงๆ คือทิชชู่กล่องในร้านขายของฝากที่เหมืองทองซาโดะ
และวันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวยัง "เกาะซาโดะ" ในจังหวัดนีงาตะ (Niigata) ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นเกาะมหาสมบัติสำคัญของรัฐบาลตระกูลโชกุนโทคุกาวะที่ช่วยให้ตระกูลนี้มีอำนาจยืนยาวค่ะ
วันที่หนึ่ง 7:10 ออกเดินทางจากอุเอโนะ (Ueno)
เริ่มแรกเราจะเดินทางจากโตเกียวไปยังจังหวัดนีงาตะกันก่อนค่ะ วันนี้ขอนั่งรถไฟชินคันเซ็นจากสถานีอุเอโนะตอนเวลา 7:10 ถ้าหากใครสะดวกสถานีโตเกียวมากกว่าก็ต้องไปเร็วขึ้นนิด เพราะรถไฟจะออกจากสถานีโตเกียวตอน 7:04 แล้วค่อยมาถึงอุเอโนะ ค่ารถไฟอยู่ที่ 10,020 เยนจากอุเอโนะและ 10,230 เยนจากสถานีโตเกียวค่ะ
รถไฟใช้เวลาราวๆ 2 ชั่วโมงจะมาถึงสถานีนีงาตะ (Niigata)
สำหรับใครที่อยากเดินทางเวลาอื่นก็ลองตรวจสอบตารางเวลาของรถไฟชินคันเซ็นกันดูนะคะ
9:02 ถึงนีงาตะ!
เมื่อมาถึงนีงาตะแล้ว เราจะบึ่งตรงไปยังเกาะซาโดะกันเลย ซึ่งจะต้องนั่งรถบัสไปต่อเรือ จากชานชาลาของชินคันเซ็นไปยังทางออกบันได (Bandai) ต้องใช้เวลาเดินเล็กน้อย ให้มองตามป้ายแล้วรีบเดินไปเลยดีกว่า
เมื่อออกจากสถานีแล้ว เดินเยื้องไปทางซ้ายมือจะพบกับศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว เลยไปจะมีรถบัสจอดเรียงกันอยู่ ไปรอที่ลานจอดหมายเลข 3 ที่เขียนว่า Bus for SADOKISEN Terminal กันเลยค่ะ รถจะออกตอน 9:10 ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ค่ารถ 210 เยน จะถึงที่หมายของเรา ท่าเรือของบริษัทซาโดะคิเซน (Sado Steam Ship)
หากใครอยากเที่ยวแบบสบายๆ เราแนะนำให้มาเที่ยวนีงาตะกันก่อนสักวัน จะได้ไม่ต้องรีบร้อนหาทางขึ้นรถไปท่าเรือค่ะ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
9:40 นั่งเรือ Jet foil ข้ามทะเลไปเกาะซาโดะ
ลงรถที่ป้ายซาโดะคิเซ็น (Sadokisen) จะมีบันไดเลื่อนขึ้นไปยังชั้น 3
เรือที่นั่งไปยังเกาะซาโดะได้นั้นมีทั้งแบบ Car Ferry และ Jet foil แต่วันนี้เราจะนั่งเรือแบบ Jet foil ซึ่งเร็วที่สุด ราคารวมไปกลับ 11,700 เยน (ราคา ณ มกราคม 2021 และอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล)
สามารถซื้อที่เคานเตอร์ได้เลย หรือจะจองตั๋วออนไลน์จากเว็บไซต์แล้วมากดเครื่องรับตั๋วเพื่อความรวดเร็วก็ได้ ซึ่งเว็บไซต์ทางการมีในภาษาอื่นนอกจากภาษาญี่ปุ่นด้วย เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาเกาหลี ฯลฯ
ในฤดูกาลท่องเที่ยวอย่างวันหยุดยาวอาจจะที่นั่งเต็มได้ แนะนำให้จองไว้ก่อนเลยจะดีที่สุดค่ะ สำหรับราคาและตารางเดินเรือ กรุณาตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์ทางการค่ะ
เว็บไซต์ทางการของ Sadokisen : https://www.sadokisen.co.jp/en
ในเรือมีที่วางสัมภาระชิ้นใหญ่อยู่ที่ชั้น 1 และมีที่นั่ง 2 ชั้นด้วยกัน เมื่อขึ้นเรือแล้วให้นั่งคาดเข็มขัดให้ดีเพื่อความปลอดภัยเนื่องจากเรือ Jet foil นั้นแล่นด้วยความเร็วสูง
โรงแรมแนะนำใกล้สถานีซาโดะคิเซ็น
ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงด้วย Jet Foil เรือจะเทียบที่ท่าเรียวสึ (Ryotsu) ของเกาะซาโดะค่ะ
10:47 ออกตามหาขุมทรัพย์ท่านโชกุนบนเกาะซาโดะ
ลงจากเรือเราจะได้รับลมแสนสดชื่นทันทีเลยค่ะ!
การเที่ยวบนเกาะซาโดะนั้นมีรถบัสให้นั่ง แต่เนื่องจากจำนวนรถไม่เยอะ เราจึงแนะนำให้เช่ารถขับเที่ยวจะสะดวกที่สุดค่ะ เมื่อออกจากท่าเรือมารอบๆ จะมีบรรดาร้านเช่ารถอยู่ หรือจะจองล่วงหน้าออนไลน์เอาไว้ก็สะดวกสบาย
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
11:30 ชิมเมนูชื่อดังที่ซูชิโจซาบุโร่ (Sushi Chozaburo)
ก่อนเที่ยวเราไปเติมของอร่อยลงท้องก่อนที่ร้านซูชิโจซาบุโร่กันค่ะ ขับรถจากท่าเรือราว 15 นาที (จอดรถในซอยด้านข้างร้าน) จะมาถึงร้านซูชิที่ได้รับความนิยมจากทั้งคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว แน่นอนว่าซูชิของร้านนั้นอร่อยและสดใหม่สมกับที่จังหวัดนีงาตะโด่งดังเรื่องการประมง แต่เราจะไม่ได้มาชิมแค่ซูชิเท่านั้น!
เมนูดังของเกาะซาโดะคือ "บุริคัตสึด้ง (Burikatsu-don)" หรือข้าวหน้าปลาบุริชุบแป้งทอด โดยการนำเนื้อปลาบุริ (ปลาหางเหลือ) ตามธรรมชาติของซาโดะมาชุบแป้งทอด วางลงบนข้าว แล้วราดซอสสูตรพิเศษรสเค็มหวานกลมกล่อม เสิร์ฟพร้อมซุปมิโซะ สาหร่ายถ้วย และผลไม้ ราคา 1,350 เยน
นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่นๆ เช่น ราเม็ง ข้าวแกงกะหรี่ และอาหารเซ็ทต่างๆ ให้เลือก หากมาเที่ยวกันหลายคนและมีคนไม่ชอบทานปลาดิบก็สามารถนั่งทานด้วยกันได้สบายใจ
12:30 ขับรถชมวิวบนเส้นทางโอซาโดะ สกายไลน์ (Osado Skyline)
อิ่มท้องแล้วกลับไปขับรถ 10 นาทีจะเข้าสู่ถนนขึ้นภูเขาที่เรียกว่าโอซาโดะ สกายไลน์ ระหว่างเส้นทางที่ขึ้นสูงถึง 900 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เราจะได้ชมทิวทัศน์อันงดงามของเกาะอุดมสมบูรณ์ที่มีทะเลล้อมรอบ หากใครมาในฤดูใบไม้ร่วง ภูเขาจะเปลี่ยนเป็นสีส้มแดงเพราะใบไม้เปลี่ยนสีด้วยค่ะ
ด้านบนมีลานชมวิวและร้านค้าในชื่อฮาคุอุนได (Hakuundai) ให้แวะจอดพัก ชมวิวสวยๆ สูดอากาศบริสุทธิ์ และซื้อสินค้า ผลิตภัณฑ์ของดีของเกาะซาโดะมากมาย ทั้งแยม ลูกอม จากผลไม้ชื่อดังของเกาะ กับข้าวอย่างปลาปรุงรส ซุปมิโซะปลา สาเกญี่ปุ่นโดยโรงเหล้าบนเกาะ รวมถึงมีขายอาหาร เครื่องดื่ม ซอฟท์ครีมด้วย
ซอฟท์ครีม 350 เยนทำจากนมที่ได้จากฟาร์มบนเกาะเช่นกัน กลิ่นหอม รสมันเข้มข้น อร่อยมาก!
14:00 ตะลุยขุมทองของตระกูลโชกุนโทคุกาวะ!
จากนั้นขับรถลงเขาตามเส้นทางโอซาโดะ สกายไลน์ เราจะไปเที่ยวชมความลับของรัฐบาลโชกุนที่ยิ่งใหญ่และยาวนานที่สุดของญี่ปุ่นกันแล้ว!
จุดถ่ายรูปที่ระลึกในคิราเรียม
เกาะซาโดะนั้นตั้งแต่อดีตเป็นเกาะที่อุดมสมบูรณ์ด้วยสายแร่อย่างเงิน แต่ซาโดะได้เข้าสู่ยุครุ่งเรืองพร้อมกับกลายเป็นเมืองสำคัญสำหรับรัฐบาลตระกูลโชกุนโทคุกาวะ เมื่อมีการค้นพบสายแร่ "ทองคำ" ขนาดใหญ่จึงได้ทำการเปิดเป็นเหมืองแร่ทองและเงินที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1596
เหมืองทองซาโดะ (Sado Kinzan) มีหน้าที่สำคัญคือสกัดแร่ทองและเงิน รวมถึงผลิตเป็น "โคบัง (Koban)" หรือเหรียญทองคำส่งให้กับรัฐบาลโทคุกาวะที่เมืองเอโดะ (ชื่อเก่าของโตเกียว) เพื่อเป็นกำลังทรัพย์ของรัฐบาลในยุคนั้นนั่นเอง
กล่าวกันว่าเพราะเหรียญทองจากซาโดะมีส่วนช่วยให้ตระกูลโทคุกาวะมีความสงบสุขมั่นคงทางการเงิน สามารถบริหารบ้านเมือง ดูแลเหล่าซามูไร และมีความมั่นคงต่อเนื่องยาวนาน
แม้สุดท้ายรัฐบาลโชกุนโทคุกาวะจะจบลงในปี 1868 แต่เหมืองทองของซาโดะยังคงเปิดเหมืองผลิตทองคำต่อเนื่องจนถึงปี 1989 รวมเป็นเวลาเกือบ 400 ปี และปิดตัวลง
การจัดแสดงเหมืองทองของจริงให้ชมที่เหมืองทองซาโดะ
ในปัจจุบันสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับเหมืองเงินและทองได้ถูกปรับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพิพิธภัณฑ์ให้เราได้สัมผัสเรียนรู้ประวัติศาสตร์เสี้ยวหนึ่งที่สำคัญของญี่ปุ่น หลายส่วนของเหมืองเงินและทองซาโดะได้รับการลงทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น และเมืองแห่งเหมืองทองโดยรวม (The Sado Complex of Heritage Mines, Primarily Gold Mines) ได้รับการลงทะเบียนในบัญชีรายชื่อเบื้องต้นซึ่งอาจได้รับการพิจารณาให้เป็นมรดกโลกโดย UNESCO ในลำดับต่อไป
ใช่แล้ว เรากำลังจะไปเที่ยวชมเหมืองทองของขุมทองท่านโชกุนกัน!
คิราเรียม (Kirarium)
ศูนย์ข้อมูลสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะให้ข้อมูลเบื้องต้นของเหมืองเงินและทองซาโดะตั้งแต่ความเป็นมา กระบวนการทำงานภายในเหมืองทั้งการขุด การผลิตและลำเลียงเหรียญทองโบราณไปสู่ท่าเรือผ่านเทคโนโลยีฉายภาพวีดีโอทันสมัยที่แสนเข้าใจง่ายและสนุกสนาน วีดีโอและคำอธิบายภายในมีภาษาอังกฤษกำกับอีกด้วย มีค่าเข้าชมเพียง 300 เยน
เหมืองทองซาโดะ (Sadokinzan)
จุดถ่ายรูปที่ระลึก ด้านหลังเห็นภูเขาที่มีรอยแตกจากการทำเหมือง
เหมือนทองซาโดะคือการนำเอาสถานที่จริงของเหมืองทองในสมัยก่อนมาให้เราเดินเข้าไปชมภายใน พร้อมการจัดแสดงคำอธิบาย แสงสีเสียง หุ่นยนต์ เพื่อช่วยให้เราเห็นภาพการทำงานในเหมืองสมัยก่อนอย่างง่ายดาย
ภายในประกอบด้วยสองโซน คือโซนเหมืองสมัยเก่าช่วงเอโดะ (Sodayu Tunnel) ที่มีการใช้หุ่นยนต์รูปมนุษย์มากมายจัดแสดงพร้อมคำอธิบายภาษาอังกฤษ เราจึงสามารถเข้าใจวิธีการขุดหาแร่ทอง การใช้ชีวิต ระบบการทำงานภายในเหมือง และชีวิตความเป็นอยู่ในสมัยนั้นได้ รวมถึงมีภาพตัดขวางของพื้นที่บริเวณเหมือง ตัวอย่างเหรียญทอง และเหรียญทองของจริงที่ผลิตให้กับโชกุน
และมีกิจกรรมสนุกๆ ให้ลองยกทองคำแท้เป็นแท่งหนัก 12.5 กิโลกรัมในกล่องด้วยมือเดียวแล้วนำออกจากรู หากทำได้จะได้รับการ์ดทองพร้อมหมายเลขลำดับคนที่ยกได้เป็นที่ระลึก ซึ่งตอนนี้มีคนทำได้เพียง 2,588 คนเท่านั้น! (ณ เดือนกันยายน 2020)
อีกโซนหนึ่งคือโซนเหมือนสมัยเมจิ (Doyu Tunnel) ช่วงที่ญี่ปุ่นปฎิรูปประเทศให้ทันกับนานาชาติ มีการรับเทคโนโลยีจากต่างประเทศมากมายนำมาพัฒนาวิธีการทำเหมือง ในโซนนี้เราจะได้เห็นถ้ำที่มีลักษณะแตกต่างจากโซนแรกและได้เห็นรางสำหรับรถราง
เมื่อออกทางปลายถ้ำจะได้ชมเครื่องจักรที่ใช้ในการทำเหมืองและสนามหญ้าที่สามารถถ่ายรูปคู่กับรอยแตกของภูเขา (Doyu no Warito) อันเกิดจากการทำเหมือง ซึ่งเป็นจุดถ่ายรูปของที่นี่เลยค่ะ บริเวณหน้าถ้ำตรงรอยแตกของภูเขาสามารถเดินไปชมได้ หากมีเวลาก็ไปถ่ายรูปที่ระลึกกันตรงนั้นเลย
ร้านขายของที่ระลึกนั้นมีสินค้าทั้งขนม ของกระจุกกระจิก เครื่องราง แต่ทุกชิ้นมาในธีมทองคำ มีสีทองหรือมีทองเป็นส่วนประกอบทั้งหมด ทำให้ร้านค้าเหลืองอร่ามตาเลยทีเดียว
ที่นี่มีค่าเข้าชมโซนละ 900 เยน แต่หากซื้อตั๋วชม 2 โซนควบจะราคาเพียงแค่ 1,400 เยนเท่านั้น
ร่องรอยโรงลอยแร่คิตะซาวะ (Kitazawa Fuyu Senkouba)
สถานที่ที่ 3 ที่เราชวนมาดูต่อนั้นออกจะแหวกแนวสักนิด เพราะที่ร่องรอยโรงลอยแร่คิตะซาวะนั้นปัจจุบันเป็นเพียงซากอาคารขนาดใหญ่ที่มีพืชสีเขียวขึ้นปกคลุม แต่ภาพที่ปรากฎออกมานั้นกลับดูสวยงามน่าพิศวง หลายคนบอกว่าสถานที่แห่งนี้ดูราวกับมรดกโลกมาชูปิกชูในเปรู หรือเหมือนหลุดออกมาจากภาพยนตร์การ์ตูนของสตูดิโอจิบลิอย่างนั้นเลย!
ภายในตัวอาคารไม่สามารถเข้าไปได้ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย เนื่องจากเป็นซากอาคารเก่าแล้ว สามารถมาชมความตระการตานี้ได้โดยไม่มีค่าเข้าชม แนะนำว่าหากอยากถ่ายรูปที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร แต่ทั้งสวยและดูลึกลับ ก็แวะมาที่นี่กันเลย
จากเส้นทางที่เราขับรถมานั้นหากแวะจากเหมืองทองซาโดะ โรงลอยแร่คิตะซาวะ คิราเรียมตามลำดับ จะเป็นลำดับที่สะดวกที่สุด แต่หากจะไปตามลำดับเนื้อหาที่เราจะได้เรียนรู้จากแต่ละสถานที่นั้น ขอแนะนำให้เริ่มจากคิราเรียม เหมืองทองซาโดะ และโรงลอยแร่คิตะซาวะค่ะ
ขับรถชมวิวหรือไปยังที่พักโรงแรมยาฮาตะคัง (Yahatakan)
เมื่อเที่ยวชม 3 สถานที่เสร็จ เราอยากแนะนำให้ขับรถไปตามถนนเลียบทะเลพลางแวะชมวิวข้างทาง เพราะตอนนี้เราจะมาอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะ จึงหาโอกาสชมพระอาทิตย์ตกดินสวยๆ บนเนินสูงริมเลหรือชายหาดเปิดโล่งได้ด้วย โดยอาจเช็คเวลาพระอาทิตย์ตกดิน แล้วเลือกว่าอยากจะชมวิวก่อนค่อยเข้าโรงแรม หรือจะเช็คอินโรงแรมให้เสร็จแล้วค่อยออกมาชมวิวก็ได้
ภาพพระอาทิตย์ตกในทะเล
Picture courtesy of Sado Tourism Association
โรงแรมยาฮาตะคัง
โรงแรมที่เราเลือกพักครั้งนี้เป็นโรงแรมที่ราคาสูงสักนิด อยู่ที่คืนละราว 21,000 เยน (ราคาแตกต่างไปตามห้องและช่วงเวลา บางช่วงราคาจะถูกกว่านี้) แต่รับประกันคุณภาพระดับโชกุนที่ไม่ใช่แค่ราคาคุย เพราะที่นี่คือโรงแรมที่เคยรับรองอดีตสมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่นและพระราชวงศ์อีกหลายพระองค์มาแล้วค่ะ
ห้องพักเป็นแบบญี่ปุ่นกว้างขวาง มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำในตัว แต่หากใครอยากจะแช่ออนเซ็นแบบญี่ปุ่นเขาก็มีห้องอาบน้ำรวมซึ่งมีทั้งบ่อในร่มและบ่อกลางแจ้งให้ได้ซึมซับบรรยากาศแบบญี่ปุ่นเลยทีเดียว ส่วนที่ชั้น 1 มีร้านขายของฝากด้วย
อาหารเย็นจะเตรียมให้เราที่ห้องอาหาร ตอนเช็คอินสามารถแจ้งได้ว่าจะไปทานกี่โมง อาหารมาเป็นเซ็ทแบบญี่ปุ่นจัดเต็มจากของดีเกาะซาโดะ เต็มไปด้วยอาหารทะเลทั้งซาชิมิ ปู ปลา หอย และอื่นๆ ครบไปถึงของหวาน
วันนี้ขอสั่งสาเก 5 อย่างจาก 5 โรงบ่มเหล้าท้องถิ่นมาจิบไปพลางด้วยค่ะ
19:50 ไปชมหิ่งห้อยแห่งท้องทะเล
วันนี้เรามีกิจกรรมพิเศษทิ้งท้ายฤดูร้อน (วันที่ไปเก็บข้อมูลเป็นช่วงกลางเดือนกันยายน) เป็นการไปชม "หิ่งห้อยแห่งท้องทะเล (Umihotaru)" เราจองกิจกรรมผ่านเว็บไซต์ enjoysado ซึ่งมีกิจกรรมมากมายหลายแนว เว็บไซต์มีทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ แต่กิจกรรมของเว็บไซต์ภาษาญี่ปุ่นจะมีให้เลือกเยอะกว่า
เราขับรถไปที่จุดนัดพบที่ห่างจากโรงแรมประมาณ 5 นาที มีเจ้าหน้าที่รออยู่แล้ว ก่อนจะรวมตัวกันเดินไปริมน้ำ
กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมเจ้าหน้าที่จะให้ความรู้และให้เราได้ชม "อุมิโฮตารุ หรือ หิ่งห้อยแห่งท้องทะเล" ที่จริงๆ แล้วเป็นสิ่งมีชีวิตในทะเลขนาดเล็กราว 3 มิลลิเมตรและสามารถเรืองแสงสีฟ้าได้อย่างน่าอัศจรรย์ ในญี่ปุ่นเองก็ยังหาชมได้ยาก หลังจากฟังคำอธิบายเรื่องสิ่งมีชีวิตน่าสนใจนี้แล้ว เจ้าหน้าที่จะนำอุมิโฮตารุที่เตรียมไว้มาให้ชมกันอย่างใกล้ชิด ก่อนจะนำมาเทลงกับพื้น ราวกับมีหมู่ดาวและท้องฟ้ามาอยู่ตรงหน้า และสุดท้ายจะเทน้ำให้ไหลงลงทะเล ปล่อยเจ้าอุมิโฮตารุกลับไป
วันที่สอง 7:30 ทานอาหารเช้าและเช็คเอาท์
วันต่อมาเราตื่นเช้านิด มาทานอาหารเช้าแบบญี่ปุ่นที่รวมในราคาที่พักไว้แล้ว โดยเป็นข้าวสวยร้อนๆ พร้อมกับหลายอย่างทั้งไข่หวาน ปลาย่าง ของตุ๋น ผักดอง ผักตุ๋น ซุปมิโซะ ผลไม้ และอื่นๆ
ทานข้าวเสร็จก็เช็คเอาท์ออกจากโรงแรม เตรียมไปสัมผัสวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของขุมทองเกาะซาโดะกันต่อ!
9:00 แปลงโฉมเป็นคนญี่ปุ่นเดินเที่ยวเมืองเก่าที่ไอคาวะเคียวมาจิ (Aikawa Kyomachi)
เริ่มจากแวะไปยังบริเวณที่ยังมีบ้านเรือนเก่าๆ ที่ไอคาวะเคียวมาจิกันก่อน เราได้จองตัวอาจารย์สอนใส่ชุดกิโมโนเอาไว้ผ่าน enjoysado เช่นเดิม เมื่อมาถึงศูนย์กิจกรรมเมืองไอกาวะมาจิ (Aigawamachi Fureai Community Center) อาจารย์ก็มาแต่งชุดกิโมโนให้เรากลายเป็นสาวญี่ปุ่นในทันที!
เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้วก็เดินเล่นถ่ายรูปในบริเวณนั้นได้เลยค่ะ
ชมที่ทำงานของท่านซามูไรที่ซาโดะบุเกียวโชะ (Sado Bugyosho Site)
เดินจากศูนย์กิจกรรมเมืองไอกาวะมาจิไม่ถึง 5 นาทีมีที่เที่ยวน่าสนใจคือพิพิธภัณฑ์ร่องรอยที่ทำงานของซามูไรระดับหัวหน้า "ซาโดะบุเกียวโชะ"
ที่นี่เดิมทีเป็นสถานที่ทำงานของซามูไรระดับสูงที่ทางเอโดะส่งมาดูแลการขุดแร่และเป็นที่ผลิตเหรียญทองบนเกาะซาโดะ อาคารปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่ในปี 2001 ตามแบบของอาคารในช่วงท้ายของยุคเอโดะพร้อมกับเปิดให้เข้าชมในราคาค่าเข้า 500 เยนค่ะ
ที่อาคารหลักด้านหน้าเราจะได้ชมสถานที่ทำงานของซามูไร เช่น ห้องโถงสำหรับประชุม ห้องสำหรับตัดสินคดีความ ฯลฯ
ส่วนอาคารแยกด้านข้างคืออาคารสกัดแร่เงินและทอง จัดแสดงอุปกรณ์และกระบวนการให้ดูทีละขั้นตอน
เดินเที่ยวเสร็จก็กลับไปเปลี่ยนชุดคืน แต่ถ้าหากใครอยากจะค้างที่ซาโดะอีกคืน ก็ไว้ไปเที่ยวก่อนแล้วค่อยวกกลับมาคืนชุดตอนบ่ายก็ได้
11:30 ทานอาหารกลางวันกับวิวทะเลที่ชิมะฟูมิ (Shimafumi)
ก่อนจะไปจุดหมายต่อไป เราจะแวะทานกลางวันที่ร้านยอดนิยมบนเกาะนี้!
ชิมะฟูมิไม่ได้เป็นร้านที่มีดีแค่ขนมปังอบเองสดใหม่และแกงกะหรี่แสนอร่อย แต่ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่บนเนินสูงใกล้ทะเล จึงมีวิวที่ทะเลและท้องฟ้าเปิดกว้างแสนปลอดโปร่ง ทางร้านมีโต๊ะนั่งกลางแจ้งสำหรับชมทิวทัศน์และรับลมสบายๆ ไว้รองรับลูกค้าหลายโต๊ะทีเดียวค่ะ
อาหารจำพวกขนมปังเริ่มต้นที่ 480 เยน ส่วนแกงกะหรี่เริ่มต้น 900 เยน นั่งทานอาหารให้อิ่มท้องแล้วแน่นอนว่าวิวดีอย่างนี้ ห้ามลืมถ่ายรูปเป็นอันขาดเลยนะ
12:30 มาร่อนเอาทองกลับบ้าน! ซาโดะนิชิมิคาวะ โกลด์ปาร์ค (Sado Nishimikawa Goldpark)
หลังจากนั้นเราขับรถมาอีกราวๆ 10 นาทีถึง "ซาโดะนิชิมิคาวะ โกลด์ปาร์ค"
คราวนี้นอกจากความรู้เรื่องทองแล้ว เราจะมาเอาทองกลับบ้านกันบ้างล่ะ!
ซาโดะนิชิมิคาวะ โกลด์ปาร์คเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดไม่ใหญ่มาก ให้ความรู้เรื่องเกี่ยวกับทองคำและเหมืองทองทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ โซนร้านขายของฝากที่นี่ก็เต็มไปด้วยของฝากสีทองเช่นกัน ขนมอย่างลูกอมหรือชีสเค้กที่ผสมทองคำเปลวนั้นหาซื้อได้แค่ที่นี่เท่านั้น
แต่กิจกรรมที่ไม่อยากให้พลาดกันของที่นี่ก็คือ "กิจกรรมร่อนทอง (Sakin Tori Taiken)" ที่เราจะได้ทองคำกลับบ้านไปเลย!
ค่าเข้าชม 1,000 เยนของที่นี่เขารวมค่ากิจกรรมร่อนทองเอาไว้แล้ว
การหาทองนั้นไม่ได้มีแค่การขุดไปในภูเขาเหมือนที่เราไปชมกันเมื่อวาน แต่ยังมีการพบทองชิ้นเล็กๆ จากสายแร่ไหลปนกับกรวดทรายลงสู่แม่น้ำด้วย เราจะได้ลองใช้ถาดที่ออกแบบมาโดยเฉพาะในการลองตักทรายและร่อนในน้ำเพื่อค้นหาเศษทองคำเล็กๆ เหล่านั้น ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่มาสอนวิธีการร่อน
ร่อนเจอทองเท่าไหร่ เอากลับไปเท่านั้นเลย!! จะร่อนกี่รอบก็ได้ภายใน 30 นาทีด้วยนะ
เราจะได้หลอดพลาสติกใส่น้ำและทองกลับบ้านไป หากใครอยากเก็บเป็นที่ระลึกแบบสวยๆ ก็สามารถจ่ายเงินเพิ่ม 1,500 เยนเพื่อทำเป็นพวงกุญแจหรือจี้ห้อยคอได้ค่ะ
13:30 ออกเดินทางไปสัมผัสความเป็นอยู่แต่โบราณ
เราจะแวะลงไปทางใต้ของเกาะในบริเวณชุคุเนกิ (Shukunegi) แหล่งที่อยู่อาศัยตั้งแต่สมัยเกาะซาโดะรุ่งเรืองจากการผลิตเหรียญทองให้รัฐบาลโชกุน จากนั้นจึงแวะไปนั่งเรือทรงถังไม้ รูปแบบเรือมีเอกลักษณ์ของชาวซาโดะ
ชุมชนชาวเรือที่ชุคุเนกิ (Shukunegi)
ย่านชุมชนชุคุเนกิเป็นย่านที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัยก่อน มีจุดเด่นคือบ้านเรือนที่เรียงติดกันแน่นหนา มีการใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่าสุดๆ จนมี "บ้านทรงสามเหลี่ยม (Sankakuya)" ให้เราได้ชมกัน อาคารโดยปกติทั้งสมัยก่อนหรือสมัยนี้เป็นทรงสี่เหลี่ยมกันทั้งนั้น แต่บ้านทรงสามเหลี่ยมคือบ้านที่สร้างตรงทางแยก ทำให้บ้านเป็นทรงแหลมไปตามทางด้วย
เมื่อเกาะซาโดะรุ่งเรืองจากการผลิตเหรียญทองทำให้เกิดความคึกคักไปจนถึงกิจการเรือขนส่งสินค้าและผู้คนระหว่างเกาะ ชุคุเนกิเป็นแหล่งอาศัยของผู้คนที่เกี่ยวกับกิจการเรือขนส่งตั้งแต่ยุคกลาง กล่าวกันว่าบริเวณอ่าวชุคุเนกินี้เป็นจุดรวมความร่ำรวยสะพัดถึง 1/3 ของซาโดะเลยทีเดียว
ในพื้นที่ราว 6 ไร่ จึงมีมีผู้คนมาอยู่อาศัยอย่างหนาแน่นจนเกิดบ้านเรือนแบบนี้ขึ้นนั่นเองค่ะ
บ้านหลังเล็กๆ ก่อนถึงทางเข้าจะมีกล่องให้หยอดค่าบำรุงรักษาคนละ 100 เยนก่อนเข้าชม อาคารบ้านเรือนบางหลังสามารถเข้าชมได้โดยมีค่าเข้าชม 300-500 เยนค่ะ
ล่องเรือถังทาไรบุเนะ (Taraibune) ที่ยาจิมะ (Yajima)
ห่างจากชุคุเนกิด้วยการขับรถประมาณ 8 นาที เลี้ยวเข้าซอยจะมาถึงริมทะเลที่มีศูนย์กิจกรรมยาจิมะ (Yajima Taiken Koryukan) เข้าไปติดต่อข้างในเพื่อร่วมกิจกรรมนั่งเรือถังไม้ "ทาไรบุเนะ" ค่าบริการ 600 เยนค่ะ
ทาไรบุเนะเป็นเรือที่แปลกตาเพราะหน้าตาเหมือนถังไม้วงกลมขนาดใหญ่ เชื่อว่าดัดแปลงมาจากถังไม้สำหรับซักผ้าในสมัยก่อนนั่นแหละ เนื่องจากสภาพทะเลริมเกาะของซาโดะนั้นไม่เหมาะกับการใช้เรือแบบปกติ แต่รอบเกาะก็เต็มไปด้วยของอร่อยทั้งหอยเป๋าฮื้อ หอยซาซาเอะ และสาหร่ายต่างๆ จึงทำให้เกิดเรือที่มีเอกลักษณ์เช่นนี้ขึ้นมา
ทาไรบุเนะจึงเป็นเรือที่หาชมที่อื่นได้ยาก ความน่าสนใจนี้ได้ไปปรากฏในภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องดังระดับโลกอย่าง Spirited Away ของ Studio Ghibli ด้วย
สาเหตุที่แนะนำให้มาล่องเรือทาไรบุเนะตรงนี้เพราะเราจะได้สัมผัสความสวยงามของน้ำใสกิ๊ง กับฉากหลังเป็นสะพานสีแดงเชื่อมไปยังเกาะเล็กๆ ค้างเคียงซื่อเกาะยาจิมะ ซึ่งเป็นเจ้าของชื่อสถานที่ตรงนี้นั่นเอง
16:00 เตรียมกลับสู่ตัวเมืองนีงาตะ
เวลาประมาณ 16:00 เราแนะนำให้เตรียมตัวขับรถกลับไปยังท่าเรือเรียวสึ ซึ่งจะใช้เวลาขับรถประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ เราจะกลับไปให้ทันเรือ Jet foil เที่ยวสุดท้ายของวันที่จะออกตอน 17:40 ก็เผื่อเวลาไว้เข้าห้องน้ำหรือซื้อของฝากกันสักหน่อยนะ
*ตารางเดินเรืออาจแตกต่างไปตามฤดูกาล กรุณาตรวจสอบข้อมูลจากเว็บไซต์ทางการของ Sadokisen ก่อนการเดินทาง
ของฝากน่าสนใจจากเกาะซาโดะ!
ตรงท่าเรือเลยมีโซนของฝากที่มีร้านค้าและสินค้าเรียงกันเต็มไปหมด เดินเลือกซื้อกันให้เต็มที่ได้เลย
สินค้าแนะนำก็คงหนีไม่พ้นผลิตภัณฑ์อาหารทะเลต่างๆ ส่วนผลไม้ดังของเกาะคือลูกพลับ และจะเห็นว่ามีขนมรูปนกโทคิ (Japanese crested ibis) เพราะนกโทคิเป็นนกประจำจังหวัดนีงาตะและประจำเมืองซาโดะด้วยค่ะ
ส่วนสินค้าที่ผู้เขียนซื้อมามีลูกอมลูกพลับ ลูกอมทองคำเปลวที่เอาไปแจกง่ายและหน้าตาน่ารัก ขนมโยคัง 5 รสประกอบด้วยรสเกลือ รสลูกพลับ และรสมะเดื่อไปแบ่งทานกับเพื่อนๆ ได้ ปลาบุริปรุงรสในกระปุกไว้ทานกับข้าวสวยร้อนๆ และผงอาบน้ำผสมทองไว้แช่น้ำคลายเหนื่อยพร้อมได้ความหรูหรา (ในราคาไม่แพง!)
17:40 ขึ้นเรือกลับสู่ตัวเมืองนีงาตะ
ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงด้วยเรือ Jet Foil ร่ำลาจากเกาะมหาสมบัติของท่านโชกุน เมื่อมาถึงท่าเรือเราสามารถนั่งรถบัสกลับไปยังสถานีนีงาตะได้ตรงป้ายรถเมล์เดิมเหมือนขามาเลยค่ะ จากนั้นใครจะนั่งรถไฟกลับโตเกียวหรือไปเที่ยวที่อื่นก็สะดวกเลย หรือใครจะหาที่พักแถวหน้าสถานีเพื่อเที่ยวในจังหวัดนีงาตะต่ออีกก็มีให้เลือกเยอะแยะ
ครั้งนี้เรามาเที่ยวแบบใช้เวลาสั้นนิดแค่ 2 วัน 1 คืน แต่อยากบอกว่าหากมีเวลาแนะนำให้พักบนเกาะซาโดะอย่างน้อย 2 วันเพื่อให้เที่ยวสบายๆ อย่างเต็มอิ่ม มีเวลาถ่ายรูปสวยๆ เยอะ และบนเกาะซาโดะยังมีสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมายบนเกาะ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางธรรมชาติให้เดินป่าทั้ง Trekking และ Hiking และอุทยานธรณี (Geopark) ที่อุดมสมบูรณ์ รวมถึงเป็นจุดดำน้ำชมท้องทะเลชื่อดังแห่งหนึ่ง มีวัดเก่าๆ มากมาย และยังมีสถานที่ในประวัติศาสตร์ของละครโนห์อีกด้วย
ทริปหน้าสนใจลองมาค้นพบขุมสมบัติของท่านโชกุนกันไหมคะ!
สาวชาวบางกอกที่มาหลงอยู่ในโตเกียวมาแล้วหลายปี แต่ยังแพ้รถไฟในเวลา Rush Hour ลัลล้ากับการทำงาน ว่างๆ ก็แว่บไปเที่ยว ชิมของอร่อย เที่ยวติ่งตามรอย
ชอบบรรยากาศของศาลเจ้าเป็นพิเศษ สนใจวัฒนธรรมญี่ปุ่น รวมไปถึง Pop culture~♥
เจอแมวเป็นไม่ได้ ต้องทักทายเหมียวๆ ใส่ประจำ
มีประสบการณ์แปลมากกว่า 10 ปี (เราจะไม่พูดเรื่องอายุ ...) ชอบงานขีดๆ เขียนๆ เลยมาเป็นบรรณาธิการเว็บไซต์
Facebook / Twitter ส่วนตัวที่เขียนเกี่ยวกับญี่ปุ่นเป็นงานอดิเรก ปัจจุบัน (12/2019) มีผู้ติดตามอย่างละราวๆ 40,000 คน ก็เรียกว่าเป็นบล๊อกเกอร์ตัวจ้อยๆ ได้ ... ล่ะมั้ง?
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง