Start planning your trip

เราสามารถจองที่นั่งสำหรับผู้เดินทาง 1 ถึง 16 คนเท่านั้น โปรดแก้ไขจำนวนผู้เดินทางสำหรับการค้นหาของคุณ
โปรดระบุอายุของเด็กทุกคน
เด็ก 1 คน (อายุ 0-2 ปี) ต่อผู้โดยสารผู้ใหญ่ 1 คนเท่านั้น
โปรดเลือกสนามบินต้นทาง
ชิราคาวะโกมีบ้านที่สร้างในรูปแบบสถาปัตยกรรมเก่า "กัชโชสึคุริ" ตั้งอยู่เรียงราย และเป็นที่ที่เราจะได้ชมวิวทิวทัศน์ดั้งเดิมแบบญี่ปุ่น ในบทความนี้ขอแนะนำจุดชมวิวยอดนิยม อาหารอร่อย สถานที่น่าแวะไปเยือน ข้อมูลไลท์อัพล่าสุดและกิจกรรมน่าทำในชิราคาวะโกค่ะ
ชิราคาวะโก (Shirakawago)เป็นสถานที่ที่ยังหลงเหลือวิวทิวทัศน์แบบญี่ปุ่นในอดีต ตั้งอยู่ในจังหวัดกิฟุ ตอนกลางของญี่ปุ่น
ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมพร้อมๆ กับภูเขาโกคายามะ จังหวัดโทยามะในปี 1995
ชิราคาวะโก เป็นหมู่บ้านของเกษตรกรที่ปัจจุบันยังมีบ้านเรือนโบราณราว 100 หลังหลงเหลืออยู่ ถูกสร้างขึ้นด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า กัชโชสึคุริ
กัชโช แปลว่า พนมมือ ส่วนกัชโชสึคุริคือ บ้านทรงพนมมือ รูปแบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น ลักษณะเด่นคือหลังคามุงฟางทรงจั่วสูงชันขนาดใหญ่ดูราวกับมือที่กำลังพนมเข้าด้วยกันนั่นเอง
Picture courtesy of JNTO
ในครั้งนี้จะขอแนะนำ 5 สิ่งน่าทำหากมาเยือนชิราคาวะโก สถานที่ที่ต้องมาเยือนสักครั้งหากมาถึงญี่ปุ่น! ส่วนวิธีการเดินทางสามารถดูได้ในช่วงท้ายบทความเลย
จากตรงนี้ไปจะขอแนะนำ5 สิ่งน่าทำในชิราคาวะโก เช่น จุดน่าแวะและอาหารอร่อย
ถนนสายหลักในชิราคาวะโก
หมู่บ้านชิราคาวะโก กัชโชมุระ ใช้เวลาเดิน 2-3 ชั่วโมงก็ทั่ว มีสิ่งที่น่าสนใจให้ทำมากมาย เช่น ทัศนศึกษาบ้านทรงพนมมือที่ชาวบ้านยังใช้อาศัยอยู่จริง หรือจะแวะร้านขายของฝาก ร้านอาหาร คาเฟ่ก็มี ตรงศูนย์กลางของหมู่บ้านมีถนนสายหลักที่เป็นแหล่งรวมร้านค้าต่างๆ
เดินไปอีกสักเล็กน้อย มุ่งหน้าไปยังจุดชมวิวที่มองเห็นได้ทั่วทั้งหมู่บ้านกัน
จาก "บ้านหลังคาทรงพนมมือในชิราคาวะโก! ชมบรรยากาศสมัยก่อนที่บ้านวาดะ มรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า"
นี่คือจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นภาพของหมู่บ้านกัชโชสึคุริได้อย่างทั่วถึง เหมาะจะขึ้นมาถ่ายรูปที่ระลึกเป็นที่สุดค่ะ
จุดชมวิวใช้เวลาเดิน 20 นาทีไปตามทางจากสถานีรถบัส แต่ในช่วงฤดูหนาวเส้นทางเดินจะปิด ดังนั้นต้องโดยสารรถชัทเทิลบัสที่เชื่อมต่อหมู่บ้านกับจุดชมวิวค่ะ
รถชัทเทิลบัสออกวิ่งทุก 20 นาที ตั้งแต่เวลา 9:00-15:40 ค่าโดยสารเที่ยวละ 200 เยน มีให้บริการตลอดทั้งปี สำหรับคนที่มีสัมภาระขนาดใหญ่ แนะนำให้ใช้บริการรถชัทเทิลบัสก็สะดวกดีนะคะ
จุดขึ้นชัทเทิลบัส
Google Maps
ช่วงที่จะได้เห็นชิราคาวะโกในบรรยากาศน่าพิศวงและงดงามไปอีกขั้นคือช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุม ในเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ของทุกปี เราจะได้ชมบ้านทรงพนมมือที่ปกคุลมไปด้วยหิมะ
ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ของทุกๆ ปี พอฟ้ามืด จะมีการจัดแสดงไลท์อัพในหมู่บ้านด้วย
ภาพของสิ่งก่อสร้างแบบกัชโชสึคุริที่มีหิมะโปรยปรายกับท้องฟ้าของฤดูหนาวที่มืดสนิท เหมือนภาพราวกับอยู่ในความฝัน การชมไลท์อัพได้เปลี่ยนเป็นรูปแบบจองก่อนล่วงหน้า ดังนั้น ต้องตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อนนะคะ
ในปี 2020 งานไลท์อัพจัดขึ้นทั้งหมด 6 วัน เวลา 17:30-19:30 ในวันจันทร์ที่ 13 มกราคม, วันอาทิตย์ที่ 19 และ 26 มกราคม, วันอาทิตย์ที่ 2, 9 และ 16 กุมภาพันธ์
เนื่องจากเป็นรูปแบบต้องจองก่อนล่วงหน้าเท่านั้น ในวันที่แสดงไลท์อัพจริงจะมีการจำกัดให้ผู้ที่จองล่วงหน้าได้เข้าภายในหมู่บ้านเท่านั้นค่ะ หากมีการจองที่พักมินชุคุล่วงหน้า, ใบอนุญาตจอดรถ, ตั๋วโดยสารรถบัส หรือบัสทัวร์ต่างๆ ก็สามารถเข้าร่วมได้ค่ะ
วิธีการจองตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นไปดูรายละเอียดได้จากเว็บไซต์สมาคมการท่องเที่ยวชิราคาวะโกค่ะ
ในชิราคาวะโกมีร้านอาหารและร้านที่สามารถซื้ออาหารออกไปทานได้ง่ายๆ เราขอแนะนำร้านและอาหารที่สามารถทานได้ระหว่างเดินเล่น หรือทานเป็นมื้อเที่ยงกันค่ะ!
ในรูปคือฮิดะกิวคุชิยากิ (เนื้อเสียบไม้ย่าง) ในฮิดะทาคายามะ
ฮิดะกิว หรือเนื้อวัวฮิดะ หมายถึงเนื้อวัวแบรนด์ที่ถูกเลี้ยงในจังหวัดกิฟุ เนื้อที่เลี้ยงมาท่ามกลางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ และผ่านการคัดสรรมาอย่างเข้มงวด มีรสชาติละเอียดอ่อนและแทบจะละลายในปาก
โครกเกะที่ทำจากฮิดะกิว มีจำหน่ายในร้านค้าในชิราคาวะโก
ในชิราคาวะโกมีฮิดะกิวย่างเสียบไม้และโครกเกะที่สามารถซื้อไปทานข้างนอกได้ นอกจากนั้นยังมีร้านอาหารที่ทานฮิดะกิวได้ด้วย
นอกจากในชิราคาวะโกแล้ว ภายในร้านค้าอื่นๆ ในจังหวัดกิฟุก็มีการนำฮิดะกิวไปทำอาหารที่หลากหลาย เช่น สเต็ก ชาบูชาบู คุชิยากิ (เสียบไม้ย่าง) เป็นต้น ลองไปชิมกันดูนะคะ
ซ้าย มิตาราชิดังโกะ ขวา โกะเฮโมจิ
โกะเฮโมจิ เป็นอาหารท้องถิ่นที่สืบทอดต่อๆ กันมาในละแวกที่ราบลุ่มหุบเขาของจังหวัดกิฟุและจังหวัดโทยามะ ทำจากข้าวบดหยาบปั้นให้แบน เสียบไม้ ทาน้ำซอสรสเค็มหวาน จากนั้นก็นำไปปิ้ง
ซอสในแต่ละพื้นที่จะรสชาติแตกต่างกันเล็กน้อย เช่น ทำจากมิโซะหรือโชยุ หรือถั่ววอลนัท เราสามารถทานได้ง่ายๆ ด้วยมือเดียว จึงสามารถทานไปได้ระหว่างเดินเล่นค่ะ
ในจังหวัดกิฟุ พื้นที่ฮิดะทาคายาม่าที่เป็นที่ตั้งของชิราคาวะโกแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องการปลูกโซบะมาก แนะนำให้ลองทาน "ซารุโซบะ" แบบเย็นที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมของโซบะ หรือ "คาเคโซบะ" ที่ทานพร้อมกับซุปสึยุร้อนๆ จะทานกับผักหรือเท็มปุระก็อร่อยค่ะ
ในบรรดาร้านต่างๆ มีร้านวาคิโมโตะ ในชิราคาวะโก ร้านอาหารที่สามารถเพลิดเพลินกับฮิดะกิว ของขึ้นชื่อ และโซบะได้ด้วย
เมนูที่ได้รับความนิยมมากก็เช่น "เซ็ตจิเน็นโจะ (自然薯) มินิโทโรโระด้งกับซารุโซบะ" ราคา 1,300 เยน (*2) "ฮิดะกิวมินิสเต็กด้งกับโทโรโระโซบะ" ราคา 2,600 เยน นอกจากนั้นยังสามารถออเดอร์อาหารจานเดียวอย่างจิเน็นโจะโทโรโระด้ง ราคา 900 เยน หรือ ฮิดะกิวสเต็กด้ง ราคา 1,500 เยนก็ได้
*2 : จิเน็นโจะ ... มันยามะอิโมะ ที่เติบโตขึ้นเองตามธรรมชาติ ไม่ได้เกิดจากการเพาะปลูก ลักษณะเด่นคือรูปร่างตรง เรียวยาว มักนำมาบดเป็น "โทโรโระ" แล้วทาน
ร้านเจลาโต้ "โยเซะ"
ในหมู่บ้านชิราคาวะโกมีการนำบ้านทรงพนมมือมาเปิดเป็นร้านขายของหวานและคาเฟ่ด้วย เหมาะจะแวะเข้าไปพักหลังจากเดินมาอย่างเหนื่อยล้า
ร้านคาเฟ่ในบ้านโบราณก็เช่น ร้านโอจิอุโดะ (落人 Ochiudo) ขึ้นชื่อเรื่องขนมถั่วแดงต้มเซ็นไซ หรือจะเป็นร้านบุงคะคิสสะ เคียวชู (文化喫茶 郷愁 Kyoshu) คาเฟ่บรรยากาศสงบที่เพลิดเพลินกับกาแฟได้
ในหมู่บ้านชิราคาวะโกมีบ้านที่เปิดให้เข้าชมภายในได้หลายหลัง ส่วนใหญ่จะมีการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ในอดีตให้ชม และเป็นโอกาสดีที่จะได้เห็นโครงสร้างภายในที่ยังคงรูปแบบดั้งเดิมเอาไว้
บ้านวาดะ (Wada House) เป็นบ้านทรงพนมมือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติด้วย
ถ่ายรูปที่ระลึกตรงเตาอิโรริ
ปัจจุบันก็ยังคงใช้เป็นที่พักอาศัยจริงอยู่ สามารถเข้าไปชมชั้น 1 และชั้น 2 ได้ บริเวณเตาอิโรริตรงชั้น 1 จะจุดถ่านไฟตลอดทั้งปี เราสามารถนั่งพักผ่อนรอบๆ เตาได้ตามสบาย ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 300 เยน เด็กเล็ก 150 เยน
ในบ้านคันดะ (Kanda House) สามารถเข้าชมได้ตั้งแต่ชั้น 1 ไปจนถึงชั้น 4 เสาและคานขนาดใหญ่ดูมั่นคงและสง่างามมาก
นอกจากนั้น ชาหญ้าป่าที่สามารถดื่มได้ฟรียังเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจ ซึ่งชงจากน้ำร้อนที่ต้มด้วยกาเหล็กในอิโรริ ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 300 เยน, เด็กเล็ก 150 เยน
วัดเมียวเซ็นจิ
นอกจากนั้น ในวัดเมียวเซ็นจิ (Myozen-ji Temple) วัดที่เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมสำคัญของจังหวัด ยังสามารถเที่ยวชมด้านในสิ่งก่อสร้างและเครื่องมือต่างๆ ในสมัยก่อนได้
Picture courtesy of Shirakawago no Yu
สถานที่ปิดท้ายหลังจากเที่ยวมาแล้วทั้งวันก็คือ ชิราคาวะโกโนะยุ (Shirakawago no Yu) มาผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าโดยการแช่ออนเซ็นธรรมชาติในบ่อออนเซ็นกลางแจ้งมองเห็นวิวแม่น้ำไหลอยู่ด้านล่างได้ด้วย ค่าแช่ออนเซ็น ผู้ใหญ่ 700 เยน เด็กอายุ 6-12 ขวบ (นักเรียนประถม) 300 เยน
แม้ชิราคาวะโกจะสามารถไปเที่ยววันเดียวแบบไปเช้าเย็นกลับได้ แต่ถ้าอยากสัมผัสบรรยากาศหมู่บ้านโบราณแบบจุใจขอแนะนำให้ลองไปพักแรมที่บ้านของชาวบ้านในหมู่บ้านเลย มีบ้านที่เป็นบ้านโบราณทรงพนมมือด้วยนะคะ
รายการที่พักอยู่ที่นี่ค่ะ https://shirakawa-go.gr.jp/en/stay/
วิวเมืองฮิดะทาคายาม่า
ละแวกใกล้เคียงชิราคาวะโกมีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่มากมาย
อาคารบ้านเรือนเก่าที่เรียกว่า ฮิดะโนะโชเกียวโต และฮิดะทาคายามะ (Hida Takayama) ที่เพลิดเพลินกับตลาดเช้าซึ่งมีมาตั้งแต่ยุคสมัยเอโดะ นอกจากนั้นยังสถานที่มีชื่อเสียงอย่าง เกโระออนเซ็น (Gero Onsen) แหล่งออนเซ็นที่เรียกได้ว่าเป็น 1 ในสามน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น
ศาลเจ้าเคตะวาคามิยะในฮิดะฟุรุคาวะ ที่ปรากกฎในเรื่อง Your Name
นอกจากนี้ยังมี เมืองแหล่งออนเซ็นโอคุฮิดะ ที่มีเมืองออนเซ็น 5 แห่งท่ามกลางภูเขา แล้วก็ยังมี ฮิดะฟุรุคาวะ (Hida Furukawa) ที่เป็นต้นแบบของสถานที่ในภาพยนตร์อนิเมชั่นยอดฮิตเรื่อง Your Name ยิ่งไปกว่านั้นยังเดินทางไปยังคานาซาวะ สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมได้อย่างสะดวกอีกด้วย
ในกรณีที่จะเที่ยวรอบชิราคาวะโก ฮิดะทาคายาม่า หรือคานาซาวะ และโซนภูเขาฟูจิ แนะนำให้ใช้ ฟรีพาสโซนทาคายามะและโฮคุริคุ จะคุ้มมากค่ะ
เนื่องจากแถวชิราคาวะโกอยู่ในภูเขา จึงมีสภาพอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปีหากเทียบกับโตเกียวและโอซาก้า
ในช่วงเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์มีหิมะปกคลุม อุณหภูมิต่ำสุดคือระดับติดลบเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นต้องเตรียมอุปกรณ์กันหนาวให้พร้อมค่ะ ส่วนช่วงฤดูร้อน (กรกฎาคม-กันยายน) อุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 30 องศาเซลเซียส ส่วนอุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 20 องศาเซลเซียส จึงควรพกเสื้อแขนยาวติดตัวไปด้วยจะดีกว่าค่ะ
รถไฟโฮคุริคุชินคันเซ็น
เราได้รวบรวมการเดินทางจากเมืองหลักต่างๆ ไปยังชิราคาวะโกมาให้แล้วค่ะ ในกรณีที่เดินทางไปจากโตเกียวหรือโอซาก้า จำเป็นต้องต่อรถไฟ
จากคานาซาวะเดินทางสะดวกมาก เพราะมีรถบัสวิ่งตรงไปยังชิราคาวะโกเลย จากสถานีคานาซาวะ ให้ขึ้นรถบัสของบริษัทโนฮิ "สายทาคายาม่า-ชิราคาวะโก/คานาซาวะ" และลงรถที่ชิราคาวะโก (ประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที ราคา 2,000 เยน)
จากนาโกย่าก็มีรถบัสสายตรงเช่นกัน จากป้ายรถบัสเมเท็ตสึหน้าสถานีนาโกย่า ให้ขึ้นรถบัสกิฟุ "สายด่วนชิราคาวะโก" และลงรถที่ชิราคาวะโก (ประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที ราคา 3,900 เยน)
จากโตเกียว ไม่มีรถบัสหรือรถไฟที่เดินทางไปโดยตรง จำเป็นต้องเปลี่ยนสายอีกรอบ
จากสถานีโตเกียวให้ขึ้นโฮคุริคุชินคันเซ็น และลงที่สถานีโทยามะหรือสถานีคานาซาวะ (ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง - 3 ชั่วโมง ราคา 12,730 - 14,120 เยน) และเปลี่ยนขึ้นรถบัสโนฮิ "สายทาคายามะ-ชิราคาวะโก/คานาซาวะ" และลงรถที่ชิราคาวะโก (ประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที ราคา 1,700 -2,000 เยน)
จากสถานีโอซาก้าของ JR ให้ขึ้นรถด่วน Thunderbird (ธันเดอร์เบิร์ด) และลงรถที่สถานีคานาซาวะ (ประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที ราคา 7,650 เยน) และเปลี่ยนขึ้นรถบัสโนฮิ "สายทาคายามะ-ชิราคาวะโก/คานาซาวะ" และลงรถที่ชิราคาวะโก (ประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที ราคา 2,000 เยน)
ลองมาสัมผัสชีวิตความเป็นอยู่แบบดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่นผ่านอาคารบ้านเรือนโบราณ ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติที่ทำให้รู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปอย่างช้าๆ ลองมาเพลิดเพลินกันได้ทั้งวันหรือไม่ก็มาค้างสักหนึ่งคืนเพื่อซึมซับความงามทุกช่วงเวลาของหมู่บ้าน หวังว่าข้อมูลจากบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะคะ