Start planning your trip

ชิราคาวะโกมีบ้านที่สร้างในรูปแบบสถาปัตยกรรมเก่า "กัชโชสึคุริ" ตั้งอยู่เรียงราย และเป็นที่ที่เราจะได้ชมวิวทิวทัศน์ดั้งเดิมแบบญี่ปุ่น ในบทความนี้ขอแนะนำจุดชมวิวยอดนิยม อาหารอร่อย สถานที่น่าแวะไปเยือน ข้อมูลไลท์อัพล่าสุดและกิจกรรมน่าทำในชิราคาวะโกค่ะ
ชิราคาวะโกเป็นที่เที่ยวชื่อดังแห่งหนึ่งของจังหวัดกิฟุ (Gifu) ในภูมิภาคชูบุ (Chubu Region) ของญี่ปุ่น ซึ่งยังคงมีทิวทัศน์แบบญี่ปุ่นดั้งเดิม
ในปี 1995 ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรมร่วมกับโกคายามะ (Gokayama) ในจังหวัดโทยามะ (Toyama)
ชิราคาวะโกเป็นหมู่บ้านของเกษตรกรที่ปัจจุบันยังมีบ้านเรือนโบราณราว 100 หลังหลงเหลืออยู่ ถูกสร้างขึ้นด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า กัชโชสึคุริ
กัชโช แปลว่า พนมมือ ส่วนกัชโชสึคุริคือ บ้านทรงพนมมือ รูปแบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น ลักษณะเด่นคือหลังคามุงฟางทรงจั่วสูงชันขนาดใหญ่ดูราวกับมือที่กำลังพนมเข้าด้วยกันนั่นเอง
Picture courtesy of JNTO
บทความนี้ขอแนะนำ 5 วิธีเพลิดเพลินในชิราคาวะโก สถานที่ซึ่งต้องมาเที่ยวสักครั้งเมื่อมาญี่ปุ่น!
ในตอนท้ายมีวิธีเดินทางจากเมืองหลักสำคัญๆ ไปชิราคาวะโกด้วย ลองนำไปใช้อ้างอิงกันได้เลย จากนี้ไปดู 5 วิธีการเพลิดเพลินในชิราคาวะโก มีทั้งที่เที่ยวแนะนำและของอร่อยของที่นี่กัน
คลิกที่นี่เพื่อจองที่พักหรือโรงแรมในชิราคาวะโกบน Booking.com!
คลิกที่นี่เพื่อจองที่พักและโรงแรมในชิราคาวะโกกับ Agoda!
1. ชมรอบชิราคาวะโกจากจุดชมวิว
2. ชมหมู่บ้านท่ามกลางหิมะและไลท์อัพ
3. เดินเล่นพลางเต็มอิ่มกับอาหารท้องถิ่น
4. เที่ยวชมบ้านทรงพนมมือ
5. แวะเที่ยวจุดต่างๆ โดยรอบ เช่น ออนเซ็นและวัด
・ค้างคืนในบ้านทรงพนมมือก็ได้! สถานที่พักแรมในชิราคาวะโก
・สถานที่ท่องเที่ยวในละแวกใกล้เคียง: ฮิดะทาคายาม่า เกโระออนเซ็น ฮิดะฟุรุคาวะ
・สภาพอากาศและเสื้อผ้าใส่เที่ยวที่หมู่บ้านชิราคาวะโก
・การเดินทางไปยังชิราคาวะโก
ถนนสายหลักในชิราคาวะโก
หมู่บ้านชิราคาวะโก กัชโชมุระ ใช้เวลาเดิน 2-3 ชั่วโมงก็ทั่ว มีสิ่งที่น่าสนใจให้ทำมากมาย เช่น ทัศนศึกษาบ้านทรงพนมมือที่ชาวบ้านยังใช้อาศัยอยู่จริง หรือจะแวะร้านขายของฝาก ร้านอาหาร คาเฟ่ก็มี ตรงศูนย์กลางของหมู่บ้านมีถนนสายหลักที่เป็นแหล่งรวมร้านค้าต่างๆ
เดินไปอีกสักเล็กน้อย มุ่งหน้าไปยังจุดชมวิวที่มองเห็นได้ทั่วทั้งหมู่บ้านกัน
จาก "บ้านหลังคาทรงพนมมือในชิราคาวะโก! ชมบรรยากาศสมัยก่อนที่บ้านวาดะ มรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า"
นี่คือจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นภาพของหมู่บ้านกัชโชสึคุริได้อย่างทั่วถึง เหมาะจะขึ้นมาถ่ายรูปที่ระลึกเป็นที่สุดค่ะ
จุดชมวิวใช้เวลาเดิน 20 นาทีไปตามทางจากสถานีรถบัส แต่ในช่วงฤดูหนาวเส้นทางเดินจะปิด ดังนั้นต้องโดยสารรถชัทเทิลบัสที่เชื่อมต่อหมู่บ้านกับจุดชมวิวค่ะ
รถชัทเทิลบัสออกวิ่งทุก 20 นาที ตั้งแต่เวลา 9:00-15:40 ค่าโดยสารเที่ยวละ 200 เยน มีให้บริการตลอดทั้งปี สำหรับคนที่มีสัมภาระขนาดใหญ่ แนะนำให้ใช้บริการรถชัทเทิลบัสก็สะดวกดีนะคะ
จุดขึ้นชัทเทิลบัส
Google Maps
ช่วงที่จะได้เห็นชิราคาวะโกในบรรยากาศน่าพิศวงและงดงามไปอีกขั้นคือช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุม ในเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ของทุกปี เราจะได้ชมบ้านทรงพนมมือที่ปกคุลมไปด้วยหิมะ
ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ของทุกๆ ปี พอฟ้ามืด จะมีการจัดแสดงไลท์อัพในหมู่บ้านด้วย
ภาพของสิ่งก่อสร้างแบบกัชโชสึคุริที่มีหิมะโปรยปรายกับท้องฟ้าของฤดูหนาวที่มืดสนิท เหมือนภาพราวกับอยู่ในความฝัน การชมไลท์อัพได้เปลี่ยนเป็นรูปแบบจองก่อนล่วงหน้า ดังนั้น ต้องตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อนนะคะ
ในปี 2023 จัดแสดงทั้งหมด 6 วันด้วยกัน ได้แก่ วันอาทิตย์ที่ 15, 22 และ 29 มกราคม (อาทิตย์), วันอาทิตย์ที่ 5, 12, 19 กุมภาพันธ์ เวลา 17:30 - 19:30 น. ส่วนในปี 2024 ยังได้ไม่ประกาศกำหนดการ (ณ เดือนมิถุนายน 2023)
เนื่องจากเป็นรูปแบบต้องจองก่อนล่วงหน้าเท่านั้น ในวันที่แสดงไลท์อัพจริงจะมีการจำกัดให้ผู้ที่จองล่วงหน้าได้เข้าภายในหมู่บ้านเท่านั้นค่ะ หากมีการจองที่พักมินชุคุล่วงหน้า, ใบอนุญาตจอดรถ, ตั๋วโดยสารรถบัส หรือบัสทัวร์ต่างๆ ก็สามารถเข้าร่วมได้ค่ะ
วิธีการจองตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไปดูรายละเอียดได้จากเว็บไซต์สมาคมการท่องเที่ยวชิราคาวะโกค่ะ
ในชิราคาวะโกมีร้านอาหารและร้านที่สามารถซื้ออาหารออกไปทานได้ง่ายๆ เราขอแนะนำร้านและอาหารที่สามารถทานได้ระหว่างเดินเล่น หรือทานเป็นมื้อเที่ยงกันค่ะ!
ในรูปคือฮิดะกิวคุชิยากิ (เนื้อเสียบไม้ย่าง) ในฮิดะทาคายามะ
ฮิดะกิว หรือเนื้อวัวฮิดะ หมายถึงเนื้อวัวแบรนด์ที่ถูกเลี้ยงในจังหวัดกิฟุ เนื้อที่เลี้ยงมาท่ามกลางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ และผ่านการคัดสรรมาอย่างเข้มงวด มีรสชาติละเอียดอ่อนและแทบจะละลายในปาก
โครกเกะที่ทำจากฮิดะกิว มีจำหน่ายในร้านค้าในชิราคาวะโก
ในชิราคาวะโกมีฮิดะกิวย่างเสียบไม้และโครกเกะที่สามารถซื้อไปทานข้างนอกได้ นอกจากนั้นยังมีร้านอาหารที่ทานฮิดะกิวได้ด้วย
นอกจากในชิราคาวะโกแล้ว ภายในร้านค้าอื่นๆ ในจังหวัดกิฟุก็มีการนำฮิดะกิวไปทำอาหารที่หลากหลาย เช่น สเต็ก ชาบูชาบู คุชิยากิ (เสียบไม้ย่าง) เป็นต้น ลองไปชิมกันดูนะคะ
ซ้าย มิตาราชิดังโกะ ขวา โกะเฮโมจิ
โกะเฮโมจิ เป็นอาหารท้องถิ่นที่สืบทอดต่อๆ กันมาในละแวกที่ราบลุ่มหุบเขาของจังหวัดกิฟุและจังหวัดโทยามะ ทำจากข้าวบดหยาบปั้นให้แบน เสียบไม้ ทาน้ำซอสรสเค็มหวาน จากนั้นก็นำไปปิ้ง
ซอสในแต่ละพื้นที่จะรสชาติแตกต่างกันเล็กน้อย เช่น ทำจากมิโซะหรือโชยุ หรือถั่ววอลนัท เราสามารถทานได้ง่ายๆ ด้วยมือเดียว จึงสามารถทานไปได้ระหว่างเดินเล่นค่ะ
ในจังหวัดกิฟุ พื้นที่ฮิดะทาคายาม่าที่เป็นที่ตั้งของชิราคาวะโกแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องการปลูกโซบะมาก แนะนำให้ลองทาน "ซารุโซบะ" แบบเย็นที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมของโซบะ หรือ "คาเคโซบะ" ที่ทานพร้อมกับซุปสึยุร้อนๆ จะทานกับผักหรือเท็มปุระก็อร่อยค่ะ
ในบรรดาร้านต่างๆ มีร้านวาคิโมโตะ ในชิราคาวะโก ร้านอาหารที่สามารถเพลิดเพลินกับฮิดะกิว ของขึ้นชื่อ และโซบะได้ด้วย
เมนูที่ได้รับความนิยมมากก็เช่น "เซ็ตจิเน็นโจะ (自然薯) มินิโทโรโระด้งกับซารุโซบะ" ราคา 1,400 เยน (*2) "ฮิดะกิวมินิสเต็กด้งกับโทโรโระโซบะ" ราคา 2,800 เยน นอกจากนั้นยังสามารถออเดอร์อาหารจานเดียวอย่างจิเน็นโจะโทโรโระด้ง ราคา 1,100 เยน หรือ ฮิดะกิวสเต็กด้ง ราคา 1,600 เยนก็ได้
*2 : จิเน็นโจะ ... มันยามะอิโมะ ที่เติบโตขึ้นเองตามธรรมชาติ ไม่ได้เกิดจากการเพาะปลูก ลักษณะเด่นคือรูปร่างตรง เรียวยาว มักนำมาบดเป็น "โทโรโระ" แล้วทาน
ร้านเจลาโต้ "โยเซะ"
ในหมู่บ้านชิราคาวะโกมีการนำบ้านทรงพนมมือมาเปิดเป็นร้านขายของหวานและคาเฟ่ด้วย เหมาะจะแวะเข้าไปพักหลังจากเดินมาอย่างเหนื่อยล้า
ร้านคาเฟ่ในบ้านโบราณก็เช่น ร้านโอจิอุโดะ (落人 Ochiudo) ขึ้นชื่อเรื่องขนมถั่วแดงต้มเซ็นไซ หรือจะเป็นร้านบุงคะคิสสะ เคียวชู (文化喫茶 郷愁 Kyoshu) คาเฟ่บรรยากาศสงบที่เพลิดเพลินกับกาแฟได้
ในหมู่บ้านชิราคาวะโกมีบ้านที่เปิดให้เข้าชมภายในได้หลายหลัง ส่วนใหญ่จะมีการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ในอดีตให้ชม และเป็นโอกาสดีที่จะได้เห็นโครงสร้างภายในที่ยังคงรูปแบบดั้งเดิมเอาไว้
บ้านวาดะ (Wada House) เป็นบ้านทรงพนมมือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติด้วย
ถ่ายรูปที่ระลึกตรงเตาอิโรริ
ปัจจุบันก็ยังคงใช้เป็นที่พักอาศัยจริงอยู่ สามารถเข้าไปชมชั้น 1 และชั้น 2 ได้ บริเวณเตาอิโรริตรงชั้น 1 จะจุดถ่านไฟตลอดทั้งปี เราสามารถนั่งพักผ่อนรอบๆ เตาได้ตามสบาย ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 400 เยน เด็กเล็ก 200 เยน
ในบ้านคันดะ (Kanda House) สามารถเข้าชมได้ตั้งแต่ชั้น 1 ไปจนถึงชั้น 4 เสาและคานขนาดใหญ่ดูมั่นคงและสง่างามมาก
นอกจากนั้น ชาหญ้าป่าที่สามารถดื่มได้ฟรียังเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจ ซึ่งชงจากน้ำร้อนที่ต้มด้วยกาเหล็กในอิโรริ ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 400 เยน, เด็กเล็ก 200 เยน
วัดเมียวเซ็นจิ
นอกจากนั้น ในวัดเมียวเซ็นจิ (Myozen-ji Temple) วัดที่เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมสำคัญของจังหวัด ยังสามารถเที่ยวชมด้านในสิ่งก่อสร้างและเครื่องมือต่างๆ ในสมัยก่อนได้
Picture courtesy of Shirakawago no Yu
สถานที่ปิดท้ายหลังจากเที่ยวมาแล้วทั้งวันก็คือ ชิราคาวะโกโนะยุ (Shirakawago no Yu) มาผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าโดยการแช่ออนเซ็นธรรมชาติในบ่อออนเซ็นกลางแจ้งมองเห็นวิวแม่น้ำไหลอยู่ด้านล่างได้ด้วย ค่าแช่ออนเซ็น ผู้ใหญ่ 700 เยน เด็กอายุ 6-12 ขวบ (นักเรียนประถม) 300 เยน
แม้ชิราคาวะโกจะสามารถไปเที่ยววันเดียวแบบไปเช้าเย็นกลับได้ แต่ถ้าอยากสัมผัสบรรยากาศหมู่บ้านโบราณแบบจุใจขอแนะนำให้ลองไปพักแรมที่บ้านของชาวบ้านในหมู่บ้านเลย มีบ้านที่เป็นบ้านโบราณทรงพนมมือด้วยนะคะ
รายการที่พักอยู่ที่นี่ค่ะ https://shirakawa-go.gr.jp/en/stay/
วิวเมืองฮิดะทาคายาม่า
ละแวกใกล้เคียงชิราคาวะโกมีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่มากมาย
อาคารบ้านเรือนเก่าที่เรียกว่า ฮิดะโนะโชเกียวโต และฮิดะทาคายามะ (Hida Takayama) ที่เพลิดเพลินกับตลาดเช้าซึ่งมีมาตั้งแต่ยุคสมัยเอโดะ นอกจากนั้นยังสถานที่มีชื่อเสียงอย่าง เกโระออนเซ็น (Gero Onsen) แหล่งออนเซ็นที่เรียกได้ว่าเป็น 1 ในสามน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น
ศาลเจ้าเคตะวาคามิยะในฮิดะฟุรุคาวะ ที่ปรากกฎในเรื่อง Your Name
นอกจากนี้ยังมี เมืองแหล่งออนเซ็นโอคุฮิดะ ที่มีเมืองออนเซ็น 5 แห่งท่ามกลางภูเขา แล้วก็ยังมี ฮิดะฟุรุคาวะ (Hida Furukawa) ที่เป็นต้นแบบของสถานที่ในภาพยนตร์อนิเมชั่นยอดฮิตเรื่อง Your Name ยิ่งไปกว่านั้นยังเดินทางไปยังคา นาซาวะ สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมได้อย่างสะดวกอีกด้วย
ในกรณีที่จะเที่ยวรอบชิราคาวะโก ฮิดะทาคายาม่า หรือคานาซาวะ และโซนภูเขาฟูจิ แนะนำให้ใช้ ฟรีพาสโซนทาคายามะและโฮคุริคุ จะคุ้มมากค่ะ
เนื่องจากแถวชิราคาวะโกอยู่ในภูเขา จึงมีสภาพอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปีหากเทียบกับโตเกียวและโอซาก้า
ในช่วงเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์มีหิมะปกคลุม อุณหภูมิต่ำสุดคือระดับติดลบเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นต้องเตรียมอุปกรณ์กันหนาวให้พร้อมค่ะ ส่วนช่วงฤดูร้อน (กรกฎาคม-กันยายน) อุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 30 องศาเซลเซียส ส่วนอุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 20 องศาเซลเซียส จึงควรพกเสื้อแขนยาวติดตัวไปด้วยจะดีกว่าค่ะ
รถไฟโฮคุริคุชินคันเซ็น
เราได้รวบรวมวิธีเดินทางจากเมืองหลักต่างๆ ไปชิราคาวะโกมาไว้แล้ว ข้อพึงระวังคือ กรณีที่เดินทางจากโตเกียวหรือโอซาก้า จำเป็นต้องไปต่อรถบัส ดังนั้น ขอแนะนำให้ใช้บัตรฟรีพาส Hokuriku Arch Pass ร่วมกับรถบัสด่วน
คลิกที่นี่เพื่อจองตั๋ว skyticket
คลิกที่นี่เพื่อตรวจสอบที่นั่งและราคาล่าสุดของ Express Bus WILLER
จากคานาซาวะเดินทางสะดวกมาก เพราะมีรถบัสวิ่งตรงไปยังชิราคาวะโกเลย จากสถานีคานาซาวะ ให้ขึ้นรถบัสของบริษัทโนฮิ "สายทาคายาม่า-ชิราคาวะโก/คานาซาวะ" และลงรถที่ชิราคาวะโก (ประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที ราคา 2,600 เยน)
จากนาโกย่าก็มีรถบัสสายตรงเช่นกัน จากป้ายรถบัสเมเท็ตสึหน้าสถานีนาโกย่า ให้ขึ้นรถบัสกิฟุ "สายด่วนชิราคาวะโก" และลงรถที่ชิราคาวะโก (ประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที ราคา 3,000 เยน〜)
จากโตเกียว ไม่มีรถบัสหรือรถไฟที่เดินทางไปโดยตรง จำเป็นต้องเปลี่ยนสายอีกรอบ
จากสถานีโตเกียวให้ขึ้นโฮคุริคุชินคันเซ็น และลงที่สถานีโทยามะหรือสถานีคานาซาวะ (ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง - 3 ชั่วโมง ราคา 12,760 - 14,180 เยน) และเปลี่ยนขึ้นรถบัสโนฮิ "สายทาคายามะ-ชิราคาวะโก/คานาซาวะ" และลงรถที่ชิราคาวะโก (ประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที ราคา 2,400 -2,600 เยน)
จากสถานีโอซาก้าของ JR ให้ขึ้นรถด่วน Thunderbird (ธันเดอร์เบิร์ด) และลงรถที่สถานีคานาซาวะ (ประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที ราคา 7,590 เยน) และเปลี่ยนขึ้นรถบัสโนฮิ "สายทาคายามะ-ชิราคาวะโก/คานาซาวะ" และลงรถที่ชิราคาวะโก (ประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที ราคา 2,600 เยน)
สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขอแนะนำ Hokuriku Arch Pass บัตรฟรีพาสซึ่งเป็นการดำเนินการร่วมกันระหว่าง JR East กับ JR West ใช้เดินทางจากโตเกียว (Tokyo) หรือโอซาก้า (Osaka) ไปยังภูมิภาคโฮคุริคุ (Hokuriku Region) อย่างโทยามะ (Toyama) และคานาซาวะ (Kanazawa) และยังสามารถเดินทางจากโตเกียวผ่านโฮคุริคุไปยังคันไซ (Kansai) ได้ หรือจะเดินทางย้อนกลับก็ได้เช่นกัน
ใช้โดยสารรถไฟโฮคุริคุชินคันเซ็น (ระหว่างโตเกียวกับคานาซาวะ) รวมทั้งรถไฟด่วนพิเศษ (Limited Express) รถไฟด่วน (Express) และรถไฟธรรมดา (รวมถึงรถไฟเร็วพิเศษและรถไฟเร็ว) ของ JR East และ JR West ทั้งที่นั่งแบบจอง (Reserved Seat) และที่นั่งแบบอิสระ (Non-Reserved Seat) โดยไม่จำกัดเที่ยวเป็นเวลา 7 วัน
นอกจากนี้ยังสามารถใช้กับรถไฟโตเกียวโมโนเรล (Tokyo Monorail) และรถไฟโนโตะ (Noto Railway) ระหว่างสถานีนานาโอะกับสถานีวาคุระออนเซ็นในจังหวัดอิชิคาวะ (Nanao - Wakura Onsen) สามารถซื้อฟรีพาสนี้ได้ทางออนไลน์ผ่านเว็บจำหน่ายตั๋ว หรือไปซื้อที่เคาน์เตอร์ให้บริการที่สถานีรถไฟหลักของ JR East และ JR West ในญี่ปุ่น แต่หากซื้อที่ร้านค้าที่ JR ระบุหรือตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศ ราคาจะถูกกว่า 1,000 เยน
Hokuriku Arch Pass (สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ) | |
ราคา / สถานที่จำหน่าย ในต่างประเทศ |
● ราคา แบบติดต่อกัน: 7 วัน 24,500 เยน ● สถานที่จำหน่าย |
ราคา / สถานที่จำหน่าย ในญี่ปุ่น |
● ราคา แบบติดต่อกัน: 7 วัน 25,500 เยน ● สถานที่จำหน่าย |
ข้อควรระวัง | ฟรีพาสนี้ไม่สามารถใช้กับรถไฟชินคันเซ็นสายโทไคโด (Tokaido) และสายซันโย (Sanyo) |
เว็บไซต์ทางการ (ภาษาอังกฤษ) | https://www.westjr.co.jp/global/en/ticket/hokuriku-arch-pass/ |
คลิกที่นี่เพื่อซื้อตั๋วโดยสาร Hokuriku Arch Pass กับ Klook
ลองมาสัมผัสชีวิตความเป็นอยู่แบบดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่นผ่านอาคารบ้านเรือนโบราณ ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติที่ทำให้รู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปอย่างช้าๆ ลองมาเพลิดเพลินกันได้ทั้งวันหรือไม่ก็มาค้างสักหนึ่งคืนเพื่อซึมซับความงามทุกช่วงเวลาของหมู่บ้าน หวังว่าข้อมูลจากบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะคะ
บทความโดย
เกิดที่จังหวัดยามากาตะ ฉันมีประสบการณ์ทำงานในการพัฒนาชุมชนบริเวณตีนเขาฟูจิและประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นทั่วประเทศ และปัจจุบันทำงานที่โตเกียวเพื่อเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับจังหวัดยามานาชิ คุณแม่ลูกหนึ่งที่ชื่นชอบอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในท้องถิ่น