ต้องไปให้ได้สักครั้งก่อนตาย 4 มรดกโลกของญี่ปุ่นーฉบับมรดกทางวัฒนธรรมแห่งภาคตะวันออกー

มรดกโลกเป็นสิ่งที่ทุกคนทั่วโลกนี้เห็นตรงกันว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรม, ทางประวัติศาสตร์ ไม่ว่าใครก็อยากจะไปเยือนแหล่งมรดกโลกของประเทศต่างๆในเวลาที่มีโอกาสได้ไปเที่ยวที่ประเทศนั้นๆกันใช่ไหมค่ะ นับถึงเดือนธันวาคม 2015 ประเทศญี่ปุ่นมีสถานที่ที่เป็นมรดกโลกที่ได้รับเลือกโดยยูเนสโก้ทั้งหมด 19 แห่งค่ะ วันนี้จะพาเพื่อนๆไปทำความรู้จักกับ 4 แหล่งมรดกโลกทางภาคตะวันออกของประเทศญี่ปุ่นค่ะ

บทความอ้างอิง: ต้องไปให้ได้สักครั้งก่อนตาย แหล่งมรดกโลกของญี่ปุ่น－ฉบับมรดกโลกทางธรรมชาติ－－

1.ภูเขาไฟฟูจิ (จังหวัดชิซุโอกะ・จังหวัดยามานาชิ)

ภูเขาไฟฟูจิสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย「ภูเขาไฟฟูจิ-เป็นที่ยึดเหนี่ยวในการสักการะบูชาและแหล่งกำเนิดทางศิลปะ」ตั้งแต่อดีตภูเขาไฟฟูจิเป็นดั่งต้นกำเนิดของงานศิลปะ เช่น ภาพอุคิโยะหรือภาพที่นำไปวาดไว้บนของใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งนับว่ากลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของญีปุ่นไปเสียแล้วนะคะ ในสมัยเอโดะ『ทัศนียภาพ 36 มุมของภูเขาไฟฟูจิ』ผลงานภาพอุคิโยะของคุณคาทสึชิกะ โฮคุไซเป็นอีกหนึ่งผลงานที่เป็นที่รู้จักกันดีค่ะ ภาพอุคิโยะชิ้นนี้ไม่เพียงแต่ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้นเป็นเป็นอีกหนึ่งเเรงบันดาลใจให้กับจิตรกรชาวต่างชาติอย่างแวนโก๊ะอีกด้วยนะคะ

สามารถเดินทางไปยังภูเขาไฟฟูจิจากโตเกียวโดยรถบัสด้วยเวลาเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้นค่ะ หรือหากใช้รถไฟก็เพียง 2 ชั่วโมง 30 นาทีก็ถึงสถานีคาวางุจิโคใกล้ๆภูเขาไฟฟูจิค่ะ แต่การปีนเขาที่ภูเขาไฟฟูจินั้นสามารถทำได้แค่ช่วงต้นเดือนกรกฏาคมถึงกลางเดือนกันยายนเท่านั้นนะคะ

2.วัดและศาลเจ้าที่นิกโกะ (จังหวัดโทชิกิ)

ศาลเจ้าและวัดของนิกโก้ในจังหวัดโทชิกิ・เมืองนิกโก้นั้นได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1999 และสถานที่ในศาลเจ้าและวัดที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก คือ ศาลเจ้านิกโก้โทโชกูค่ะ ภายในโทโชกูนั้นมีอาคารทั้งหมด 55 อาคารโดยเป็นสมบัติของประเทศ 8 อาคารและเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญ 34 อาคาร ช่างเป็นสถานที่ที่มีความงดงามน่าดูชมมากๆเลยนะคะ

ภาพด้านบน คือ คารามง จุดเด่นอยู่ที่การทาสีขาวจากโกะฟุง(โกะฟุง：สีขาวที่ได้จากการนำเปลือกหอยมาเผา)และการประดับประดาอย่างสวยงามทั่วทั้งประตู ความละเอียดอ่อนและประณีตนั้นสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับบรรดานักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากเลยล่ะค่ะ

นี่คือโกะจูโนะโท เจดีย์แห่งนี้ได้รับการประดับประดาที่สวยงาม เจดีย์สีแดงสดและสูงตระหง่านนี้เป็นผลงานชิ้นเอกเลยนะคะ

3.ฮิราอิซูมิ (จังหวัดอิวาเตะ)

ฮิราอิซูมิเป็นองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่นตั้งอยู่ที่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดอิวาเตะค่ะ

ที่ภูมิภาคนี้มีวัดและโบราณสถานเป็นจำนวนมากค่ะ โดยมี 5 แห่งที่สำคัญมากที่สุด คือ「ฮิราอิซูมิ―สิ่งก่อสร้าง・สวนและโบราณสถานที่แสดงให้เห็นโลกศาสนาพุทธ(แดนสุขาวดี) ―」และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 2011 ค่ะ

ในบรรดาวัดและโบราณสถานทั้ง 5 แห่งที่ได้รับการขึ้นทะเบียนนั้นจูซอนจิภาพด้านบนนี้เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดค่ะ ซึ่งอาคารหลังนี้นั้นถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 850 นับว่ามีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมากเลยนะคะ จากนั้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 12 ก็ได้มีการสร้างโดโท(โดโท:การเรียกวัดวาอารามต่างๆ) ขนาดใหญ๋ไว้ด้วยค่ะ

สิ่งที่ดึงดูดสายตามากที่สุดในบรรดาวัดวาอารามในจูซอนจิ คือ คอนจิคิโด ค่ะ ทั่วทั้งวัดและพระพุทธรูปได้รับการประดับประดาด้วยแผ่นทองและราเด็งไซคุ (ราเด็งไซคุ : คือ การตกแต่งด้วยส่วนที่มีความมันวาวของเปลือกหอย)ที่หรูเลิศอลังการมากเลยค่ะ

หากจะเดินทางจากโตเกียวไปยังฮิราอิซูมิขอแนะนำให้เดินทางโดยชินคังเซนหรือรถไฟจะดีกว่าค่ะ สามารถนั่งรถไฟชินคังเซนจากสถานีโตเกียวไปยังอิจิโนะเซคิ จังหวัดอิวาเตะ และจากสถานีอิจิโนะเซคิเปลี่ยนไปยังสายไซไรเซ็นไปยังสถานีฮิราอิซูมิ ใช้เวลาทั้งหมด 2 ชั่วโมง 30 นาที ถึงประมาณ 3 ชั่วโมงค่ะ

4.ชิราคาวะโก (จังหวัดกิฟุ)

ชิราคาวะโกหมู่บ้านโบราณที่ยังคงหลงเหลือบ้านญี่ปุ่นโบราณที่สร้างหลังคาแบบกัคโชทสึคุริ ที่ถูกเรียกว่ากัคโชทสึคุริก็เพราะเป็นหลังคามุงจากที่ทำจากฟางของหญ้าแพมพัสโดยมีลักษณะเหมือนคนพนมมือ (กัคโช：การพนมมือ) นั่นเองค่ะ

บริเวณรอบๆชิราคาวะโกนั้นมีหิมะปกคลุมอยู่อย่างหนาแน่นและในช่วงฤดูหนาวหิมะจะกองอยู่บนหลังคากัคโชทสึคุริค่ะ ภาพของหลังคาที่ถูกหิมะปกคลุมบ้านเรือนในบริเวณนั้นมันแสนงดงามราวกับภาพแห่งจินตนาการเลยล่ะค่ะ

สามารถการเดินทางจากโตเกยวไปยังชิราคาวะโคโดยรถบัสโดยใช้เวลาประมาณ 5 - 6 ชั่วโมงค่ะ

สุดท้ายนี้

มรดกโลกที่นำมาแนะนำกับเพื่อนๆในวันนี้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่ที่ชวนให้เรารู้สึกถึงธรรมเนียมและบรรยากาศของญี่ปุ่นค่ะ ลองมาสัมผัสความงดงามของมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญและหาได้เพียงแค่ที่ญี่ปุ่นนี้เท่านั้นด้วยตัวของเพื่อนๆเองสิคะ