นั่ง Jumbo Ferry ไปเลย! แนะนำทริป 2 วัน 1 คืน เกาะโชโดะชิมะ

ขึ้น Jumbo Ferry “Aoi” แล้วออกเดินทางไปเกาะโชโดะชิมะ!

ญี่ปุ่นมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายแต่หนึ่งในสถานที่ที่เปล่งประกายที่สุดก็คือเกาะโชโดะชิมะ จังหวัดคากาวะเกาะแห่งนี้เต็มไปด้วยอากาศอบอุ่น ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และทิวทัศน์งดงามทั้งภูเขาและทะเลทำให้นักท่องเที่ยวทุกคนตกหลุมรักได้ไม่ยาก 💕

ไม่ว่าจะมาเป็นครอบครัวคู่รัก หรือเที่ยวเดี่ยว เกาะแห่งนี้ตอบโจทย์ทุกสไตล์การเดินทางแน่นอน!

ทริปนี้เราจะออกเดินทางจากท่าเรือโคเบะซันโนะมิยะโดยสาร Jumbo Ferry ตรงสู่เกาะโชโดะชิมะมาร่วมผจญภัยไปด้วยกันในทริป 2 วัน 1 คืนสุดพิเศษนี้กันเลย! 🚢🌅

เมื่อมาถึงท่าเรือโคเบะซันโนะมิยะ ให้ซื้อตั๋วเรือที่เคาน์เตอร์ชั้น 1
หรือจองล่วงหน้าผ่านอินเทอร์เน็ตก็ได้ ข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ที่เว็บไซต์ทางการของ Jumbo Ferry
เว็บไซต์ทางการ 【ภาษาญี่ปุ่น】【ภาษาอังกฤษ】    

วิธีเดินทางจากสถานีโคเบะซันโนะมิยะมายังท่าเรือ อ่านต่อได้ที่บทความนี้

เรือ “Aoi” ที่ออกจากโคเบะเวลา 08:15 น.เป็นเรือใหม่ที่เพิ่งเปิดให้บริการในปี 2022ภายในมีที่นั่งพรีเมียมหลายรูปแบบ ออนเซ็นชมวิว อ่างแช่เท้าและอาหารท้องถิ่นแสนอร่อย 🛳️นั่งชมวิวทะเลเซโตะไนอันสวยงามพร้อมเพลิดเพลินกับอาหารบนเรือแล้วเดินทางไปเกาะโชโดะชิมะกันเถอะ!

การเดินทางในเกาะสะดวกที่สุดคือการใช้รถยนต์ 🚗 ไม่ว่าจะเป็นรถบัสท้องถิ่น “Shodoshima Olive Bus” หรือเช่ารถขับก็สบาย
ถ้าอยากเที่ยวแบบสายแอดเวนเจอร์ ลองบริการจักรยานแชร์ “HELLO CYCLING” ที่มีจุดให้บริการหลายแห่งทั่วเกาะ 🚴

Shodoshima Olive Bus: https://www.shodoshima-olive-bus.com/
HELLO CYCLING: https://www.hellocycling.jp/map/
Olive Rentacar: http://olive-rentacar.com/
J-Net Rentacar: https://www.j-netrentacar.co.jp/kagawa/sakatekou/
Shodoshima Gajumaru Rentacar: https://gajumaru0403.com/renta-car

ถึงท่าเรือซาคาเตะแล้ว อย่าลืมหาอะไรรองท้องกันก่อน!
มุ่งหน้าไปที่ “Shodoshima Shuzo Café & Bar” เพื่ออร่อยกับมื้อกลางวัน 🍴

Shodoshima Shuzo เป็นโรงกลั่นเล็กๆที่มีเอกลักษณ์ ภายในดัดแปลงจากโรงงานสึคุดานิอายุกว่า 70 ปีทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยเสน่ห์ของเกาะ

สามารถซื้อสาเกคุณภาพเป็นของฝากได้โดยเฉพาะสาเกชนิด Ginjo ที่ชื่อ “Fufufu.” กลิ่นหอมสดใส ดื่มแล้วรสละมุนและฉลากก็น่ารักจนเป็นที่นิยมมากในหมู่ผู้หญิง

ที่คาเฟ่ & บาร์ยังมีเมนูพิเศษอย่าง “Toji noMakanai Lunch” ที่ใช้กากสาเกทำอาหาร เช่น ผักดองและซุปกากสาเกรวมถึงไอศกรีมโฮมเมดจากกากสาเก 🍨

แถมยังมีเบเกอรี่อยู่ข้างๆที่ขายขนมปังโคเปะทำจากข้าวสาเกให้เลือกมากมาย

YamorokuShoyu เป็นโรงบ่มที่สืบทอดมายาวนานกว่า 150 ปีและยังคงยึดมั่นใน “การหมักด้วยถังไม้” แบบดั้งเดิมที่แทบไม่พบแล้วในญี่ปุ่นนักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมโรงบ่มโมโรมิได้ฟรี โดยไม่ต้องจองล่วงหน้า

ที่“Yamoroku Chaya” หน้าตึกมีเมนูขนมหวานโชยุสูตรพิเศษ รวมถึง “โมจิย่าง”ที่ดึงรสและกลิ่นของโชยุธรรมชาติออกมาได้อย่างลงตัว เสิร์ฟเฉพาะฤดูหนาวเท่านั้น

เพลิดเพลินกับYamoroku Shoyu แล้ว มุ่งหน้าไปยังสวนมะกอกโชโดะชิมะกันต่อเลย

ShodoshimaOlive Park เป็นสวนที่สามารถสนุกไปกับ “มะกอก”ซึ่งเป็นผลผลิตชื่อดังของเกาะภายในมีต้นมะกอกประมาณ 2,000 ต้น กังหันลมแบบกรีกขนาดใหญ่และฉากร้านเบเกอรีจากภาพยนตร์ “Kiki’s Delivery Service”

นอกจากนี้ที่พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์มะกอกยังมีของที่ระลึกทำจากมะกอกรวมถึงร้านอาหาร คาเฟ่ และขนมหวานที่ใช้วัตถุดิบจากเกาะให้เพลิดเพลิน

หลังจากเดินเล่นในสวนมะกอกแล้วมุ่งหน้าไปยังที่พักวันนี้ “Olivean Shodoshima Yuhigaoka Hotel”กันเลย

OliveanShodoshima Yuhigaoka Hotel ได้รับเลือกติดอันดับ “100 จุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น”และ “โรงแรมชมพระอาทิตย์ตกสวยที่สุด อันดับ 3 ของประเทศ”ภายในมีห้องพักหลากหลายรูปแบบ ทั้งห้องพักวิวทะเลสุดผ่อนคลายและห้องพักที่สามารถเข้าพักพร้อมสัตว์เลี้ยงนอกจากนี้ยังมีสนามหญ้าสำหรับสุนัขและสนามอุปกรณ์แอจิลิตี้ครบครัน

ห้องอาบน้ำรวมกว้างขวางสามารถมองเห็นวิวทะเลเซโตะไนจากด้านในและที่ออนเซ็นกลางแจ้งบนเนินเขานักท่องเที่ยวจะได้ดื่มด่ำวิวทะเลพร้อมพระอาทิตย์ตกสุดโรแมนติก

มื้อเย็นเป็นบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่นและตะวันตกใช้วัตถุดิบสดใหม่จากทะเลและไร่บนเกาะทั้งซาชิมิและคาร์ปาชโชจากปลาฤดูกาล สเต๊กเนื้อ Olive Beef และของหวานตามฤดูกาล

AngelRoad เป็นทางเดินทรายลึกลับที่ปรากฏและหายไปตามจังหวะน้ำขึ้นน้ำลงเวลาที่ทางเดินจะปรากฏแตกต่างกันไป จึงควรตรวจสอบตารางน้ำขึ้นน้ำลงล่วงหน้า

ที่เว็บไซต์ทางการของJumbo Ferry มีตารางน้ำขึ้นน้ำลงรายวัน สามารถเช็กได้สะดวก
ตารางน้ำขึ้นน้ำลง: https://ferry.co.jp/tourism/tourism-132/

เมื่อสนุกกับทะเลสวยงามของเซโตะไนแล้วคราวนี้ไปสัมผัสความงามธรรมชาติของภูเขาที่ “Nakayama Senmaiden”กันต่อ

หลังจากพักผ่อนที่โรงแรมแล้วก็ออกเดินทางไป “Nakayama Senmaiden”ที่นี่เป็นนาข้าวขั้นบันไดกว้างใหญ่และงดงาม ซึ่งได้รับเลือกเป็นหนึ่งใน “100วิวเทอเรซไรซ์ของญี่ปุ่น”ในแต่ละฤดูกาลจะเผยทิวทัศน์ที่แตกต่างกันไป ช่วงต้นฤดูร้อนหลังจากกักเก็บน้ำไว้จะเกิดภาพสะท้อนระยิบระยับไปทั่วทั้งเนินและราวต้นฤดูใบไม้ร่วง ก็จะได้เห็นรวงข้าวสีทองสวยงาม

เมื่อเดินชมNakayama Senmaida เสร็จแล้ว ก็ได้เวลามุ่งหน้าไป “Komame Shokudo” เพื่อเติมพลัง

“KomameShokudo” เป็นคาเฟ่ที่ตั้งอยู่กลาง “Nakayama Senmaida”เมนูเด่นคือ “ชุดข้าวปั้นจากนาขั้นบันได”ทำจากข้าวที่ปลูกอย่างพิถีพิถันและใช้เกลือแร่ธรรมชาติของเกาะ

นอกจากนี้ยังมี“Shodoshima Olive Beef Burger” รวมถึงของหวานโฮมเมดจากผลไม้และธัญพืชตามฤดูกาลที่ล้วนใช้วัตถุดิบจากเกาะโชโดะชิมะ

อิ่มหนำแล้วได้เวลามุ่งหน้าไปยัง Kankakei เพื่อชมวิวเกาะโชโดะชิมะในมุมกว้าง

Kankakeiได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน “สามหุบเขาที่งดงามที่สุดของญี่ปุ่น”นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นกระเช้าลอยฟ้าจากเชิงเขาสู่ยอดเพื่อชมวิวทิวทัศน์ทะเลและหุบเขาไปพร้อมกันจากจุดชมวิวด้านบน ไม่เพียงเห็นทะเลเซโตะไนเท่านั้นแต่ยังมองเห็นเทือกเขาในภูมิภาคชิโกกุอีกด้วย

เพลิดเพลินกับวิวภูเขาแล้วอย่าลืมลอง “Kawarake Nage” การโยนแผ่นกระเบื้องเล็กๆผ่านห่วงกลมเพื่ออธิษฐานขอความสุข ถือเป็นกิจกรรมที่ควรลองเป็นที่ระลึก

Kankakeiมีเสน่ห์ต่างกันในแต่ละฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นใบไม้เขียวสดในต้นฤดูร้อนใบไม้แดงในฤดูใบไม้ร่วง หรือหิมะในฤดูหนาว ไม่ว่ามาเมื่อไหร่ก็น่าหลงใหลเสมอ

เมื่อเที่ยวชมเกาะโชโดะชิมะจนเต็มอิ่มแล้วก็ได้เวลาเดินทางกลับขึ้น Jumbo Ferry “Aoi” รอบ 15:15 น. จากท่าเรือซาคาเตะ กลับสู่โกเบ

เพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวเกาะโชโดะชิมะตามโมเดลคอร์ส!

มื่อมาเที่ยวเกาะโชโดะชิมะซึ่งเต็มไปด้วยสถานที่น่าสนใจแนะนำให้ศึกษาข้อมูลล่วงหน้า เช่น สถานที่ท่องเที่ยวและเวลาการเดินทางเพื่อจะได้วางแผนการทริปอย่างราบรื่น

หวังว่าบทความนี้จะช่วยเป็นแนวทางให้คุณได้เต็มอิ่มกับเสน่ห์ของเกาะโชโดะชิมะอย่างแท้จริง🌿🌊