Start planning your trip

ภายในเมืองโกเบที่เปิดท่าเรือมาครบรอบ 150 ปีแล้วแห่งนี้ยังคงหลงเหลือบ้านชาวต่างชาติให้เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน โดยหนึ่งในนั้นก็คือ “คาซามิโดริโนะยากาตะ” หรือคฤหาสน์โทมัสเก่าซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนกว่า 3 แสนคน / ปีนั่นเอง
ภายในเมืองโกเบที่ เปิดท่าเรือมาครบรอบ 150 ปี ในปี 2017 แห่งนี้ยังคงหลงเหลือบ้านชาวต่างชาติที่เรียกว่า อิจินคัง ให้ได้เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน โดยหนึ่งในนั้นก็คือ Kazamidori no Yakata (คาซามิโดริ โนะ ยากาตะ) หรือ คฤหาสน์โทมัสเก่า ที่สร้างขึ้นในปี 1909 นั่นเอง ที่นี่เป็นสถาปัตยกรรมสุดเอกลักษณ์ที่ตัวอาคารเป็นอิฐสีน้ำตาลและมีกังหันลมรูปไก่ติดอยู่บนหลังคา โดยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า และ มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนกว่า 3 แสนคน / ปี เลยทีเดียว
เมื่อชำระค่าเข้าชมตรงเคาน์เตอร์รับรองแล้วก็รีบเข้าไปชมด้านในกันเลยดีกว่าค่ะ ^^ ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 500 เยน ส่วน นักเรียนมัธยมปลายลงไปหรือเทียบเท่าเข้าชมฟรี นอกจากนี้ก็ยังมีส่วนลดพิเศษอีกมากมายโดยสามารถเข้าไปดูได้จาก เว็บไซต์หลัก แผ่นพับนำเที่ยวของที่นี่มีทั้งภาษาญี่ปุ่น, ภาษาอังกฤษ, ภาษาจีน (ภาษาจีนตัวเต็ม・ภาษาจีนตัวย่อ) และ ภาษาเกาหลี
บริเวณทางขึ้นบ้านตั้งอยู่ข้างบน บันไดหิน
เมื่อเข้าบ้านมาแล้วก็จะพบกับ ห้องรับแขก อยู่ทางซ้ายมือ ที่นี่เป็น บ้านไม้ 2 ชั้น สไตล์ดั้งเดิมของ เยอรมัน ซึ่งเป็นประเทศบ้านเกิดของ “คุณโทมัส” พ่อค้าเจ้าของบ้านหลังนี้ ว่ากันว่าผู้สร้างบ้านตัวจริงคือ มิยาไดกุ (※1) ชาวญี่ปุ่น ดังนั้น เราจึงมีโอกาสได้เห็นรูปแบบการก่อสร้างสไตล์ญี่ปุ่นแฝงอยู่ด้วย เช่น กรอบกระจกหน้าต่าง เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังมีการติดตั้งหน้าต่างบานใหญ่เอาไว้ทั่วทุกทิศเพื่อให้เข้ากับ สภาพอากาศของญี่ปุ่นแบบร้อนชื้น อีกด้วย
※1:มิยาไดกุ……ช่างไม้ผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างและบูรณปฏิสังขรณ์วัด-ศาลเจ้า
บริเวณชั้น 1F มีการประดับประดาของตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงามเพื่อใช้เป็นห้องรับแขก เนื่องจากโครงสร้างเพดานและโคมไฟจะแตกต่างกันไปตามแต่ละห้องด้วย จึงบอกเลยว่าอย่าลืมสังเกตความแตกต่างกันดูนะจ๊ะ... ภายในอาคารอนุญาตให้สามารถถ่ายรูปได้ก็จริง แต่ยังไงก็ควรถ่ายรูปโดยคำนึงถึงแขกคนอื่นๆและของตกแต่งด้วย
ห้องนั่งเล่น ทางฝั่งใต้ของชั้น 1F มีการประดับตกแต่งต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสซึ่งตรงนี้แหละเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมเลยก็ว่าได้
ตรงระเบียงฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของชั้น 1F มีการจัดแสดงภาพบรรยากาศในสมัยก่อนให้ได้ชมกันมากมาย
แถมทางฝั่งตะวันตกของชั้น 1F ก็ยังมี ห้องอาหาร อันแสนกว้างใหญ่ด้วยนะเออ...
ถ้าเกิดใครได้เข้ามาเยี่ยมชมภายในห้องอาหารก็อย่าลืมสังเกต เตาผิง, กระจกสเตนกลาส สไตล์อาร์ตนูโว , ชั้น สำหรับแช่ไวน์ และ หน้าต่างบานเล็ก สำหรับรับอาหารที่ส่งมาด้วย ลิฟท์ จากห้องครัวชั้นใต้ดิน
เมื่อมองไปข้างบนก็จะเห็น เพดาน และ โคมไฟระย้า (แชนเดอเลียร์) ดูโอ่อ่าสง่างามสุดๆ ตงเพดาน และ ชั้นประดับ ถูกประดับตกแต่งเป็นสไตล์ ปราสาทยุคกลาง
เมื่อเดินขึ้นบันไดมาจะเป็น ห้องโถง ที่ตั้งโต๊ะบิลเลียดในสมัยนั้นเอาไว้ ทางซ้ายมือเรียงรายไปด้วย ห้องนอนสำหรับแขก และ ห้องอาหารเช้า ว่ากันว่าในสมัยก่อนเราสามารถมองจากหน้าต่างไปได้ไกลถึงฝั่งโอซาก้าเลยทีเดียว
บริเวณจุดที่มีแสงแดดส่องผ่านดีที่สุดทางฝั่งใต้ของชั้น 2F เป็น ห้องเด็ก สำหรับรองรับ “คุณเอลซ่า” ลูกสาวคนเดียวของคู่สามีภรรยาโทมัส
คราวนี้ก็ลงไปยังชั้น 1F อีกรอบเพื่อมุ่งหน้าไปยัง ห้องอ่านหนังสือ ทางฝั่งเหนือของทางขึ้นบ้านเลยจ้า... ตรงนี้มีการประดับตกแต่งด้วยโต๊ะและเก้าอี้ที่ใช้จริงในสมัยก่อนท่ามกลางแสงแดดดที่สาดส่องลงมาจาก หน้าต่างทรง 5 เหลี่ยม
พนักเก้าอี้แกะสลักเป็นรูปมังกร
ที่นี่มีไฮไลท์เป็น ภาพล้อเลียน สไตล์อาร์ตนูโวและ แผ่นป้ายชื่อ ของคุณโทมัส
หลังจากเพลิดเพลินกับการเยี่ยมชมบ้านกันจนจุใจแล้วก็มุ่งหน้าไปยัง Kitanotenman Shrine (ศาลเจ้าคิตาโนะเท็มมังงู) ที่สามารถชมวิวอาคารคาซามิโดริ โนะ ยากาตะทั้งหลังได้กันเลยดีกว่าค่ะ ศาลเจ้าเก่าแก่อายุกว่า 1180 ปี แห่งนี้มีที่มาจากชื่อท้องถิ่น “คิตาโนะ”
บันไดศาลเจ้าไม่ได้มีหลายขั้นขนาดนั้นก็จริง แต่ค่อนข้างชัน ยังไงก็ระวังให้ดีกันด้วยนะจ๊ะ... โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนลงก็ยิ่งต้องระวังขึ้นไปอีก
จากภายในศาลเจ้าสามารถมองเห็นไปถึงอาคารคาซามิโดริ โนะ ยากาตะ, อาคารบ้านเมืองโกเบ และวิวท่าเรือจากไกลๆได้เลยทีเดียว แถมบางทีก็ยังได้ยินเสียงหวูดเรือด้วยนะเออ...
จากการไปเก็บข้อมูลในครั้งนี้ก็มีข้อความจากคุณดอยฝากมาถึงเพื่อนๆชาว MATCHA ทุกคนด้วยว่า “เพราะว่าที่นี่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า ทางเราจึงจำเป็นต้องใส่ใจเรื่องการบำรุงรักษาเป็นอย่างดี แต่ก็ยังคงบรรยากาศในสมัยนั้นให้อยู่เหมือนเดิม ยังไงก็ขอเชิญชวนให้ทุกท่านมาสัมผัสบรรยากาศดั้งเดิมใน สมัยเมจิ ที่บ้านหลังนี้กันเยอะๆนะครับ ผมรอทุกท่านอยู่นะครับ!” ไหนใครอยากเห็นบรรยากาศของชาวต่างชาติที่เคยอาศัยอยู่ในโกเบเมื่อกว่า 100 ปีก่อนก็บอกเลยว่าห้ามพลาดจ้า!
日本文化、特に絵画や工芸品が好き。福岡、京都、大阪、ベルギー、アメリカを経て現在は神戸在住。座右の銘は「住めば都」。