แผนเที่ยวทตโตริ (Tottori) 2 วัน เมืองเก่าคุราโยชิและชมดาว ดูหิ่งห้อยที่มิซาสะออนเซ็น!

ชวนชมท้องฟ้าแห่งดวงดาวที่หนึ่งในญี่ปุ่นที่ทตโตริ!

Picture courtesy of จังหวัดทตโตริ

ท้องฟ้าโปร่งใสสวยงามมองเห็นดวงดาวได้ชัดเจน ราวกับว่าหากเอื้อมมือออกไปก็คงเอื้อมถึงดวงดาวได้เลย เพราะเป็นสถานที่ที่ดูดาวได้อย่างงดงามเช่นนี้ ทำให้จังหวัดทตโตริขนานนามตัวเองว่าเป็นจังหวัด "โฮชิโทริ" ซึ่งมีความหมายว่า "จังหวัดสอยดาว" นั่นเอง

ตั้งแต่ทิศตะวันออกจนถึงทิศตะวันตกของจังหวัดเต็มไปด้วยแหล่งชมดาวที่สามารถเห็นดวงดาวพร่างพราวเต็มท้องฟ้าได้มากมายไม่ว่าจะเป็นดาวตกหรือทางช้างเผือก ตามแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของทตโตริอย่างเนินทรายทตโตริ (Tottori Sand Dunes) และภูเขาไดเซน (Mount Daisen) ถึงขนาดมีการจัดทัวร์ชมดาวขึ้นมาให้บริการเลยทีเดียว

ในครั้งนี้เราจะมาแนะนำมิซาสะออนเซ็น (Misasa Onsen) ที่ตั้งอยู่ตรงตอนกลางของจังหวัดทตโตริหนึ่งในจุดหมายสำหรับการชมดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืนแสนสวยงามจนแทบลืมหายใจกันค่ะ

มิซาสะออนเซ็นนอกจากจะมีดีเรื่องท้องฟ้ายามค่ำคืนที่สวยงามเต็มไปด้วยดวงดาวมากมายนับไม่ถ้วนแล้ว ก็ยังมีทั้งออนเซ็นและหิ่งห้อยในช่วงต้นฤดูร้อนให้เราได้เพลิดเพลินอีกด้วย ทำให้เราได้ดื่มด่ำกับสุนทรีย์สไตล์ญี่ปุ่นกันแบบจัดเต็มเลยค่ะ! โดยเราขอแนะนำให้เลือกมาเข้าพักที่เรียวกังติดออนเซ็นอย่างในซาสะออนเซ็นเพื่อสนุกกับทริปแบบ 2 วัน 1 คืนจะครบเครื่องมาก

แบบนี้ต้องอ่านแผนเที่ยวที่แนะนำในบทความนี้ไว้เป็นข้อมูลสำหรับจัดทริปชมดาวพร้อมกับเพื่อนๆ และคนสำคัญของคุณในครั้งต่อไปกันแล้วล่ะค่ะ

วันที่ 1
ก่อนจะไปมิซาสะออนเซ็น (Misasa Onsen) มาเที่ยวเมืองโบราณคุราโยชิ (Kurayoshi) กัน!

สำหรับแผนเที่ยวโซนทตโตริกลางแบบ 2 วัน 1 คืนนั้น ในวันที่ 1 มาเริ่มทริปกันด้วยการเที่ยวชมไฮไลท์น่าสนใจต่างๆ ภายในเมืองคุราโยชิ (Kurayoshi) ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องอาคารบ้านเรือนสไตล์ย้อนยุค ก่อนจะไปเข้าพักที่มิซาสะออนเซ็นตามเป้าหมายดูดาวของเรากัน

จากกลุ่มโกดังกำแพงขาวคุราโยชิ (Kurayoshi's Shirakabe Storehouses) อันเลื่องชื่อในเมืองคุราโยชิไปถึงมิซาสะออนเซ็น สามารถนั่งรถบัสไปถึงได้โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาทีหรือนั่งแท็กซี่ไปถึงได้โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาทีเท่านั้น

สำหรับวิธีการเดินทางไปยังคุราโยชิสามารถเข้าไปดูได้จากบทความดังต่อไปนี้

ห้ามพลาดกิจกรรมแนะนำในคุราโยชิ!

1. เดินเล่นชมเมืองเก่ากลุ่มโกดังกำแพงขาวคุราโยชิ (Kurayoshi's Shirakabe Storehouses)

คุราโยชิเป็นเมืองพ่อค้าอันเจริญรุ่งเรืองตั้งแต่ช่วงปลายสมัยเอโดะไปจนถึงสมัยเมจิ
จึงมีการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมบ้านพ่อค้าเก่าแก่ต่างๆ เอาไว้เป็นอย่างดี
เราจะได้เดินเล่นชมวิวอาคารบ้านเรือน สัมผัสความรู้สึกราวกับย้อนเวลากลับไปในอดีต

โกดังถือเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของบ้านพ่อค้าค่ะ

ที่เมืองคุราโยชิมีกลุ่มโกดังกำแพงขาวคุราโยชิ (Kurayoshi's Shirakabe Storehouses) เป็นโกดังด้านหลังบ้านพ่อค้าเรียงรายกันอยู่เป็นแถว แต่ละหลังจะมีสะพานหินเล็กๆ พาดข้ามทางน้ำที่ขุดเอาไว้
ทัศนียภาพเช่นนี้เป็นอะไรที่งดงามมาก จึงไม่แปลกใจเลยที่จุดนี้จะกลายเป็นแหล่งถ่ายรูปยอดนิยมขึ้นมา

ทางเดินไปยังศาลเจ้าเบงไซเทนที่เรียงรายไปด้วยโคมไฟสีแดงตามภาพก็เป็นจุดถ่ายภาพแนะนำอีกจุดที่ไม่ค่อยมีใครรู้นัก สำหรับผู้ที่อยากได้ภาพถ่ายสไตล์ญี่ปุ่นกลับไป ห้ามพลาดเลยนะคะ

แถวนี้สามารถพบกับตู้กระจกหน้าร้านและป้ายโบราณที่ยังคงหลงเหลือกลิ่นอายสไตล์ญี่ปุ่นช่วงครึ่งศตวรรษก่อนได้ หากมาถึงโซนกลุ่มโกดังกำแพงขาวคุราโยชิแล้วและอยากได้มูลเพิ่มเติมทั้งเรื่องไฮไลท์น่าสนใจและร้านค้าที่สามารถแวะมาผ่อนคลายได้ สามารถสอบถามได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลคุราโยชิ ชิราคาเบะ โดโซกุน (Kurayoshi Shirakabe Dozogun Information Centre) เลยค่ะ

โกดังกำแพงขาวคุราโยชิ

Uomachi เมือง Kurayoshi จังหวัด Tottori 682-0821

2. อิ่มมื้อกลางวันและหย่อนใจไปกับ "ชิราคาเบะคลับ (Shirakabe Club)"

สำหรับใครที่กำลังมองหาร้านอาหารฝากท้องแถวกลุ่มโกดังกำแพงขาวคุราโยชิก็มุ่งหน้าไปยัง "ชิราคาเบะคลับ (Shirakabe Club)" กันเลย ที่นี่เราสามารถอิ่มอร่อยกับมื้ออาหารภายในอาคารที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมประเภทจับต้องได้

อาคารที่เคยสร้างขึ้นเป็นธนาคารสไตล์โกดังในปี 1908 แห่งนี้เปลี่ยนมาเปิดให้บริการเป็นร้านอาหารตะวันตกเมื่อปี 2011 ด้วยบรรยากาศเรียบหรูภายในร้านที่ตัดกันระหว่างไม้และปูนขาว ทำให้ที่นี่กลายเป็นร้านในดวงใจของผู้คนท้องถิ่นไปโดยปริยาย

สำหรับมื้อกลางวัน ขอแนะนำเป็นชุด "ชิราคาเบะลันช์" เมนูที่ทำขึ้นจำนวนจำกัดเพียง 20 ชุดต่อวันเท่านั้น เมนูนี้จะสับเปลี่ยนอาหารจานหลักและอาหารเรียกน้ำย่อยแตกต่างกันไปทุกสัปดาห์

เมนูอาหารของชิราคาเบะคลับที่ทำมาจากวัตถุดิบตามฤดูกาลอย่างเต็มที่นั้นมีดีทั้งรูปร่างหน้าตาสวยงาม แถมยังรสชาติอร่อยอีกต่างหาก เราจึงจะได้เพลินไปกับทั้งรูปร่างหน้าตาและรสชาติไปพร้อมกัน

สโมสรชิรากาเบะ อาคาร 13 อะคางาวะ

2540 อุโอมาจิ เมืองคุราโยชิ จังหวัดทตโตริ 682-0821

3. ต้นสาลี่ยักษ์ในอาคาร!? ชิมสาลี่อร่อยๆ ที่ "พิพิธภัณฑ์สาลี่นิจิสเซกิทตโตริ (Tottori Nijisseiki Pear Museum)"

Picture courtesy of พิพิธภัณฑ์สาลี่นิจิสเซกิทตโตริ

หากใครชื่นชอบผลไม้ต้องลองแวะมาเที่ยวที่ "พิพิธภัณฑ์สาลี่นิจิสเซกิทตโตริ (Tottori Nijisseiki Pear Museum)" พิพิธภัณฑ์ธีม "สาลี่และลูกแพร์" แห่งเดียวในญี่ปุ่น สิ่งแรกที่ทุกคนต้องเห็นเมื่อเดินเข้ามาภายในพิพิธภัณฑ์ก็คือต้นสาลี่สูงใหญ่กลางอาคารนั่นเอง ไม่ว่าใครเห็นก็จะต้องตกลึงกันอย่างแน่นอน!

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นทั้งสถานที่เรียนรู้เกี่ยวกับ "สาลี่พันธุ์ศตวรรษที่ 20 (นิจิเซกิ)" ของขึ้นชื่อประจำทตโตริ และยังมีลูกแพร์กับสาลี่หลากหลายชนิดให้ได้ลองชิมเปรียบเทียบรสชาติกัน แถมยังเป็นจุดช้อปปิ้งขนมเกี่ยวกับสาลี่และลูกแพร์มากมายภายในร้านค้า เหมาะกับการแวะมาหาซื้อของฝากเป็นที่สุด

นอกจากนี้ที่ร้านขนมสไตล์ฟรุตพาร์เลอร์ (Fruit Parlor) ก็มีซอฟท์ครีมสาลี่ยอดนิยมให้เราได้ลิ้มรสด้วย ถ้าใครมีโอกาสได้มาเที่ยวคุราโยชิล่ะก็ ต้องแวะมายังพิพิธภัณฑ์แสนสนุกแห่งนี้กันให้ได้นะ

หอรำลึกลูกแพร์ศตวรรษที่ 20 ทตโตริ นาชิกโกกัน

198-4 Dakyoji-cho เมืองคุราโยชิ จังหวัดทตโตริ 682-0816

เช็คอินที่เรียวกังของมิซาสะออนเซ็นแล้วออกไปชมดวงดาวกัน!

พอสนุกกับการท่องเที่ยวคุราโยชิจนเย็นแล้วก็มุ่งหน้าไปยังมิซาสะออนเซ็นกันต่อเลย
ก่อนอื่นก็เช็คอินที่เรียวกังและแช่ออนเซ็นผ่อนคลายก่อนมื้ออาหาร
บอกเลยว่าทุกคนจะได้สัมผัสความรู้สึกราวกับกลายเป็นคนญี่ปุ่นเลยทีเดียว

ภายในหมู่บ้านออนเซ็นเต็มไปด้วยเรียวกังเล็กใหญ่มากมาย
โดยขอแนะนำว่าถ้าเลือกเป็นเรียวกังเก่าแก่ก็จะยิ่งได้สัมผัสประสบการณ์สไตล์ญี่ปุ่นมากยิ่งขึ้น

"ฮาชิสึยะ (Hashizuya)" เรียวกังออนเซ็นเก่าแก่อายุมากกว่า 300 ปี

"ฮาชิสึยะ (Hashizuya)" ที่ตั้งอยู่ตรงกลางหมู่บ้านออนเซ็นเป็นเรียวกังที่เปิดให้บริการมาเป็นเวลายาวนานมากกว่า 300 ปีแล้ว แต่เดิมแล้วที่นี่เคยเป็นบ้านเกษตรกรมาก่อน แต่เพราะว่ามีน้ำออนเซ็นผุดขึ้นก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นให้สร้างเรียวกังขึ้นมานั่นเอง

ที่นี่เป็นหนึ่งในเรียวกังยอดนิยมที่ผู้เข้าพักจะได้สัมผัสประสบการณ์โรงแรมออนเซ็นคุณภาพของเมืองมิซาสะพร้อมรับบริการแสนอบอุ่นสุดพิเศษตามแบบญี่ปุ่น

ว่ากันว่าน้ำร้อนของมิซาสะออนเซ็นอุดมไปด้วยธาตุเหล็กช่วยให้ผิวพรรณนุ่มลื่นนวลเนียน เราสามารถผ่อนคลายกับน้ำร้อนของมิซาสะออนเซ็นในออนเซ็นหลากหลายแบบไม่ว่าจะเป็นออนเซ็นกลางแจ้ง ออนเซ็นจากต้นน้ำ และอื่นๆ ได้ที่ "ฮาชิสึยะ" แห่งนี้เลย

มื้ออาหารนับเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของการเข้าพักที่เรียวกังออนเซ็น
จึงควรเลือกแพ็คเกจที่พักพร้อมมื้ออาหารจะได้สัมผัสกับเรียวกังได้ดีที่สุด

"ฮาชิสึยะ" เสิร์ฟอาหารญี่ปุ่นจากวัตถุดิบตามฤดูกาลด้วยภาชนะสุดประณีตที่ทำให้รู้สึกได้ถึงฤดูกาลของญี่ปุ่น เราจะได้ดื่มด่ำกับของดีจากทะเลและจากภูเขาที่แสนอร่อยของจังหวัดทตโตริพร้อมกับสัมผัสความพิถีพิถันกันอย่างเต็มที่

วู้ดเดน อินน์ ฮาชิซึยะ

886 Misasa, Misasa-cho, Tohaku-gun, ทตโตริ 682-0123

ชมดาวบนท้องฟ้าจากริมแม่น้ำในมิซาสะออนเซ็น

หลังเต็มอิ่มกับมื้อเย็นแล้วก็ไปเดินเล่นชมหมู่บ้านออนเซ็นกันดีกว่า ภายในหมู่บ้านออนเซ็นมีออนเซ็นแช่เท้าให้บริการกันด้วยนะ เพียงแค่นั่งแช่เท้าในน้ำออนเซ็นก็จะช่วยให้รู้สึกสบายตัวและผ่อนคลายความเหนื่อยล้าเป็นปลิดทิ้งแล้ว

จุดชมดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่อยากแนะนำก็คือริมแม่น้ำมิโตคุ (Mitoku River) ที่ไหลผ่านข้างๆ หมู่บ้านออนเซ็นเลยค่ะ ถ้ามองขึ้นไปบนฟ้าจากบริเวณนี้จะพบกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวอันงดงามอยู่บนหัวพอดีนั่นเอง!

ดวงดาวจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนเหนือท้องฟ้าและแสงไฟสลัวจากเมืองนั้นประสานกันเป็นความงดงามชวนฝัน รับรองว่าทุกคนจะต้องตะลึงในความงามจนละสายตาไปไม่ได้อย่างแน่นอน

มิซาสะออนเซ็นแห่งนี้รุ่งเรืองด้านการดูดาวและการสังเกตทางดาราศาสตร์มาก ถึงขนาดว่ามีการจัดอีเว้นท์ชมดาวขึ้นเป็นประจำเลยทีเดียวค่ะ ที่มิซาสะนี้ก็มีกำหนดการจัดอีเว้นท์ชมดาวบนดาดฟ้าของศูนย์กีฬามิซาสะในช่วงเวลา 20:00 น. ทุกวันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ของเดือนสิงหาคม เดือนกันยายน และเดือนตุลาคมปี 2018

สำหรับรายละเอียดเสามารถเข้าไปเช็คได้จากเว็บไซต์ทางการของกิจกรรม : http://spa-misasa.jp/hoshitori/

นอกจากนี้เรายังสามารถชมหิ่งห้อยได้ในมิซาสะออนเซ็นด้วยนะ หากใครมาเที่ยวในเดือนมิถุนายน อย่าลืมหันหน้าไปมองบริเวณริมแม่น้ำกันให้ได้นะคะ แสงสีเขียวเรืองๆ ของหิ่งห้อยพันธุ์เกนจิที่บินอยู่ริมแม่น้ำก่อให้เกิดเป็นทัศนียภาพอันงดงามน่าประทับใจที่จะกลายเป็นความทรงจำไม่รู้เลือน

วันที่ 2
เดินเล่นชมไฮไลท์ที่น่าสนใจในมิซาสะออนเซ็น

เช้าวันรุ่งขึ้นหากใครตื่นแต่เช้า ต้องไปแช่ออนเซ็นยามเช้าดู จะได้สัมผัสกับสุดยอดอีกแบบของออนเซ็น! เพราะว่าเราจะได้แช่ออนเซ็นพลางชมทัศนียภาพอันงดงามแตกต่างจากตอนกลางคืน

แล้วหลังจากทานมื้อเช้าเสร็จ มารีบออกไปเดินเล่นชมสิ่งที่น่าสนใจในมิซาสะออนเซ็นกันต่อเลยดีกว่าค่ะ

หมู่บ้านออนเซ็นที่มีวิวกลางคืนแสนสวยแห่งนี้ในตอนกลางวันกลับมีบรรยากาศเขียวชอุ่มแสนสบาย แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อุตส่าห์มาถึงที่นี่แล้วก็อย่าลืมออกมาสัมผัสธรรมชาติที่โอบล้อมเมืองโดยการเดินเล่นริมแม่น้ำ ฟังเสียงน้ำไหลและเสียงนกร้องที่แว่วมาจากป่ากันดูนะคะ

บนสะพานคาจิกะ (Kajika Bridge) และสะพานโคอิทานิ (Koitani Bridge) มีรูปปั้นขนาดเล็กรูปกบคาจิกะซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของมิซาสะออนเซ็นตั้งอยู่ เป็นอีกจุดที่น่าแวะมาถ่ายรูปที่ระลึกเป็นอย่างยิ่ง

ด้านในหมู่บ้านออนเซ็นยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าด้วย ศาลเจ้ามิซาสะ (Misasa Shrine) แห่งนี้เป็นศาลเจ้าที่เกิดจากการรวมศาลเจ้า 3 แห่งที่เคยตั้งอยู่ในบริเวณนี้ ขนาดตรงซุ้มชำระล้างมือยังเป็นน้ำออนเซ็นเลย สมกับเป็นเมืองออนเซ็นจริงๆ!

มื้อกลางวันที่คาเฟ่ "ยุโนะกะ (Yunoka)"

ด้านหลังของศาลเจ้ามิซาสะมีคาเฟ่ "ยุโนะกะ (Toujiyado et Cafe Yunoka)"
หลังจากสนุกกับการเดินเล่นชมหมู่บ้านออนเซ็นจนเริ่มท้องร้องแล้วก็สามารถแวะพักกินมื้อเที่ยงได้ที่นี่เลย

"ยุโนะกะ" คือ ที่พักติดออนเซ็นรักษาโรคที่สามารถค้างคืนระยะยาวได้สำหรับผู้ที่อยากพักฟื้นที่มิซาสะออนเซ็น นอกจากนี้ คู่สามีภรรยาเจ้าของที่พักก็ยังเปิดคาเฟ่เอาไว้ให้บริการด้วย
เราสามารถอิ่มอร่อยกับเมนูทานง่ายดีต่อร่างกายจากวัตถุดิบท้องถิ่นที่คัดสรรพิเศษได้ที่นี่เลย

เมนูแนะนำของที่นี่คือ "ริป บอลข่าน เซ็ต" (Rib Balkan Set) ที่ใส่มะเขือเทศไม่อั้น
บอกเลยว่าเมนูซี่โครงหมูตุ๋นมะเขือเทศนั้นให้รสชาติแสนสดชื่นและอร่อยกระตุ้นน้ำลายเป็นที่สุด

Yunoka et Cafe Yunoka

800-1 Misasa, Misasa-cho, Tohaku-gun, ทตโตริ 682-0123

ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอันทรงเสน่ห์อื่น ๆ อีกเพียบ!
เริ่มจากสถานีคุราโยชิ (Kurayoshi) ไปเที่ยวทตโตริต่อกัน!

หลังจากทานมื้อกลางวันที่มิซาสะออนเซ็นจนอิ่มแล้ว มุ่งหน้าไปยังสถานีคุราโยชิเพื่อไปเที่ยวที่อื่นกันต่อเลย ถ้าไปทางท่าเรือฝั่งตะวันตก จะเจอกับเมืองสะไกมินาโตะที่มีภูเขาไดเซนและถนนมิสุกิชิเกะรุ (Mizuki Shigeru Road) ส่วนใครที่ไปทางฝั่งเมืองทตโตริทางตะวันออก จะได้ชมวิวพระอาทิตย์ตกดินสวยๆ ที่เนินทรายทตโตะริและนั่งรถไฟวาคาสะ (Wakasa) อันมีเอกลักษณ์

สำหรับใครที่อยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ทางการของจังหวัดทตโตริ (https://www.tottori-tour.jp/th/)
หรือรวมบทความพิเศษเกี่ยวกับจังหวัดทตโตริของ MATCHAได้เลยค่ะ

ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวอันทรงเสน่ห์ต่างๆ ของทตโตริยังสามารถอ่านต่อได้ในบทความด้านล่างนี้
ยังไงก็ขอให้เพื่อนๆ เก็บข้อมูลให้เต็มที่และทำแผนเที่ยวทตโตริแสนสนุกของตัวเองกันนะคะ!

Written by Ramona Taranu
Sponsored by Tottori Prefecture