หนีร้อนมาสนุกที่ป่าเย็นสบายกับกิจกรรมกลางแจ้ง 2 วัน 1 คืนที่ไดเซนในทตโตริ (Tottori)
เที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อนสบายๆ ต้องหนีร้อนไปสถานที่ตากอากาศเท่านั้น! แนะนำแพลนเที่ยว 2 วัน 1 คืน เที่ยวที่ราบสูงไดเซ็นในทตโตริ (Tottori) ไปเดินเล่นชมป่าเย็นสบาย สักการะวัดศาลเจ้าเก่าแก่ และทำกิจกรรมกลางแจ้งสัมผัสธรรมชาติกัน!
หนีร้อนไปสัมผัสธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่ไดเซ็นในทตโตริ (Tottori)
ระหว่างเดือนกรกฎาคม – เดือนสิงหาคมเป็นช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดในญี่ปุ่น
สำหรับใครที่วางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงนี้จึงขอแนะนำเป็นทริปเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์หรือสถานที่สูงๆ จะเย็นสบายกว่าค่ะ
ไดเซนในจังหวัดทตโตริที่เราจะมาแนะนำกันในครั้งนี้นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวหนีร้อนยอดนิยมของญี่ปุ่นตะวันตกเลยค่ะ
เนื่องจากที่ราบสูงไดเซนตั้งอยู่บนที่สูงเหนือระดับน้ำทะเลจึงมีสภาพอากาศเย็นสบายกว่าในเมืองโยนาโกะซึ่งตั้งอยู่ตรงตีนเขา
และยังปกคลุมไปด้วยป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ด้วย ทำให้เราสามารถท่องเที่ยวได้อย่างเย็นสบายแม้ในฤดูร้อนอันแสบอบอ้าว
บนที่ราบสูงไดเซนแห่งนี้เต็มไปด้วยกิจกรรมแสนสนุกมากมายไม่ว่าจะเป็นการกิจกรรมเดินป่าขึ้นเขาเย็นสบายใต้ร่มไม้ กิจกรรม Outdoor ต่างๆ และกิจกรรมตระเวนเที่ยวแหล่งชมวิวสุดสวย
ในครั้งนี้เราจะมาแนะนำโปรแกรมหนีร้อนเที่ยวที่ราบสูงไดเซนด้วยรถเช่าแบบ 2 วัน 1 คืนกันค่ะ
หรือว่าใครที่อยากนั่งรถบัสเที่ยวก็ขอแนะนำให้อ่านบทความนี้พ่วงไปด้วยเลย
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
เช้าวันที่ 1
ดินทางมาถึงเมืองเรียวกังในไดเซน ไปตระเวนเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวโดยรอบกัน!
การไปยังที่ราบสูงไดเซ็นจะต้องไปถึงเมืองโยนาโกะก่อน
จากฝั่งโอซาก้า-เกียวโต ขอแนะนำให้นั่งชินคันเซ็นและรถไฟ Limited Express หรือนั่งรถบัสมาที่เมืองโยนาโกะ
แต่ถ้าหากเดินทางมาจากฝั่งโตเกียว ให้นั่งเครื่องบินมาลงที่สนามบินโยนาโกะ (Yonago Airport)
จากสนามบินและสถานีรถไฟให้นั่งแท็กซี่หรือรถเช่าไปยังเมืองเรียวกังบนถนนสู่วัดไดเซนจิ
ภายในย่านเรียวกังเรียงรายไปด้วยร้านจำหน่ายเครื่องดื่มเย็นๆ ซอฟท์ครีมนมแสนอร่อยจากท้องถิ่น และอื่นๆ อีกมากมาย
หลังเดินทางมาถึงแล้วมาพักผ่อนกันสักครู่ ก่อนจะออกตระเวนเที่ยวป่าในไดเซ็นกันต่อเลย!
เที่ยวชมโบสถ์อะมิดะวัดไดเซนจิ (Daisenji Amida-do) สัมผัสความขลังแห่งไดเซน
เดินขึ้นเขาไดเซนมาประมาณ 10 นาทีก็จะถึงโบสถ์อะมิดะวัดไดเซนจิ (Daisenji Amida-do) สถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ที่สุดในวัดไดเซ็นจิค่ะ
หลังจากโบสถ์อะมิดะ (*1) ที่สร้างขึ้นในช่วงต้นสมัยเฮอันพังทลายลงจากเหตุการณ์โคลนถล่มในปี 1529 ก็ถูกสร้างขึ้นใหม่ ณ สถานที่ปัจจุบันเมื่อปี 1552
สถาปัตยกรรมมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติแห่งนี้จะเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมเฉพาะในวันที่ 18 ของทุกเดือนระหว่างเดือนเมษายน - เดือนพฤศจิกายนเท่านั้น
สำหรับใครที่ต้องการเข้าชมในวันอื่นจำเป็นต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น
สถาปัตยกรรมที่ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าอันเงียบสงบมาตลอดระยะเวลามากกว่า 450 ปีดูยิ่งใหญ่ สง่างาม และน่าเกรงขามเป็นที่สุด
*โบสถ์อะมิดะ (Amida-do) ...โบสถ์พุทธที่มีพระอมิตาภพุทธะเป็นพระประธาน
การเดินทาง : จากสถานีโยนาโกะ (JR Yonago) นั่งรถบัส Nihon Kotsu ที่มุ่งหน้าไปยังวัดไดเซนจิ (Daisenji) ลงป้ายวัดไดเซนจิ (Daisenji) แล้วเดินตามทางเดินขึ้นเขาไดเซนไปอีกประมาณ 10 นาที
ระหว่างทางไปยังโบสถ์อะมิดะวัดไดเซนจิ เราจะได้พบกับเจดีย์เก่าแก่และรูปปั้นพระจิโซตั้งอยู่ตามสองฟากถนนที่มีแสงอาทิตย์สาดส่องผ่านแมกไม้
ไดเซนแห่งนี้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของความเชื่อแบบซังกาคุชิงโค (*2) ขึ้นชื่อมาตั้งแต่สมัยโบราณ
จึงทำให้มีสิ่งที่เกี่ยวข้องกับวัดและศาลเจ้ากระจายกันอยู่ทั่วทั้งภูเขา
เพียงแค่เดินเล่นบริเวณโซนทางขึ้นเขาใกล้กับย่านเรียวกังก็จะได้สัมผัสกับโลกอันมีมนต์น่าพิศวงของไดเซ็นแล้วล่ะค่ะ
สำหรับใครที่อยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเชื่อซังกาคุชิงโคในเขาไดเซนก็เข้าไปอ่านบทความด้านล่างต่อได้เลย
*2 ซังกาคุชิงโค (Sankaku Shinkou) ... ความเชื่อที่ว่าภูเขาเป็นเทพเจ้าที่ควรสักการะบูชา
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
มื้อเที่ยงลองอาหารท้องถิ่นไดเซนโซบะที่ “มิยาโมโตะเรียวกัง (Miyamoto Ryokan)”
เมนูแนะนำสำหรับมื้อเที่ยงหลังกิจกรรมเดินป่าแสนสนุกก็จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากไดเซนโซบะจากแป้งโซบะที่ปลูกตรงตีนภูเขาไดเซนนั่นเอง
โดยร้านที่เสิร์ฟไดเซนโซบะขึ้นชื่อก็คือ “มิยาโมโตะเรียวกัง (Miyamoto Ryokan)”
ว่าแล้วก็กลับไปยังย่านเรียวกังเพื่ออร่อยกับโซบะทำมือภายในเรียวกังเก่าแก่ที่เปิดกิจการมาอย่างยาวนานแห่งนี้กันเถอะ!
“ไดเซนโซบะ” จากแป้งโซะที่ปลูกตรงตีนภูเขาไดเซ็นมีเอกลักษณ์อยู่ที่รสชาติและกลิ่นหอมล้ำลึก
ถึงแม้จะมีเมนูมากมายหลายแบบให้เลือก แต่หน้าร้อนแบบนี้เมนูที่เหมาะที่สุดเห็นจะเป็น “ซารุโซบะ”
โซบะเย็นๆ ที่ตั้งอยู่บนตะแกรงไม้ไผ่มีกลิ่นหอมและรสชาติเข้มข้น
ถ้าใครใส่วาซาบิและต้นหอมลงในน้ำซุปทสึยุก็จะได้เพลิดเพลินกับรสชาติที่ยิ่งสดชื่นขึ้นไปอีกระดับ
การเดินทาง : จากสถานีโยนาโกะ (JR Yonago) นั่งรถบัสที่มุ่งหน้าไปยังวัดไดเซนจิ (Daisenji) ลงป้ายวัดไดเซนจิ (Daisenji) แล้วเดินอีกประมาณ 4 นาที
บ่ายวันที่ 1
สักการะวัดไดเซนจิ (Daisenji Hondo) และศาลเจ้าโอกามิยามะ โอะขุฉะโอะขุมิยะ (Ogamiyama Shrine Okunomiya)
ออกจาก “มิยาโมโตะเรียวกัง” แล้วเดินไปยังตามถนนสู่วัดจะเห็นซุ้มประตูขนาดใหญ่บานหนึ่ง
ลอดซุ้มประตูแล้วเดินขึ้นบันไดไปก็จะถึงโบสถ์หลักวัดไดเซนจิ (Daisenji Hondo) แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อประจำเมืองไดเซนแล้วล่ะค่ะ
วัดไดเซนจิเป็นวัดที่เปิดให้เข้าสักการะตั้งแต่ 1,300 ปีก่อน
โดยเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมทางความเชื่อเรื่องภูเขาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเจริญรุ่งเรืองอยู่ก่อนศาสนาพุทธนิกายเทนไดในสมัยเฮอัน
ว่ากันว่าในยุคกลางของญี่ปุ่น ที่นี่เป็นวัดอันยิ่งใหญ่แหล่งรวมพระนักรบ (พระสำหรับต่อสู้ป้องกันศาสนา) จำนวนมหาศาลรองจากภูเขาฮิเอ (Mount Hiei) และภูเขาโคยะ (Mount Koya) เลยก็ว่าได้
การได้เดินเล่นสัมผัสความยิ่งใหญ่ของวัดไดเซนจิที่เคยเจริญรุ่งเรืองในอดีตท่ามกลางธรรมชาติในไดเซนเป็นหนึ่งในกิจกรรมสุดพิเศษที่ไม่สามารถสัมผัสได้ที่อื่นนอกจากไดเซนเลยล่ะค่ะ
การเดินทาง : จากสถานีโยนาโกะ (JR Yonago) นั่งรถบัส Nihon Kotsu ที่มุ่งหน้าไปยังวัดไดเซนจิ (Daisenji) ลงป้ายวัดไดเซนจิ (Daisenji) แล้วเดินตามทางเดินสู่วัดไดเซนจิไปอีกประมาณ 15 นาที
สำหรับใครที่อยากดื่มด่ำกับความเงียบสงบและอากาศเย็นๆ ของป่าที่ปกคลุมไดเซนอย่างสบายใจต่อ
ก็ขอแนะนำให้ลองมาเดินเล่นบนถนนที่มีเสาโทริอิตั้งตระหง่านอยู่บริเวณข้างๆ วัดไดเซนจิกันดูค่ะ
เพราะว่าเราจะได้เดินบนถนนที่เรียงรายไปด้วยโคมสีแดงพลางฟังเสียงนกร้อง สัมผัสธรรมชาติในไดเซนกันอย่างเต็มที่เลยทีเดียว
เมื่อเดินจากเสาโทริอิหินตรงทางเข้ามาประมาณ 800 เมตรก็จะถึงศาลเจ้าโอกามิยามะ โอะขุฉะโอะขุมิยะ (Ogamiyama Shrine Okunomiya) ที่มีความเกี่ยวข้องกับวัดไดเซ็นจิอย่างลึกซึ้ง
ศาลเจ้าแห่งนี้เองก็เป็นศูนย์กลางทางความเชื่อเรื่องภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของไดเซนซึ่งมีประวัติความเป็นมาอันแสนยาวนาน
ศาลเจ้าโอกามิยามะ โอะขุฉะโอะขุมิยะงเวลาปกติที่เงียบสงบเอามากๆ
แต่ในช่วงเทศกาลและอีเว้นท์แตกต่างจะคึกคักไปด้วยผู้คนมากมาย
สำหรับใครที่อยากรู้ข้อมูลเรื่องพิธีกรรมสามารถเข้าไปอ่านบทความด้านล่างนี้ได้เลย
การเดินทาง : จากสถานีโยนาโกะ (JR Yonago) นั่งรถบัสที่มุ่งหน้าไปยังวัดไดเซนจิ (Daisenji) ผ่านถนนท่องเที่ยว (Kankodoro) ใช้เวลาประมาณ 55 นาที (ลงป้าย "วัดไดเซนจิ (Daisenji)") เดินเท้าจากย่านเรียวกังวัดไดเซนจิมาประมาณ 15 นาที หรือเดินเท้าจากลานจอดรถสาธารณะมาประมาณ 20 - 30 นาที
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
ค้างคืนในฤดูร้อนแสนสบายที่ “โทยามะเรียวกัง (Toyama Ryokan)”
สำหรับใครที่อยากค้างคืนบนที่ราบสูงไดเซน ขอแนะนำให้เลือกเข้าพักภายในเมืองเรียวกังที่มีให้เลือกเรียงรายบนถนนสู่วัดเลยค่ะ
และถ้าใครอยากสัมผัสประสบการณ์พักเรียวกังสไตล์ญี่ปุ่นแบบจัดเต็มครบประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของตัวเอง ก็ต้องยกให้ที่ “โทยามะเรียวกัง (Toyama Ryokan)” เท่านั้นเลย!
เพราะว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่ห้องพักสไตล์ญี่ปุ่นแสนสวยและออนเซ็นเท่านั้น แต่ยังสามารถลิ้มลองอาหารไคเซคิ เมนูคอร์สสไตล์ญี่ปุ่นจากวัตถุดิบตามฤดูกาลได้ด้วย
Picture courtesy of Toyama Ryokan
โดยเฉพาะเต้าหู้งา (Gomadofu) ที่ปรุงด้วยเทคนิคที่สืบทอดต่อกันมาตั้งแต่สมัยเอโดะนับเป็นเมนูชั้นเลิศอันแสนภาคภูมิใจของ “โทยามะเรียวกัง”
เต้าหู้งาที่ทานคู่กับเมนูอาหารทะเลสดใหม่ส่งตรงจากท่าเรือสะไกมินาโตะแบบวันต่อวันและพืชผักฝีมือเกษตรกรท้องถิ่นนั้นมีรสชาติล้ำลึกและสดชื่นมาก
การเดินทาง : นั่งรถยนต์มาจากสถานีโยนาโกะ (JR Yonago) ประมาณ 28 นาที
วันที่ 2
เพลิดเพลินกับกิจกรรมกลางแจ้งในโซนไดเซน!
ขี่ม้าชมป่าที่ “ศูนย์ขี่ม้าไดเซ็น (Daisen Horse Riding Center)”
พอได้ค้างคืนในโซนไดเซนแล้ว ตื่นมาอยากลองสัมผัสประสบการณ์ขี่ม้าไปกันดูไหมคะ
“ศูนย์ขี่ม้าไดเซ็น (Daisen Horse Riding Center)” มีการจัดคอร์สขี่ม้าที่สามารถเพลิดเพลินได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่มากมาย แถมยังมีม้าหลายแบบตั้งแต่ม้าโพนี่ตัวเล็กน่ารักไปจนถึงม้าตัวโตอดีตม้าแข่งกันเลยทีเดียว!
แม้จะเป็นมือใหม่ก็สามารถเข้าร่วมคอร์สขี่ม้าเดินเล่นภายในศูนย์หรือคอร์สขี่ม้าขึ้นเขา 3 กิโลเมตรผัสธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ของเขาไดเซนได้
เราได้จะสวมเสื้อนิรภัย แล้วผู้ฝึกสอนก็จะจัดการเลือกม้าและสอนเทคนิคเบื้องต้นในการขี่ม้าให้เรา
การได้ขี่ม้าเดินเล่นพลางฟังเสียงธรรมชาติรอบๆ ทั้งเสียงม้า เสียงนกร้อง รับสายลมเย็นๆ และได้สูดอากาศบริสุทธิ์จนเต็มปอดเป็นอะไรที่ทำให้รู้สึกอิ่มเอมมาก
Picture courtesy of Daisen Horse Riding Center
หลังจากสนุกกับการขี่ม้าจนเต็มอิ่มแล้วก็แวะกินมื้อเที่ยงที่คาเฟ่และร้านอาหารภายในศูนย์ขี่ม้ากันเลยดีกว่า
การได้นั่งกินอาหารเบาๆ อย่างชีสฟองดูว์ (ต้องจองล่วงหน้า) หรือข้าวแกงกะหรี่หมูทอด ตามด้วยของหวาน และเครื่องดื่มเย็นๆ
แถมชมม้าภายในศูนย์ไปพลาง จะช่วยให้ร่างกายคลายเหนื่อย และจิตใจสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นเป็นกองเลยล่ะค่ะ
การเดินทาง :
นั่งรถยนต์มาจากสถานีโฮกิ-ไดเซ็น (Hoki-Daisen) 15 นาที หรือจากสถานีโยนาโกะ (JR Yonago) 28 นาที
หรือจากสถานีโยนาโกะ (JR Yonago) นั่งรถบัส Nihon Kotsu ที่มุ่งหน้าไปยัง "Kankodoro Daisen (観光道路大山)" 35 นาที ลงป้าย "Daisen Joba Center Mae - Ichi no Tani Iriguchi (大山乗馬センター前 一の谷入り口)"
ท่องญี่ปุ่นโบราณ! ที่ “ซากโบราณสถานมุคิบันดะ (Mukibanda Yayoi Settlement Site)”
อุตส่าห์มาเที่ยวไดเซนทั้งทีขอบอกว่าห้ามพลาดมาเยือน “ซากโบราณสถานมุคิบันดะ (Mukibanda Yayoi Settlement Site)” ที่จำลองหมู่บ้านสมัยยาโยอิ (*3) เด็ดขาด!
เสน่ห์สำคัญของที่นี่อยู่ที่สามารถเที่ยวเล่นชมหมู่บ้านที่เคยเป็นที่อยู่อาศัยของคนญี่ปุ่นโบราณท่ามกลางทัศนียภาพอันยิ่งใหญ่ของอ่าวมิโฮะ (Miho Bay) ติดทะเลญี่ปุ่นและทัศนียภาพอันงดงามของเขาไดเซนได้นี่ล่ะค่ะ
*3 สมัยยาโยอิ (Yayoi) ... ยุคสมัยของญี่ปุ่นที่ครอบคลุมระยะเวลาระหว่างช่วง 300 ปีก่อนคริสตกาลจนถึงราว ค.ศ. 300
ไม่ว่าใครถ้าได้ลองเข้าไปด้านในบ้านทรงกระโจมในหลุม (Tateana Juukyo) ที่สร้างขึ้นโดยการขุดหลุมก่อน แล้วก่อบ้านขึ้นในนั้น
รับรองว่าจะต้องประทับใจในโครงสร้างสุดมีเอกลักษณ์ที่มีอากาศเย็นสบายในฤดูร้อนและอบอุ่นในฤดูหนาวอย่างแน่นอน
ประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายศตวรรษก็ยังคงปรากฏให้เห็นจากเครื่องมือและบ้านที่สร้างมาจากภูมิปัญญาของผู้คนสมัยก่อนเพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างสุขสบาย
เราไม่ได้เพียงแค่สามารถเดินเล่นภายในโซนที่จัดไว้ให้ได้อย่างอิสระเท่านั้น แต่ยังจะได้ทำกิจกรรมสุดพิเศษของสมัยยาโยอิด้วย
มีทั้งกิจกรรมเรียนรู้วิธีทำกระจกที่ใช้ในงานพิธีการในสมัยยาโยอิ ทสึจิบุเอะ (*4) และมากาทามะ (*5) ให้เราได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นสมัยโบราณ
บอกเลยว่าเราจะได้สัมผัสประสบการณ์ราวกับได้ย้อนเวลากลับไปในอดีตที่ซากโบราณสถานมุคิบันดะแห่งนี้กันอย่างจุใจเลยล่ะค่ะ
*4 ทสึจิบุเอะ (Tsuchibue) ... เครื่องดนตรีประเภทเป่าที่ทำจากดิน
*5 มากาทามะ (Magatama) ... เครื่องประดับญี่ปุ่นโบราณชนิดหนึ่ง
การเดินทาง : จากสถานีโยโดเอะ (JR Yodoe) นั่งรถบัส Donguri มา5 นาที (หยุดวิ่งให้บริการในฤดูหนาว วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
ขากลับแวะเที่ยว “สวนนิโอโด (Niodo Park)” ที่มีรูปปั้นเท็งงูอีกาตระหง่านภายในสวน
ก่อนปิดท้ายทริปไดเซ็นฤดูร้อนกัน อย่าลืมแวะมาเที่ยว “สวนนิโอโด (Niodo Park)” หนึ่งในแหล่งถ่ายรูปที่น่าสนใจในโซนนี้ด้วยนะ
สิ่งที่ปกปักรักษาสนามเด็กเล่นของเหล่าเด็กๆ เอาไว้ก็คือรูปปั้นเท็งงูอีกา (Karasu Tengu) สูงมากกว่า 8 เมตรที่ตั้งตระหง่านองค์นี้นี่ล่ะ!
เท็งงูอีกาคือสิ่งมีชีวิตในตำนานญี่ปุ่น ว่ากันว่าเทพเจ้าส่งเท็งงูมายังโลกมนุษย์เพื่อถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้คนผ่านการปฏิบัติธรรมฝึกตนในภูเขา และเท็งงูนั้นเป็นถึงเทพผู้พิทักษ์เขาไดเซนรวมถึงเป็นสัญลักษณ์ของภูเขาแห่งนี้ด้วย
แบบนี้ต้องแวะมาถ่ายรูปเท็งงูขนาดยักษ์เก็บไว้เป็นที่ระลึกของทริปไดเซนกันแล้วล่ะค่ะ
การเดินทาง : นั่งรถบัสมาจากสถานีไดเซนกุจิ (JR Daisenguchi) ประมาณ 7 นาที
หนีร้อนไปออกทริปเย็นสบายในไดเซนกันเถอะ!
ที่ราบสูงไดเซนแห่งนี้เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวเย็นสบายมากมายที่จะทำให้ลืมอากาศร้อนๆ ของฤดูร้อนไปเลย
สำหรับใครที่กำลังวางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่นก็ลองนำแผนเที่ยวที่แนะนำไว้ในบทความนี้ไปเป็นข้อมูลออกทริปเย็นๆ และไม่เหมือนใครที่เขาไดเซนในฤดูร้อนกันนะคะ
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมในไดเซนที่น่าสนใจอื่นๆ สามารถเข้าไปดูได้จากบทความด้านล่างนี้
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
สำหรับใครที่อยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูได้จากเว็บไซต์ทางการของจังหวัดทตโตริ (http://www.tottori-tour.jp/th/)
แล้วก็อย่าลืมเข้าไปอ่านรวมบทความพิเศษเกี่ยวกับจังหวัดทตโตริของ MATCHA กันด้วยนะคะ!
Written by Ramona Taranu
Sponsored by Tottori Prefecture
บัญชีส่งเสริมการขายของ MATCHA สำหรับการโฆษณาองค์กรและรัฐบาลท้องถิ่น เรามุ่งมั่นที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านของเราอย่างสนุกสนาน
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง