สุดยอด 6 แหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสี สัมผัสธรรมชาติหลากสีสันแนะนำในทตโตริ! (Tottori)
จังหวัดทตโตริเป็นจังหวัดที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติทั้งภูเขากว้างใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยป่าไม้และสวนสวยด้วยต้นไม้พืชพันธุ์นานา หากใครที่จะไปญี่ปุ่นฝั่งตะวันตกในฤดูใบไม้ร่วงล่ะก็ ห้ามพลาดไปชมใบไม้เปลี่ยนสีในทตโตริเลย! มาดู 6 ที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีแนะนำกัน!
“จังหวัดทตโตริ” (Tottori) สถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
Picture on courtesy of Tottori Prefecture (ขวาบน)
จังหวัดทตโตริเป็นแหล่งธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่สามารถดื่มด่ำกับทิวเขา ป่าไม้ และสวนสาธารณะมากมายได้ในแห่งเดียว โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วงที่นี่จะมีความงดงามมากเป็นพิเศษ ฤดูกาลใบไม้เปลี่ยนสีของที่นี่จะตรงกับช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนธันวาคมของทุกปี
ในครั้งนี้เราะจะมานำเสนอ 6 แหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสีแนะนำประจำจังหวัดทตโตริสำหรับผู้ที่อยากเพลิดเพลินกับการชมใบไม้เปลี่ยนสีในฝั่งญี่ปุ่นตะวันตกกันค่ะ!
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
1. ภูเขาไดเซน (Mount Daisen) : ภูเขาที่มีใบไม้เปลี่ยนสีงดงามที่สุดในญี่ปุ่นตะวันตก
Picture courtesy of Tottori Prefecture
ภูเขาไดเซน (Mount Daisen) เป็นหนึ่งในแหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามที่สุดของทางฝั่งญี่ปุ่นตะวันตก เนื่องจากที่นี่ตั้งอยู่บนเส้นละติจูดสูง ป่าไม้ในโซนนี้จึงเริ่มเปลี่ยนสีเร็วตั้งแต่ช่วงต้นเดือนตุลาคม
Picture courtesy of Tottori Prefecture
ป่าไม้บนภูเขาไดเซนเต็มไปด้วยต้นบีชญี่ปุ่นขึ้นอย่างหนาแน่น ใบไม้เปลี่ยนสีหลักจึงเป็นสีเหลือง นอกจากนี้ก็ยังมีต้นเมเปิ้ลใบสีแดงแซมอยู่ด้วยซึ่งช่วยสรรค์สร้างให้เกิดเป็นทัศนียภาพอันงดงามไร้ที่ติ
Picture courtesy of Tottori Prefecture
ใครอยากเดินชมใบไม้เปลี่ยนสีในป่าก็ดี แต่ก็ขอแนะนำให้ขึ้นไปดื่มด่ำความงดงามบริเวณโดยรอบยอดเขาด้วยเช่นเดียวกัน แล้วอย่าลืมแวะไปเยี่ยมชมโบสถ์วัดไดเซนจิและศาลเจ้าโอกามิยามะ (Ogamiyama Shrine) ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของญี่ปุ่นกันด้วยนะ
ตามเส้นทางไปยังศาลเจ้าโอกามิยามะยังมีที่พักพร้อมออนเซ็นเปิดให้บริการอยู่ เราจึงสามารถชื่นชมความงามของใบไม้เปลี่ยนสีได้จากออนเซ็นกลางแจ้งของที่พักด้วย รับรองว่าจะเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจไม่รู้ลืมของทุกคนอย่างแน่นอนค่ะ
ฤดูกาลของใบไม้เปลี่ยนสี
ช่วงปลายเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน
2. ศาลเจ้าซุวะ (Suwa Shrine) : สมบัติลับแห่งทตโตริ
ศาลเจ้าซุวะ (Suwa Shrine) ตั้งอยู่ในเมืองจิซุ (Chizu) ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของทตโตริ เป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อประจำฤดูใบไม้ร่วงสำหรับคนท้องถิ่นเมืองทตโตริเลยก็ว่าได้ โดยเป็นศาลเจ้าอันเงียบสงบที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากผู้คน
ที่นี่เป็นศาลเจ้าสาขาย่อยของศาลเจ้าซุวะในจังหวัดนากาโนะที่สร้างขึ้นในปี 1278 ตัววิหารหลักถูกไฟไหม้และก่อสร้างขึ้นใหม่ในปี 1832
ใบของต้นเมเปิ้ล 1 ใบที่ถูกแกะสลักเอาไว้ตรงใจกลางหลังคาเป็นตราสัญลักษณ์ประจำศาลเจ้า จึงมีการปลูกต้นเมเปิ้ลตามตราสัญลักษณ์เอาไว้จนเติบโตขยายพันธุ์งอกงามเต็มพื้นที่ กลายเป็นใบไม้เปลี่ยนสีสีสันสดใสเป็นที่รู้จักคุ้นเคยกันในหมู่ผู้คนท้องถิ่นอย่างในปัจจุบัน
นักปีนเขามักจะแวะมากราบไหว้แสดงความเคารพจุดหมายปลายทางอันศักดิ์สิทธิ์ท่ามกลางป่าไม้แห่งนี้
สถาปัตยกรรมหินและไม้ภายในศาลเจ้าทั้งเสาโทริอิ จุดชำระล้าง รวมถึงบันไดไม้ที่ทอดยาวมายังศาลเจ้าทั้งหมดหลอมรวมเข้ากับทัศนียภาพของภูเขาโดยรอบอย่างกลมกลืน ทำให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นเยี่ยมสำหรับสัมผัสธรรมชาติอย่างสงบและลึกซึ้งไปโดยปริยาย
ฤดูกาลของใบไม้เปลี่ยนสี
ช่วงต้น - กลางเดือนพฤศจิกายน
3. หุบเขามิตากิ (Mitaki Gorge) : ชมใบไม้เปลี่ยนสีอันละเอียดอ่อนกับภาพธรรมชาติทรงพลัง
Picture courtesy of Tottori Prefecture
น้ำตกเซนโจ (Senjo Falls) สูง 80 เมตรบนหุบเขามิตากิ (Mitaki Gorge) นอกเมืองทตโตริ แห่งนี้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อยอดนิยมประจำทตโตริ
ในฤดูร้อนที่นี่จะรายล้อมไปด้วยป่าเปล่งประกายสีเขียวมรกตระยิบระยับ ส่วนในฤดูใบไม้ร่วงเราจะได้ชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีหลากสีสันทั้งสีแดง สีส้มอมแดง และสีเหลืองทองสะท้อนกับกระแสน้ำอันไหลเชี่ยว เลียบหุบเขาอันงดงามนี้ยังเป็นที่ตั้งของน้ำตกน้อยใหญ่กว่า 40 สาย
เมื่อเดินข้ามสะพานแขวนสีแดงสไตล์ญี่ปุ่นไปจะสามารถออกมาชมวิวน้ำตกจากบนหุบเขามิตากิได้ ป่าไม้บริเวณโดยรอบสะพานก็นับเป็นจุดท่องเที่ยวสุดพิเศษห้ามพลาดเช่นเดียวกัน
เนื่องจากต้นไม้ในโซนนี้เปลี่ยนสีค่อนข้างเร็วตั้งแต่ช่วงกลางเดือนตุลาคม จึงขอแนะนำให้เช็คข้อมูลล่วงหน้าก่อนไปเที่ยวจะดีที่สุดเพื่อไม่ให้พลาดชมทัศนียภาพอันงดงามแบบนี้
ฤดูกาลของใบไม้เปลี่ยนสี
ช่วงกลางเดือนตุลาคม - ปลายเดือนพฤศจิกายน
4. สวนร่องรอยปราสาทชิกาโนะ (Shikano Castle Ruins Park) : จุดชมทัศนียภาพอันงดงามของฤดูใบไม้ร่วง
ปราสาทชิกาโนะ (Shikano Castle) เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นบนยอดเขาลูกเล็ก ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะหลงเหลือเพียงแค่โครงสร้างหอปราการปราสาทและบันไดขึ้นไปยังปราสาท แต่เส้นทางขึ้นเขานี่ล่ะที่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมไปแล้วด้วยทัศนียภาพอันงดงามที่สามารถชมวิวเมืองและธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ได้นั่นเอง
เส้นทางขึ้นเขานี้ได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษในฤดูของดอกซากุระ แต่ในฤดูใบไม้ร่วงที่ปกคลุมไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสีของต้นเมเปิ้ลกว่า 600 ต้นก็เรียกได้ว่างดงามไม่แพ้กัน
ในเมืองชิกาโนะที่ตั้งของปราสาทนี้มีการจัดงานเทศกาลชิกาโนะ (Shikano Matsuri) ขึ้นทุกๆ 2 ปี โดยงานนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของจังหวัดทตโตริในปี 1957 ด้วย
ตอนกลางเขาที่ทอดยาวสู่ร่องรอยหอปราการปราสาทชิกาโนะเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าชิโระยามะ (Shiroyama Shrine) สถานที่จัดพิธีบวงสรวงเทพเจ้าอย่างเช่นสำหรับงานเทศกาลชิกาโนะ ซึ่งในงานเทศกาลจะมีการเคลื่อนย้ายวิญญาณของเทพเจ้ามาไว้ในเกี้ยว แล้วจึงแห่เกี้ยวไปรอบเมืองรอบปราสาทตรงตีนเขาเพื่อชำระล้างเมืองให้บริสุทธิ์ หลังจากนั้นก็นำกลับมาเก็บรักษาไว้ภายในศาลเจ้าแห่งนี้
บนยอดเขาสามารถมองเห็นวิวอันกว้างใหญ่ของเมืองชิกาโนะด้านล่างและถัดออกไปได้ ซึ่งบอกเลยว่างดงามมากถึงขนาดมีคนท้องถิ่นบางคนลงทุนเดินขึ้นเขาวันละ 1 รอบเพื่อชมวิวนี้เลยทีเดียว แม้ว่าอาจจะฟังดูเกินจริงไปสักหน่อย แต่พอได้มาเห็นของจริงบนยอดเขาจะเข้าใจความรู้สึกที่อยากชมวิวแสนงดงามนี้ได้เลย
ฤดูกาลของใบไม้เปลี่ยนสี
ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนธันวาคม
5. วัดโคเซนจิ (Kouzenji Temple) : สวนญี่ปุ่นเก่าแก่กว่า 400 ปี
วัดโคเซนจิ (Kouzenji Temple) แห่งนี้เป็นที่ตั้งของโบสถ์ที่งดงามแบบเรียบง่ายแต่น่าประทับใจ แม้ในฤดูใบไม้ร่วงเราอาจแปลกใจที่ได้เห็นดอกไม้บางอย่างคล้ายดอกซากุระ ซึ่งต้นไม้นี้คือต้นซากุระที่มีชื่อว่า “ชิกิซากุระ” ที่จะบานสะพรั่งถึงสองครั้งต่อหนึ่งปีในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ จึงเรียกได้ว่าเป็นซากุระสายพันธุ์แปลกประหลาดหายากเลยทีเดียว
เมื่อเข้ามาภายในโบสถ์ก็เห็นถึงความสุดยอดของวัดแห่งนี้ทันที เพราะว่าเมื่อมองจากห้องพิธีชงชา จะพบกับสวนญี่ปุ่นที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 400 ปีให้ได้ชมกัน
ในฤดูใบไม้ร่วง ต้นเมเปิ้ลกว่า 25 สายพันธุ์จะถูกย้อมไปด้วยสีแดง ต้นบ๊วยอายุมากทอดกิ่งหักงอภายในสวนยังช่วยเล่าประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ของสวนแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากช่วงกลางคืนของฤดูใบไม้ร่วงจะมีการประดับไฟด้วย ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเพลิดเพลินกับบรรยากาศยามค่ำคืนกันเป็นจำนวนมาก
แต่ระวังเอาไว้นิดนึงว่าที่นี่ไม่อนุญาตให้เข้าไปชมภายในสวน แต่แม้จะได้แค่นั่งจิบชาชมวิวตรงระเบียงทางเดินก็งดงามเกินพอแล้ว ห้องชงชาของที่นี่มีบริการเสิร์ฟชาสมุนไพรที่เก็บจากภายในสวนและขนมท้องถิ่นด้วย
ทั่วทั้งวัดมีบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง เหมาะกับการแวะมาพูดคุยกับเจ้าอาวาสพลางนั่งจิบน้ำชาชมวิวสวนญี่ปุ่นสุดงามเป็นอย่างยิ่ง ช่วงเวลาที่อยู่ในวัดนี้จะทำให้คุณเพลินจนลืมเวลาไปเลยค่ะ
ฤดูกาลของใบไม้เปลี่ยนสี
ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนธันวาคม (งานประดับไฟไลท์อัพประจำฤดูใบไม้ร่วงจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม)
6. สวนอุตสึบูกิ (Utsubuki Park) : ความงดงามแสนบริสุทธิ์ของธรรมชาติ 4 ฤดูกาล
สวนอุตสึบูกิ (Utsubuki Park) เป็นสถานที่ดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันงดงามตลอดทั้ง 4 ฤดูกาล ในฤดูใบไม้ผลิสวนนี้จะเต็มไปด้วยซากุระบานสะพรั่งมากกว่า 2,000 ต้น ส่วนในฤดูใบไม้ร่วงก็จะได้เพลิดเพลินกับใบไม้เปลี่ยนสีทั่วทั้งบริเวณ นอกจากนี้ก็ยังเป็นแหล่งชมดอกอาซาเลียขึ้นชื่อในช่วงต้นฤดูร้อน และในฤดูหนาวยังมีดอกไม้ฤดูหนาวอันงดงามของญี่ปุ่นอย่างดอกซึบากิ (ดอกคาเมเลีย) อีกด้วย
ทางขวามือของประตูทางเข้าเป็นที่ตั้งของสวนญี่ปุ่นขนาดเล็กที่ปลูกต้นเมเปิ้ลและซากุระเอาไว้ทั่วทั้งสวน นับเป็นหนึ่งในจุดถ่ายภาพยอดนิยมของสวนอุตสึบูกิเลยก็ว่าได้ ในบ่อน้ำที่มีสะพานสีแดงพาดอยู่ยังมีปลาคาร์พหลากสีสันแหวกว่ายอ้อนขออาหารจากนักท่องเที่ยวด้วย
เพียงแค่ก้าวเข้ามาก็รู้สึกได้เลยว่าสวนกว้างใหญ่กว่าที่คิดเอาไว้ซะอีก ทำให้เราสามารถใช้เวลาเดินเล่นชมใบไม้เปลี่ยนสีได้หลายชั่วโมงโดยไม่ต้องย้อนผ่านที่เดิมเลยล่ะค่ะ
ลานกว้างหลักยังเป็นสนามเด็กเล่นด้วย ที่นี่จึงเหมาะแก่การมาใช้ช่วงเวลาร่วมกับครอบครัว แฟน หรือแม้แต่จะมาเที่ยวคนเดียวตลอดทั้ง 4 ฤดูกาลอย่างที่สุด
ฤดูกาลของใบไม้เปลี่ยนสี
ช่วงต้น - กลางเดือนพฤศจิกายน
“ทตโตริ” สถานที่เต็มอิ่มกับทัศนียภาพอันงดงามของฤดูใบไม้ร่วง
สำหรับใครที่อยากเพลิดเพลินกับการชมใบไม้เปลี่ยนสีอันงดงามสุดยอดในญี่ปุ่นก็บอกเลยว่าต้องลองเดินทางมาเที่ยวทตโตริกันให้ได้ค่ะ เนื่องจากที่นี่เต็มไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสีทั่วทุกแห่ง คนจึงกระจายตัวกันไป เราถึงสามารถหลบเลี่ยงฝูงชนมาสนุกได้อย่างเต็มที่
รับรองว่าวิวใบไม้เปลี่ยนสีในทตโตริทั้งสวนญี่ปุ่น สวนสาธารณะ ป่าไม้ หรือภูเขาจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังอย่างแน่นอน
ได้เวลาเลือกสถานที่ที่ชอบแล้วออกไปสนุกกันให้ถึงใจแล้วล่ะค่ะ!
ในเว็บไซต์ทางการของจังหวัดทตโตริยังมีแหล่งท่องเที่ยวแสนสนุกอื่นๆ รออยู่อีกเพียบ : http://www.tottori-tour.jp/th/
แล้วก็อย่าลืมแวะไปอ่านรวมบทความพิเศษเกี่ยวกับทตโตริของ MATCHA กันด้วยนะคะ!
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
Written by Chiara Mischke
Sponsored by Tottori Prefecture
บัญชีส่งเสริมการขายของ MATCHA สำหรับการโฆษณาองค์กรและรัฐบาลท้องถิ่น เรามุ่งมั่นที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านของเราอย่างสนุกสนาน
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง