Start planning your trip
โยโกสุกะมีอะไรดี!? ชมทุ่งคอสมอส เรือรบอลังการ และเครื่องรางไม่เหมือนใคร (Yokosuka)
เมืองโยโกสุกะ(Yokosuka) ห่างจากโตเกียวแค่ 1 ชั่วโมง เชิญพบกับแพลน เที่ยว One Day Trip ที่จะได้สนุกและเพลิดเพลินอย่างครบ รส ทั้งทุ่งดอกคอสมอสกว่าล้านต้น ชมเรือรบของแท้สุดอลังการที่เรือรบมิคาสะ และไหว้พระผูกดวง ณ ศาลเจ้าคาโนที่มีเครื่องรางไม่เหมือนใคร!
แพลนเที่ยว One Day Trip จากโตเกียวไป "โยโกสุกะ" (Yokosuka)
ชื่อเมือง "โยโกสุกะ" (Yokosuka) อาจจะยังไม่คุ้นหูคนไทยนัก
แต่วันนี้เราจะมาขอนำเสนอที่เที่ยวที่ไม่เหมือนใครในจังหวัดคานากาวะ (Kanagawa) เดินทางแสนสะดวกจากโตเกียวเพียงแค่ 1 ชั่วโมง
ไปรับลมทะเลสดชื่น ชม "เรือรบ" ของแท้ ชมดอกไม้แสนสวย และไหว้พระ ซื้อเครื่องรางไม่เหมือนใครกันเลย!
8:40 ตั๋ววันเดย์พาสที่สถานีชินางาว่า (Shinagawa) สายเคคิว (Keikyu)
วันนี้เรามาเริ่มกันที่สถานีใหญ่สถานีนึงของโตเกียวกันเลยค่ะ ที่สถานีชินางาว่า (Shinagawa) กันค่ะ
ที่นี่มีสถานีของสายเจอาร์อยู่ด้วย แต่เราจะไปที่สถานีของสายเคคิว (Keikyu) ที่เราจะใช้บริการกันวันนี้ทั้งวัน
ใครมาจากทางเจอาร์ ก็มองหาป้ายไปสถานีของเคคิวในสถานีได้เลยนะ
มาถึงหน้าสถานีของเคคิวสีน้ำเงินแจ่มๆ เราจะมาซื้อตั๋วกันค่ะ
วันนี้เราขอใช้ตั๋วฟรีพาส Miura Hanto 1 Day Pass (Miura Penisula 1 DAY Pass) ราคาไปกลับจากชินางาว่าแค่ 1,920 เยน ขอบอกว่าคุ้มมาก!
สามารถซื้อตั๋วนี้จากตู้อัตโนมัติในหัวข้อ Special Ticket
หรือ ... มองไปทางซ้ายมือของเครื่องตรวจตั๋วอัตโนมัติ เราจะพบกับ Keikyu Tourist Information Center
ใครกลัวกดไม่ถูก หรืออยากแวะไปเก็บข้อมูลเที่ยว แลกเงินเพิ่ม ก็สามารถใช้บริการที่นี่ได้เช่นกัน
ตั๋วที่เราจะได้มาจะเป็นกระดาษ 3 ใบค่ะ ถึงจะมีภาษาญี่ปุ่นเต็มไปหมด แต่ขอให้สังเกตตัวเลขที่มุมขวาบน จะมีคำว่า NO ตามมาด้วยตัวเลขเหมือนกันทั้งสามใบ ต่างกันแค่ตัวเลขหลังเครื่องหมาย - มาดูตัวเลขด้านหลังนั่นกันเลย
หมายเลข 1 เป็นตั๋วสำหรับนั่งจากชินางาว่าไปถึงบริเวณโยโกสุกะ
หมายเลข 2 เป็นตั๋วสำหรับนั่งกี่รอบก็ได้ในบริเวณคาบสมุทริมิอุระ (รวมโยโกสุกะด้วย) และใช้นั่งกลับมาที่ชินางาว่า
หมายเลข 3 เป็นคำอธิบายวิธีใช้เฉยๆ
รายละเอียดเพิ่มเติมของตั๋วนี้ดูได้จากเว็บไซต์ทางการของเคคิว (ภาษาญี่ปุ่น) ค่ะ
อธิบายตั๋วกันเสร็จ ก็ได้เวลาเดินทาง!
สอดบัตรที่ซื้อมาเข้าเครื่องตรวจตั๋วแล้วมุ่งหน้าไปที่ชานชาลา 1
ระวังนิดเพราะตรงนี้มีรถวิ่งไปทางอื่น เช่น สนามบินฮาเนดะด้วย มองหารถที่วิ่งไป Keikyu Kurihama หรือ Misakiguchi ค่ะ
ส่วนประเภทรถ แนะนำเป็น Limited Express (Ltd. Exp.) จะได้ถึงไวๆ
แถมเทคนิคให้อีกนิดคือ ถ้าเป็น Ltd. Exp. สีเขียวบางคัน สถานีนี้จะเป็นต้นสายด้วย รับประกันว่าได้นั่งสบายๆ ตลอดเส้นทางแน่นอน!
10:00 สวนสาธารณะริมทะเลและ "เรือรบ" ของแท้ที่โยโกสุกะ!
มาลงกันที่สถานีโยโกสุกะจูโอ (Yokosuka-chuo) ออกทางออกทิศตะวันออก เดินลงบันไดเลื่อนมาที่ชั้นหนึ่งหน้าสถานีแล้วเดินไปตามถนนทางซ้ายมือค่ะ จะเห็นร้านรวงมากมาย
เดินมาแค่นิดเดียวจะเจอป้ายรถเมล์ของเคคิว ซึ่งแน่นอนว่าใช้ตั๋วของเราวันนี้นั่งได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม!
นั่งสาย 中央1 เพื่อไปลงเป้าหมายของเราที่ Mikasa Park ได้ แต่ต้องระวังว่ารถสาย 中央1 นั้นมีทั้งแบบ MIKASA Circulation และแบบที่วิ่งไปสถานีโยโกสุกะ เราจะต้องขึ้นสาย 中央1 (MIKASA Circulation) ค่ะ ถ้าหากไม่แน่ใจ ตอนขึ้นรถก็ลองถามคนขับว่า "Mikasa Park?" ดูก็ได้
เนื่องจากจำนวนรถน้อยแค่ชั่วโมงละคัน ใครมาไม่ตรงเวลาจะเดินเล่นชมร้านค้าไปพลาง ก็ใช้เวลาเดินแค่ประมาณ 15 นาทีค่ะ
สวนสาธารณะมิคาสะ (Mikasa Park)
ที่แรกวันนี้เราจะพามาชมสิ่งที่หาดูได้ยากในชีวิตประจำวันค่ะ ... นั่นก็คือ "เรือรบ" ของแท้ๆ ที่เคยออกไปรบกลางมหาสมุทรมาแล้ว! ซึ่งจอดเป็นพิพิธภัณฑ์อยู่ในสวนสาธารณะแห่งนี้ค่ะ
จากหน้าประตูจะเห็นเสากระโดงเรือเด่นชัดมาเลย
ตัวสวนสาธารณะมิคาสะเองก็เป็นสวนสาธารณะที่ร่มรื่น มีน้ำพุสวย และเป็น 1 ใน 100 สวนสาธาณะประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นด้วย
ตรงกลางมีรูปปั้นของจอมพลโทโง เฮฮะชิโร (Tougou Heihachirou) บุรุษในตำนานของทัพเรือญี่ปุ่นในยุคจักรวรรดิญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้!
เรือรบอนุสรณ์มิคาสะ (Memorial Ship Mikasa)
ส่วนเรือลำใหญ่ที่จอดอยู่อย่างสงบในสวนก็คือ "เรือรบมิคาสะ"
เรือรบที่เคยออกปฏิบัติการณ์จริงกลางมหาสมุทร โดยภารกิจใหญ่ของเธอก็คือ สงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น (ปี 1904 - 1905) โดยการนำของจอมพลโทโง
เกิดเป็นยุทธการศึกที่ทั้งโลกต้องตกตะลึงกับความสามารถทางยุทธนาวีของญี่ปุ่นซึ่งสามารถเอาชนะรัสเซีย ประเทศมหาอำนาจในขณะนั้นได้
หลังจากนั้นเรือรบมิคาสะยังได้ร่วมปฏิบัติภารกิจมสำคัญต่างๆ จนในที่สุดก็กลายมาเป็นอนุสรณ์เรือรบเหล็กที่เก่าแก่ที่สุดในโลกในปัจจุบันนี้ให้เราได้สัมผัสประวัติศาสตร์กันค่ะ
ที่นี่มีค่าเข้าชม 600 เยน เราสามารถเดินชมส่วนต่างๆ ภายในเรือที่หลงเหลือจากสมัยนั้น รวมถึงการจัดแสดงประวัติศาสตร์ของเรือ
ไปจนถึงหน้าจอคอมสุดไฮเทคพร้อมคำบรรยายภาษาอังกฤษ แถมยังมีประสบการณ์เสมือนจริง VR ให้ได้ลองกันด้วย!
ใครชอบชมวิว แนะนำให้ปีนขึ้นไปข้างบนอีกนิด สัมผัสความรู้สึกของนายพลจับหางเสือเรือทอดสายตาไปกลางทะเล
น่าสนใจอีกอย่างคือในเรือรบญี่ปุ่นจะมีศาลเจ้าเล็กๆ อยู่ด้วยล่ะ!
11:40 ถนนโดบุอิตะ (Dobu Ita Street) สีสันเมื่อ East Meets West
ตื่นตากับเรือรบกันเสร็จ ได้เวลาหาของอร่อยทานละ!
เราออกจากสวนมิคาสะตรงมาเรื่อยๆ ตามทางจนออกถนนใหญ่ ข้ามฝั่งมาเดินต่ออีกนิดจะมาถึงบริเวณถนนโดบุอิตะ (แนะนำให้เปิดแผนที่ด้านล่างประกอบ)
ย่านนี้เป็นย่านร้านค้า ร้านอาหารและร้านเหล้าตอนกลางคืนที่ผสมผสานระหว่างความเป็นญี่ปุ่นและความเป็นโลกตะวันตก โดยเฉพาะวัฒนธรรมอเมริกันที่เข้ามาตอนญี่ปุ่นเปิดประเทศในปลายยุคเอโดะ รวมถึงฐานทัพเรืออเมริกันที่ยังตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงในปัจจุบันค่ะ
มาถึงย่านนี้ แนะนำให้ลองหาชมเสื้อสุกาจัง (Sukajyan) เสื้อนอกปักลายเก๋าๆ ไว้ด้านหลัง และหาซื้อของฝากจากแกงกะหรี่ อาหารชื่อดังของทัพเรือโยโกสุกะ!
เบอร์เกอร์อเมริกันที่ไม่มีในอเมริกาที่ TSUNAMI
อาหารชื่อดังของที่นี่คือแกงกะหรี่ทัพเรือ (Navy Curry) ซึ่งเป็นอาหารที่ปรุงตามแบบแกงกะหรี่ที่ทานกันในทัพเรือญี่ปุ่นมาแต่อดีตค่ะ
ส่วนอีกอย่างที่จะท้าให้ลองคือ เบอร์เกอร์ทัพเรือโยโกสุกะ (Yokosuka Navy Burger)
เดินเข้ามาในถนนโดบุอิตะนิดเดียว ทางขวามือเราจะเจอร้าน TSUNAMI ร้านชื่อดังที่มีเบอร์เกอร์โดดเด่นไม่เหมือนใครให้ชิมกัน!
เบอร์เกอร์ทัพเรือโยโกสุกะ คือเบอร์เกอร์ประจำเมืองที่กำหนดว่าต้องทำตามสูตรอเมริกัน ใช้เนื้อวัว 100% ปรุงแต่งให้น้อย เพื่อให้ได้รสชาติของเนื้อวัวอย่างเต็มที่
แต่ที่ร้าน TSUNAMI นั้นพิเศษสุดตรงที่มีหลากหลายแบบให้เลือก แถมยังคิดสูตรกับตั้งชื่อตามอิมเมจของประธานาธิบดีของอเมริกาแต่ละคนอีกด้วย!
วันนี้ขอเลือกทานเมนูของคุณจอร์จ วอชิงตันซึ่งเป็นเมนูยอดนิยมในราคา 1,500 เยน บวกเพิ่มเฟรนช์ฟรายและเครื่องดื่มอีก 300 เยน พอรวมภาษีแล้วจะอยู่ที่ 1,944 เยน
ซึ่ง ... รับประกันความเต็มอิ่มเพราะมีทั้งไข่ดาว เบคอนหนาสองแผ่น เนื้อเบอร์เกอร์ มากับชีส 2 แผ่น ผักกาดหอม มะเขือเทศ และหอมใหญ่
นอกจากจะอร่อยแล้ว ยังอิ่มถึงใจอีกด้วย!
13:30 ไปชมทุ่งดอกคอสมอสแสนสวยที่ คุริฮามะ ฮานะโนะคุนิ (Kurihama Hananokuni)
อิ่มกันแลว้ใช่ไหมคะ? งั้นเราไปหาอาหารตากันต่อค่ะ!
เดินทะลุถนนโดบุอิตะมาออกอีกทางนึง จะมาอยู่ที่หน้าสถานีรถไฟชิโอะอิริ (Shioiri) พอดี
เราจะนั่งรถไฟจากชานชาลา 1 ไปลงที่สถานีเคคิว คุริฮามะ (Keikyu Kurihama)
ข้อควรระวัง คือ ตอนกลางวันจะไม่มีรถด่วนวิ่งตรงไปถึงเป้าหมายของเรา เพราะฉะนั้นจะต้องนั่งรถธรรมดาที่วิ่งไปอุรากะ (Uraga) ไป 3 สถานีเพื่อเปลี่ยนรถที่สถานีโฮริโนะอุจิ (Horinouchi) ค่ะ
เมื่อมาถึงแล้ว เดินออกมาทางออกทิศตะวันออกด้านข้างห้าง Wing เลี้ยวขวาเดินไปจนถึงถนนใหญ่ แล้วเลี้ยวซ้ายเดินไปตามถนนใหญ่เรื่อยๆ เลย AEON ไปนิด ฝั่งตรงข้ามจะเจอซอยที่เป็นทางเข้าสวนคุริฮามะ ฮานะโนะคุนิ (Kurihama Hananokuni) เดินเข้าซอยไปอีกสักพัก จะเจอประตูทางเข้า ใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาที แนะนำให้เปิดแผนที่ด้านล่างประกอบค่ะ
Picture courtesy of Kurihama Hananokuni
สวนคุริฮามะ ฮานะโนะคุนิเป็นสวนหย่อนใจที่มีเนื้อที่กว้างขวาง มีเครื่องเล่น มีกิจกรรมให้สนุกมากมาย ทั้งเครื่องเล่นสำหรับเด็ก และลานกอล์ฟหรือยิงธนู
แต่ไฮไลท์ของที่นี่คือสวนดอกคอสมอสที่มีดอกไม้สีชมพูบานสะพรั่งกว่าหนึ่งล้านต้นในฤดูใบไม้ร่วง (ประมาณเดือนตุลาคม)
เหมาะจะมาถ่ายรูปสวยๆ เอาไว้เป็นที่ระลึกและอัพโซเชียลประกาศให้โลกรู้มากค่ะ!
Picture courtesy of Kurihama Hananokuni
นอกจากนี้ในวันสุดท้ายของเทศกาลดอกคอสมอส ยังเปิดให้ผู้เข้าชมสวนเด็ดดอกคอสมอสกลับไปได้ฟรีๆ ด้วย
แถมใครไม่ได้มาในฤดูใบไม้ร่วง ยังมีทุ่งดอกป๊อปปี้สีแดงสดใสให้ชมในฤดูใบไม้ผลิด้วยค่ะ
15:00 สักการะศาลเจ้ากับเครื่องรางน่ารักไม่เหมือนใคร ศาลเจ้าคาโน (Kanou Jinja)
ได้เวลาสักบ่ายสาม เรามาเดินกลับไปที่สถานีเคคิว คุริฮามะกัน
ตรงหน้าสถานีที่เราออกมานั้น จะมีป้ายรถบัสเรียงกันอยู่ค่ะ ตามหาป้ายหน้าสุดที่เป็นป้ายสำหรับสาย 久10 ต่อแถวขึ้นรถจากประตูกลาง ขาลงเราจะลงจากประตูหน้ากันค่ะ ส่วนค่าโดยสารจะไว้จ่ายตอนลงรถ แต่วันนี้เราสามารถโชว์ตั๋วฟรีพาสของเราได้ ไม่เสียค่ารถเพิ่มเลยค่ะ
ระวังนิดที่ป้ายนี้จะมีรถสาย 久20 จอดด้วย อย่าขึ้นไปผิดคันนะ
นั่งไปแค่ประมาณ 10 นาที มาลงที่ป้ายคนยะโจ (Konyacho) เวลาจะลงอย่าลืมกดปุ่มแบบในรูป ลงมาจะเจอเสาโทริอิหินอยู่ตรงหน้าพอดิบพอดี!
ศาลเจ้าคาโนตะวันตก (Nishi Kanou Jinja)
ศาลเจ้าที่วันนี้เรามานั้น แค่ชื่อก็มงคลสุดๆ แล้ว เพราะคำว่า Kanou นั้นแปลว่า "สมหวัง" ค่ะ
และความพิเศษอย่างแรกที่จะแนะนำก็คือ ศาลเจ้าคาโนนั้นมีทั้งศาลเจ้าตะวันตกและตะวันออก ซึ่งคั่นระหว่างกันด้วยแม่น้ำ
โดยศาลเจ้าคาโนตะวันตกนั้นเชื่อว่าสร้างขึ้นตั้งแต่ราวปี 1181 หรือก็เกือบพันปีมาแล้ว! เพื่อบูชาองค์จักรพรรดิโอจิง จักรพรรดิญี่ปุ่นในอดีต
เราจึงสัมผัสได้ถึงความสวยงามและความขลังของอาคารเลยค่ะ
มาถึงศาลเจ้าแล้วอย่าลืมไหว้พระกันก่อน
จากนั้นเราจะขอแนะนำเครื่องรางเด็ดของที่นี่เครื่องรางรูปหินหยดน้ำ "มากาทามะ" ราคา 500 เยน
ซึ่งตัวหินมากาทามะนี้เป็นเครื่องประดับที่คนญี่ปุ่นเชื่อว่ามีพลังอยู่ภายในค่ะ
เมื่อไหว้พระ ได้เครื่องรางเสร็จแล้ว ยังไม่จบ!
ออกมาจากศาลเจ้า เดินไปทางขวามือตรงแยก ข้ามถนนไปทางทะเล เราจะพบกับเรือข้ามฟากค่ะ
แถมยังเป็นเรือลำเล็กๆ ดูพื้นบ้านๆ จนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะได้เจอในญี่ปุ่นเลยเนอะ!
วิธีขึ้นก็แค่กดปุ่มที่เสาแบบในรูปซ้ายบนเพื่อเรียกเรือมาหาและเป็นการบอกคนขับว่าจะขึ้นเรือ พอขึ้นไปก็จ่ายเงิน 200 เยนลงในถาดที่ติดอยู่ที่กำแพงห้องคนขับเรือค่ะ
เวลาออกเรือที่นี่ก็ไม่ได้กำหนดตายตัว ถ้ามีคนนั่งก็จะขับออกไป ได้บรรยากาศน่าดูเลยล่ะ
ศาลเจ้าคาโนตะวันออก (Higashi Kanou Jinja)
เมื่อลงจากเรือแล้ว เดินตรงไปเรื่อยๆ ตามทางไม่นานจะเห็นศาลเจ้าอยู่ตรงหน้าค่ะ
ทางนี้คือศาลเจ้าคาโนตะวันออก ซึ่งเชื่อกันว่าสร้างขึ้นในปี 1692 เพราะการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองที่แยกเขตอุรากะออกเป็นตะวันออกและตะวันตก จึงมีการสร้างศาลเจ้าบูชาเทพที่ชาวบ้านนับถือแต่อดีตมาไว้ที่ฝั่งตะวันออกด้วย
ศาลเจ้าแห่งนี้มีบันไดเรียงสูงขึ้นไป อาจจะต้องเหนื่อยกันสักหน่อยสำหรับการเดินขึ้นไปเพื่อไปไหว้พระ
หากใครเรี่ยวแรงเหลือเยอะ สามารถเดินขึ้นไปจนถึงตัวศาลเจ้าด้านในซึ่งอยู่บนยอดเขาได้ บนยอดเขานี้จะได้พบกับเนินผูกสัมพันธ์ซึ่งเป็นจุดชมวิวอ่าวโตเกียวอีกด้วย
ที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่ "คัตสึ ไคชู" ซามูไรคนแรกที่เดินเรือข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกเพื่อไปอเมริกา เดินทางมาไหว้พระขอพรก่อนออกเดินทาง
ทำให้เชื่อกันว่าที่แห่งนี้จะทำให้เราโชคดีในด้านการเดินทาง เดินเรืออีกด้วยนะ
ไหว้พระแล้วแวะมาซื้อเครื่องรางกันต่อ
คราวนี้เราจะมาซื้อ "ถุงเครื่องราง" กันค่ะ!
ความพิเศษของเครื่องรางที่แนะนำกันวันนี้ก็คือ ต้องแวะซื้อทั้ง "มากาทามะ" และ "ถุงเครื่องราง" จากสองศาลเจ้ามารวมกัน ถึงจะได้เป็นเครื่องรางพิเศษของเราค่ะ!
ถุงเครื่องรางราคาอยู่ที่ 500 เยนค่ะ
รวมกันเป็น 1,000 เยน เราก็ได้เครื่องรางที่จะช่วยผูกดวง และช่วยให้เราสมหวัง แถมยังพิเศษตรงที่เราได้เลือกเครื่องรางเองตั้งแต่ข้างในยันข้างนอกเลยนะ!
17:00 กลับสถานีรถไฟ เตรียมตัวกลับโตเกียว
ได้เครื่องรางสุดพิเศษของตัวเองแล้ว ก็ได้เวลากลับกันละ!
ย้อนกลับมานั่งเรือข้ามฟากที่คราวนี้มีปุ่มเรียกให้กดอยู่ใกล้ๆ ประตูของห้องนั่งรอ
พอกลับมาถึงฝั่งปุ๊บ เราจะนั่งรถบัสจากตรงหน้าท่าเรือข้ามฟากเพื่อกลับสถานีเคคิว คุริฮามะก็ได้ หรือจะเดินไปยังหน้าศาลเจ้าคาโนตะวันตกเพื่อนั่งบัสไปยังสถานีอุรากะ (Uraga) ก็ได้ค่ะ ถ้าข้างไหนรถมาก่อนก็เลือกขึ้นทางนั้นได้เลย
นั่งรถฟรีด้วยบัตรเบ่งของเราวันนี้ แค่ราวๆ 10 นาทีก็กลับมาถึงสถานีแล้ว จากนั้นก็นั่งรถไฟเพื่อกลับไปยังสถานีชินางาว่าได้เลยค่ะ
เนื่องจากใช้เวลาแค่ประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงโตเกียวแล้ว ใครยังมีแรง อยากเที่ยวต่อ ก็ขอแนะนำให้ลองกลับไปยังถนนโดบุอิตะเพื่อสัมผัสบรรยากาศตอนกลางคืนที่ดูแตกต่างจากญี่ปุ่นไม่น้อย และอยากแนะนำให้ลองไปทาน "แกงกะหรี่ทัพเรือ" ที่ยังไม่ได้ชิมกันด้วยนะ!
สรุปการเดินทาง
สถานีชินางาว่า → สถานีโยโกสุกะจูโอ → สวนสาธารณะมิคาสะและเรือรบอนุสรณ์มิคาสะ → ถนนโดบุอิตะ → ร้าน TSUNAMI → สถานีชิโอะอิริ → สถานีเคคิว คุริฮามะ→ สวนคุริฮามะ ฮานะโนะคุนิ → สถานีเคคิว คุริฮามะ → ศาลเจ้าคาโนตะวันออก → ศาลเจ้าคาโนตะวันตก → สถานีเคคิว คุริฮามะ หรือ สถานีอุรากะ
ค่าเดินทางทั้งหมด : ค่ารถไฟ ฟรีพาส Miura Hanto 1 DAY Pass (Miura Penisula 1 Day Pass) 1,920 เยน (เด็ก 990 เยน) ค่าเรือข้ามฟากไปกลับ 400 เยน
ใช้จ่ายอื่นๆ : ค่าอาหาร 1,944 เยน ค่าเข้าชม 600 เยน และค่าเครื่องราง 1,000 เยน
รวมค่าใช้จ่ายใน 1 วัน/1 คนตามแผน : ประมาณ 5,864 เยน (ไม่รวมค่าซื้อของ)
เช็คข้อมูลเที่ยวเด็ดๆ ตามสาย Keikyu และการเดินทางไปกลับสนามบินฮาเนดะ ได้จาก : http://www.haneda-tokyo-access.com/en/
Supported by Keikyu Corporation
สาวไทยในโตเกียว ลัลล้ากับการทำงาน ว่างๆ ก็แว่บไปเที่ยวและชิมของอร่อย สนใจวัฒนธรรมญี่ปุ่น รวมไปถึง Pop culture~♥
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง