Start planning your trip
ส้มตำครกนี้ฝีมือคนญี่ปุ่น SOM TUM CAFFE ร้านส้มตำในโตเกียว
SOM TUM CAFFE ร้านส้มตำฝีมือคนญี่ปุ่นที่เห็นถึงคุณค่าและคุณประโยชน์ของมะละกอถึงขั้นเรียกให้เป็นซูเปอร์ฟู้ดเลยทีเดียว ที่ถูกใจคือสั่งความเผ็ดได้แบบที่ไทยเป๊ะ อยากรู้ว่าเผ็ดเหมือนไทยด้วยรึเปล่าต้องลอง!
SOM TUM CAFFE
อาหารไทยเป็นหนึ่งในอาหารต่างชาติที่ค่อนข้างได้รับความนิยมจากคนญี่ปุ่นอยู่ ถ้าพูดชื่อ กะพาโอ (กะเพรา) โทมุยามุคุ่ง (ต้มยำกุ้ง) ขึ้นมานี่เค้าร้องอ๋อกันแน่นอน แต่ร้านอาหารไทยใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ ยิ่งไปนอกเมืองหรือต่างจังหวัดนี่ต้องเรียกว่าแรร์ไอเท่ม วันนี้จะพาไปร้านอาหารไทย แต่ร้านนี้แปลกกว่าร้านอื่นเพราะเค้าเลือกขายแค่ส้มตำอย่างเดียวเลย ที่ร้าน SOM TUM CAFFE สถานีทามาจิ โตเกียว
หน้าร้านเก๋ไก๋เด่นด้วยกันสาดสีฟ้าสด ดูทีแรกนึกว่าร้านทำผม แต่จริงๆ แล้วไฟหมุนๆ นั่นของร้านทำผมบนชั้น 2 น่ะ
ในร้านมีที่นั่งไม่เยอะ แบบโต๊ะ 2 ที่นั่ง 2 ตัว แล้วก็ที่นั่งตรงเคาน์เตอร์อีก 4 ที่นั่ง ที่กำลังยืนอยู่คืออิริยามะซัง เจ้าของร้านที่ไปไทยมาแล้วกว่า 30 รอบ
มะละกอดิบตรงเคาน์เตอร์ ที่ร้านใช้มะละกอที่ผลิตในญี่ปุ่นทั้งหมด
เมนูมื้อเที่ยงมีให้เลือกหลายอย่าง เบสิกสุดคือส้มตำ (ソムタム) ราคารวมภาษี ไซส์เล็ก 680 เยน ไซส์ใหญ่ 900 เยน มาพร้อมข้าวเหนียว ไข่ต้ม ส่วนเมนูอื่นก็จะมีเพิ่มเครื่องอย่างอื่นเข้าไป เมนูที่อิริยามะซังอยากให้ลองคือส้มตำทูน่ามายองเนส (ツナマヨソムタム) ราคาไม่รวมภาษี 1,100 เยน
เห็นแล้วอย่าเพิ่งตกใจว่าทำไมใช้ครกหิน อิริยามะซังบอกว่านี่ก็เป็นเรื่องที่เค้ากลุ้มอยู่เหมือนกัน เพราะส้มตำที่ไทยใช้สากตำพริกตำถั่ว แต่พอใส่เส้นแล้วแทบจะไม่ตำเลย แค่คลุกอย่างเดียว มะละกอจะได้กรุบอร่อย
แต่คนญี่ปุ่นหลายคนยังไม่ชินกับมะละกอดิบ อันนี้คือไม่นับคนญี่ปุ่นที่ชอบอาหารไทยนะ เพราะงั้นพอหั่นมะละกอดิบเป็นเส้นใหญ่ปกติแบบของไทยแล้วหลายคนจะไม่ชอบเพราะมันไม่มีรสชาติ เค้าเลยต้องตำให้เนื้อมะละกอนิ่มขึ้น แล้วก็อมน้ำจะได้มีรสชาติ ฟังแล้วก็เข้าใจอารมณ์นะ แบบว่าอยากทำให้เหมือนที่ไทยเป๊ะๆ แต่คนทานจะไม่ชอบก็เลยต้องยอมปรับนิดปรับหน่อย
มาแล้วส้มตำ 2 จาน
จานแรกส้มตำมัสเซิล (マッスルソムタム) ราคาไม่รวมภาษี 1,000 เยน ใส่เนื้อไก่ย่างเพิ่มโปรตีน กรดอมิโนในมะละกอจะช่วยย่อยสลายโปรตีนในเนื้อไก่ให้ร่างกายดูดซึมได้ง่ายขึ้น เหมาะกับคนที่อยากสร้างกล้ามเนื้อ เลยตั้งชื่อว่าส้มตำกล้ามไปเลย
พริกนี่ตำมาละเอียดเชียว เผ็ดเอาเรื่องอยู่นะเนี่ย แต่ได้รสแบบไทยๆ ใช้น้ำมะขามปรุงด้วย
แต่ที่ถูกใจมากคือที่นี่ให้เลือกความเผ็ดได้แบบไม่คิดเงินเพิ่ม เพราะร้านอาหารในญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่ว่าจะร้านราเม็งหรือแกงกะหรี่ พอจะเพิ่มความเผ็ดนี่บางที่คิดเงินเพิ่มด้วย
ระดับความเผ็ดเริ่มที่ 0 คือไม่เผ็ดเลย ถ้าระดับ 10 เผ็ดมากจะใส่พริก 5 เม็ด หรือจะเอามากกว่านั้นก็ ระดับไทย (タイ辛) พริก 8 - 10 เม็ด เผ็ดแบบคนไทยกิน ครั้งนี้คือสั่งระดับ 10 ก็ว่าเผ็ดเกินปกติของตัวเองแล้วหละ
อีกเมนูคือส้มตำทูน่ามายองเนส (ツナマヨソムタム) ราคาไม่รวมภาษี 1,100 เยน ทูน่ามาโย (ชื่อเรียกย่อๆ ของทูน่ามายองเนส) เป็นอะไรที่คนญี่ปุ่นชอบกันมาก เอามาทำเป็นไส้ขนมปังบ้าง ทำเป็นสลัดผักบ้าง ที่นี่เลยเอามาทำเป็นส้มตำซะเลย
มีทั้งรสเปรี้ยวหวานแบบส้มตำแล้วก็รสมันๆ ของมายองเนสกับรสทูน่า ก็นัวได้ที่ แถมแปลกใหม่ไม่เคยกินมาก่อน
เห็นเขียวอย่างนี้อย่าเพิ่งนึกว่าชาเขียว นี่คือชาใบมะละกอ
ของไทยเราเองก็มีบ้างที่เอาใบมะละกอมาต้มดื่มเป็นน้ำสมุนไพร แต่อิริยามะซังลองเอาใบมะละกอมาทำเป็นชาผงเลย โดยใช้ใบมะละกอจากสวนเกษตรออร์แกนิกในจังหวัดกุนมะ มาทำให้เป็นผงละเอียด ชงง่ายแค่ละลายในน้ำเย็นหรือน้ำร้อนก็ได้
ถ้ามาตอนมื้อเย็นเมนูจะเปลี่ยนเป็นแนวกับแกล้ม เช่น ส้มตำกับแกล้ม (おつまみソムタム) หรืออย่างในรูปก็เท็มปุระมะละกอ (青パパイヤのハラミsの天ぷら) มาพร้อมน้ำจิ้ม 3 อย่าง เก๋ไก๋จนนึกไม่ถึงว่ามะละกอดิบจะเอามาทำเป็นเท็มปุระได้ด้วย ราคาไม่รวมภาษี 600 เยน
หรืออันนี้ก็เอาชาใบมะละกอมาทำเป็นเส้นโซบะ! อร่อยแบบสุขภาพดีเข้าไปอีก ราคาไม่รวมภาษี 1,000 เยน
ตอนที่นั่งรอส้มตำก็ถามอิริยามะซังว่าทำไมถึงมาเปิดร้านส้มตำ เค้าบอกว่ามะละกอเนี่ยน่าจะเรียกว่าซูเปอร์ฟู้ดเลยก็ได้ เพราะมันมีประโยชน์ต่อร่างกายมาก อยากให้คนญี่ปุ่นได้รู้จักมะละกอมากขึ้น ส่วนถั่วฝักยาวขอเปลี่ยนมาเป็นอโวคาโดแทน มีประโยชน์ต่อสุขภาพแล้วผู้หญิงญี่ปุ่นก็ชอบทานอโวคาโดอยู่แล้วด้วย เค้าก็คิดอยู่หลายอย่างว่าเอามะละกอมาทำเป็นอะไรได้บ้าง ก็สรุปได้ว่าทำเป็นส้มตำนี่แหละดีที่สุดแล้ว อร่อยแล้วก็ทานง่าย แถมถามมาอีกว่าเพราะคนไทยชอบกินส้มตำกันรึเปล่านะเลยไม่ค่อยมีคนอ้วนเลย
ถ้าได้มาแถวชินากาวะก็นั่งรถไฟมาอีกสองสถานี ลงที่สถานีทามาจิ แล้วมาชิมส้มตำฝีมือชาวญี่ปุ่นกันที่ SOM TUM CAFFE
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง