6 แหล่งท่องเที่ยวห้ามพลาดในฮิโรชิม่าและเกาะมิยาจิมะ!

“จ.ฮิโรชิม่า” คือ เมืองแห่งสันติภาพและวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียง ภายในจังหวัดเต็มไปด้วยไฮไลท์ที่น่าสนใจมากมาย ทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมแวะมาเที่ยวฮิโรชิม่าถัดจากโตเกียวและเกียวโตด้วยเช่นเดียวกัน

สวนสันติภาพฮิโรชิม่า, โดมปรมาณู และ เกาะมิยาจิมะ แหล่งชมวิวขึ้นชื่อที่ตั้งอยู่ภายในเมืองฮาซึคะอิชิ จ.ฮิโรชิม่าทั้ง 3 แห่งล้วนปรากฏให้เห็นกันตามไกด์นำเที่ยวทุกสำนัก ที่นี่จึงนับเป็นแหล่งท่องเที่ยวห้ามพลาดเมื่อได้มาเที่ยวญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้

นอกจากนี้ ภายใน เมืองฟุคุยามะ ที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของจ.ฮิโรชิม่าก็ยังมีไฮไลท์เด็ดๆอย่าง ฟุคุจุไคคัง แหล่งสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นมากมาย, ปราสาทฟุคุยามะ และ “โทโมะโนะอุระ” ซึ่งว่ากันว่าเป็นฉากที่ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์เรื่อง “Ponyo (โปเนียว)” อีกด้วย

และสุดท้ายที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ชิมะนามิไคโด ในดวงใจของนักปั่นทั่วโลกเลยจ้า...

ในครั้งนี้เราจะมาแนะนำแหล่งท่องเที่ยวห้ามพลาดภายในเมืองฮิโรชิม่าและเกาะมิยาจิมะที่สามารสเที่นวได้ภายใน1วัน ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของฮิโรชิม่า ถ้ามีโอกาสมาเที่ยวจังหวัดฮิโรชิม่าละก็ อย่าลืมแวะ ฟุคุยามะและโอโนะมิจิ หรือจุดท่องเที่ยวอื่นๆด้วยนะค่ะ ^^

วิธีการเดินทางไปยังเกาะมิยาจิมะ

การเดินทางไปยังเกาะมิยาจิมะขอแนะนำให้รีบมากันตั้งแต่เช้าจะดีที่สุด เพราะว่าเสาโอโทริอิของศาลเจ้าอิสึคุชิมะที่ลอยอยู่เหนือทะเลนั้นมีทัศนียภาพงดงามที่สุดตอนน้ำขึ้นเต็มฝั่ง ส่วนข้อมูลระดับน้ำขึ้น-ลงสามารถเข้าไปดูได้จาก เว็บไซต์หลักของสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวมิยาจิมะ ดังนั้น สำหรับใครที่วางแผนเดินทางมาเที่ยวที่นี่ก็รีบมาแต่เช้าให้ทันน้ำขึ้นเต็มฝั่งกันเนอะ

ถ้าเกิดใครต้องการเดินทางมาจากเมืองฟุคุยามะให้ใช้บริการ ซันโยชินคันเซ็น มาถึงฮิโรชิม่าจะสะดวกกว่า โดยเราสามารถนั่งชินคันเซ็นมาถึงสถานีฮิโรชิม่าได้โดยใช้เวลา 23 นาที ค่าโดยสาร 5,140 เยน

ส่วนการเดินทางต่อจากสถานีฮิโรชิม่ามาถึงเกาะมิยาจิมะจำเป็นต้องมุ่งหน้าไปยัง Miyajimaguchi ก่อนแล้วขึ้นรถไฟ JR Sanyo Main Line ที่มุ่งหน้าไปยัง Iwakuni มาถึง Miyajimaguchi Station โดยใช้เวลา 30 นาที

เมื่อเดินออกจาก Miyajimaguchi Station แล้วให้เดินตรงไปเรื่อยๆอีกประมาณ 3 นาทีก็จะถึงท่าเรือเฟอร์รี่ที่มุ่งหน้าไปยังเกาะมิยาจิมะแล้วล่ะค่ะ โดยมีเรือเฟอร์รี่ทั้งหมด 2 แบบด้วยกันประกอบด้วย “JR Miyajima Ferry” และ “Miyajima Matsudai Ferry” ค่าโดยสาร 180 เยนเท่ากันทั้งคู่ JR Miyajima Ferry วิ่งให้บริการทุกๆ 15 นาทีตั้งแต่ 8 โมงเช้าจนถึง 4 โมงเย็น เรือเฟอร์รี่นี้วิ่งให้บริการในเส้นทางที่เข้าใกล้ เสาโอโทริอิของศาลเจ้าอิสึคุชิมะ มากที่สุด จึงขอแนะนำสำหรับใครที่อยากชมเสาโอโทริอิเหนือทะเลกันแบบใกล้ชิดเลยค่ะ ^^

สำหรับรายละเอียดสามารถเข้าไปดูได้จากบทความ「รถไฟกับเครื่องบินอันไหนดีที่สุด? เส้นทางจากกรุงโตเกียวไปมิยาจิมะ」และ「วิธีการเดินทางจากโอซาก้าไปยังเกาะมิยาจิมะ」

3 แหล่งท่องเที่ยวห้ามพลาดในเกาะมิยาจิมะ

Itsukushima Shrine (ศาลเจ้าอิสึคุชิมะ)

เมื่อเอ่ยถึงไฮไลท์เด็ดประจำเกาะมิยาจิมะแห่งนี้ก็จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก Itsukushima Shrine (ศาลเจ้าอิสึคุชิมะ) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมนั่นเอง

ประวัติความเป็นมาของศาลเจ้าอิสึคุชิมะนั้นต้องย้อนกลับไปในสมัยโบราณก็จริง แต่สภาพที่เห็นกันในปัจจุบันเป็นเสาโอโทริอิที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 ด้วยความงดงามลึกลับน่าค้นหาของสถาปัตยกรรมที่ราวกับลอยอยู่เหนือทะเลทำให้เกาะมิยาจิมะแห่งนี้กลายเป็น 1 ใน3 ทัศนียภาพอันงดงามของญี่ปุ่น มาตั้งแต่สมัยก่อนเลยทีเดียว

โดยเราสามารถเดินเล่นบนระเบียงทางเดินเหนือทะเลพลางชมศาลเจ้าหลัก, เวทีละครโนห์ และเสาโอโทริอิจากด้านในได้อย่างชัดเจน ความกลมกลืนระหว่างสถาปัตยกรรมสีแดงชาดและสีของน้ำทะเลก่อให้เกิดเป็นทัศนียภาพชวนฝันงดงามสุดๆ

แถมที่นี่ยังเต็มไปด้วยจุดถ่ายรูปที่ระลึกสุดเจ๋งจากภายในศาลเจ้าอิสึคุชิมะด้วยนะเออ...

Senjokaku (เซ็นโจคาคุ) และ Five-storied Pagoda (เจดีย์ห้าชั้น)

ชื่อทางการของ Senjokaku (เซ็นโจคาคุ) แห่งนี้ก็คือ โฮโคคุจินจะ โดยสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นวัดมาตั้งแต่ปี 1587 โดย “โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ” นาลพล สมัยเซ็งโกคุ แต่หลังจากฮิเดโยชิเสียชีวิตลง สถาปัตยกรรมก็ยังคงสภาพสร้างไม่เสร็จอยู่เหมือนเดิมจนถึงปัจจุบัน

นับตั้งแต่เกิดนโยบายชิมบุทสึบุนริ (※1) ใน สมัยเมจิ ที่นี่ก็กลายมาเป็นศาลเจ้าโฮโคคุจินจะมาจนถึงปัจจุบัน

※1 : ชิมบุทสึบุนริ……นโยบายต้องห้ามแนวคิดการผสมผสานความเชื่อทางศาสนาพุทธและชินโตซึ่งเคยเจริญรุ่งเรืองในยุคกลาง โดยเป็นมาตรการทางศาสนาในสมัยเมจิเพื่อต้องการแบ่งแยกศาสนาพุทธและชินโตออกจากกัน

สถาปัตยกรรมแห่งนี้มีขนาดกว้างใหญ่น่าประทับใจสุดๆ โดยทำให้รับรู้ถึงพลังอำนาจของฮิเดโยชิในสมัยนั้นได้อย่างชัดเจน “เซ็นโจ” หมายถึง เสื่อทาทามิ 1,000 ผืน เนื่องจากภายในมีการปูเสื่อทาทามิเอาไว้มากกว่า 800 ผืน คนญี่ปุ่นจึงเรียกกันว่าแบบนี้นั่นเอง

แถมภายในอาคารก็ยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าขนาดเล็กอีกด้วย บนเพดานมีการประดับรูปภาพที่สื่อให้เห็นถึงสไตล์ความชอบของผู้คนในสมัยก่อน

ส่วน Five-storied Pagoda (เจดีย์ห้าชั้น) ที่ตั้งสูงตระหง่านอยู่ด้านหน้าเซ็นโจคาคุแห่งนี้เป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 ซึ่งเป็นช่วงแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและติดต่อค้าขายกับราชวงศ์หมิงของจีน ด้วยเหตุนี้ เราจึงสามารถสัมผัสถึงอิทธิพลทางวัฒนธรรมของจีนจากรายละเอียดอันงดงามของตัวสถาปัตยกรรมได้

Daishō-in (วัดไดโชอิน)

Daishō-in (วัดไดโชอิน) ที่ตั้งอยู่ทางฝั่งภูเขาห่างไกลจากชายทะเลของมิยาจิมะแห่งนี้เป็นวัดนิกายชินงอนที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ใน สมัยเฮอัน โดยมีความเกี่ยวข้องลึกซึ้งกับศาลเจ้าอิสึคุชิมะ

เมื่อลอดประตูไดมอนและเดินขึ้นบันไดไปก็จะพบกับพื้นที่อันแสนกว้างใหญ่ภายในวัดไดโชอินที่เรียงรายไปด้วยโบสถ์และสถาปัตยกรรมมากมาย

สำหรับใครที่ขึ้นบันไดชันๆไม่ไหวก็ขอแนะนำให้ผ่านประตูไดมอนไปใช้ทางเดินทางซ้ายมือเลยค่ะ ^^ เนินทางเดินลาดสบายๆเรียงรายไปด้วย รูปปั้นจิโซ จำนวนนับไม่ถ้วนตั้งเรียงรายกันอยู่ทั้งสองฟากฝั่ง

อย่าลืมหยุดชมเอกลักษณ์ของรูปแบบสถาปัตยกรรมวัดขึ้นชื่อของญี่ปุ่นตรงโบสถ์หลักและวิหารเจ้าแม่กวนอิมของวัดไดโชอินกันหน่อยน้า... แล้วก็เข้าไปชมภายในวิหารเจ้าแม่กวนอิมกันเลย～ ที่นี่เราจะได้เห็นทั้งสิ่งของที่ใช้กันในพิธีทางพุทธศาสนาและมันดาลาทรายของธิเบตสุดแปลกที่ไม่ค่อยพบเห็นกันในญี่ปุ่น

ทัศนียภาพของทะเลและเมืองฮิโรชิม่าสามารถมองเห็นได้จากภายในวัดไดโชอินนับเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของที่นี่เลยก็ว่าได้

ตอนที่มุ่งหน้ากลับไปยังท่าเรือเฟอร์รี่ก็อย่าลืมแวะตามถนนร้านค้าภายในเมืองเพื่อลิ้มลอง “โมมิจิมันจู” ของขึ้นชื่อประจำท้องถิ่นกันด้วยนะจ๊ะ... รับรองว่าเพื่อนๆจะได้พบกับของฝากจากมิยาจิมะมากมายกันอย่างแน่นอน!

3 แหล่งท่องเที่ยวภายในเมืองฮิโรชิม่า

ส่วนการเดินทางจาก Miyajimaguchi กลับเข้าเมืองฮิโรชิม่าก็ขอแนะนำให้ใช้บริการรถราง Hiroshima Electric Railway เลยจ้า... โดยเราสามารถเดินทางตรงมาถึง Genbaku Dome-mae Station พลางชมทัศนียภาพของเมืองฮิโรชิม่าได้อย่างจุใจ (ค่าโดยสาร 250 เยน)

Genbaku dome (โดมปรมาณู)

สถาปัตยกรรม Genbaku dome (โดมปรมาณู) ที่มีชื่อเสียงแห่งนี้เคยใช้เป็นหอจัดแสดงมาก่อนช่วงสงคราม แต่หลังจากเหตุการณ์ทิ้งระเบิดปรมาณูในวันที่ 6 สิงหาคม 1945 ที่นี่เป็นสถาปัตยกรรมเพียงแห่งเดียวเท่านั้นในเมืองฮิโรชิม่าที่ยังคงไม่พังทลาย ทำให้คนญี่ปุ่นเรียกกันว่า “โดมปรมาณู” ไปโดยปริยาย ในปี 1996 ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกที่ช่วยปลุกสำนึกเรื่องความสำคัญของสันติภาพให้กับเหล่ามนุษยชาติ

เราสามารถเดินเล่นภายในสวนสันติภาพฮิโรชิม่ารอบๆโดมปรมาณูพลางชมอนุสาวรีย์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งคำอธิษฐานขอสันติภาพเกิดแด่โลกได้ที่นี่เลย...

Hiroshima Peace Memorial Museum (พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สถานสันติภาพฮิโรชิม่า)

Hiroshima Peace Memorial Museum (พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สถานสันติภาพฮิโรชิม่า) แห่งนี้จัดแสดงข้อมูลเกี่ยวกับสภาพบ้านเมืองฮิโรชิม่าก่อน-หลังเกิดเหตุการณ์ทิ้งระเบิดปรมาณู, ที่มาที่ไปของเหตุการณ์ทิ้งระเบิดปรมาณู และผลกระทบของระเบิดปรมาณูต่อวิถีชีวิตของชาวเมืองฮิโรชิม่า ไม่ว่าใครก็ตามที่มาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็ต้องรู้สึกถึงแรงอธิษฐานขอไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกเป็นครั้งที่สองและขอสันติภาพเกิดแด่โลกอย่างแน่นอน

HIROSHIMA ORIZURU TOWER (ฮิโรชิม่า โอริซุรุ ทาวเวอร์)

HIROSHIMA ORIZURU TOWER (ฮิโรชิม่า โอริซุรุ ทาวเวอร์) คือ หอคอยที่เปิดให้บริการไปเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2016 ที่ผ่านมา โดยชั้นบนสุดเป็นจุดชมวิวสำหรับชมวิวเมืองฮิโรชิม่า

บอกเลยว่าไม่ได้มีดีแค่จุดชมวิวเมืองฮิโรชิม่าเท่านั้น แต่ยังขอแนะนำงานจัดแสดงศิลปะธีมสันติภาพประจำของที่นี่ด้วยเลยจ้า...

บทส่งท้าย

ภายในจ.ฮิโรชิม่าเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวอันทรงเสน่ห์และกิจกรรมดีๆมากมาย ถ้าเกิดใช้เวลาอย่างคุ้มค่าที่สุดก็จะได้ทั้งท่องเที่ยวและเข้าร่วมกิจกรรมสัมผัสวัฒนธรรมไปพร้อมๆกันเลยทีเดียว สำหรับใครที่อยากมีช่วงเวลาสุดพิเศษก็บอกเลยว่าห้ามพลาดทั้งคู่เลยค่ะ ^^

Sponsored by เมืองฟุคุยามะ