【จ.ชิสึโอกะ】ทริปกิน & เที่ยวคาบสมุทรอิซุด้วยตั๋วสุดคุ้ม 2 วัน 1 คืน!
“จ.ชิสึโอกะ” แห่งนี้เป็นที่ตั้งของทั้งภูเขาไฟฟูจิที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นและอ่าวซุรุกะที่ลึกที่สุดในญี่ปุ่น ในครั้งนี้เราจะมาแนะนำแผนเที่ยว “คาบสมุทรอิซุ” แหล่งออนเซ็นชั้นนำของญี่ปุ่นในจ.ชิสึโอกะด้วยตั๋วฟรีพาสโทไคบัสสุดคุ้มตลอด 2 วัน 1 คืนกันค่ะ
จังหวัดชิสึโอกะ แห่งนี้เป็นที่ตั้งของทั้ง ภูเขาไฟฟูจิ ที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นและอ่าวซุรุกะที่ลึกที่สุดในญี่ปุ่น ในครั้งนี้เราจะมาแนะนำแผนเที่ยว “คาบสมุทรอิซุ” แหล่งออนเซ็นชั้นนำของญี่ปุ่นซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของจ.ชิสึโอกะตลอด 2 วัน 1 คืนกันค่ะ
※ บทความนี้เขียนขึ้นในสไตล์การรายงานข้อมูลพร้อมรูปภาพ
คาบสมุทรอิซุที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของจังหวัดชิสึโอกะ
โดยทริปครั้งนี้เราเดินทางโดยใช้「ตั๋วฟรีพาสโทไคบัสสำหรับ 2 วัน」ราคาผู้ใหญ่ 3,900 เยน เด็กเล็ก 1,950 เยน บอกเลยว่าเป็นตั๋วสุดคุ้มที่ทำให้เราสามารถ ขึ้น-ลงโทไคบัสซึ่งวิ่งให้บริการทั่วทั้งโซนคาบสมุทรอิซุแบบไม่อั้น กันเลยทีเดียว
ก่อนอื่นก็นั่งชินคันเซ็นจากโตเกียวมาลงที่ Mishima Station และจัดแจงซื้อ “ตั๋วฟรีพาสโทไคบัสสำหรับ 2 วัน” ตรงศูนย์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของโทไคบัสด้านหน้าสถานีรถไฟให้เรียบร้อย ต่อจากนั้นก็มุ่งหน้าไปยัง “Shuzenji (วัดชูเซ็นจิ)” กันเลยจ้า... เมื่อนั่งรถไฟมาถึง “Shuzenji Station” โดยใช้เวลาประมาณ 46 นาทีก็นั่งรถบัสที่มุ่งหน้าไปยัง “Shuzenji Onsen” ประมาณ 8 นาทีมาลงป้าย “Shuzenji Onsen Station” เพียงเท่านี้เราก็จะพบกับทัศนียภาพอันงดงามสมฉายาว่า “เกียวโตน้อย” อย่างที่เห็นในภาพแล้วล่ะค่ะ
เอื้อเฟื้อภาพโดย:จังหวัดชิสึโอกะ
ไฮไลท์ที่สะดุดตาเป็นอย่างแรกเมื่อมาถึงเลยก็คือ “Tokko-No-Yu (ทกโกะ โนะ ยุ)” นั่นเอง ว่ากันว่าเป็นแหล่งออนเซ็นน้ำผุดอายุมากกว่า 1200 ปี
เอื้อเฟื้อภาพโดย:จังหวัดชิสึโอกะ
เมื่อเดินตามเส้นทางเดินเล่นกินลมชมวิวเลียบแม่น้ำมาเรื่อยๆก็พบกับ “Chikurin no komichi(ทางเดินป่าไผ่)” เพียงแค่นอนลงบนม้านั่งวงกลมตรงกลางแหงนหน้ามองท้องฟ้าท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่สาดส่องผ่านต้นไม้ เสียงไหลของแม่น้ำลำธาร และลมเย็นสบายปราศจากความวุ่นวายภายในเมืองก็รู้สึกสบายตัวสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
เอื้อเฟื้อภาพโดย:จังหวัดชิสึโอกะ
หลังจากเดินเล่นมาสักพักรู้ตัวอีกทีก็ใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้วสิเนี่ย... ตอนนี้ผู้เขียนรู้สึกหิวขึ้นมาแล้ว จึงตัดสินใจกลับไปเดินเตร็ดเตร่ภายในหมู่บ้านออนเซ็นพลางค้นหาร้าน โซบะ ในชูเซ็นจิไปด้วย โดยร้านที่เราเลือกมาฝากท้องกันในวันนี้ก็คือ “Zempuuteinanaban (เซ็มปูเทนัมบัง)” นั่นเอง
เอื้อเฟื้อภาพโดย:จังหวัดชิสึโอกะ
แน่นอนว่าเราสั่งเป็น “ชูเซ็นโซบะ” (1,260 เยน) ซึ่งเป็นเมนูแนะนำของทางร้านมาลิ้มลองกันให้หายอยาก โดยเป็นเซ็ตสำหรับเพลิดเพลินกับโทโรโระ (มันภูเขาบด) และโซบะได้ในเมนูเดียวซึ่งมาพร้อมกับต้นวาซาบิติดใบ พืชผักบนภูเขา และเครื่องปรุงรส ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่การได้ขูด “วาซาบิ” ผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อประจำอิซุรับประทานด้วยตัวเองนี่แหละ
การรับประทานวาซาบิขูดสดใหม่คู่กับโซบะเป็นอะไรที่สุดยอดมากและสามารถหาทานได้เฉพาะที่นี่เท่านั้น! แถมเรายังสามารถนำวาซาบิที่เหลือใส่ถุงพลาสติกกลับบ้านได้อีกต่างหาก โอ้โห~ อะไรจะคุ้มขนาดนี้?!
สำหรับข้อมูลพื้นฐานของโซบะญี่ปุ่นสามารถเข้าไปดูได้จากบทความ「ไกด์แนะนำโซบะแบบจัดเต็ม! วิธีทาน ประเภท ราคา และร้านแนะนำ」
Zempuuteinanaban (เซ็มปูเทนัมบัง)
ที่อยู่:761-1-3 Shuzenji, Izu-shi, Shizuoka-ken
เบอร์โทรศัพท์:0558-72-0007
วันหยุด:วันพฤหัสบดี
เวลาทำการ:10:00~16:00 น.
มุ่งหน้าสู่ น้ำตก Kawazu Nanadaru(น้ำตกคาวาสึนานะดารุ) ซึ่งชุ่มฉ่ำไปโดยหยดน้ำสาดกระเซ็นแสนสดชื่น
เอื้อเฟื้อภาพโดย:จังหวัดชิสึโอกะ
มาถึงจุดหมายถัดไปของทริปอย่าง น้ำตก Kawazu Nanadaru (น้ำตกคาวาสึนานะดารุ) กันบ้างดีกว่า~ โดยเราสามารถนั่งรถบัสจาก Shuzenji Station ข้ามสันเขาอามากิมาถึง Mizutari Station ได้โดยใช้เวลาประมาณ 50 นาที
ภายในคาวาสึเต็มไปด้วยน้ำตกหลายสายซึ่ง 7 น้ำตกขึ้นชื่อที่สุดในบรรดาน้ำตกทั้งหมดเรียกกันว่า “Kawazu Nanadaru (น้ำตกคาวาสึนานะดารุ)” หรือน้ำตก 7 สายแห่งคาวาสึ เมื่อลงรถบัสและเดินขึ้นบันไดซึ่งค่อนข้างชันต่อมาเรื่อยๆก็จะพบกับจุดชมวิวน้ำตกคามาดารุ จุดชมวิวแห่งนี้สุดยอดมากถึงขนาดว่าเราจะได้สัมผัสกับหยดน้ำที่สาดกระเซ็นขึ้นมาอย่างใกล้ชิดเลยทีเดียว! หลังจากนั้นก็ต่อด้วยน้ำตกเอบิดารุ, น้ำตกเฮบิดารุ และน้ำตกโฉะเคดารุซึ่งเป็นที่ตั้งของรูปปั้น “The Dancing Girl of Izu” ผลงานขึ้นชื่อของนักเขียนนวนิยายชื่อดังชาวญี่ปุ่น “ยาสึนาริ คาวาบาตะ”
เอื้อเฟื้อภาพโดย:จังหวัดชิสึโอกะ
เดินตามเส้นทางเดินเล่นกินลมชมวิวจากน้ำตกโฉะเคดารุไปเรื่อยๆก็จะเริ่มเห็นร้านจำหน่ายของฝากและโรงน้ำชาตั้งเรียงรายกันตามทางเดินทั้งสองข้างทาง
เมื่อเดินต่อมาอีกนิดก็พบกับ “Wasabien Kadoya (วาซาบิเอ็น คาโดยะ)” น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้เราทานอาหารกลางวันกันมาจนเต็มอิ่มแล้ว ในครั้งนี้เราจึงขอลองเข้าไปสอดส่องเมนูกันก็พอ
เมนูที่ดูหน้าตาน่าสนใจประจำร้านก็คือ “วาซาบิด้ง” (550 เยน) โดยเป็นเมนูข้าวสวยโรยหน้า ปลาโอแห้งคัตสึโอะบูชิ และโปะวาซาบิขูดละเอียดตรงกลางซึ่งรับประทานโดยการราดด้วยโชยุ
ทั้งปลาโอแห้งคัตสึโอะบูชิ, ข้าวสวย และโชยุมีรสชาติเข้ากันได้อย่างยอดเยี่ยม กลิ่นหอมสดชื่นของวาซาบิที่อบอวลไปทั่วทั้งจมูกช่วยเรียกน้ำย่อยให้รู้สึกอยากทานขึ้นมาทันที
Wasabien Kadoya (วาซาบิเอ็น คาโดยะ)
ที่อยู่:371-1 Nashimoto, Kawazu-chō, Kamo-gun, Shizuoka-ken
เวลาทำการ:09:30〜14:00 น. (โรงอาหาร) ※ ปิดให้บริการเมื่อสินค้าหมด
เว็บไซต์หลัก:http://www.wasabien-kadoya.com/
มุ่งหน้าต่อไปยัง “Dougajima (โดกะจิมะ)” แหล่งชมพระอาทิตย์ยามเย็นขึ้นชื่อ
หลังจบทริปท่องเที่ยวน้ำตกคาวาสึนานะดารุแล้วก็รีบนั่งรถบัสจาก Shimoda Station ต่อไปยัง Dougajima (โดกะจิมะ) กันต่อเลย ว่ากันว่า “โดกะจิมะ” เป็นแหล่งชมพระอาทิตย์ยามเย็นขึ้นชื่อ ทำให้ผู้เขียนตั้งหน้าตั้งตาคอยช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดินให้มาถึงอย่างใจจดใจจ่อเลยทีเดียว
เอื้อเฟื้อภาพโดย:จังหวัดชิสึโอกะ
ในวันนี้เราเข้าพักกันที่ Dogashima New Ginsui (โดกะจิมะ นิว กินซุย) ภายในโดกะจิมะเรียงรายไปด้วยเรียวกังติดออนเซ็นเลียบชายฝั่งทะเลมากมาย โดยกินซุยเป็นเรียวกังระดับท็อปคลาสในบรรดาเรียวกังทั้งหมดเลยก็ว่าได้ เนื่องจากเราประหยัดค่าเดินทางจากการใช้ตั๋วฟรีพาสมาก่อนหน้านี้แล้ว จึงสามารถเอาเงินส่วนนั้นมาใช้จ่ายกับค่าที่พักได้ค่อนข้างสบายพอตัว
เอื้อเฟื้อภาพโดย:จังหวัดชิสึโอกะ
วิวอ่าวซุรุกะจากล็อบบี้เป็นอะไรที่งามสุดๆ! เห็นว่าในวันที่สามารถชมพระอาทิตย์ยามเย็นได้ในช่วงระหว่างเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนมีนาคมทางเรียวกังมีบริการเสิร์ฟไวน์ฟรีด้วยนะเออ... ส่วนห้องพักเป็นแบบชมวิวทะเลทั้งหมด ห้องพักปูเสื่อทาทามิสไตล์ญี่ปุ่นทำให้รู้สึกปลอดโปร่งกว้างขวางกว่าห้องสไตล์ตะวันตกเป็นไหนๆ
เอื้อเฟื้อภาพโดย:จังหวัดชิสึโอกะ
และแล้วช่วงเวลาอาหารเย็นที่รอยคอยมานานก็มาถึง! บนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยอาหารทะเลสดใหม่จากอ่าวซุรุกะเพียบ ผู้เขียนเพิ่งเคยทานซาชิมิกุ้งอิเสะเป็นครั้งแรกในชีวิต บอกเลยว่าแค่ครั้งแรกก็ถึงกับติดใจในรสสัมผัสหนึบๆเคี้ยวเพลินมากที่สุดในบรรดาอาหารทั้งหมดเลยทีเดียว
วิวพระอาทิตย์ยามเย็นบนเกาะโดกะจิมะ เอื้อเฟื้อภาพโดย:จังหวัดชิสึโอกะ
Dogashima New Ginsui (โดกะจิมะ นิว กินซุย)
ที่อยู่:2977-1 Nishina, Nishiizu-chō, Kamo-gun, Shizuoka-ken
เบอร์โทรศัพท์:0558-52-2211
เว็บไซต์หลัก:http://www.dougashima-newginsui.jp/en/
เอื้อเฟื้อภาพโดย:จังหวัดชิสึโอกะ
วันต่อมาก็เดินจากกินซุยไปขึ้นเรือสำราญโดกะจิมะประมาณ 10 นาที ว่ากันว่าภายในโดกะจิมะเป็นที่ตั้งของถ้ำซึ่งเรียกกันว่า “ถ้ำสีน้ำเงิน” ด้วย แบบนี้ต้องลองมาพิสูจน์ด้วยตาตัวเองแล้วล่ะค่ะ! ค่าโดยสารเรือสำราญผู้ใหญ่ 1,200 เยน เด็ก 600 เยน หลังจากเรือออกจากท่ามาได้เพียง 10 นาทีก็ถึงโซนอุโมงค์หิน เรือจึงค่อยๆแล่นลอดเข้าถ้ำมาอย่างช้าๆ
เอื้อเฟื้อภาพโดย:จังหวัดชิสึโอกะ
เมื่อเรือแล่นเข้ามาได้สักพักหนึ่งก็พบกับทัศนียภาพอันงดงามชวนฝันอยู่ตรงหน้าแบบนี้เลย! แสงสว่างสาดส่องลอดเข้ามาจากเหนือช่องกว้างบนเพดานฉายให้น้ำทะเลกลายเป็นสีฟ้าสดใส
บริเวณใกล้กับท่าเรือสำราญเป็นที่ตั้งของทั้งโรงอาหาร, ร้านจำหน่ายของฝาก และร้านสะดวกซื้อมากมาย ทำให้คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก แถมติดกันยังมีป้ายรถบัสของโดกะจิมะอีกต่างหาก แต่น่าเสียดายที่เราจะต้องเดินทางกลับโตเกียวกันแล้ว~ เส้นทางกลับไปยังชูเซ็นจิซึ่งชวนให้คิดถึงใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงและเดินทางต่อมาถึงมิชิมะอีกประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นก็ใช้ตั๋วฟรีพาสเดินทางออกจากใจกลางอิซุไปตามแนวชายฝั่งตะวันตกจนถึงจุดหมายปลายทางก็ถือเป็นอันจบทริป เดี๋ยวคราวหน้าเราจะลองไปตระเวนเที่ยวชายฝั่งทะเลตะวันออกกันดูบ้าง ยังไงก็อย่าลืมติดตามชมกันด้วยนะคะ!
Sponsored by จังหวัดชิสึโอกะ
บัญชีส่งเสริมการขายของ MATCHA สำหรับการโฆษณาองค์กรและรัฐบาลท้องถิ่น เรามุ่งมั่นที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านของเราอย่างสนุกสนาน
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง