JAPAN CULTURAL EXPO ขอชวนคุณมาเรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ไม่มีใครรู้มาก่อน!
JAPAN CULTURAL EXPO จัดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2019 และเป็นโอกาสที่จะได้เรียนรู้ศิลปะวัฒนธรรมญี่ปุ่น บทความนี้ขอแนะนำวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่จะได้เรียนรู้ในงาน JAPAN CULTURAL EXPO ทั้งวัฒนธรรมชนเผ่าไอนุ วัฒนธรรมโอกินาว่า การตีดาบญี่ปุ่น ศิลปะการแสดง นิทรรศการศิลปะทั่วประเทศญี่ปุ่นและอีกมากมาย!
นิทรรศการทางวัฒนธรรมที่สัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณและหัวใจด้านศิลปะของคนญี่ปุ่น
นับตั้งแต่สมัยโบราณเมื่อมากกว่าหมื่นปีก่อน ประเทศญี่ปุ่นได้ถ่ายทอดความเคารพธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ออกมาเป็นรูปร่างผ่านรูปแกะสลัก รูปวาด การแสดงและสื่อต่างๆ และส่งต่อจนมาถึงปัจจุบัน
ในปี 2020 ประเทศญี่ปุ่นได้เป็นเจ้าภาพจัดงานโตเกียวโอลิมปิกและพาราลิมปิกจึงได้ถือโอกาสนี้จัดงาน JAPAN CULTURAL EXPO ซึ่งรวบรวมงานเผยแพร่วัฒนธรรม นิทรรศการศิลปะและละครเวทีขึ้นทั่วประเทศโดยมีหัวข้อคนญี่ปุ่นกับธรรมชาติ
งานนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้เรียนรู้และสัมผัสความหลากหลายทางศิลปะวัฒนธรรมของญี่ปุ่นทั้ง"อุคิโยะเอะ" ภาพพิมพ์ญี่ปุ่นและกิโมโนที่เป็นตัวแทนของวัฒนธรรมญี่ปุ่น รวมถึงมีเดียร์อาร์ต แฟชั่น ไปจนถึงศิลปะท้องถิ่นที่ช่วยสนับสนุนการฟื้นฟูจากภัยพิบัติครั้งใหญ่เมื่อปี 2011
บทความนี้จะแนะนำอีเวนต์ในงานนิทรรศการครั้งนี้ที่คัดสรรมาแล้วว่าจะทำให้ทุกคนได้สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นโบราณ ลองมาสัมผัสวัฒนธรรมที่หยั่งลึกลงไปในแต่ละพื้นที่และรับรู้ถึงความน่าสนใจของประเทศญี่ปุ่นให้มากขึ้นกันนะคะ!
เว็บไซต์ทางการของ JAPAN CULTURAL EXPO : https://japanculturalexpo.bunka.go.jp/en/ (ภาษาอังกฤษ)
* กำหนดการจัดงานอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาตรวจสอบรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ทางการ
1. เรียนรู้วัฒนธรรมชนเผ่าไอนุที่ UPOPOY
อิมายนเตะ / Picture courtesy of The Foundation for Ainu Culture
ชนเผ่าไอนุคือชนเผ่าดั้งเดิมของเกาะฮอกไกโด เกาะทางตอนเหนือสุดของหมู่เกาะญี่ปุ่น พวกเขาดำรงชีวิตร่วมกับธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์และสร้างวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ขึ้นมา
ปรัชญาของชนเผ่าไอนุที่ดำเนินชีวิตโดยให้ความสำคัญกับความกลมกลืนไปกับธรรมชาตินี้ยังคงสืบทอดต่อๆ กันมาผ่านดนตรี การเต้นรำ ภาษาชนเผ่าไอนุ และลวดลายเครื่องแต่งกาย
การแสดงพื้นเมือง / Picture courtesy of The Foundation for Ainu Culture
ชนเผ่าไอนุได้สร้างวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ไว้มากมายแต่ถ่ายทอดภูมิปัญญาการดำรงชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมสืบต่อกันมาโดยการบอกเล่าปากเปล่าแทนการจดบันทึกจึงทำให้ที่ผ่านมาแทบไม่มีโอกาสได้เรียนรู้วัฒนธรรมเหล่านี้เลย
UPOPOY ศูนย์เผยแพร่วัฒนธรรมไอนุ
อุโปะโปย / Picture courtesy of The Foundation for Ainu Culture
UPOPOY คือชื่อเล่นของ National Ainu Museum and Park เป็นศูนย์เผยแพร่ข้อมูลและฟื้นฟูวัฒนธรรมไอนุที่ใกล้จะสูญหายไปตามกาลเวลา จะเปิดให้บริการในวันที่ 24 เมษายน 2020
คำว่า UPOPOY (อุโปะโปย) เป็นภาษาไอนุแปลว่า การร้องเพลง (โดยคนจำนวนมาก) ในพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์ริมทะเลสาบนี้มีทั้ง พิพิธภัณฑ์ไอนุแห่งชาติ สำหรับเรียนรู้วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของชนเผ่าไอนุ และสวนไอนุแห่งชาติ ที่ให้ทุกคนได้ใกล้ชิดกับวัฒนธรรมไอนุผ่านการสร้างประสบการณ์ด้วยตนเอง
ชิเซะ / Picture courtesy of The Foundation for Ainu Culture
ทางศูนย์ยังได้สร้าง ชิเซะ บ้านที่ชนเผ่าไอนุเคยใช้อาศัยอยู่ขึ้นมาแบบเหมือนจริงที่สุด จนรู้สึกเหมือนได้มาเยี่ยมชมหมู่บ้านไอนุกันจริงๆ!
สวนไอนุแห่งชาติมีโปรแกรมต่างๆ มากมายให้เรียนรู้ เช่น ชมการร่ายรำแบบดั้งเดิมของไอนุที่ยูเนสโกได้บันทึกให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ไม่มีรูปร่าง
นอกจากนี้แล้วยังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้ได้ลองทำ เช่น เล่นเครื่องดนตรีดั้งเดิมอย่างมุกคุริ และพิณ 5 สายทงโคริ ใส่ชุดชนเผ่า ชิมอาหารสูตรดั้งเดิมของไอนุ เรียกได้ว่าได้เรียนรู้วัฒนธรรมไอนุผ่านสัมผัสทั้งห้ากันเลยทีเดียว!
พอได้เรียนรู้วัฒนธรรมชนเผ่าไอนุที่เกิดขึ้นมาท่ามกลางธรรมชาติอันกว้างใหญ่บนเกาะฮอกไกโดก็จะยิ่งรู้สึกถึงเสน่ห์ของฮอกไกโดมากขึ้นอย่างแน่นอน
2. ลงมือตีดาบญี่ปุ่น Asano Kajiya
Picture courtesy of Asano Kajiya
กล่าวกันว่าต้นแบบของดาบญี่ปุ่นเกิดขึ้นมาเมื่อกว่าพันปีที่แล้ว เดิมทีเป็นดาบที่เกิดมาเพื่อเป็นอาวุธใช้ในการต่อสู้ แต่เมื่อยุคสมัยได้เปลี่ยนแปลงไปดาบญี่ปุ่นจึงได้รับการสืบทอดต่อมาในฐานะหนึ่งในงานศิลปะที่สื่อถึงวัฒนธรรมญี่ปุ่น
Picture courtesy of Asano Kajiya
ช่างตีดาบในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า คาตานะคาจิ (Katanakaji) ช่างจะนำวัตถุดิบสำหรับตีดาบไปหลอมในเตาหลอมเรียกว่า ทามะฮากาเนะ (Tamahagane) จากนั้นใช้ค้อนตีและแผ่ออกแล้วลับคม หลังจากผ่านกระบวนการซับซ้อนหลายขั้นตอนในที่สุดก็เสร็จเป็นดาบหนึ่งเล่ม
Picture courtesy of Asano Kajiya
คุณอาซาโนะ ทาโร่ (Asano Taro) เป็นคาตานะคาจิและได้เปิดร้านอาซาโนะคาจิยะ (Asano Kajiya) ในจังหวัดกิฟุ ร้านนี้นอกจากจะทำดาบและมีดแล้วยังเปิดเวิร์คช็อปตีมีดแฮนด์เมดโดยใช้เวลา 7 ชั่วโมงใน 1 วัน
ความพิเศษของเวิร์คช็อปนี้คือคุณอาซาโนะจะสอนเทคนิคการตีดาบแบบดั้งเดิมด้วยตัวเองและยังสอนเป็นภาษาอังกฤษด้วยจึงได้รับความนิยมเป็นพิเศษจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ
Picture courtesy of Asano Kajiya
แน่นอนว่าความงามของดาบสามารถมองเห็นได้ด้วยตา แต่ความงามจากเปลวไฟและขั้นตอนการตีดาบนั้นเป็นความรู้สึกพิเศษที่มีแต่คนที่ลงมือตีดาบเท่านั้นที่จะรู้สึกได้!
ราคา : เริ่มต้นที่คนละ 31,500 เยน (ในกรณีเรียนเป็นกลุ่ม 4 คน) * ค่าเรียนรวมอาหารเที่ยงแล้ว
ระยะเวลา : ตลอดทั้งปี
3. เรียนรู้ศิลปะการแสดงประจำชาติ The World of Traditional Performing Arts
การแสดงหุ่นเชิดบุนระคุเรื่อง "Honcho Nijushi-ko" Okuniwa Kitsunebi no Dan แสดงโดย Kanjuro Kiritake *ภาพจำลองการแสดง
ศิลปะการแสดงประจำชาติของญี่ปุ่นที่ได้บันทึกอยู่ในมรดกทางวัฒนธรรมที่ไม่มีรูปร่างของยูเนสโก้มี 5 ประเภทได้แก่ คาบูกิ (Kabuki) บุนระคุ (Bunraku) โนกะคุ (Nogaku) กะกะคุ (Gagaku) และคุมิโอโดริ (Kumi-Odori) แต่ละประเภทล้วนมีประวัติศาสตร์ยาวนานเช่น คาบูกิมีประวัติศาสตร์ร่วม 400 ปี กะงะคุร่วม 1,200 ปี
ไม่ว่าจะเป็นการแสดงประเภทไหนต่างก็ได้รับการฝึกฝนจนเชี่ยวชาญและส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นตั้งแต่ยุคต้นกำเนิดจนถึงปัจจุบัน ศิลปะการแสดงชั้นเลิศนี้ยังส่งอิทธิพลอย่างมากต่อดนตรีและวัฒนธรรมสมัยใหม่มาอย่างต่อเนื่อง
รูปซ้าย ระบำฮาชิริไม Genjoraku (ฝั่งซ้าย) *ภาพจำลองการแสดง, รูปขวา หน้ากากละครโน ฮันเนีย จาก National Noh Theater
การแสดงประจำชาติเหล่านี้โดยปกติแล้วจะหาชมได้ยาก แต่ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไปจะมีงานนิทรรศการ The World of Traditional Performing Arts จัดขึ้นที่ Tokyo National Museum โดยมีการแสดงศิลปะการแสดงประเภทต่างๆ และอธิบายถึงประวัติศาสตร์ของศิลปะการแสดงแต่ละประเภทที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานให้เข้าใจได้ง่าย นอกจากนี้ยังนำเวทีและชุดที่ใช้ในการแสดงจริงมาจัดแสดงอีกด้วย
คุมะโดริของ Onoe Kikugoro รุ่นที่ 5 จากการแสดงเรื่อง The spirit of the spider ในปีเมจิที่ 30 (ค.ศ. 1897) จาก National Theater of Japan
ยิ่งไปกว่านั้นในระหว่างงานนิทรรศการยังมีช่วงสาธิตและทอล์คอีเวนต์จากนักแสดงมืออาชีพอีกด้วย นิทรรศการนี้จึงเป็นงานที่จะทำให้หลายคนรวมถึงเด็กๆ และนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เรียนรู้ศิลปะการแสดงประจำชาติของญี่ปุ่นได้อย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ยังมีมุมกิจกรรมต่างๆ ให้ผู้เข้าชมงานได้เรียนรู้ศิลปะการแสดงประจำชาติได้อย่างสนุกสนาน เช่นแต่งหน้าสไตล์นักแสดงคาบูกิที่เรียกว่าคุมะโดริ (Kumadori) ผ่านจอมอนิเตอร์ดิจิตอลอาร์ตด้วย!
เว็บไซต์ทางการ : https://tsumugu.yomiuri.co.jp/dentou2020/en.html (ภาษาอังกฤษ)
4. ชม 2 นิทรรศการศิลปะห้ามพลาดของญี่ปุ่น
ในประเทศญี่ปุ่นมีหลายนิทรรศการศิลปะที่เผยแพร่วัฒนธรรมและจุดเด่นของภูมิภาคนั้นๆ เช่น นิทรรศการศิลปะเซโตะอุจิ Setouchi Triennale ที่มีผู้คนจากทั่วโลกมากกว่าหนึ่งล้านคนเดินทางมาเข้าชมงาน
ไหนๆ จะไปญี่ปุ่นทั้งทีก็ลองวางแผนการเดินทางเพื่อมาชมนิทรรศการศิลปะกันไปด้วยเลยมั้ยคะ ขอแนะนำ 2 นิทรรศการศิลปะห้ามพลาดที่จะจัดขึ้นในปี 2020 นี้!
NORTHERN ALPS ART FESTIVAL
Tree / Photo by wang hua
สถานที่จัดงานอยู่ที่เมืองโอมาจิ (Omachi) จังหวัดนากาโนะ (Nagano) ซึ่งเป็นดินแดนที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ล้อมรอบไปด้วยหุบเขาสูงตระหง่านจนผู้คนเรียกที่นี่กันว่าเป็นเจแปนแอลป์ ไดเรคเตอร์ของงานคือคุณคิตะกาวะ ฟุรามุ (Kitagawa Furamu) ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับงาน Setouchi Triennale และได้จัดนิทรรศการศิลปะนี้เป็นครั้งที่ 2
งานนี้มีศิลปิน 41 กลุ่มจาก 14 ประเทศเข้าร่วมงานโดยจัดแสดงผลงานที่สื่อถึงเสน่ห์ความงามของน้ำ ต้นไม้ ดินและท้องฟ้าของเจแปนแอลป์
เว็บไซต์ทางการ : https://shinano-omachi.jp/
ICHIHARA ART x MIX 2020
สึคิเดะโคชะ (Tsukide Kosha) หนึ่งในสถานที่จัดงาน
เมืองอิจิฮาระ (Ichihara) จังหวัดชิบะ (Chiba) อยู่ห่างจากใจกลางเมืองโตเกียวประมาณ 1 ชั่วโมงโดยรถไฟ ที่นี่เป็นเมืองที่มีวิวเรือกสวนไร่นาและป่าเขาสวยงามซึ่งดูแลรักษากันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นิทรรศการศิลปะจัดขึ้นตามเส้นทางที่ รถไฟโคมินาโตะ Kominato Tetsudo) ซึ่งเป็นรถไฟสายเรโทรสัญลักษณ์ของเมืองอิจิฮาระวิ่งผ่าน มานั่งรถไฟตระเวนชมงานศิลปะก็ดูน่าสนุกดีนะคะ
นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมสุดยูนีคที่รวมอาคารเก่ากับวัฒนธรรมการกินในเมืองอิจิฮาระเข้าด้วยกัน เรียกได้ว่าเป็นนิทรรศการศิลปะที่สนุกได้หลากหลายจริงๆ
เว็บไซต์ทางการ : https://ichihara-artmix.jp/
5. ชมคุมิโอโดริ ศิลปะการแสดงท้องถิ่นของโอกินาว่าที่ National Theater Okinawa
คุมิโอโดริ เรื่อง ชูชินคาเนะอิริ (Shushin Kaneiri) / Picture courtesy of National Theater Okinawa
จังหวัดโอกินาว่าในอดีตเคยเป็นอาณาจักรริวกิว (Ryukyu) ปกครองโดยกษัตริย์และมีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองโดยรับอิทธิพลจากประเทศใกล้เคียงอย่างจีนและญี่ปุ่น เช่น ระบำคุมิโอโดริ (Kumi-Odori) ซึ่งเริ่มแสดงเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1719 ที่สวนภายในปราสาทชูริ (Shurijo Castle) เพื่อต้อนรับคณะทูตจากจีนที่เดินทางมายังแคว้นริวกิว ปัจจุบันยูเนสโก้ได้บันทึกให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ไม่มีรูปร่างแล้ว
คุมิโอโดริมีต้นกำเนิดมาจากจิตวิญญาณที่เติบโตขึ้นท่ามกลางทะเลเขตกึ่งร้อน วัฒนธรรมที่สะท้อนถึงสภาพภูมิประเทศและทัศนคติเกี่ยวกับธรรมชาติ เป็นการแสดงที่เป็นสัญลักษณ์ของศิลปะริวกิวที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่นตั้งแต่สมัยราชวงศ์ริวกิว อีกทั้งยังเป็นศิลปะผสมผสานที่รวบรวมศิลปะพื้นบ้านของโอกินาว่าทั้งตำนาน ภาษา ดนตรี การร่ายรำและเสื้อผ้าที่เป็นเอกลักษณ์ผสมเข้ากับศิลปะที่ได้รับอิทธิพลจากญี่ปุ่นและจีน
คุมิโอโดริ เรื่อง เมคารุชี (Mekarushii) / Picture courtesy of National Theater Okinawa
ปี 2019 เป็นปีที่คุมิโอโดริมีอายุครบ 300 ปีนับตั้งแต่มีการแสดงครั้งแรก จึงมีการจัดแสดงคุมิโอโดริบนเวทีกลางแจ้งซึ่งจำลองแบบมาจากเมื่อ 300 ปีก่อน โดยจัดแสดงทั่วประเทศญี่ปุ่นและที่ศูนย์วัฒนธรรมญี่ปุ่นในกรุงปารีสซึ่งได้รับความสนใจจากทั้งในและต่างประเทศ
เวทีกลางแจ้งที่จำลองมาจากเวทีที่ใช้ในการแสดงครั้งแรก / Picture courtesy of National Theater Okinawa
National Theater Okinawa อยู่ที่เมืองอุระโซเอะ (Urasoe) จังหวัดโอกินาว่า เป็นโรงละครแห่งชาติแห่งที่ 6 เปิดให้บริการเมื่อเดือนมกราคมปี 2004 โดยมีจุดประสงค์เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูศิลปะพื้นบ้านของโอกินาว่าพร้อมกับเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมเอเชียแปซิฟิกผ่านวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของโอกินาว่า
ภายนอกอาคาร National Theater Okinawa ฝั่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ / Picture courtesy of National Theater Okinawa
นอกจากจะมีคุมิโอโดริให้ชมแล้วยังมีการแสดงอื่นๆ ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ไม่มีตัวตนของชาติ เช่น ระบำริวกิวบุโย (Ryukyu Buyo) ดนตรีริวกิวโบราณ การแสดงของโอกินาว่าและเอเชียแปซิฟิก
ในวันที่ 25 เมษายนจะมีการแสดงคุมิโอโดริเรื่อง เคนโบะซันเซ็น โนะ มากิ (Kenbosansen No Maki) เป็นเรื่องราวของเม่งจื๊อ นักปรัชญาชาวจีนกับแม่ของเขาในอาณาจักรริวกิวซึ่งหาชมได้ยาก และยังมีการแสดงระบำริวกิวบุโยที่แสดงโดยนักแสดงวัยรุ่นเรียกว่า วาคาชุ โอโดริ (Wakashu Odori) อีกด้วย คงจะเป็นการแสดงที่สดใหม่และสดใสน่าดูเลย!
เว็บไซต์ทางการ : https://www.nt-okinawa.or.jp/performance-info/detail?performance_id=644
ค้นพบเสน่ห์ของญี่ปุ่นอีกครั้งที่ JAPAN CULTURAL EXPO
ประเทศญี่ปุ่นล้อมรอบด้วยทะเลและภูเขา และในแต่ละท้องถิ่นยังมีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์หยั่งลึกจึงทำให้ไม่ว่าจะไปเยือนกี่ครั้งก็เจอสิ่งน่าสนใจใหม่ๆ เสมอ และถ้ายิ่งได้ไปงาน JAPAN CULTURAL EXPO ที่จัดขึ้นทั่วประเทศด้วยแล้วล่ะก็จะยิ่งมองเห็นเสน่ห์ของประเทศญี่ปุ่นที่ไม่เคยรู้มาก่อนได้มากขึ้นอย่างแน่นอน
แล้วมาดู ฟัง สัมผัส และเรียนรู้จิตวิญญาณด้านศิลปะของประเทศญี่ปุ่นที่สืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนานกันนะคะ!
เว็บไซต์ทางการของ JAPAN CULTURAL EXPO : https://japanculturalexpo.bunka.go.jp/en/
Written by ISHIGAKI KUMIKO
Sponsored by Agency for Cultural Affairs of Japan and Japan Arts Council
Main image courtesy of Agency for Cultural Affairs of Japan and Japan Arts Council
บัญชีส่งเสริมการขายของ MATCHA สำหรับการโฆษณาองค์กรและรัฐบาลท้องถิ่น เรามุ่งมั่นที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านของเราอย่างสนุกสนาน
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง