【คาโกชิม่า】ทริป “โอเรนจิโฉะคุโด” นั่งรถไฟท่องเที่ยวลิ้มลองอาหารท้องถิ่น
ภูมิภาคคิวชูขึ้นชื่อเรื่องรถไฟท่องเที่ยวสุดเอกลักษณ์ ในครั้งนี้เราจะมาแนะนำทริป “โอเรนจิโฉะคุโด” ของรถไฟฮิซัตสึโอเรนจิเท็ตสึโดซึ่งเชื่อมเส้นทางระหว่าง Shin-Yatsushiro Station ในจ.คุมาโมโตะและเมืองเซนไดในจ.คาโกชิม่ากันค่ะ
ภูมิภาคคิวชู ของญี่ปุ่นเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อเรื่อง รถไฟท่องเที่ยว สุดเอกลักษณ์ที่วิ่งให้บริการภายในพื้นที่เป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็น「SEVEN STARS (นานาสึโบชิ)」และ「JRKYUSHU SWEET TRAIN (อารุเร็ชฉะ)」
ในครั้งนี้เราจะมาแนะนำ “ORANGE RESTAURANT EXPRESS (โอเรนจิโฉะคุโด)” ซึ่งบริหารโดย Hisatsu Orange Railway (รถไฟฮิซัตสึโอเรนจิเท็ตสึโด) กันค่ะ
ORANGE RESTAURANT EXPRESS (โอเรนจิโฉะคุโด) คืออะไร?
ORANGE RESTAURANT EXPRESS (โอเรนจิโฉะคุโด) นั้นมีคำว่า “โฉะคุโด” ซึ่งแปลว่าโรงอาหารอยู่ด้วยก็จริง แต่ความจริงแล้วเป็นรถไฟท่องเที่ยวสุดเอกลักษณ์
เนื่องจากภายในขบวนรถไฟเสิร์ฟอาหารชั้นเลิศจากความร่วมมือกับบริษัทท้องถิ่นและวัตถุดิบตามฤดูกาลบริเวณเลียบทางรถไฟ จึงตั้งชื่อว่า “โฉะคุโด” หรือโรงอาหารนั่นเอง แต่ก็ไม่ได้มีดีแค่เรื่องอาหารเท่านั้นนะจ๊ะ... เพราะว่าเราสามารถใช้เวลาผ่อนคลายชิลล์ๆไปกับทั้งทัศนียภาพของไร่นาโดยรอบที่เปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละฤดูกาลต่างและทะเลอันแสนงดงามบริเวณชายฝั่งตะวันตกของคิวชูจากด้านนอกหน้าต่างได้ด้วย
ต่อไปเราจะมาแนะนำทริปเล็กๆของ “โอเรนจิโฉะคุโด” ซึ่งวิ่งให้บริการจาก Shin-Yatsushiro Station ในจ.คุมาโมโตะไปยัง Sendai Station ในจ.คาโกชิม่ากันค่ะ
ที่นั่งติดทะเลชมวิวสุดงาม
ผู้เขียนขึ้นรถไฟจาก Shin-Yatsushiro Station ในจ.คุมาโมโตะซึ่งเป็นสถานีต้นทางของเราในครั้งนี้ จากภาพเป็นบรรยากาศภายในขบวนรถไฟด้านหน้าสุด เนื่องจาก “โอเรนจิโฉะคุโด” วิ่งให้บริการเลียบชายฝั่งทะเล ทางบริษัทจึงจัดเตรียมที่นั่งสำหรับชมวิวทะเลเอาไว้แบบนี้เลย นอกจากนี้ก็ยังมีที่นั่งแบบส่วนตัวที่มีม่านกั้นอีกด้วย
ก่อนรถไฟจะเริ่มออกเดินทางก็มาสำรวจภายในขบวนรถไฟกันหน่อยดีกว่า! ภายในขบวนรถไฟมีเคาน์เตอร์บาร์สำหรับสั่งเหล้าและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ตั้งเอาไว้ให้บริการอย่างพร้อมสรรพ
ถึงเวลาออกเดินทางกันแล้ว!!
เมื่อสำรวจภายในขบวนรถไฟกันจนครบถ้วนแล้วก็ถึงเวลาออกเดินทางจริงๆแล้วล่ะค่ะ ทันทีที่ขบวนรถไฟเริ่มออกเดินทางก็มีพนักงานยกขนมและชาร้อนมาเสิร์ฟให้ถึงที่นั่ง ระหว่างการเดินทางจะมีพนักงานยกของขึ้นชื่อเลียบเส้นทางรถไฟมาเสิร์ฟอยู่เป็นระยะแบบนี้แหละ
เนื่องจากขบวนรถไฟด้านท้ายสุดติดตั้งหน้าต่างบานใหญ่เอาไว้ด้วย เราจึงสามารถดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันงดงามด้านหลังรถไฟได้อย่างเต็มอิ่ม
แถมยังมีเก้าอี้ขนาดเล็กสำหรับคุณหนูๆอีกด้วย จึงเหมาะกับการมาเที่ยวกันเป็นครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อรถไฟแล่นข้ามสะพานไปก็มีพนักงานยก ชิคุวะ (ลูกชิ้นปลา) มาเสิร์ฟ เนื่องจากขบวนรถไฟวิ่งผ่าน Hinaguonsen Station ในครั้งนี้จึงเสิร์ฟเป็นของขึ้นชื่อของที่นี่อย่าง “ฮินากุชิคุวะ” นั่นเอง บอกเลยว่ามีรสชาติเรียบง่ายและรสสัมผัสนุ่มลิ้นน่าหลงใหลสุดๆ
ส่วนสถานีถัดไปเป็น Yatsushiro Station เราจึงได้ที่รองแก้วจากหญ้าอิกุสะมา เมื่อเอ่ยถึงจ.คุมาโมโตะแล้วก็จะนึกถึงอะไรไปไม่ได้นอกจากแหล่งปลูกหญ้าอิกุสะเป็นอันดับ 1 ของญี่ปุ่นเลยจ้า... โดยเมืองยัตสึชิโระนั้นเป็นแหล่งปลูกอันดับต้นๆเลยทีเดียว เราสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมของหญ้าอิกุสะจากที่รองแก้วได้เลย
หญ้าอิกุสะเป็นวัตถุดิบในการผลิต เสื่อทาทามิ ซึ่งขาดไม่ได้ในบ้านเรือนญี่ปุ่นด้วยนะเออ...
ลงรถไฟกลางทางที่ Sashiki Station
ต่อไปเราจะลงรถไฟระหว่างทางที่ Sashiki Station กัน โดยรถไฟจะจอดให้เราเดินลงไปเยี่ยมชมสถานีรถไฟประมาณ 15 นาที
ความจริงแล้วถ้าเกิดเราซื้อตั๋ว “โอเรนจิโฉะคุโด” ก็จะได้รับคูปองเป็นเซ็ตมาแบบนี้เลย คูปองมีอยู่หลายใบ โดยเราสามารถใช้แลกซื้อของขึ้นชื่อประจำท้องถิ่นตามสถานีรถไฟระหว่างทางแต่ละแห่งได้ เอาล่ะ แล้วเราสามารถแลกอะไรได้ที่ Sashiki Station กันน้า....?
ที่นี่เราสามารถแลกซื้อขนมปังแกงกะหรี่ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อประจำเมืองได้ด้วยล่ะค่ะ! ขนมปังแกงกะหรี่ของที่นี่ทำมาจากต้นหอมและเนื้อวัวซึ่งเป็นของขึ้นชื่อประจำท้องถิ่น บอกเลยว่าเนื้อกรอบนอกนุ่มในและสอดไส้แกงกะหรี่แบบเน้นๆสะใจทุกคนอย่างแน่นอน
แต่ด้วยระวังเอาไว้ด้วยว่าสินค้าที่สามารถแลกได้ของแต่ละสถานีอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับฤดูกาลและช่วงเวลา
เผอลแป๊บเดียวก็ได้เวลาออกเดินทางกันอีกครั้งหนึ่ง ถัดจาก Sashiki Station เป็น Tsunagi Station ของเสิร์ฟหลังจากรถไฟแล่นผ่าน Tsunagi Station เป็นน้ำผลไม้เข้มข้น 100% ของ “ส้มฮิโนะอาเคโบโนะ” ของขึ้นชื่อซึ่งปลูกด้วยวิธีคินาริ (※1) โดยเป็นน้ำผลไม้ชั้นเลิศที่มีรสเปรี้ยวกำลังดีและรสหวานเข้มข้น
※1:คินาริ……วิธีการเพาะปลูกโดยบ่มผลไม้ให้สุกขณะอยู่บนต้นแล้วค่อยเก็บเกี่ยวไปจำหน่ายต่อไป
ต่อไปเราก็เดินทางมาถึง Minamata Station กันแล้ว เย้~ โดยรถไฟจะจอดให้เราลงไปเดินเยี่ยมชมสถานีด้านล่างประมาณ 20 นาทีอีกเช่นเคย ภายในสถานีรถไฟมีขนมและผลไม้ที่เพาะปลูกในมินามาตะจำหน่ายมากมาย
รถไฟแล่นผ่านเขตแดนระหว่างจ.คุมาโมโตะและจ.คาโกชิม่า
หลังจากขึ้นรถไฟและนั่งต่อไปอีกประมาณ 2 ชั่วโมงก็จะมีการชะลอความเร็วรถไฟลงเมื่อเริ่มเข้าใกล้แขตแดนระหว่างจ.คุมาโมโตะและจ.คาโกชิม่า
ฝั่งซ้ายของสะพานคือเมืองฮิโกะ (ชื่อเดิมของจ.คุมาโมโตะ) ส่วนฝั่งขวาเป็นเมืองซัตสึมะ (ชื่อเดิมของจ.คาโกชิม่า)
ช่วงเวลาอาหารกลางวันสุดพิเศษหลังลงรถไฟที่ Izumi Station
สถานีจอดแห่งแรกเมื่อรถไฟเข้าสู่เขตแดนของจ.คาโกชิม่าก็คือ Izumi Station นั่นเอง เมื่อเอ่ยถึงเมืองอิซุมิของจ.คาโกชิม่าแล้วก็จะต้องนึกถึงแหล่งย้ายถิ่นฐานจากต่างประเทศของนกกระเรียนเป็นอันดับ 1 ของโลกกันอย่างแน่นอน ว่ากันว่านกกระเรียนที่ย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่ในที่ราบอิซุมิตั้งแต่เดือนตุลาคมจนถึงเดือนมีนาคมนั้นมีจำนวนกว่า 1 หมื่นตัวเลยทีเดียว
แล้วก็อย่าลืมใช้คูปองแลกซื้อของขึ้นชื่อประจำท้องถิ่นกันด้วยเนอะ...
จ.คาโกชิม่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อเรื่องเมนูเนื้อหมู ในครั้งนี้เราจึงได้รับเมนูท้องถิ่นเป็นกระดูกอ่อนหมูต้มนั่นเอง
แถมที่นี่ยังมีจำหน่ายแก้วกาแฟที่ใช้กันภายในขบวนรถไฟโอเรนจิโฉะคุโดและผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อประจำท้องถิ่นของเมืองอิซุมิอีกด้วย
เอาล่ะ ได้เวลาอาหารกลางวันที่รอคอยมานานแล้วล่ะค่ะ! ตั้งแต่เริ่มเดินทางมาจนถึงตอนนี้มีอาหารมากมายหลากหลายแบบมาเสิร์ฟก็จริง แต่คราวนี้เป็นมื้อใหญ่สุดเด็ดเลยก็ว่าได้ โดยเป็นเมนูคอร์สสุดหรูฝีมือ “มิคุระ” ร้านอาหารเกษตรกรที่ตั้งอยู่ในเมืองอิซุมิ
อย่างแรกเลยก็คือเมนูไข่ตุ๋น! โดยเป็นไข่ตุ๋นสดใหม่ใส่กุ้งทาคะและหอยเม่นจากเมืองอาคุเนะ
จากทางซ้าย-ขวาประกอบด้วย อิซุมิโดริโนะจุคุเซคาคิซุชิทาเตะ หรือไก่นึ่งซึ่งเป็นของขึ้นชื่อประจำจ.คาโกชิม่า, ของต้มอย่างพืชผักท้องถิ่นและสาหร่ายคอมบุม้วนจากอาคุเนะ และมะเขือยาวผัดซอสมิโซะหมู
ส่วนเมนูนี้คือซุปผักมันหวานจากนากาชิมะ
ปลาไททอดหมักน้ำส้มสายชูกับต้นหอมและพริก
สเต็กเนื้อวากิวจากจ.คาโกชิม่า
ส่วนของหวานเป็นเค้กโรลช็อกโกแลตและพุดดิ้ง บอกเลยว่าเป็นมื้อกลางวันสุดฟินเลยก็ว่าได้
เยี่ยมชมสถานีรถไฟฝีมือผู้ออกแบบ “นานาสึโบชิ”
Akune Station ได้รับการรีโนเวทเป็น “Nigiwai Koryukan Akune Station” เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2014
โดยเป็นสถาปัตยกรรมฝีมือของ “คุณเอจิ มิโตโอกะ” ผู้ออกแบบ SEVEN STARS IN KYUSHU หรือนานาสึโบชิ อาคารสถานีรถไฟสร้างมาจากวัสดุไม้จากแถวเมืองอาคุเนะให้ความรู้สึกอบอุ่นสบาย ภายในอาคารเป็นที่ตั้งของห้องสมุด, ห้องเด็ก, โซนจัดงานอีเว้นท์อเนกประสงค์ และอื่นๆอีกมากมาย นอกจากนี้ก็ยังใช้เป็นสถานที่สัมผัสกับผู้คนท้องถิ่นอีกด้วย
เนื่องจากมีเวลาเยี่ยมชม Akune Station ประมาณ 20 นาที เราจึงสามารถตระเวนสำรวจภายในสถานีรถไฟได้อย่างชิลล์ๆ
นอกจากนี้ ห้องพักผู้โดยสารก็ยังมีโครงสร้างสไตล์ห้องโถง จึงสามารถใช้จัดคอนเสิร์ตได้ด้วยนะเออ...
มุ่งหน้าสู่ Satsuma-Taki Station
Satsuma-Taki Station ซึ่งเป็นสถานีจอดถัดไปของเรามีปลาอิวาชิย่างหอมฉุยรอเสิร์ฟผู้โดยสารของโอเรนจิโฉะคุโดอยู่แบบนี้เลย
เนื่องจากรถไฟจะจอดที่สถานีนี้ประมาณ 20 นาที เราจึงสามารถเดินจากสถานีรถไฟไปจนถึงทะเลซึ่งเชื่อมต่อกันด้วยเส้นทางเดินเล่นได้อย่างชิลล์ๆ
บทส่งท้าย
เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย? ถึงแม้ว่าในครั้งนี้เราจะลงกันที่ Satsuma-Taki Station แต่ความจริงแล้วสถานีจอดสุดท้ายของทริปอยู่ที่ Sendai Station ซึ่งเป็นสถานีถัดไปนะจ๊ะ...
สำหรับใครที่เดินทางมาเที่ยวคิวชูก็ขอแนะนำให้ลองมาสัมผัสประสบการณ์นั่งรถไฟ “โอเรนจิโฉะคุโด” ดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันงดงามแสนสบายและอาหารท้องถิ่นของคุมาโมโตะและคาโกชิม่ากันให้ได้นะคะ ^^
ทริปโอเรนจิโฉะคุโดเปิดให้จองได้จนถึงอย่างน้อย 1 เดือนก่อนวันเดินทาง แต่เนื่องจากไม่รับจองผ่านอินเตอร์เน็ต จึงจำเป็นต้องติดต่อผ่านทางศูนย์จอง Hisatsu Orange Railway (0996-63-6861), สถานีที่มีพนักงานประจำอยู่แต่ละแห่งของ Hisatsu Orange Railway (ยกเว้น Higo-Tano-Ura Station), ศูนย์ท่องเที่ยวหรือเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วตามสถานีรถไฟหลักๆของ JR Kyushu และบริษัททัวร์สัญญา
Sponsored by องค์กรสาธารณประโยชน์สภาการท่องเที่ยวจังหวัดคาโกชิม่า
บัญชีส่งเสริมการขายของ MATCHA สำหรับการโฆษณาองค์กรและรัฐบาลท้องถิ่น เรามุ่งมั่นที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านของเราอย่างสนุกสนาน
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง