เมืองมุราคามิ จังหวัดนีงาตะ: ทัวร์ชมตุ๊กตาฮินะในมาชิยะ พร้อมเพลิดเพลินกับกิจกรรม ที่เที่ยว และอาหารท้องถิ่น

ที่เที่ยวของโอซาก้า (Osaka) ถ้ามาแล้วต้องไปให้ได้ 15 อันดับ ตั้งแต่สถานที่ยอดนิยมจนถึงสถานที่วงในสุดๆ

บริการนี้รวมโฆษณาที่ได้รับการสนับสนุน
article thumbnail image

โอซาก้า เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมไม่แพ้โตเกียวและเกียวโต เมืองศูนย์กลางธุรกิจและการค้าที่ไม่เคยหลับไหล จะช้อปปิ้งหรือทานอาหารท้องถิ่นก็มีครบ ทั้งสวนสนุกขึ้นชื่อของญี่ปุ่น จุดชมวิวสุดโรแมนติกและพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำสุดอลังการ มาลองมองโอซาก้าจากหลายๆ มุมกัน

วันที่ปรับปรุงล่าสุด :

โอซาก้า เมืองที่ไม่เคยหลับไหล

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ โอซาก้า ได้ก้าวขึ้นมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในระดับเดียวกับ โตเกียว และ เกียวโต ซึ่งถ้าจะบอกว่าโตเกียวนั้นเป็นเมืองศูนย์กลางการปกครอง ฝั่งโอซาก้าก็คงเป็นศูนย์กลางของการค้าก็คงไม่ผิดนัก

โอซาก้านั้นเป็นเมืองที่โดดเด่นเรื่องการค้ามาตั้งแต่สมัยก่อน เมืองทั้งเมืองเต็มไปด้วยพลังและความมีชีวิตชีวา ในวันนี้เราจะมาแนะนำ 15 สถานที่ที่คุณสามารถสัมผัสได้ถึงเสน่ห์แห่งความเป็นโอซาก้า

สารบัญ

1. ศูนย์กลางการท่องเที่ยวของโอซาก้า "ย่านโดทงโบริ"
2. สนุกสุดเหวี่ยงไปทั้งวันที่ "สวนสนุกยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน"
3. ตะลึงไปกับความยิ่งใหญ่ของ "ปราสาทโอซาก้า"
4. ย่านร่วมสมัยที่มีกลิ่นอายของความเก่าแก่ "หอคอยซือเทนคาคุและย่านชินเซไก"
5. ตลาดรวมของอร่อย "ตลาดคุโระมง"
6. ดูวิวเมืองโอซาก้าจาก "สวนลอยฟ้า จุดชมวิวตึกอุเมดะสกายบิวดิ้ง"
7. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น"ไคยูคัง"
8. สถานที่เดทสุดโรแมนติกสำหรับคู่รัก "ชิงช้าสวรรค์เทมโปซัน"
9. ย่านเรโทรของโอซาก้า "ตรอกโฮเซ็นจิ โยโกะโจ"
10. ตึกที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น "ตึกอาเบะโนะฮารุคัส"
11. สัมผัสกับวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นกับ "โรงละครแห่งชาติบุนราคุ"
12. พาวเวอร์สปอตอันดับหนึ่งของโอซาก้า "ศาลเจ้าสุมิโยชิ"
13. สัมผัสกับธรรมชาติที่ "น้ำตกมิโน"
14. ไปเที่ยวเป็นครอบครัวก็สนุกด้วยกันได้ที่ "สวนอนุสรณ์บัมปาคุ และหอคอยพระอาทิตย์"
15. ทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของตัวเองที่ "พิพิธภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนิชชิน เขตอิเคดะโอซาก้า"

1. ศูนย์กลางการท่องเที่ยวของโอซาก้า "ย่านโดทงโบริ"

โดทงโบริ

©Osaka Government Tourism Bureau/©JNTO

จุดท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็นที่เที่ยวยอดนิยมตลอดกาลก็คงไม่พ้น ย่านโดทงโบริ (Dotonbori)

จุดที่พลาดไม่ได้ของที่นี่ก็ต้องเป็นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่เรียงรายอยู่บนอาคาร ซึ่งรวมไปถึงป้ายที่คนไทยหลายๆ คนไม่พลาดที่จะไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอย่างป้ายคนวิ่งชูมือของบริษัทขนม "กูลิโกะ" หรือจะเป็นป้ายปูขยับได้ ไม่ว่าป้ายไหนก็เหมาะจะไปถ่ายรูปทั้งนั้น ยิ่งตอนเปิดไฟเวลากลางคืน ยิ่งเพิ่มความอลังการเข้าไปอีก

ส่วนย่านที่อยู่ติดกันอย่างย่านชินไซบาชิ (Shinsaibashi) เป็นย่านการค้าที่มีร้านของกินและร้านเสื้อผ้าเรียงรายอยู่เป็นจำนวนมากตลอดความยาวกว่า 580 เมตร เป็นจุดที่รวมอาหารท้องถิ่นมากที่สุดที่หนึ่งในโอซาก้าเลย

2. สนุกสุดเหวี่ยงไปทั้งวันที่
"สวนสนุกยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน"

USJ

เอื้อเฟื้อภาพโดย : Universal Studio Japan

สวนสนุกยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน (USJ : Universal Studio Japan) คือสวนสนุกที่มีต้นแบบมาจากเนื้อหาของภาพยนตร์ต่างๆ โดยเฉพาะภาพยนตร์ของฮอลลีวูด เป็นสวนสนุกที่ไม่ว่าใครก็สามารถเพลิดเพลินได้จนลืมเวลา

ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่น "JAWS" หรือ "Jurassic Park the Ride" และยังมีโซนที่เพึ่งเปิดให้บริการได้ไม่นานแต่ได้รับความนิยมล้นหลามอย่าง "The Wizarding World of Harry Potter™" และ "Minion Park" หรือจะเป็นที่กิจกรรมประจำฤดูที่ไม่ควรพลาด กิจกรรมประจำฤดูร้อนก็สงครามสาดน้ำกับตัวละครในสวนสนุก หรือกิจกรรมประจำช่วงฮาโลวีนที่อยู่ๆ ก็มีซอมบี้ออกมาเต็มไปหมดอย่าง "Street Zombie"

พิเศษส่วนลด 5% สำหรับผู้อ่านของ MATCHA เท่านั้น!

โปรโมชั่นพิเศษส่วนลด 5% สำหรับผู้อ่านของ MATCHA เมื่อใช้บริการเว็บไซต์จองตั๋วร้านค้าและกิจกรรม Voyagin เพียงกรอกโค้ด "voyaginmatcha" ในหน้าชำระเงินของ Voyagin รับไปเลยส่วนลด 5% (ยกเว้นดิสนีย์แลนด์และดิสนีย์ซี)

ซื้อบัตรจาก Voyagin ได้ที่นี่

Universal Studios Japan™ Osaka Instant E-Tickets

3. ตะลึงไปกับความยิ่งใหญ่ของ "ปราสาทโอซาก้า"

ปราสาทโอซาก้า

ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) ปราสาทที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางเมืองโอซาก้า หนึ่งในสามปราสาทชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น

ปราสาทโอซาก้านั้นถูกสร้างขึ้นในสมัยของโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ในปี 1583 ซึ่งหลังจากนั้นได้ถูกเผาและบูรณะขึ้นมาใหม่หลายต่อหลายครั้ง จนมาในปี 1931 ได้บูรณะขึ้นมาเป็นทรงปราสาทอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน ในตอนกลางคืนจะมีการประดับไฟไลท์อัพไปยังตัวปราสาท ซึ่งไม่ว่าใครก็ต้องตกตะลึงในความสวยงามนี้ และเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิสวนขนาดใหญ่รอบๆ ปราสาทนั้นจะมีซากุระกว่า 3,000 ต้นบานสะพรั่งอยู่โดยรอบ

4. ย่านร่วมสมัยที่มีกลิ่นอายของความเก่าแก่
"หอคอยซือเทนคาคุและย่านชินเซไก"

หอคอยซือเทนคาคุ

"หอคอยซือเทนคาคุ (Tsutenkaku)" หอคอยสูง 103 เมตรที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโอซาก้า มีจุดชมวิวบนหอคอยให้ชมวิวของเมืองโอซาก้า บนชั้น 5 ของหอคอยมีรูปปั้น "บิลลิเคน (Billiken)" ที่ว่ากันว่าถ้าไปลูบที่เท้าแล้วจะทำให้มีความสุข จึงมีคนต่อคิวรอลูบกันอย่างเนืองแน่น

บริเวณโดยรอบของหอคอยนั้น เป็นย่านที่เรียกว่า "ชินเซไก (Shinsekai)" ซึ่งบริเวณนี้มีร้านขายอาหารเครื่องดื่มอยู่มากมาย สามารถเพลิดเพลินไปกับป้ายหน้าร้านสีฉูดฉาดและบรรยากาศอันยุ่งเหยิงวุ่นวายตามสไตล์โอซาก้าระหว่างเดินเลือกซื้อของหรือกินอาหารได้ เป็นที่ที่สามารถเดินกินของอร่อยเคล้าบรรยากาศเรโทรได้พร้อมๆ กัน

1852,725

5. ตลาดรวมของอร่อย "ตลาดคุโระมง"

ตลาดคุโระมง

สถานที่ที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาไม่เคยหลับก็คงเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจากตลาด ซึ่งในโอซาก้า ตลาดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือ "ตลาดคุโระมง (Kuromon Market)"

เมื่อเข้าไปในตลาด สิ่งที่เห็นเป็นอย่างแรกๆ ก็คือ หอยนางรมสด ไข่หอยเม่น ข้าวหน้าอาหารทะเลสด เนื้อวากิว และผลไม้คุณภาพพรีเมี่ยมต่างๆ มากมาย เรียกว่าอยากกินอะไรก็มีให้กินครบหมดทุกอย่าง ในตลาดคุโระมงมีร้านขายของอย่างร้านขายอาหารทะเล ขายเนื้อสัตว์ ขายผลไม้ รวมถึงร้านอาหารกว่า 180 ร้าน อัดแน่นกันอยู่ในตลาดแห่งนี้

ในศูนย์ให้บริการข้อมูลนักท่องเที่ยงด้านในตลาด มีพนักงานที่สามารถพูดได้หลายภาษาประจำการอยู่ รวมถึงมีบริการแลกเงิน รับฝากของ (มีค่าใช้จ่าย) และที่สำคัญคือมีไวไฟฟรีให้บริการอีกด้วย

6. ดูวิวเมืองโอซาก้าจาก
"สวนลอยฟ้า จุดชมวิวของตึกอุเมดะสกาย"

ตึกอุเมดะ สกาย บิวดิ้ง

ตึกอุเมดะ สกาย (Umeda Sky Building) เป็นตึกที่ได้รับเลือกจากนิตรสาร THE TIMES ให้เป็นหนึ่งใน "20 สุดยอดตึกของโลก" มีจุดเด่นที่มีรูปร่างเป็นทรงประตูคล้ายประตูชัยของฝรั่งเศส

ที่ชั้น 40 ซึ่งเป็นชั้นบนสุด ได้เปิดเป็นที่จุดชมวิวพาโนรามา360 องศา ที่ระดับความสูง 173 เมตร สามารถเดินออกไปสูดอากาศชมวิวเมืองโอซาก้าได้อย่างชัดเจน หากไปตอนกลางคืน ก็จะสามารถเห็นวิวกลางคืนที่ได้รับเลือกให้อยู่ใน "วิวกลางคืนที่สวยที่สุด 100 แห่ง" ของญี่ปุ่นอีกด้วย

7. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดมหึมา "ไคยูคัง"

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Kaiyukan) หนึ่งในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่นด้วยขนาดความใหญ่ของแทงค์ที่ 5,400 ตัน ซึ่งจัดว่าเป็นขนาดแทงค์ที่ใหญ่ในระดับโลกเลย การได้เห็นฉลามวาฬตัวใหญ่แหวกว่ายอยู่ท่ามกลางเหล่าสัตว์น้ำอย่างปลาฉลามและปลากระเบนนั้นมันยิ่งใหญ่อลังการมากจริงๆ

ด้านข้างพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคังนี้ยังมีชิงช้าสวรรค์เท็มโปซันด้วย เป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับคู่รักของคนโอซาก้าเลย

8. สถานที่เดทสุดโรแมนติกสำหรับคู่รัก "ชิงช้าสวรรค์เทมโปซัน"

ชิงช้าสวรรค์เทมโปซัน

ชิงช้าสวรรค์เทมโปซัน (Tempozan Ferris Wheel) ตั้งอยู่ใน "เท็มโปซันฮาร์เบอร์วิลเลจ (Tempozan Habour Village)" สถานที่ท่องเที่ยวแบบครบวงจรเพียงไม่กี่แห่งของโอซาก้าที่ตั้งอยู่ติดกับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง ชิงช้าสวรรค์เทมโปซันนี้มีความสูง 112.5 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 100 เมตร ซึ่งทำให้เป็นชิงช้าสวรรค์ที่มีขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว ใช้เวลาหมุน 1 รอบประมาณ 15 นาที ให้นักท่องเที่ยวค่อยๆ ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศลอยฟ้าได้อย่างเต็มอิ่ม

นอกจากจะสามารถชมวิวเมืองโอซาก้าได้แล้ว เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้อีกฝั่งสามารถชมวิวทะเลของอ่าวโอซาก้าได้อีกด้วย วิวตอนกลางคืนเองก็โรแมนติกไม่แพ้ตอนกลางวันเลย

9. ย่านเรโทรของโอซาก้า "ตรอกโฮเซ็นจิ"

ซอยโฮเซ็นจิ

ตรอกโฮเซ็นจิ (Hozenji Yokocho) เดินเพียงแค่ 3 นาทีจากโดทงโบริหรือป้ายกุลิโกะก็ถึง ทางเดินที่ถูกปูไปด้วยหินตลอดทางจะทำให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสบรรยากาศย้อนยุคของโอซาก้า

ที่อยากจะให้มาเยี่ยมเยือนก็คือ วัดโฮเซ็นจิ (Hozenji Temple) ที่มีรูปปั้นเทพอจละชื่อว่า มิสุคาเคะฟุโด (Mizukake Fudo) ซึ่งว่ากันว่าถ้าขอพรระหว่างรดน้ำรูปปั้นเทพไปด้วยจะทำให้คำขอเป็นจริง เนื่องจากมีผู้คนมารดน้ำเป็นระยะเวลานาน รูปปั้นจึงถูกปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำจนเขียวไปทั้งองค์

10. ตึกที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น "ตึกอาเบะโนะฮารุคัส"

อาเบะโนะฮารุคัส

ตึกอาเบะโนะฮารุคัส (Abeno Harukas) เป็นตึกที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ณ ปัจจุบัน โดยมีความสูงถึง 300 เมตร

ตั้งแต่ชั้น 1 จนถึงชั้น 11 จะเป็นร้านขายของเช่นเสื้อผ้าหรือของกระจุกกระจิก เป็นโซนที่สามารถเดินซื้อของได้ ตั้งแต่ชั้น 12 ถึงชั้น 14 เป็นชั้นร้านอาหารที่รวมร้านต่างๆไว้มากมาย ร้านอาหารแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมก็มี ร้านอาหารแบบต่างชาติก็มา อย่างเช่น ร้านซูชิ ร้านเทมปุระ ร้านขายข้าวหน้าปลาไหล
ร้านอาหารอิตาเลียน ร้านอาหารฝรั่งเศส รวมมีให้เลือกลิ้มลองถึง 44 ร้านด้วยกัน

เมื่อท้องอิ่มแล้วก็ถึงเวลาเดินทางขึ้นไปยังชั้นที่สูงขึ้นไปอีก โดยชั้นที่ 16 นั้นเป็น "หอศิลป์อาเบะโนะฮารุคัส" เป็นชั้นที่เอาไว้จัดแสดงนิทรรศการทั้งของในและต่างประเทศ ชั้นที่เป็นจุดชมวิวนั้นคือชั้นที่ 58 ถึงชั้น 60 ภายในตึกแห่งเดียวนี้มีหลากหลายกิจกรรมให้ทำกันจนไม่หวาดไม่ไหวเลยทีเดียว

11. สัมผัสวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ "โรงละครแห่งชาติบุนราคุ"

โรงละครแห่งชาติบุนราคุ

เอื้อเฟื้อภาพโดย : National Bunraku Theatre

สำหรับผู้ที่หลงไหลไปกับวัฒนธรรมดั้งเดิมของประเทศญี่ปุ่น โรงละครแห่งชาติบุนราคุ (National Bunraku Theatre) นั้นคงเป็นสถานที่ที่พลาดไม่ได้แน่นอน ซึ่งการแสดงบุนราคุนั้นจัดอยู่ในสาขาเดียวกับการแสดงคาบูกิ และโน (Noh) ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่ขึ้นชื่อเป็นอันดับต้นๆของญี่ปุ่น โดยที่ใน 2008 ที่ผ่านมาทาง Unesco ได้ยกให้โรงละครแห่งนี้เป็นมรดกโลกในสาขามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม

สิ่งที่ทำให้การแสดงบุนราคุแตกต่างออกไปจากคาบุกิหรือโนก็คือ การแสดงบุนราคุจะใช้หุ่นเข้ามาแสดงแทน ซึ่งหุ่น 1 ตนจะใช้คน 3 คนในการควบคุม (คล้ายๆ หุ่นละครเล็กในบ้านเรา) ซึ่งการแสดงนั้นจะแสดงอย่างละเอียดอ่อน ทั้งท่วงท่า การแสดง จนทำให้ผู้ชมนั้นรู้สึกว่าหุ่นนั้นมีชีวิตจริงๆ

คนที่นั่งข้างเวทีนั้นจะเป็นคนที่เล่าเรื่องราวของการแสดงทั้งหมด มีชื่อเรียกว่าทะยู (Tayu) กับคนที่คอยบรรเลงเสียงเพลงให้กับบทละครโดยใช้เครื่องดนตรีชามิเซน (Shamisen) ด้วยองค์ประกอบทั้ง 3 นี้จะทำให้การแสดงบุนราคุนั้นเป็นการแสดงที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

ในการแสดงบุนราคุนั้นยังมีการพากษ์เป็นภาษาอังกฤษผ่านหูฟัง (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) และยังมีสูจิบัตรเป็นภาษาต่างประเทศอย่าง ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน หรือภาษาเกาหลีแจกให้ฟรี
ใครต้องการจองเพื่อดูการแสดงบุนราคุสามารถเข้าไปที่เว็บไซต์หลักได้เลย

12. สถานที่สุดขลังอันดับหนึ่งของโอซาก้า "ศาลเจ้าสุมิโยชิ"

ศาลเจ้าสุมิโยชิ

©Osaka Government Tourism Bureau/©JNTO

ศาลเจ้าสุมิโยชิ (Sumiyoshi Taisha) ของโอซาก้านั้นเป็นศาลเจ้าสุมิโยชิสาขาหลักของศาลเจ้าสุมิโยชิทั้ง 2,300 แห่งจากทั่วประเทศ และเป็นศาลเจ้าที่เป็นเหมือนหนึ่งในตัวแทนของศาลเจ้าในประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีประวัติยาวนานกว่า 1,800 ปี ซึ่งฮนโด (Hondo) หรืออาคารหลักของศาลเจ้านั้นถูกสร้างขึ้นด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่มากรูปแบบหนึ่ง ประวัติยาวนานขนาดนี้ก็ต้องได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติชาติของประเทศญี่ปุ่นอย่างแน่นอน

ภายในศาลเจ้านี้ยังมีสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์อย่างสะพานสีแดงโซริฮาชิ (Sorihashi) ต้นการบูร (Kusunoki) ที่มีอายุมากกว่าพันปี หรือจะเป็นมรดกทางวัฒนธรรมหลายชิ้น เป็นที่ๆ เต็มไปด้วยความขลัง ความเก่าแก่ที่ยังคงสืบต่อมาจนถึงยุคปัจจุบัน

13. สัมผัสกับธรรมชาติที่ "น้ำตกมิโน"

น้ำตกมิโน

ที่นี่อาจจะห่างออกมาจากตัวเมืองโอซาก้าซักเล็กน้อย แต่ถ้าอยากจะไปเที่ยวธรรมชาติของโอซาก้าแล้วล่ะก็ คงไม่พ้นสวนมิโน (Mino Park) แห่งนี้แน่นอน การเดินทางมาที่นี่ทำได้โดยการนั่งรถไฟจากโอซาก้ามาประมาณ 30 นาที

เมื่อเดินขึ้นเขาที่ข้างทางเป็นทางน้ำใสไหลผ่านประมาณ 40 นาที เราก็จะมาถึงน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า "น้ำตกมิโน (Mino Falls)" ซึ่งถูกจัดอันดับเป็นน้ำตกที่สวยแห่งหนึ่งจาก 100 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น ถ้าถึงเวลาที่ใบไม้เปลี่ยนสี ต้นเมเปิ้ลทั้งสองข้างทางจะเปลี่ยนเป็นสีส้มแดงสดใส ทำให้การเดินขึ้นเขานั้นสนุกมากยิ่งขึ้น

ของอร่อยประจำที่นี่ก็จะเป็นเทมปุระใบเมเปิ้ล ได้ยินอย่างนี้ทุกคนคงสงสัยว่า "ใบเมเปิ้ลมันกินได้จริงๆ เหรอ?" แต่พอได้ลองกินเข้าไปแล้วจะได้รสหอมหวานซึ่งทำให้หลายๆ คนติดใจจนต้องกลับมากินใหม่กันเลยทีเดียว

นอกจากนี้ที่บริเวณปากทางขึ้นเขายังมีมิโนออนเซน สปาการ์เด้น (Mino Onsen Spa Garden) ให้นักท่องเที่ยวแช่และพักผ่อนก่อนเดินทางกลับ

14. ไปเที่ยวเป็นครอบครัวก็สนุกด้วยกันได้ที่
"สวนอนุสรณ์บัมปาคุ และหอคอยพระอาทิตย์"

สวนบัมปาคุ

เอื้อเฟื้อภาพโดย : Osaka Prefecture Japan Expo Commemorative Park Office

สวนอนุสรณ์บัมปาคุ (Expo'70 Commemorative Park) เดิมเป็นสถานที่ที่ใช้จัดงาน World Expo ในปี 1970 ปัจจุบันได้กลายเป็นสวนขนาดใหญ่ประจำเมือง

สัญลักษณ์ของที่นี่คือ "หอคอยพระอาทิตย์ (Tower of the Sun)" ความสูง 70 เมตรที่จะคอยต้อนรับแขกผู้มาเยือน
ออกแบบโดยศิลปินชาวญี่ปุ่น คุณโอกาโมโต้ ทาโร่ (Okamoto Taro)

ในสวนอนุสรณ์บัมปาคุนี้ จะเดินเที่ยวชมธรรมชาติที่สวนวัฒนธรรมและธรรมชาติ (Natural Cultural Gardens) ก็ดี จะเดินเล่นในส่วนของสวนญี่ปุ่นก็ย่อมได้ หรือหากมีความสนใจเกี่ยวกับชนชาติต่างๆ ก็สามารถเข้าไปในส่วนพิพิธภัณฑ์มนุษย์ศาสตร์ก็สนุกไปอีกแบบ และในปี 2015 ที่ผ่านมาได้มีพลาซ่าที่ชื่อว่า Expo City มาเปิดในบริเวณติดกับสวน ต่อให้มาเป็นครอบครัวก็สนุกกันอย่างเต็มอิ่มได้ทั้งวัน

สำหรับข้อมูลแผนที่และวิธีการมาเยี่ยมชมสวนอนุสรณ์บัมปาคุสามารถเข้าไปดูที่เว็บไซต์สวนอนุสรณ์บัมปาคุ

15. ทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของตัวเองที่ "พิพิธภัณฑ์คัพนู้ดเดิ้ล โอซาก้า อิเคดะ"

บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

เอื้อเฟื้อภาพโดย : Nissin Foods Holding Co., Ltd.

รู้หรือไม่ว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่แค่ใส่น้ำร้อนก็อร่อยได้ ถือกำเนิดมาจากโอซาก้า?

ผู้ก่อตั้งบริษัทนิชชินฟู๊ด (Nissin Foods) คุณอันโด โมโมฟุกุ ได้คิดค้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เรียกว่า "ชิกเก้นราเมง" ที่โอซาก้า ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นของกินที่ใครๆ ก็รู้จักอย่างบะหมี่ถ้วยกึ่งสำเร็จรูป "คัพนู้ดเดิ้ล" อย่างที่เราเห็นกัน ซึ่งที่พิพิธภัณฑ์คัพนู้ดเดิ้ล โอซาก้า อิเคดะนั้นจะให้ผู้เข้าเยี่ยมชมได้ทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของตัวเองได้ (ไม่ต้องจองล่วงหน้า)

ไปสนุกกันที่จังหวัดโอซาก้า!

ต้องขอขอบคุณผู้อ่านทุกๆ ท่านที่อ่านบทความแนะนำสถานที่น่าไปเที่ยวของโอซาก้ามาจนถึงตรงนี้ แต่ช้าก่อน เพราะถ้าแค่จะไปเที่ยวสถานที่เฉยๆ ล่ะก็ถือว่าน่าเสียดายมากๆ เพราะผู้คนแห่งเมืองการค้าและธุรกิจอย่างโอซาก้านั้นยังเป็นมิตรต่อผู้มาเยือนมาก จึงอยากจะให้ทุกคนได้ลองพูดคุยแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมเล็กๆ น้อยๆ กับคนท้องถิ่น ที่จะช่วยทำให้การท่องเที่ยวในญี่ปุ่นมีสีสันมากขึ้นไปอีกแน่นอน

Written by

นี่คือบัญชีของกองบรรณาธิการ MATCHA เราจะเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวอยากรู้ รวมถึงเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ของญี่ปุ่นที่ยังไม่มีใครรู้จัก

เนื้อหาในบทความนี้อ้างอิงจากการเก็บข้อมูลในช่วงเวลาที่เขียนบทความ อาจมีการเปลี่ยนแปลงของรายละเอียดสินค้า บริการ ราคาในภายหลังได้ กรุณาตรวจสอบกับสถานที่นั้นอีกครั้งก่อนการไปใช้บริการ
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง