Start planning your trip
เที่ยวฮาโกเน่ไปเช้าเย็นกลับแบบไม่ซ้ำใคร ดื่มด่ำไปกับศิลปะและทิวทัศน์หลากฤดู
ฮาโกเน่ไม่ใช่แค่ออนเซ็นและวิวสวย เราขอพาไปเที่ยวสบายๆ และคุ้มค่าที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะ 2 แห่ง ด้วย “ฮาโกเน่ ฟรีพาส (Hakone Freepass)” เริ่มจากพิพิธภัณฑ์เรอเน ลาลิคแห่งฮาโกเน่ ไปชมสวนสวยที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะฮาโกเน่ ปิดท้ายกับขนมเค้กในคาเฟ่จากร้านถ่ายรูปเก่าแก่
เที่ยวอย่างคุ้มค่าด้วย “ฮาโกเน่ ฟรีพาส (Hakone Freepass)”
สถานีฮาโกเน่ยุโมโตะ(Hakone-Yumoto Station)
เส้นทางที่จะแนะนำในคราวนี้สามารถใช้ตั๋ว “ฮาโกเน่ ฟรีพาส” พาสสุดสะดวกสำหรับเดินทางไม่จำกัดในฮาโกเน่และรับส่วนลดตามสถานที่ต่างๆ (บางสถานที่ไม่ร่วมรายการ) โดยทั่วไปแล้วหากไม่มีข้อยกเว้นระบุเป็นพิเศษ ขอเพียงมีพาสนี้ก็สามารถใช้บริการพาหนะต่างๆ ได้ฟรี!
มาเริ่มคว้าพาสไปออกเดินทางเที่ยวฮาโกเน่กันอย่างสนุกสนานและคุ้มค่าเลยดีกว่า!
เริ่มการเดินทางจากสถานีฮาโกเน่ยุโมโตะ (Hakone-Yumoto : OH51) ด้วยรถประจำทางสายฮาโกเน่โทซัง (Hakone Tozan Bus) สาย T ประมาณ 30 นาทีไปลงที่ป้ายเซนโงกุ อันไนโจะ มาเอะ (Sengoku annaijo-mae : 247)
11:15 ชมงานศิลปะจากแก้วที่พิพิธภัณฑ์เรอเน ลาลิคแห่งฮาโกเน่ (Lalique Museum, Hakone)
พิพิธภัณฑ์เรอเน ลาลิคแห่งฮาโกเน่ จัดแสดงผลงานของเรอเน ลาลิค ศิลปินชาวฝรั่งเศสผู้โด่งดังในการสร้างสรรค์ผลงานด้านอัญมณีและแก้ว ไฮไลท์คือการจัดแสดงตู้รถไฟ Orient Express รถไฟทางไกลของยุโรปที่ผลิตขึ้นในปี 1929 โดยเรอเน ลาลิคเป็นผู้ออกแบบตกแต่งภายใน หลังปลดระวางจากการเดินรถก็ได้มาทำหน้าที่ใหม่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้แทน
ลองมาสัมผัสบรรยากาศหรูหราภายในห้องโดยสารด้วยการดื่มน้ำชายามบ่ายให้ได้ความรู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปในอดีต สามารถจองที่นั่งได้โดยตรงที่พิพิธภัณฑ์ในวันที่ไปเข้าชม ราคา 2,100 เยน (รวมชาฝรั่งและขนม)
ด้านในตกแต่งด้วยไม้มะฮอกกานีที่ยิ่งนานก็ยิ่งเงาสวย แทรกด้วยแผ่นกระจกสลักลายกว่า 150 แผ่นในชื่อผลงานว่า “ประติมากรรมกับพวงองุ่น” แสดงถึงฤดูเก็บเกี่ยวอันอุดมสมบูรณ์
เมื่อมีแสงไฟหรือแสงอาทิตย์ส่องผ่านก็จะเห็นสีสันเหลือบสวย เบาะเก้าอี้ลายดอกไม้นี้ก็เป็นของที่ใช้งานจริงมาตั้งแต่ปี 1929
พิพิธภัณฑ์เรอเน ลาลิคแห่งฮาโกเน่เก็บรวบรวมผลงานของลาลิคไว้กว่า 1,500 ชิ้น และจัดแสดงผลงานประมาณ 230 ชิ้นเป็นนิทรรศการถาวรให้ชมกันได้ตลอดเวลา
เรอเน ลาลิคเริ่มเส้นทางอาชีพด้วยการออกแบบอัญมณี หลังจากนั้นจึงหันมาออกแบบขวดน้ำหอมซึ่งทำให้เขามีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ก่อนหน้านั้นน้ำหอมจะถูกบรรจุในขวดแก้วใส่ยาขนาดใหญ่ แต่ลาลิคได้ลดขนาดของขวดแก้วลงแล้วเพิ่มดีไซน์เพื่อความสวยงามเข้าไป เรียกได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของขวดน้ำหอมสวยๆ ในยุคปัจจุบันได้เลย หลังจากนั้นเขาจึงผันตัวมาทำงานเครื่องแก้วและผลิตผลงานแสนวิจิตรงดงามออกมามากมาย
ทุกคนสามารถเพลิดเพลินไปกับโลกอันแสนละเมียดละไมของลาลิคได้ตามต้องการที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ 1,500 เยน นักเรียนมัธยมปลาย นักศึกษา และผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี 1,300 เยน นักเรียนประถมและนักเรียนมัธยมต้น 800 เยน (ราคาทั้งหมดรวมภาษีแล้ว) มีส่วนลดสำหรับผู้ที่แสดงตั๋ว “ฮาโกเน่ ฟรีพาส” (ส่วนลดแตกต่างกันตามช่วงเวลา)
พิพิธภัณฑ์เรอเน ลาลิคแห่งฮาโกเน่ (Lalique Museum, Hakone)
https://www.hakonenavi.jp/international/th/spot/78
12:00 ทานอาหารตามฤดูกาลที่ระเบียงเปิดโล่ง
ร้านอาหารภายในพิพิธภัณฑ์มีหน้าต่างบานใหญ่เห็นวิวสวน ในวันที่อากาศดีผู้คนจะนิยมไปนั่งโต๊ะตรงระเบียงร้าน มาทานอาหารอร่อยๆ ที่ใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลท่ามกลางบรรยากาศที่รายล้อมด้วยแมกไม้กัน
ในภาพเป็นเซ็ตอาหารกลางวัน (ราคารวมภาษี 1,950 เยน เพิ่มเครื่องดื่มได้ในราคา 300 เยน) วัตถุดิบที่ใช้จะเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล ในภาพเป็นสตูแก้มวัวกับเห็ดและกงฟี (confit) ปลาซัมมะซึ่งสามารถทานได้ทั้งก้าง หน้าตาน่าทานรสชาติก็อร่อยเป็นทั้งอาหารตาอาหารท้อง
ก่อนกลับอย่าลืมแวะร้านขายของฝาก มีสินค้ามากมายตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากผลงานของลาลิคไปจนถึงข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันที่ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดี
14:00 ชมสวนสวยสี่ฤดูที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะฮาโกเน่ (Hakone Museum of Art)
ขึ้นรถประจำทางสายฮาโกเน่โทซัง สาย S จากป้ายเซนโงกุ อันไนโจะ มาเอะ (Sengoku annaijo-mae : 247) มุ่งหน้าไปทางโกระ จากนั้นลงที่ป้ายพิพิธภัณฑ์ศิลปะฮาโกเน่ (Hakone bijutsukan : 433)
พิพิธภัณฑ์ศิลปะฮาโกเน่เน้นจัดแสดงเครื่องปั้นดินเผา ตุ๊กตาดิน และเครื่องถ้วยชามของญี่ปุ่นตั้งแต่ยุคโจมง (10,000 ปีก่อนคริสตกาล - 400 ปีก่อนคริสตกาล) จนกระทั่งถึงยุคเอโดะ (1603-1868)
ที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ศิลปะฮาโกเน่เคยเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยหินขนาดใหญ่ในช่วงที่ภูเขาไฟโซอุนซันเกิดการระเบิด แต่ก็มีการปรับปรุงพื้นที่ด้วยการปลูกมอสกว่า 130 สายพันธุ์และต้นเมเปิลกว่า 200 ต้น เกิดเป็นสวนอันเขียวขจี ปัจจุบันที่นี่กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของฮาโกเน่ซึ่งมีผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพมารวมตัวกัน
ทุกปีเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี จะมีผู้คนจำนวนมากเดินทางมาที่นี่ ส่วนในฤดูกาลอื่นก็มีดอกยามะซากุระ ดอกอาซาเลีย ดอกลิลลี่ภูเขา และดอกสึบากิผลิบาน
ที่ “ชินวะเท (Shinwatei)” ห้องน้ำชาสำหรับชมสวนมอส มีชามัทฉะปราศจากสารเคมีและขนมญี่ปุ่นตามฤดูกาลให้ได้ลิ้มลอง ถ้ามานั่งพักทานชาที่นี่รับรองจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้แน่นอน ราคารวมภาษี 700 เยน
ค่าเข้าชมพิพิธภัณธ์ศิลปะฮาโกเน่ ผู้ใหญ่ 900 เยน นักเรียนมัธยมปลายและนักศึกษา 400 เยน นักเรียนไม่เกินมัธยมต้นฟรี (ราคาทั้งหมดรวมภาษีแล้ว) หากแสดง “ฮาโกเน่ ฟรีพาส” จะได้รับส่วนลดเหลือ ผู้ใหญ่ 700 เยน นักเรียนมัธยมปลายและนักศึกษา 350 เยน
พิพิธภัณฑ์ศิลปะฮาโกเน่ (Hakone Museum of Art)
https://www.hakonenavi.jp/international/th/spot/73
16:00 - “สตูดิโอคาเฟ่ ชิมะ (Studio Cafe SHIMA)” คาเฟ่ในร้านถ่ายรูปเก่าแก่กว่า 100 ปี
Picture courtesy of Studio Cafe SHIMA
เดินจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะฮาโกเน่ 7 นาที ก็ถึงจุดหมายต่อไปคือ “สตูดิโอคาเฟ่ ชิมะ” ที่นี่เป็นร้านถ่ายรูปที่เริ่มกิจการในปี 1919 แต่หากจะเล่าว่าทำไมถึงกลายมาเป็นร้านคาเฟ่ได้นั้น ก็เพราะหลังๆ มานี้ร้านล้างรูปแทบจะหมดความจำเป็นเมื่อโทรศัพท์มือถือและกล้องดิจิตัลแพร่หลาย ทางร้านจึงคิดว่าการเปิดคาเฟ่น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะใช้งานพื้นที่นี้ให้เกิดประโยชน์ที่สุด
พื้นที่แถวโกระที่ร้านนี้ตั้งอยู่มักจะเป็นเนินเป็นทางลาดเสียมาก แต่กลับไม่มีที่ให้นักท่องเที่ยวพักเหนื่อยเท่าไหร่ เจ้าของร้านเห็นอย่างนี้เลยไปศึกษาวิธีการชงกาแฟพร้อมกับคุณแม่โดยเริ่มต้นจากศูนย์ทั้งคู่ จากนั้นจึงปรับปรุงร้านล้างรูปให้กลายมาเป็นคาเฟ่
Picture courtesy of Studio Cafe SHIMA
ภายในร้านมีบรรยากาศอบอุ่นรู้สึกเหมือนมาเที่ยวบ้านเพื่อน ตกแต่งด้วยภาพถ่ายเมืองฮาโกเน่ในสมัยก่อนที่คุณทวดของเจ้าของร้านเป็นผู้ถ่ายไว้
Picture courtesy of Studio Cafe SHIMA
ลองหยิบอัลบั้มภาพมาดูประวัติศาสตร์ของเมืองฮาโกเน่ได้นอกจากกาแฟชงด้วยมือแล้วยังมีชาฝรั่ง ชาสมุนไพร จินเจอร์เอลโฮมเมด และนมจินเจอร์อุ่นๆ ที่จะช่วยให้หายหนาว
Picture courtesy of Studio Cafe SHIMA
คุณแม่ของเจ้าของร้านเป็นผู้ทำของหวานที่เสิร์ฟในร้านทุกชิ้น “เค้กปอนด์รูปรถไฟสายโทโกะโทโกะ” ซึ่งเต็มไปด้วยความขี้เล่นนี้เป็นหนึ่งในเมนูขึ้นชื่อ เดิมทีเมนูนี้ทำขึ้นเฉพาะในวันที่ 5 พฤษภาคมซึ่งเป็น “วันเด็กผู้ชาย” แต่ด้วยกระแสตอบรับบนโลกอินเทอร์เน็ตอย่างล้นหลาม จึงกลายเป็นเมนูประจำของร้านไปแล้ว ใครที่เดินทางมาโกระด้วยรถไฟสายฮาโกเน่โทซังขอแนะนำให้มาลองชิมกัน ชีสเค้กก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน
พื้นที่ครึ่งหนึ่งของร้านยังคงเปิดเป็นร้านถ่ายภาพอยู่ ถ้าอยากได้ภาพสวยๆ เป็นที่ระลึกก็ลองมาให้มือโปรถ่ายให้กัน
สตูดิโอคาเฟ่ ชิมะ (Studio Cafe SHIMA)
https://www.hakonenavi.jp/international/th/spot/84
เที่ยวฮาโกเน่แบบหวานเย็นไม่ซ้ำใคร
เวลาไปเที่ยวหลายคนอาจเคยเจอประสบการณ์เที่ยวหลายๆ ที่แล้วเวลาไม่พอ จนต้องรีบเที่ยวในช่วงท้าย แผนเที่ยวในครั้งนี้เน้นเที่ยวแบบหวานเย็นสบายๆ ไปสัมผัสความงามจากงานศิลป์และธรรมชาติ ต่างจากแผนเที่ยวฮาโกเน่ทั่วไป การเดินทางแบบไม่ต้องรีบร้อนอาจทำให้ทุกท่านสัมผัสได้ถึงเสน่ห์ของฮาโกเน่มากยิ่งขึ้นก็เป็นได้
*ข้อมูลเกี่ยวกับเมนูในร้านอาหารหรือราคาต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลง
https://www.hakonenavi.jp/international/th/
Sponsored by Odakyu Hakone Holdings Inc.
บัญชีนี้ได้รับการจัดการโดย MATCHA เรามุ่งมั่นที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านของเราอย่างสนุกสนาน
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง